เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 547-548
บทที่ 547 จดหมายท้า
“นายน้อยตอนนี้เราจะทำยังไงกันดีเจ้าคะ?”
ชิงหยีตื่นตระหนกขึ้นมาใครจะหยุดจักรพรรดิอสูรชือได้หากว่าเขาล้างทวีปนี้? แล้วถ้าหากว่าเผ่าพันธุ์เงือกที่ถอยพ่ายไปกลับมารวมกองกำลังอีกครั้งและโจมตีทวีปนี้ต่อ พลเมืองมากมายในทวีปนี้จะต้องตาย
เจียงอี้สงบสติตัวเองลงในไม่ช้าเขามีอุปนิสัยที่ค่อนข้างเยี่ยมยอด ใจของเขาจะสงบกว่าเดิมเมื่อยิ่งอยู่ในอันตรายที่รุนแรงขึ้น เขาเข้าใจดีว่ายิ่งตื่นตระหนกมากเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งตายไวมากเท่านั้น หากเขาจะต้องเอาชีวิตรอดด้วยตัวเองเขาก็จะต้องสงบจิตใจลง
เขาคิดบางสิ่งได้อย่างรวดเร็วและสั่งว่า“ชิงหยี ให้คนตามจักรพรรดิอสูรชือต่อไปว่าเขาอยู่ที่ไหนแล้ว แล้วก็จงรีบส่งทหารกองย่อยไปสกัดกั้นและเตือนจักรพรรดิอสูรชือว่าหากเขากล้าบุกเข้าทวีปเขาจะต้องแบกรับผลที่ตามมาทั้งหมด”
ร่างกายของชิงหยีสั่นเทานางถามอย่างใจจดใจจ่อว่า “การเตือน? แล้วท่านแน่ใจหรือว่านี่จะไม่เป็นการไปยั่วยุจักรพรรดิอสูรน่ะเจ้าคะ?”
เจียงอี้จ้องมองนางและชิงหยีก็ไม่กล้าที่จะตั้งข้อสงสัยใดๆและออกคำสั่งลงไปอย่างรวดเร็วหลังจากนั้นนางก็เข้ามาและเห็นเจียงอี้กำลังใช้ดาบมังกรเพลิงสับบางสิ่งอยู่ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยประกายและถามว่า “นายน้อย ตอนนี้ท่านกำลังจะทำอะไรเจ้าคะ? ร่างของจักรพรรดิอสูรนี่เป็นวัตถุดิบชั้นเลิศเชียวนะ ทำไมท่านถึงทำลายมันเช่นนี้?”
ปึงปึง!
เจียงอี้เหวี่ยงดาบมังกรเพลิงฟันไปที่คอของเงือกยักษ์มันคือร่างที่แท้จริงของจักรพรรดิอสูร เมื่อมันตายมันจะกลับคืนสู่ร่างเดิม หลังจากที่ต่อสู้ที่ทะเลสาบชิงเฟิ่งเขาก็กลับคืนสู่ร่างนี้
“โถ่เว้ยร่างของจักรพรรดิอสูรนี่มันเหนียวจริงๆ!”
เจียงอี้ฟันมันหลายร้อยครั้งก่อนที่เขาจะตัดหัวของจักรพรรดิอสูรเงือกขาดร่างของจักรพรรดิอสูรแข็งแกร่งมาก แม้ว่ามันจะตายไปแล้วแต่เจียงอี้ก็ต้องฟันมันนับร้อยครั้งกว่าจะแยกหัวของมันขาดออกจากกันได้ หากมันยังมีชีวิตอยู่เขาอาจจะตัดมันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“จักรพรรดิอสูรชืออยู่ไหนแล้ว?”
เจียงอี้เห็บร่างของจักรพรรดิอสูรเข้าไปด้วยความเจ็บปวดใจมูลค่าของร่างจักรพรรดิอสูรนี่ลดลงไปมากเพราะหัวของมันถูกแยกออกมา
ทันใดนั้นชิงหยีก็นึกบางอย่างขึ้นได้และพูดด้วยความเป็นกังวลว่า“ทุกคนที่ถูกส่งไปเตือนจักรพรรดิอสูรชือถูกสังหารหมดเจ้าค่ะ เมืองเถาก็ถูกถล่มราบเป็นหน้ากอง ส่วนอีกสามเมืองทางตะวันตกก็ถูกทำลายลงเช่นกัน อสูรชือกำลังเร่งมาที่นี่และอาจจะมาถึงภายในห้าชั่วโมง นายน้อย ท่านหนีไปตอนนี้เถอะเจ้าค่ะ จักรพรรดินียังไม่ตื่น ลำพังพวกเรา….คงไม่อาจหยุดยั้งมันได้”
“ใช่แล้วเราต้องถอย!”
เจียงอี้ไม่ลังเลและกล่าวว่า“แขวนหัวของจักรพรรดิเงือกไว้ที่กำแพงเมืองชิงเฟิ่ง ให้ทุกคนถอยเดี๋ยวนี้ จำไว้ว่าทุกคนจะต้องถอยไปที่เมืองหลิงยวนด้วยกัน!”
“ไปด้วยกันทุกคน?”
ชิงหยีกระพริบตาและสับสนเล็กน้อย
แม้ว่าในเมืองชิงเฟิ่งจะมีทหารไม่มากแต่มันก็ยังมีทหารราวๆหกถึงเจ็ดแสนคนและยังมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังอีกสามสิบคนเมื่อมีผู้คนเดินขบวนทัพมากมายมันจะทำให้พวกเขาช้าลงและกลายเป็นเป้าที่ใหญ่ขึ้นซึ่งจะทำให้จักรพรรดิอสูรชือพบได้โดยง่าย ทางที่ดีที่สุดในตอนนี้คือปล่อยคนแล้วหนีไป
“เมืองหลิงยวน?”
ชิงหยีไม่เข้าใจว่าทำไมจึงต้องเป็นเมืองนี้เมืองนี้อยู่ทางตอนกลางของทวีป เพื่อที่จะไปยังเมืองหลิงยวน พวกเขาจะต้องเดินทัพไปยังตะวันออกเฉียงเหนือและผ่านเมืองมากมายระหว่างทาง พวกเขาอาจไม่สามารถไปถึงเมืองหลิงยวนได้อย่างปลอดภัยแต่ถ้าหากว่าไปถึงที่นั่นได้ แล้วพวกเขาจะสามารถกันจักรพรรดิอสูรชือโดยอยู่ในเมืองหลิงยวนได้จริงหรือ?
นางไม่กล้าตั้งคำถามกับการตัดสินใจของเจียงอี้และต้องนำหัวของจักรพรรดิเงือกไปทำตามที่ถูกสั่งมาแต่เมื่อนางออกมาจากโถงราชวังนางก็ตระหนักบางสิ่งได้ ดวงตาที่งดงามของนางเปล่งประกายและร้องว่า “ไม่ใช่ว่าโถงการค้าอยู่ในเมืองหลิงยวนหรอกหรือ? นี่นายน้อยจะยืมมือจากโถงการค้าเพื่อหยุดยั้งจักรพรรดิอสูรหรือ? แต่โถงการค้าก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรเท่าไหร่นี่….”
จากมุมมองของชิงหยีนางคิดว่าแม้ว่าโถงการค้าจะพอใช้ได้แต่ก็ไม่ได้เทียบเท่ากับเหล่านักสู้ทั้งสิบห้าคนเลย นางจึงคิดไม่ตกว่าโถงการค้าที่ไม่ได้มีอะไรเลยจะป้องกันการต่อสู้จากจักรพรรดิอสูรชืออย่างไร
…
ตูมม!
บนท้องฟ้าเหนือเมืองเล็กๆทางตะวันตกของเมืองชิงเฟิ่งมีแสงทอประกายเกิดขึ้นมาและเมืองทั้งเมืองนั้นก็ถูกระเบิดไปฝุ่นได้ฟุ้งกระจายจากพื้นสู่ท้องฟ้า เศษหินกระจัดกระจายไปทั่วทุกสารทิศและร่างเงาที่น่ากลัวก็ปรากฏอยู่ในนั้น พื้นดินด้านล่างสั่นสะเทือนและอาคารในเมืองต่างค่อยๆพังลงทีละหลัง
เมื่อฝุ่นค่อยๆจางลงไปฉากนั้นก็ปรากฏขึ้นหนึ่งในสามส่วนของอาคารในเมืองถูกทำลายจนกลายเป็นเถ้าถ่านและอีกสองส่วนที่เหลือก็พังทลายลงมา ใจกลางเมืองมีรอยแยกที่ลึกลงไปใต้พื้นดิน เหล่าเด็ก, ผู้หญิงและคนชราที่หนีไม่ทันต่างก็กลายเป็นขี้เถ้าหรือไม่ก็ถูกฝังทั้งเป็นใต้อาคารที่พังทลายเหล่านั้น
“ฮึ่ม!”
ร่างสีดำบินมาแต่ไกลเขาอยู่ในชุดเกราะสีดำและหัวโล้น เขามีผิวสีเข้มและต่างหูสองข้างที่ใหญ่โตพร้อมทั้งดวงตาที่เป็นรูปสามเหลี่ยมที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง เขามองลงไปที่เมืองด้านล่างอย่างไม่แยแสก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นภาพจางๆและบินไปทางตะวันออกอย่างรวดเร็ว
มันคือจักรพรรดิอสูรชือเจียงอี้ได้ล่อเขาไปยังทะเลบูรพาเวิ้งว้าง และเป็นเพราะเหตุนี้ เจียงอี้ก็เลยสามารถร่วมมือกับเฟิ่งหลวนเพื่อสังหารจักรพรรดิอสูรเงือกได้
ความสำเร็จและความล้มเหลวนั้นมาจากบุคคลคนเดียวกัน
เมื่อจักรพรรดิอสูรชือไล่ตามผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังจากตระกูลเฟิ่งได้ทันและนำร่างของลูกชายเขากลับไปได้เขาก็รู้ว่าชายผู้นั้นไม่ใช่เจียงอี้ เขาไม่ได้โง่เขลาและรู้ตัวทันทีว่าเขาหลงกลแล้ว
เนื่องจากมีคนหลอกล่อเขาออกไปมันจึงทำให้สิ่งต่างๆชัดเจนยิ่งขึ้น ก่อนหน้านี้เขาไม่มั่นใจว่าคนที่สังหารลูกชายเขาจะมาจากทวีปเฟิ่งหมิงหรือเปล่า แต่ตอนนี้เขามั่นใจสิบส่วนแล้ว
ระหว่างทางกลับไปยังทวีปเฟิ่งหมิงเขาได้พบกับราชันปีศาจและได้ข้อูลมาว่าจักรพรรดิอสูรเงือกถูกเฟิ่งหลวนสังหารและผู้เชี่ยวชาญลึกลับที่มีเปลวเพลิงที่น่ากลัวได้เผามือของจักรพรรดิอสูรเงือกไป
เปลวเพลิง!
หัวครึ่งหนึ่งของลูกชายจักรพรรดิอสูรชือหายไปและร่างของเขาก็ไหม้เกรียมเห็นได้ชัดว่าลูกชายเขาถูกเปลวเพลิงที่น่ากลัวแผดเผาซึ่งมันเป็นเรื่องยากมากที่เปลวเพลิงจะสามารถแผดเผาราชันปีศาจและจักรพรรดิอสูรได้
ดังนั้น…จักรพรรดิอสูรชือจึงสรุปได้ทันทีว่าผู้เชี่ยวชาญลึกลับคือผู้ที่สังหารลูกเขาเขาจึงกลับไปที่ทวีปเฟิ่งหมิงอย่างเดือดดาลและมันจะไม่เหมือนครั้งที่แล้ว เขาจะไม่มีวันจากไปไหนจนกว่าเขาจะได้สังหารเจียงอี้
ฟึ่บ!
หลังจากนั้นไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงเขาก็มาถึงด้านนอกของเมืองชิงเฟิ่ง ครั้งนี้เขาไม่ได้โจมตีเมืองอย่างรีบร้อนแต่ค่อยๆเข้าไปใกล้เมืองอย่างมีสติ เขาปล่อยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกมาเงียบๆและตรวจสอบไปทั่วเมือง
“เมืองว่างเปล่า?”
หลังจากที่กวาดดูจนทั่วแล้วก็พบว่าไม่มีใครอยู่ในเมืองเลยไม่เพียงแต่ผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ หากแต่เป็นทั้งทหารและพลเมืองทั้งหมดได้หายไปจนสิ้น ราวกับว่าเฟิ่งหลวนกลัวที่จะต่อสู้กับเขา
“หืม?”
ดวงตาของเขาเป็นประกายขณะที่จ้องมองไปยังหัวขนาดยักษ์ที่แขวนอยู่เหนือกำแพงเมืองและเขาก็พบว่ามันคุ้นนักหลังจากค่อยๆมองอย่างระมัดระวังด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ เขาก็เดือดดาลขึ้นมา
มันเป็นศีรษะของจักรพรรดิเงือกและยังถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายจักรพรรดิอยู่เลยมีป้ายสีขาวแขวนเอาไว้ข้างๆและมีอักษรใหญ่โตเขียนไว้ว่า “อสูรชือ หากเจ้าอยากล้างแค้นให้ลูกชายและลูกน้องของเจ้า จงมาที่เมืองหลิงยวน!”
“อ๊ากกอ๊ากก อ๊ากกกกก!”
จักรพรรดิอสูรชือคำรามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยวเสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นทำให้ท้องฟ้าและผืนดินเมืองชิงเฟิ่งสั่นสะเทือน ในไม่ช้ามันก็รวบรวมพลังปีศาจและปลดปล่อยลำแสงไปข้างหน้าและได้ทำให้เมืองขนาดใหญ่อย่างเมืองชิงเฟิ่งกลายเป็นซากปรักหักพังในทันใด
ดวงตาสามเหลี่ยมของเขากวาดไปรอบๆและคำรามออกมา“ไอ้ชั่ว! เจ้าฆ่าลูกชายข้า ฆ่าคนของข้าและยุแหย่ข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอนนี้ยังจะกล้าส่งจดหมายท้าข้าอีก? หากข้าไม่ได้ฆ่าเจ้า ข้าก็ไม่สมควรที่จะเป็นปีศาจอีกต่อไป!”
บทที่ 548 ปล่อยศัตรูสู้กันเองและกำจัดพวกที่เหลือภายหลัง
“ฆ่า!”
ในป่าเล็กๆแถบทางส่วนกลางของทวีปเฟิ่งหมิงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวกว่ายี่สิบคนรีบออกมาและเปิดการโจมตีด้วยแก่นพลังกว่ายี่สิบสายขึ้นสู่ท้องฟ้า ในเวลาเดียวกันก็ตะโกนออกมาว่า
“จักรพรรดิอสูรชือเจ้ากล้าบุกมายังทวีปเฟิ่งหมิงได้ยังไง! เจ้าจะไม่ได้กลับออกไปจากที่นี่อีก!”
“เจ้าอสูรเทอะทะเจ้ากล้ารุกล้ำแดนมนุษย์ได้ยังไง เราจะทำให้ทะเลบูรพาเวิ้งว้างกลายเป็นทะเลเลือดสักวันหนึ่ง!”
“ปีศาจทั้งหมดต้องตายเราจะต้องฆ่ามันให้หมด!”
“….”
คำสาปแช่งมากมายดังมาจากด้านล่างพร้อมแก่นพลังกว่ายี่สิบสายสิ่งนี้ทำให้จักรพรรดิอสูรชือที่บินด้วยความเร็วสูงหยุดนิ่งไป การโจมตีด้วยแก่นพลังไม่ได้สร้างริ้วรอยให้แก่จักรพรรดิอสูรชือเลย เขาสามารถใช้เกราะม่านพลังได้ ไม่ว่าการโจมตีจะรุนแรงเพียงใดแต่มันก็จะไม่ทลายลงไป และพวกเขาก็ไม่สามารถโจมตีถูกตัวจักรพรรดิอสูรชือได้เลยแม้ว่าพวกเขาจะโจมตีโดนแล้วก็ตาม
แต่ปัญหาก็คือคำสาปแช่งเหล่านั้นจะให้จักรพรรดิอสุรชือผู้มีชื่อเสียงติดหนึ่งในห้าอันดับทนต่อถ้อยคำเหล่านั้นได้เช่นไร? เขาจะต้องหยุดเสียงเหล่านั้น จากนั้นกลิ่นอายของเขาก็ประกายออกมาและปล่อยการโจมตีออกไปสังหารคนด้านล่างได้อย่างง่ายดาย
“เฮ้อ…”
เมื่อมองไปยังแขนขาที่หักงอด้านล่างจักรพรรดิอสูรชือก็ถอนหายใจเบาๆและความโกรธในดวงตาเขาก็รุนแรงขึ้น
มันเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้วที่เขาเริ่มไล่ตามไปทางเมืองหลิงยวนซึ่งเขารู้ทางมาจากมนุษย์ที่เขาจับตัวได้แต่เขาก็พบเจอแต่สถานการณ์เช่นนี้มาตลอดทางของเขา แต่เดิม หากว่าเขาบินด้วยความเร็วสูงสุด เขาก็คงจะไปถึงเมืองหลิงยวนแล้ว แต่ตอนนี้เขาเดินทางได้เพียงหนึ่งในสามส่วนของระยะทางไปเมืองหลิงยวนเท่านั้น
ทุกๆห้ากิโลเมตรเขาจะพบผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวราวๆยี่สิบถึงสามสิบคนที่จะคอยโจมตีและสาปแช่งเขา แล้วเขาจะเร่งความเร็วได้อย่างไรกัน? เขาได้หยุดโจมตีมานับร้อยครั้งในช่วงหนึ่งวันหนึ่งคืนนี้และได้คร่าชีวิตไปหลายพันคนแล้ว แม้ว่าเขาจะฟาดฝ่ามือไปแบบง่ายดายในทุกๆครั้ง แต่การต้องทำมันซ้ำซากอยู่อย่างนี้ก็ทำให้เขารำคาญใจและทรมานมาก
นอกจากนี้เขายังเข้าใจดีว่าเรื่องนี้ถูกจัดฉากโดยเจียงอี้หรือไม่ก็เฟิ่งหลวน แต่ทุกๆครั้งที่เขาได้ยินคำสบประมาทคือคำสาปแช่งจากผู้คนด้านล่างเขาก็อดไม่ได้ที่จะหยุดเดินทางต่อ พลังอันยิ่งใหญ่ของจักรพรรดินั้นไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ทั่วไปจะลบหลู่ได้
ฟึ่บ!
เขาบินไปเรื่อยๆและถูกเหล่ามนุษย์ซุ่มโจมตีและคอยดูถูกเขาเดินทางต่อไปอีกครึ่งวันและมันเป็นเช่นนี้เสมอก่อนที่เขาจะทนไม่ได้อีกต่อไป หากยังเป็นเช่นนี้ เมื่อถึงเมืองหลิงยวนเขาจะอ่อนล้าและความแข็งแกร่งของเขาก็อาจจะไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด มันจะทำให้เข้าตกหลุมพรางอื่นๆที่เจียงอี้หรือเฟิ่งหลวนวางไว้ก็ได้ เขาไม่ใช่พวกปัญญาอ่อนดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะเมินพวกมนุษย์ที่เขาพบในครั้งหน้า
ฟึ่บฟั่บ!
หลังจากที่บินไปได้กว่าห้ากิโลเมตรสายแก่นพลังกว่ายี่สิบสายก็ถูกยิงออกมาจากพุ่มไม้และมีคนกว่ายี่สิบคนเหินออกมาพร้อมๆกันพร้อมกับเริ่มเหยียดหยามเขา
“อสูรชือลูกข้า แม่ของเจ้าอยู่นี่แล้วนะลูก มาคุกเข่าตรงนี้สิ!”ไอรีนโนเวล
“จักรพรรดิอสูรชือข้าสังหารลูกชายเจ้าและขุดหลุมฝังพ่อเจ้า วันนี้ ถึงตาเจ้าแล้ว ลงมาและยอมรับความตายของเจ้าซะ!”
“ฮ่าฮ่าฮ่ามีคนบอกว่าจักรพรรดิอสูรมากกว่าสิบสองตนในทะเลบูรพาเวิ้งว้างเป็นพวกไร้ประโยชน์ และจักรพรรดิอสูรชือก็เป็นพวกที่ไร้ประโยชน์ที่สุดในพวกนั้น เขาถูกจักรพรรดิอสูรอีกตนต่อยตีและถูกบังคับให้เรียกมันว่าพ่อด้วยนี่”
“….”
ในตอนแรกเขาคิดที่จะเพิกเฉยต่อคนพวกนี้แต่เมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้มันก็ทำให้เขาเดือดดาลมากจนหยุดและปลดปล่อยการโจมตีออกไปทันที เขาปลดปล่อยแก่นพลังออกไปหลายครั้งจนหยุดก็ตอนที่พวกมนุษย์ด้านล่างถูกบดเป็นเนื้อสับแล้ว
ฮู่ฮู่ววว!
เขาโกรธมากหลังจากที่หายใจเข้าออกอยู่หลายครั้ง ในที่สุดเขาก็ระงับความโกรธแค้นในใจได้และเริ่มบินไปทางตะวันออกเฉียงเหนือต่อ
หลังจากที่บินไปได้ห้ากิโลเมตรคนอีกกลุ่มก็ออกมาอีกครั้งและก่อนที่พวกนั้นจะทันได้สาปแช่งจักรพรรดิอสูรชือ เขาก็เริ่มสังหารพวกมันก่อน เขามีน้ำโหจนแทบคลั่ง ด้วยความเดือดดาลนี้เขาจึงสังหารมาตลอดทาง เขาไม่สนใจอีกต่อไปว่ามันจะมีกลอุบายอะไรหรือไม่ อย่างไรก็ตามแต่ เขาจะไม่มีวันกลับไปยังทะเลบูรพาเวิ้งว้างจนกว่าเขาจะได้สังหารเฟิ่งหลวนและเจียงอี้
…
ในป่าทางตอนกลางของทวีป,กองทัพกำลังเดินหน้าอย่างรวดเร็ว มีทหารมากมายนับแสนคนและรถม้าบินหลายสิบคันก็บินอยู่บนท้องฟ้าพร้อมกับรถม้าบินเกือบสิบคันที่วนไปรอบๆและคอยตรวจสอบศัตรู
ภายในมีรถม้าที่หรูหราที่สุดอยู่ตรงกลางเจียงอี้กำลังนั่งอยู่บนเบาะนิ่ม เขาถือถ้วยชาจิบอย่างสบายๆ ส่วนเฟิ่งหลวนก็กำลังหลับใหลอยู่ข้างๆเขาและชิงหยีก็คุกเข่าอยู่บนพรมและคอยนวดขาให้เจียงอี้
“นายน้อยเป็นอย่างที่ท่านคาดเอาไว้หมดเลยเจ้าค่ะ จักรพรรดิอสูรชือยังไล่ตามเรามาไม่ทันเลย”
ชิงหยีมองผ่านหน้าต่างอย่างเป็นกังวลโชคดีที่มีอาคมยับยั้งอยู่ในรถม้าบินนี้ด้วยไม่เช่นนั้นหากคนภายนอกเห็นนางคุกเข่ารับใช้เจียงอี้อยู่ พวกนางคงจะโวยวายกับเรื่องนี้แน่ๆ
นางเงยหน้ามองไปยังเจียงอี้และเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ต้องการที่จะพูดกับนางนางก็รู้สึกผิดเล็กน้อยและพูดว่า “นายน้อย แล้วเหล่านักสู้ทั้งหมดที่จะถูกส่งไปยังเมืองหลิงยวนล่ะเจ้าคะ? การทนเอากองกำลังของเราไปที่นั่นทั้งหมดมันก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะทำร้ายจักรพรรดิอสูรชือหรือสังหารเขาได้นะเจ้าคะ”
เจียงอี้มองไปที่ชิงหยีด้วยสายตาที่หมดคำพูดและหยุดมองหน้าอกของนางก่อนที่จะถอนหายใจและพูดว่า“ผู้คนมักว่าไว้ว่า ‘นมใหญ่ไร้สมอง’ มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ แม้ว่าเราจะส่งผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังทั้งทวีปไปที่นั่น จักรพรรดิอสูรชือก็จะสังหารคนเหล่านั้นจนสิ้นซากอยู่ดีไม่ต้องพูดถึงเหล่ายอดนักสู้ทั้งสิบห้าเลย เจ้าสามารถใช้พลังได้มากเพียงใดเมื่ออยู่ภายใต้ความกดดันของจักรพรรดิอสูร? เจ้าคิดจริงๆหรือว่ามันฉลาดแล้วที่จะเอาเหล่ายอดฝีมือของทวีปนี้มาเสี่ยงทั้งหมด? แล้วก็นะ เฟิ่งเอ๋อร์กับเจ้าจะไปกับข้าโดยไม่มีผู้เชี่ยวชาญอยู่บนทวีปนี้แล้ว แล้วผู้ใดมันจะเป็นคนคอยปกป้องทวีปหากเผ่าพันธุ์อื่นบุกเข้ามาอีก?”
“โอ…”
ชิงหยีทั้งอับอายและโกรธเพราะคำพูดของเจียงอี้แต่นางก็ไม่รู้ว่าจะตอบเขากลับอย่างไรในขณะที่นางดูเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่จู่ๆก็มีรถม้าบินเข้ามาใกล้ๆและพวกเขาก็ได้ยินเสียงตะโกนอยู่ไกลๆ “เรียนจักรพรรดินี, แม่หญิงชิงหยี เมืองหลิงยวนอยู่ข้างหน้าแล้วเจ้าค่ะ เราจะเข้าไปที่เมืองนั้นเลยหรือไม่เจ้าคะ?”
เจียงอี้ปลุกวิญญาณของเขาขึ้นมาและลุกขึ้นนั่งเขาบอกชิงหยีว่า “ให้กองทัพทั้งหมดเร่งฝีเท้าและรีบเข้าเมือง จากนั้นก็เปิดโล่และเตรียมการจู่โจม และส่งข้อความไปยังสมาคมโถงการค้ายุทธให้พวกเขาพยายามกำจัดจักรพรรดิอสูรชืออย่างสุดกำลัง! แล้วก็….เจ้าพาเฟิ่งเอ๋อร์และข้าออกไปจากเหล่ากองทหารด้วย เราจะไม่เข้าไปในเมือง”
“หื๊ม?ท่านจะไม่เข้าไปหรือ?”
ชิงหยีตกตะลึงนางคิดว่าเจียงอี้จะพานางและเฟิ่งหลวนมาและใช้กำลังของสมาคมโถงการค้ายุทธเพื่อขัดขวางจักรพรรดิอสูรชือด้วยกัน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจียงอี้กำลังจะใช้จักรพรรดิอสูรชือทำลายสมาคมโถงการค้ายุทธ เขาไม่ถูกกับโถงการค้าหรือ? ทำไมเขาจึงมีจุดประสงค์ให้จักรพรรดิอสูรชือทำลายโถงการค้าเช่นนี้?
บรึฟ!
แต่สุดท้ายแล้วเมื่อเจียงอี้ออกคำสั่งมาแล้ว ชิงหยีจึงต้องปิดใช้งานอาคมยับยั้งและบินออกไปเตรียมการ แม้ว่าเหล่าแม่ทัพด้านนอกจะสงสัยเกี่ยวกับคำสั่งนี้แต่ชิงหยีก็เป็นตัวแทนของเฟิ่งหลวนมาโดยตลอด ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้ว พวกนั้นก็ไม่กล้าพูดอะไรและต้องเชื่อฟังคำสั่งเท่านั้น
ในไม่ช้ากองทหารก็เร่งความเร็วและเดินทัพไปยังเมืองหลิงยวนอย่างรวดเร็ว รถม้าที่เจียงอี้อยู่ก็บินแยกออกไปทางตะวันออกอย่างเร่งรีบ หลังจากที่เดินทางมาเป็นระยะทางห้าสิบกิโลเมตรแล้ว เจียงอี้ก็บอกให้ชิงหยีหยุดรถม้าและลงจอดในป่าเล็กๆด้านล่าง
“เอาล่ะชิงหยี เจ้านำรถม้าไปและตามกองทหารไปให้เร็วที่สุดและตามพวกนั้นเข้าไปในเมืองและส่งคำสั่งจากจักรพรรดินีไปยังโถงการค้า จงบอกไปว่าหากพวกเขาไม่พยายามอย่างสุดฝีมือที่จะต่อสู้กับจักรพรรดิอสูรชือ จักรพรรดินีจะทำให้โถงการค้าสลายไป จากนั้นเจ้าจงแอบออกมาจากเมืองและไปซ่อนตัวอยู่ทางเหนือของเมือง และรอคำสั่งเพิ่มเติมจากข้า”
เจียงอี้ออกคำสั่งที่ประหลาดออกมาและไม่ได้อธิบายอะไรชิงหยีก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องจากไปพร้อมกับรถม้า ส่วนเจียงอี้ก็นำเฟิ่งหลวนเข้าไปในราชวังจักรวาลและเรียกสัตว์เถาอู้ออกมา เขาแอบลงไปใต้ดินและไปทางเหนือของเมืองหลิงยวน
ชิงหยีคิดผิดไป!
เขาไม่ได้ให้คนอื่นมาทำเรื่องสกปรกให้เขาแต่เขากลับพยายามล่อศัตรูเข้ามาและปล่อยให้ศัตรูสู้กันเองแทนจากนั้นเขาก็จะมากำจัดพวกที่เหลือในภายหลัง!
เนื่องจากสมาคมโถงการค้ายุทธเป็นสาขาหนึ่งของโถงวรยุทธพลังที่ซ่อนเอาไว้จึงยอดเยี่ยมมาก เพียงแค่ค่ายกลสวรรค์ลิขิตเพียงอย่างเดียวก็สามารถทำให้ความแข็งแกร่งของนักสู้พุ่งไปสู่ขอบเขตเทียนจุนได้ภายในเวลาอันสั้นซึ่งมันแทบจะเทียบเคียงกับจักรพรรดิอสูรชือเลยด้วยซ้ำ
เขาและเฟิ่งหลวนซ่อนอยู่ที่อีกด้านหนึ่งและรอโอกาสที่จะโจมตีเมื่อทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บสาหัส เขาก็จะใช้ประโยชน์จากผลพวงเหล่านั้น
โถงวรยุทธสงสัยว่าเขายังไม่ตายและจักรพรรดิอสูรชือจะไม่มีวันยอมแพ้จนกว่าเจียงอี้จะถูกสังหารหากเจียงอี้หนีไปตอนนี้ เขาจะถูกทั้งสองฝ่ายตามล่าตลอดทางที่เขาหนีไป แทนที่จะเป็นเช่นนั้น มันคงจะดีกว่าหากสังหารพวกมันทั้งหมดในตอนนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภัยคุกคามได้ในภายภาคหน้า