เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 587 -588
บทที่ 587 ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับ
ในวันรุ่งขึ้นก่อนที่ท้องฟ้าจะสว่างเจียงอี้และคนของเขาก็ตื่นกันหมดแล้ว
เมื่อพวกเขาออกจากโรงเตี๊ยมก็พบว่าที่นี่มีชีวิตชีวามากกว่าตอนกลางวันเสียอีกถนนนั้นเต็มไปด้วยผู้คนที่ต่างสัญจรไปมาและมีผู้คนมากมายที่ต้องการเข้าไปยังราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับหรือไม่ก็พากันไปดูที่นั่น ทุกคนต่างเริ่มพากันไปทางเหนือของเมืองแล้ว
เจียงอี้และกลุ่มของเขาอยู่ในรถม้าแต่บนถนนนั้นมีแต่การเดินทางที่ติดขัดพวกเขานั้นคอยทำตัวให้ไม่เด่นให้ไม่มีผู้ใดอยากรู้อยากเห็นเรื่องพวกเขาอีก ในเมืองนั้นมีนายน้อยที่มีอิทธิพลมากเกินไปและหลายคนก็นำผู้ใต้บังคับบัญชาของพวกเขาบินไปบนท้องฟ้าและมีกลิ่นอายที่โดดเด่นซึ่งทุกคนต้องสังเกตเห็นแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้อยากเห็นก็ตาม
หนึ่งชั่วโมงต่อมารถม้าของพกเขาก็ออกจากเมืองและเนื่องจากมีความแออัดบนทางหลวง เจียงอี้จึงสั่งให้ผู้อาวุโสฉีนำรถม้าบินขึ้นสู่ท้องฟ้า พวกเขาไม่กล้าบินสูงหรือเร็วเกินไปเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้เชี่ยวชาญคนใดสนใจเขา
ในยามนี้เป็นเวลาฟ้าสว่างแล้วดวงอาทิตย์นั้นลอยขึ้นสูงและให้ความอบอุ่นซึ่งเสริมด้วยสายลมอันสดชื่นทำให้ลมเย็นสบายมากขึ้น
ร้อยกิโลเมตรอาจดูไกลมากสำหรับคนธรรมดาแต่มันสั้นมากสำหรับยอดฝีมือ ผู้อาวุโสฉีอาจพยายามชะลอความเร็วของรถม้าแล้ว แต่พวกเขาก็ยังมาถึงที่หมายภายในหนึ่งชั่วโมงอยู่ดี
“เอ่อ…”
รถม้ายังคงเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างช้าๆแต่เจียงอี้และคนอื่นๆต่างก็พากันตกตะลึง
พวกเขาทั้งสี่มองผ่านม่านลูกปัดและมองไปยังโถงพระราชวังบนยอดเขายักษ์ซึ่งทำให้ร่างกายและวิญญาณสั่นสะท้าน
มันเป็นพระราชวังสีดำซึ่งเป็นสีดำบริสุทธิ์ยามดวงอาทิตย์ส่องมายังราชวังกลับไม่มีแสงสะท้อนราวกับว่ากำแพงสีดำดูดซับแสงของดวงอาทิตย์ไปจนหมดสิ้น
มันไม่ได้ดูใหญ่โตหรือหรูหรามากนักและมีขนาดรัศมีสามร้อยเมตรราชวังนั้นดูเรียบง่ายมากหากเทียบกับที่ประทับของเหล่าองค์ชายในอาณาจักรเสินหวู่ แต่ด้วยการมองที่ราชวังแห่งนี้เพียงแวบเดียวมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ใจสั่นและรู้สึกตราตรึงใจ
บนประตูบานนั้นสลักคำว่าราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับเอาไว้และเหมือนจะถูกแกะสลักด้วยศาสตราวุทธด้วยกระบวนท่าเดียว หากมีผู้ใดมองไปยังคำแกะสลักนั้นมันก็จะดูน่ามองและสบายตามาก
แต่เจียงอี้และคนอื่นๆกลับไม่รู้สึกเช่นนั้นพวกเขารู้สึกว่าเลือดในร่างกายของพวกเขากำลังพุ่งพล่านและมีอายสังหารที่ไม่สามารถอธิบายได้เกิดขึ้นภายในร่างกายพวกเขา คำที่สลักอยู่บนนั้นทำให้พวกเขารู้สึกถึงกลิ่นอายสังหารที่รุนแรงและทำให้พวกเขารู้สึกกระหายเลือดอย่างควบคุมไม่ได้
“ฮึ่ม!”
เจียงอี้เข้าถึงเจตจำนงสังหารและกลิ่นอายสังหารนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบกับเขามากนักเขาจึงรู้ตัวได้เร็วและเมื่อเจียงอี้เห็นว่ารถม้ายังคงบินตรงไปยังราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับ เขาก็ปลุกผู้อาวุโสฉีและคนอื่นๆด้วยเสียงกระแอมของเขาอย่างรวดเร็ว
ฟรึ่บ!
ผู้อาวุโสควบคุมรถม้าให้บินลงไปอย่างเร่งรีบที่นี่อยู่ห่างจากราชวังกว่าสิบกิโลเมตรและพวกเขากำลังจะข้ามพรมแดนที่ถูกขีดไว้ เหล่านายน้อยและคุณหนูผู้มีอิทธิพลต่างๆได้ถูกขจัดออกจากพื้นที่นั้นกันหมด หากมีผู้ใดกล้าเข้าใกล้ราชวังในสิบกิโลเมตร พวกเขาอาจไม่ได้ถูกสังหารแต่อาจจะพบปัญหาที่ร้ายแรงอย่างแน่นอน
“ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับนี้น่ากลัวนักแค่เพียงสลักหน้าประตูก็เพียงพอที่จะทำให้เราเสียสติได้”
เมื่อลงสู่พื้นดินทั้งสี่คนก็เข้าไปในป่าเล็กๆ เจียงอี้ยังคงตะลึงอยู่ในขณะที่เขาห้ามไม่ให้ผู้อื่นมองไปที่ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุใดๆก็ตาม เขาแอบเลื่อมใสต่อจักรพรรดิลี้ลับอยู่เงียบๆและรู้สึกว่าเขาคู่ควรกับตำแหน่งจักรพรรดิอันดับหนึ่งแล้ว เขาสวรรคตไปกว่าเจ็ดแสนปีแล้วแต่สลักที่เขาทิ้งไว้มันยังคงมีพลังที่ลึกลับเช่นนี้
มีผู้คนมากมายซ่อนตัวอยู่ในป่าและยังมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังอยู่ที่นี่อีกมากมายดังนั้นการปรากฏตัวของกลุ่มเจียงอี้จึงไม่ได้ก่อให้เกิดความวุ่นวาย เจียงอี้สั่งให้จูสุยเดินไปข้างหน้าและไปใกล้ๆกับเขตสิบกิโลเมตรและมองหาสถานที่ที่มองได้ไกลเพื่อซ่อนตัว
“ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับเล็กเช่นนี้เชียว?ทุกคนจะเข้าไปและเพียงสุ่มฆ่ากันหรอ?” เจียงอี้เงยหน้ามองไปยังราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับและถามผู้อาวุโสฉี
“นายน้อยอาจไม่ทราบเรื่องนี้”
ผู้อาวุโสฉีเล่าด้วยข้อความเสียงว่า“ในประวัติศาสตร์ของตระกูลจู มีองค์ชายและองค์หญิงบางคนได้เข้าไปหาสมบัติและบางคนก็ได้สมบัติอันยิ่งใหญ่ ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับแห่งนี้จะไม่ได้ดูเล็กเท่าภายนอกเสมือนมีโลกอีกใบอยู่ในนั้น ว่ากันว่าจักรพรรดิลี้ลับได้สร้างเขตห้วงมิติลี้ลับเอาไว้ซึ่งมันกว้างขวางมาก อย่าว่าแต่คนเท่านี้เลยขอรับ ถึงจะมีเป็นล้านคน ราชวังก็รับได้”
“โอ้?”
เจียงอี้รู้สึกสนใจเล็กเล็กน้อยขณะที่ถามว่า“แล้วพวกเขาจะได้สมบัติได้อย่างไร? แล้วจะเกิดการสังหารกันอย่างน่าสังเวชกันหรือเปล่า?”
“มีขอรับ!”
ผู้อาวุโสฉีพยักหน้าและส่งข้อความว่า“จะไม่มีการเข่นฆ่ากันในราชวัง มันมักจะเริ่มต้นหลังจากที่ได้รับสมบัติมาแล้วน่ะขอรับ หากผู้ใดได้สมบัติที่ดีและไม่ได้มีภูมิหลังที่ดีนัก พวกเขาจะถูกตระกูลใหญ่ๆปล้นและไล่ล่า และแน่นอนว่า….บุคคลที่ฉลาดเหล่านั้นก็จะถวายสมบัติของพวกเขาให้กับตระกูลเก้าจักรพรรดิเพราะพวกเขาจะได้รับการยกย่องอย่างสูงจากตระกูลเก้าจักรพรรดิและยังสามารถรักษาชีวิตไว้ได้ หากมันเป็นสิ่งประดิษฐ์สูงส่งมาก ตระกูลทั้งเก้านั้นจะพากันสู้เพื่อมันอย่างแน่นอนขอรับ”
“ส่วนการค้นหาสมบัตินั้นมันก็เป็นเรื่องง่าย….ที่จะผ่านระดับชั้นในราชวังไปได้ขอรับ ลือกันว่าในราชวังนั้นมีสิบแปดชั้นหรือเขาเรียกกันว่า นรกภูมิสิบแปดชั้น ข้าเองก็ไม่มั่นใจเกี่ยวกับรายละเอียดที่แน่ชัดของมันเนื่องจากมีข้อมูลไม่มากนักที่ข้าสามารถเข้าถึงได้ แต่ข้ามั่นใจว่าราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับนั้นอันตรายมาก สำหรับทุกคนที่เข้าไปในทุกๆครั้ง ผู้ที่โชคดีรอดชีวิตมาได้มีเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นและมีหลายคนที่กลับมามือเปล่าเนื่องจากที่นั่นมีสมบัติเพียงสิบชิ้นในแต่ละครั้งที่ราชวังเปิด”
ฟู่วว…
แม้ว่าเจียงอี้จะคิดไว้แล้วว่าการล่าขุมทรัพย์ครั้งนี้จะโหดร้ายแต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเฮือกใหญ่หลังจากที่ได้ยินมันเขากวาดตามองผู้เชี่ยวชาญทั่วภูเขานี่และพยายามไตร่ตรองเกี่ยวกับคนที่จะรอดกลับมา
ที่เชิงเขาเล็กๆ,ในป่านั้นเต็มไปด้วยผู้คน แค่มองก็รู้ว่ามีผู้คนหลายหมื่นคนแล้ว และครึ่งหนึ่งก็มาที่นี่เพื่อมาดูการแสดงในขณะที่คนที่เหลือนั้นไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมเพราะอายุเกินแล้ว
และเมื่อการล่าสมบัติจบสิ้นแล้วมันจะเป็นการปล้นที่โหดร้ายที่สุด ปัจจุบันมีตระกูลมากมายที่ต่อเข้ากับตระกูลเก้าจักรพรรดิในรูปแบบที่นับไม่ถ้วน แต่ก็มีบางตระกูลที่ไม่เกรงกลัวต่อเก้าจักรพรรดิและจะเข้าร่วมการปล้นสะดม
เมื่อการต่อสู้ที่วุ่นวายเริ่มต้นขึ้นมันก็คงจะน่าเลื่อมใสหากว่าสิบคนที่ได้สมบัตินั้นสามารถรอดชีวิตได้ คนเหล่านี้จะไม่ใช่เพียงแค่ทหารธรรมดา เพราะที่นี่นั้นมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังอยู่หลายร้อยคน
“นายน้อย!”
ทันใดนั้นผู้อาวุโสฉีก็ส่งข้อความเสียงมาว่า“มีรายการสมบัติที่แสดงอยู่ที่ผนังด้านข้างราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับ ท่านจะเห็นมันได้ทันทีที่ปลดปล่อยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ สมบัตินั้นมีอยู่ด้วยกันทั้งหมดสิบชิ้นและทุกชิ้นนั้นจะเป็นสิ่งประดิษฐ์เหนืออิทธิฤทธิ์ (สิ่งประดิษฐ์ที่เหนือกว่าสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์), สมุนไพรวิญญาณหรือแม้แต่สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝง”
“หืม?อะไรนะ?”
เจียงอี้ไม่กล้าแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาอย่างประมาทเพราะหากถูหลงหรือผู้คนจากโถงวรยุทธสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณของเขาเขาอาจจะถูกย่างสดเลยก็ได้
ส่วนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของผู้อาวุโสฉีนั้นไม่เป็นอะไรเนื่องจากมีผู้คนมากมายที่แผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาออกมาเขาตรวจสอบข้อมูลมาและส่งข้อความให้เจียงอี้อย่างรวดเร็ว “อันดับที่หนึ่งคือหญ้ามังกรยาจก มันเป็นสมุนไพรวิญญาณลึกลับที่ปรากฏเพียงหนเดียวในทุกๆหมื่นปี อันดับที่สองนั้นคือวรยุทธลับที่เรียกว่าหลีกสวรรค์ และมันน่าจะเป็นวรยุทธระดับเทพที่ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง อันดับที่สามคือเกราะเมฆาอัคคี ซึ่งมันน่าจะเป็นสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝง อันดับที่สี่คือธนูเมฆาอัคคี…..เอ? หรือว่ามันเป็นชุดเดียวกับเกราะนะ? มันก็น่าจะเป็นสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝง……”
เสียงของผู้อาวุโสฉียังคงดังก้องแต่เจียงอี้ก็ไม่มีกะจิตกะใจที่จะฟังสมบัติที่เหลือแล้วจิตใจของเขานั้นเต็มไปด้วย หญ้ามังกรยาจก หลิงชือหย่าไม่ได้โป้ปด ตอนที่นางพูดว่าหญ้ามังกรยาจกอยู่ในรายชื่อสมบัตินั้น แต่เมื่อเจียงอี้ได้ยินว่ามันอยู่ในอันดับที่หนึ่ง เขาก็ไม่กล้าคิดถึงเรื่องนี้อีก
หากทิ้งความจริงที่เขาไม่มีความแข็งแกร่งมากพอที่จะผ่านด่านได้แม้ว่าเขาจะเข้าไปข้างในนั้นและจะเป็นอย่างไรล่ะหากว่าเขาได้มันมา? ไม่ใช่ว่าเขาจะถูกปล้นหรือหากว่าเขาหนีไป? นอกจากนี้เขายังมั่นใจถึงสิบส่วนเลยว่าเขาจะตกตายอยู่ที่นี่
“ฮู่ววว!”
เจียงอี้ถอนหายใจออกมาและส่ายหัวเพื่อหยุดคิดเขาตรวจมองสภาพแวดล้อมและอดทนรอให้แม่นางอีปรากฏตัว
บทที่ 588 มาที่นี่อย่างเปล่าประโยชน์?
“ผู้อาวุโสฉีเจ้าเจอเบาะแสของแม่นางอีบ้างหรือไม่?”
เจียงอี้ไม่กล้าแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองหรือแม้แต่จะเข้าสู่สภาวะที่เป็นหนึ่งเดียวกับสวรรค์และโลกาแต่ผู้อาวุโสฉีนั้นแผ่ได้มากเท่าที่เขาต้องการ และตอนนี้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์นั้นถูกแผ่ไปยังราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับจากทั่วทุกสารทิศ
“ไม่เลยขอรับ!”
หลังจากที่กวาดสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ไปรอบๆแล้วผู้อาวุโสฉีก็ส่ายหัวและกล่าวว่า “ใต้ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับนั้นมีกระโจมลิขิตสวรรค์มากมายซึ่งมันได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษซึ่งราคาของมันนั้นเทียบเท่ากับศิลาสวรรค์หลายหมื่นก้อน นอกเหนือจากผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดหรือยอดฝีมือที่แข็งแกร่งแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดสามารถตรวจสอบสถานการณ์ที่อยู่ภายในกระโจมนั้นได้ ลูกหลานเก้าตระกูลจักรพรรดิและตระกูลโบราณอื่นๆน่าจะอยู่ที่นั่นกัน ข้าไม่รู้ว่าแม่นางอีอยู่ในนั้นด้วยหรือนางไปซ่อนตัวอยู่ที่อื่นน่ะขอรับ”
“สำรวจต่อไปหากพบนางแล้วให้ส่งข้อความเสียงไปหานาง!”
หลังจากที่เจียงอี้บอกผู้อาวุโสฉีแล้วเขาก็ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังจูสุยป่าเล็กๆที่พวกเขาอยู่นั้นก็เริ่มจะมีผู้คนหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ แต่มันก็อาจจะปลอดภัยกว่า แม้ว่าจะมีคนตรวจสอบแต่คนเหล่านั้นก็เพียงจะมองผ่านไปและไม่ได้สนใจพวกเขามากนัก เพราะยังไงเสีย ลูกหลานตระกูลใหญ่ๆก็คงจะไม่มารวมตัวอยู่ในป่าเล็กๆเช่นนี้
เมื่อเวลาผ่านไปเริ่มมีคนมาที่นี่มากขึ้นเรื่อยๆ เจียงอี้นั้นถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนมากมายและผู้คนก็มาบรรจบกันที่นี่จากทั่วทุกสารทิศ คนที่กล้ามาที่นี่อย่างน้อยก็อยู่ที่ขอบเขตเสินโหยวแล้ว
ฟรึ่บ!
เสียงแหลมๆเสียดแทงทะลุผ่านท้องฟ้ามาและดังก้องไปทั่วทางทิศใต้ซึ่งมันดึงดูดความสนใจของผู้คนเจียงอี้มองไปทางนั้นโดยไม่รู้ตัวและดวงตาของเขาก็สว่างขึ้น
น้ำเต้าสีม่วงบินมาจากท้องฟ้าทางใต้มีสตรีในชุดสีชมพูยืนอยู่บนนั้นอย่างงดงาม เมื่อแสงแดดส่องกระทบใบหน้าที่งดงามของนาง มันก็เปล่งประกายจางๆ ผมสีดำและเสื้อผ้าของนางนั้นปลิวไสวไปตามสายลมราวกับเทพธิดาที่ลงมายังโลกมนุษย์
ถัดจากน้ำเต้าสีม่วงก็มีรถม้าที่ถูกควบมาโดยสัตว์แปลกหิมะมันมีกลิ่นอายไม่ด้อยไปกว่านกร็อกปีกทองเลย
รถม้านั้นงดงามและเต็มไปด้วยภาพแกะสลักที่สวยงามอยู่ด้านข้างแต่เจียงอี้และคนอื่นๆไม่ได้สนใจรถม้าแต่กลับหลงเสน่ห์หญิงสาวเท้าเปล่าในชุดสีขาวที่นั่งอยู่ในนั้นมากกว่า พวกเขายังมองไปยังหญิงสาวที่แต่งงานแล้วที่อยู่ขอบเขตเทียนจุนข้างๆแม่นางผู้นั้นด้วยเช่นกัน
หลิงชือหย่าและหยิ่นรั่วปิงมาที่นี่พร้อมกัน!
นางทั้งสองคนนี้เป็นสาวงามระดับต้นของปฐพีด้วยภูมิหลังที่โดดเด่น พวกนางจึงมีกลิ่นอายที่ลึกลับให้ชวนถวิลหาและเป็นดั่งเทพธิดาของชายหลายคน
ตอนนี้ทั้งคู่ได้ปรากฏตัวพร้อมกันซึ่งมันทำให้ฝูงชนแตกฮือไปด้วยความตื่นเต้นชายหนุ่มหลายคนถึงกับตะโกนเรียกชื่อพวกนางออกมาเพื่อแสดงความรักและความชื่นชมต่อพวกนางทั้งสอง สิ่งที่ทำให้พวกนางเป็นดั่งเทพธิดานั่นก็คือมีผู้คนมากมายเพ้อฝันอยากจะครอบครองพวกนาง แม้ว่าอันที่จริงแล้วพวกเขาจะไม่สามารถทำมันได้ก็ตาม
ดูเหมือนว่าหลิงชือหย่าและหยิ่นรั่วปิงจะค่อนข้างคุ้นเคยกับสถานการณ์เช่นนี้และพวกนางก็ยังคงบินต่อไปราวกับว่าไม่ได้ยินสิ่งใดเลยแต่เห็นได้ชัดว่าพวกนางลดความเร็วลงเล็กน้อย พวกนางจ้องมองไปยังราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับและมีร่องรอยแห่งความตื่นเต้นวูบผ่านดวงตาของพวกนาง
ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับปรากฏทุกๆหนึ่งพันปีคราวนี้มันอยู่ไม่ไกลจากทวีปจักรพรรดิบูรพาซึ่งนับเป็นโชคลาภและโอกาสของพวกเขา ซึ่งทายาทของเหล่าตระกูลเก้าจักรพรรดิก็ไม่เพียงแต่จะมีสถานะที่ได้รับการยกย่องเท่านั้นแต่ยังมีความแข็งแกร่งในระดับแนวหน้าอีกด้วย การล่าขุมทรัพย์ในครั้งนี้จึงเป็นโอกาสของพวกเขาที่จะเผยความสามารถอันยิ่งใหญ่ให้ผืนพิภพนี้ได้เห็น!
“ความงดงามของสตรีในใต้หล้านี้สามารถโค่นล้มเมืองและทำลายดินแดนได้เลย!”
เจียงอี้ถอนหายใจแม้ว่าเขาจะชื่นชมในความงามของพวกนาง แต่เขาก็ไม่ปรารถนาที่จะครอบครองเทพธิดาเหล่านี้ การหมายปองพวกนางนั้นถือเป็นปรปักษ์กับยอดฝีมือมากมายและต้องข้ามศพผู้ชายเหล่านั้นไปเสียก่อน
“แม่นางหยิ่น!”“แม่นางปิง!”ไอรีนโนเวล
“แม่นางหลิง!”“แม่นางหย่า!”
ผู้คนมากมายในป่าต่างตะโกนออกมาเพื่อพยายามดึงดูดความสนใจจากพวกนางส่วนจูสุยนั้นไม่ได้ตะโกนด้วยแต่ดวงตาของเขาก็สดใสมาก เจียงอี้นั้นส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น โลกนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่หมกมุ่นอยู่กับการฝันลมๆแล้งๆ
แต่อย่างไรก็ตาม!
ในวินาทีถัดมาบางที แม่นางหยิ่นอาจถูกดึงดูดด้วยเสียงตะโกนจากตรงนี้ นางกวาดตามองมาที่นี่โดยไม่ได้ตั้งใจแต่ก็ต้องหยุดเล็กน้อยหลังจากที่นางมองมา
และในตอนนั้นเจียงอี้นั้นรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่าเข้าที่หัว ร่างของเขาสั่นสะท้านและจิตวิญญาณก็สั่นสะเทือน เหมือนว่า….แม่นางหยิ่นหยุดมองมาที่เขาชั่วขณะ
เขาไม่ได้ตื่นเต้นกับการถูกสาวงามดึงดูดแต่เขากลับรู้สึกได้ถึงคำเตือนของวิกฤตอย่างลึกซึ้ง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือเขารู้สึกหวาดกลัว
บทที่ 588 มาที่นี่อย่างเปล่าประโยชน์?
“ผู้อาวุโสฉีเจ้าเจอเบาะแสของแม่นางอีบ้างหรือไม่?”
เจียงอี้ไม่กล้าแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองหรือแม้แต่จะเข้าสู่สภาวะที่เป็นหนึ่งเดียวกับสวรรค์และโลกาแต่ผู้อาวุโสฉีนั้นแผ่ได้มากเท่าที่เขาต้องการ และตอนนี้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์นั้นถูกแผ่ไปยังราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับจากทั่วทุกสารทิศ
“ไม่เลยขอรับ!”
หลังจากที่กวาดสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ไปรอบๆแล้วผู้อาวุโสฉีก็ส่ายหัวและกล่าวว่า “ใต้ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับนั้นมีกระโจมลิขิตสวรรค์มากมายซึ่งมันได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษซึ่งราคาของมันนั้นเทียบเท่ากับศิลาสวรรค์หลายหมื่นก้อน นอกเหนือจากผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดหรือยอดฝีมือที่แข็งแกร่งแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดสามารถตรวจสอบสถานการณ์ที่อยู่ภายในกระโจมนั้นได้ ลูกหลานเก้าตระกูลจักรพรรดิและตระกูลโบราณอื่นๆน่าจะอยู่ที่นั่นกัน ข้าไม่รู้ว่าแม่นางอีอยู่ในนั้นด้วยหรือนางไปซ่อนตัวอยู่ที่อื่นน่ะขอรับ”
“สำรวจต่อไปหากพบนางแล้วให้ส่งข้อความเสียงไปหานาง!”
หลังจากที่เจียงอี้บอกผู้อาวุโสฉีแล้วเขาก็ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังจูสุยป่าเล็กๆที่พวกเขาอยู่นั้นก็เริ่มจะมีผู้คนหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ แต่มันก็อาจจะปลอดภัยกว่า แม้ว่าจะมีคนตรวจสอบแต่คนเหล่านั้นก็เพียงจะมองผ่านไปและไม่ได้สนใจพวกเขามากนัก เพราะยังไงเสีย ลูกหลานตระกูลใหญ่ๆก็คงจะไม่มารวมตัวอยู่ในป่าเล็กๆเช่นนี้
เมื่อเวลาผ่านไปเริ่มมีคนมาที่นี่มากขึ้นเรื่อยๆ เจียงอี้นั้นถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนมากมายและผู้คนก็มาบรรจบกันที่นี่จากทั่วทุกสารทิศ คนที่กล้ามาที่นี่อย่างน้อยก็อยู่ที่ขอบเขตเสินโหยวแล้ว
ฟรึ่บ!
เสียงแหลมๆเสียดแทงทะลุผ่านท้องฟ้ามาและดังก้องไปทั่วทางทิศใต้ซึ่งมันดึงดูดความสนใจของผู้คนเจียงอี้มองไปทางนั้นโดยไม่รู้ตัวและดวงตาของเขาก็สว่างขึ้น
น้ำเต้าสีม่วงบินมาจากท้องฟ้าทางใต้มีสตรีในชุดสีชมพูยืนอยู่บนนั้นอย่างงดงาม เมื่อแสงแดดส่องกระทบใบหน้าที่งดงามของนาง มันก็เปล่งประกายจางๆ ผมสีดำและเสื้อผ้าของนางนั้นปลิวไสวไปตามสายลมราวกับเทพธิดาที่ลงมายังโลกมนุษย์
ถัดจากน้ำเต้าสีม่วงก็มีรถม้าที่ถูกควบมาโดยสัตว์แปลกหิมะมันมีกลิ่นอายไม่ด้อยไปกว่านกร็อกปีกทองเลย
รถม้านั้นงดงามและเต็มไปด้วยภาพแกะสลักที่สวยงามอยู่ด้านข้างแต่เจียงอี้และคนอื่นๆไม่ได้สนใจรถม้าแต่กลับหลงเสน่ห์หญิงสาวเท้าเปล่าในชุดสีขาวที่นั่งอยู่ในนั้นมากกว่า พวกเขายังมองไปยังหญิงสาวที่แต่งงานแล้วที่อยู่ขอบเขตเทียนจุนข้างๆแม่นางผู้นั้นด้วยเช่นกัน
หลิงชือหย่าและหยิ่นรั่วปิงมาที่นี่พร้อมกัน!
นางทั้งสองคนนี้เป็นสาวงามระดับต้นของปฐพีด้วยภูมิหลังที่โดดเด่น พวกนางจึงมีกลิ่นอายที่ลึกลับให้ชวนถวิลหาและเป็นดั่งเทพธิดาของชายหลายคน
ตอนนี้ทั้งคู่ได้ปรากฏตัวพร้อมกันซึ่งมันทำให้ฝูงชนแตกฮือไปด้วยความตื่นเต้นชายหนุ่มหลายคนถึงกับตะโกนเรียกชื่อพวกนางออกมาเพื่อแสดงความรักและความชื่นชมต่อพวกนางทั้งสอง สิ่งที่ทำให้พวกนางเป็นดั่งเทพธิดานั่นก็คือมีผู้คนมากมายเพ้อฝันอยากจะครอบครองพวกนาง แม้ว่าอันที่จริงแล้วพวกเขาจะไม่สามารถทำมันได้ก็ตาม
ดูเหมือนว่าหลิงชือหย่าและหยิ่นรั่วปิงจะค่อนข้างคุ้นเคยกับสถานการณ์เช่นนี้และพวกนางก็ยังคงบินต่อไปราวกับว่าไม่ได้ยินสิ่งใดเลยแต่เห็นได้ชัดว่าพวกนางลดความเร็วลงเล็กน้อย พวกนางจ้องมองไปยังราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับและมีร่องรอยแห่งความตื่นเต้นวูบผ่านดวงตาของพวกนาง
ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับปรากฏทุกๆหนึ่งพันปีคราวนี้มันอยู่ไม่ไกลจากทวีปจักรพรรดิบูรพาซึ่งนับเป็นโชคลาภและโอกาสของพวกเขา ซึ่งทายาทของเหล่าตระกูลเก้าจักรพรรดิก็ไม่เพียงแต่จะมีสถานะที่ได้รับการยกย่องเท่านั้นแต่ยังมีความแข็งแกร่งในระดับแนวหน้าอีกด้วย การล่าขุมทรัพย์ในครั้งนี้จึงเป็นโอกาสของพวกเขาที่จะเผยความสามารถอันยิ่งใหญ่ให้ผืนพิภพนี้ได้เห็น!
“ความงดงามของสตรีในใต้หล้านี้สามารถโค่นล้มเมืองและทำลายดินแดนได้เลย!”
เจียงอี้ถอนหายใจแม้ว่าเขาจะชื่นชมในความงามของพวกนาง แต่เขาก็ไม่ปรารถนาที่จะครอบครองเทพธิดาเหล่านี้ การหมายปองพวกนางนั้นถือเป็นปรปักษ์กับยอดฝีมือมากมายและต้องข้ามศพผู้ชายเหล่านั้นไปเสียก่อน
“แม่นางหยิ่น!”“แม่นางปิง!”
“แม่นางหลิง!”“แม่นางหย่า!”
ผู้คนมากมายในป่าต่างตะโกนออกมาเพื่อพยายามดึงดูดความสนใจจากพวกนางส่วนจูสุยนั้นไม่ได้ตะโกนด้วยแต่ดวงตาของเขาก็สดใสมาก เจียงอี้นั้นส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น โลกนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่หมกมุ่นอยู่กับการฝันลมๆแล้งๆ
แต่อย่างไรก็ตาม!
ในวินาทีถัดมาบางที แม่นางหยิ่นอาจถูกดึงดูดด้วยเสียงตะโกนจากตรงนี้ นางกวาดตามองมาที่นี่โดยไม่ได้ตั้งใจแต่ก็ต้องหยุดเล็กน้อยหลังจากที่นางมองมา
และในตอนนั้นเจียงอี้นั้นรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่าเข้าที่หัว ร่างของเขาสั่นสะท้านและจิตวิญญาณก็สั่นสะเทือน เหมือนว่า….แม่นางหยิ่นหยุดมองมาที่เขาชั่วขณะ
เขาไม่ได้ตื่นเต้นกับการถูกสาวงามดึงดูดแต่เขากลับรู้สึกได้ถึงคำเตือนของวิกฤตอย่างลึกซึ้ง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือเขารู้สึกหวาดกลัว
สถานะของเขานั้นราวกับอยู่คนละโลกกับหยิ่นรั่วปิงและเขาก็ไม่สามารถรู้ถึงความแข็งแกร่งของแม่นางหยิ่นผู้นี้แต่เป็นไปได้สูงมากที่นางจะอยู่ขอบเขตเทียนจุนและอายุน้อยกว่าเขาหนึ่งหรือสองปี
ทำไมนางถึงหยุดมองเขา?คำตอบนั้นแทบจะแน่นอนว่า ตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์และแอบมองแม่นางหยิ่นผู้นี้ นางสัมผัสถึงเขาได้
จากนั้นแม่นางหยิ่นก็ถอนสายตากลับไปและเจียงอี้ก็ก้มหัวลงไปอย่างไรก็ตาม เหงื่อที่เย็นเยียบไหลออกมาจากหน้าผากของเขา มันมักจะมีใครบางคนที่เก่งกาจกว่าเสมอและปฐพีนี้ก็เต็มไปด้วยมนตร์ลึกลับ แต่เขาก็ยังจะกล้าดูแคลนบุคคลที่ยิ่งใหญ่ในผืนปฐพีนี้
โชคดีที่นางไม่ได้แสดงพฤติกรรมแปลกๆออกมาตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ดูเหมือนว่านางจะรู้ตัวกับเรื่องนี้ หลังจากนั้นไม่นานเจียงอี้ก็พักเพื่อฟื้นความแข็งแกร่งของเขากลับมาและเช็ดเหงื่ออันเย็นเยียบจากหน้าผาก เขาแอบสาบานกับตัวเองว่าจะไม่ทำอะไรผลีผลามอีกในภายภาคหน้า ไม่เช่นนั้นเขาอาจไม่รู้ตัวว่าตัวเองตายได้อย่างไร
พวกนางบินไปยังราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับและแต่ละคนก็เข้าสู่กระโจมลิขิตสวรรค์ตามลำดับก่อนที่จะหายลับไปความปั่นป่วนข้างนอกค่อยๆลดลง แต่เมื่อมองจูสุยและคนอื่นๆก็ยังเห็นได้ชัดว่าหัวใจของพวกเขายังคงติดอยู่กับสถานการณ์เมื่อครู่นี้
เวลาได้ผ่านไปอย่างไม่รู้ตัว
ผู้คนยังคงมารวมตัวกันที่นี่แต่ก็ไม่มีทายาทของตระกูลสูงศักดิ์ปรากฏตัวอีกเมื่อใกล้ถึงช่วงเที่ยง ทุกคนก็พากันมองไปยังราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับเพราะที่ผ่านมามันมักจะเปิดในช่วงเที่ยงวันเสมอ
บรึฟ!
เมื่อดวงอาทิตย์อยู่เหนือราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับทันใดนั้นราชวังทั้งหมดก็เปล่งแสงสีดำออกมา ผู้คนกว่าแสนคนในปัจจุบันถูกดึงดูดไปยังแสงสีดำนั้น กระโจมลิขิตสวรรค์ค่อยๆหายไปทีละแห่ง นายน้อยและคุณหนูหลายคนปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศแต่ไม่มีใครสนใจพวกเขาอีกต่อไป
ในขณะที่ประตูราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับถูกเปิดออกจากด้านในอย่างเงียบๆข้างในนั้นก็เปล่งแสงสีขาวออกมา
หลังจากผ่านไปหนึ่งพันปีในที่สุดราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับก็เปิดขึ้นอีกครั้ง!
ฟรึ่บ!ฟุ่บ! ฟั่บ!
นายน้อยและคุณหนูทั้งหมดที่อยู่นอกราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับกลายเป็นเพียงภาพเลือนลางและบินไปยังประตูนั้นเพียงพริบตาเดียวก็มีคนเข้าไปในนั้นเกือบร้อยคนแล้ว
“ไอ้หยาแม่นางอีเข้าไปแล้ว!”
ผู้อาวุโสฉีร้องออกมาและยิ้มอย่างขมขื่นด้วยความลำบากใจ“นายน้อย ข้าขออภัยจริงๆ แม่นางอีนั้นรวดเร็วมาก ตอนที่ข้าเพิ่งจะพบนาง นางก็ได้เข้าไปแล้วขอรับ…..”
“อะไรนะ?”
เจียงอี้หน้าซีดทันทีนี่เขามาที่นี่อย่างเปล่าประโยชน์อีกครั้งหรือ?