เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 589-590
บทที่ 589 หยุดมันไว้
“การล่าสมบัติในราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับนี้จะยาวนานไปจนถึงเมื่อไหร่กัน?”
เจียงอี้บังคับตัวเองให้สงบลงการไปยังราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับเพื่อตามล่าอีฉานนั้นแทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย!
เขาไม่ได้หุนหันพลันแล่นสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยยอดฝีมือมากมาย และแน่นอนว่าราชวังนั้นต้องอันตรายมากอยู่แล้ว แม้แต่ขอบเขตเทียนจุนเองก็อาจตกตายอยู่ที่นั่น ด้วยพละกำลังเพียงน้อยนิดของเขา หากว่าเขาเข้าไปในนั้นเขาอาจจะขุดหลุมฝังตัวเองก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ถูหลงและหวู่นี่อยู่ข้างในนั้นแน่นอน
เนื่องจากเขาไม่สามารถเข้าไปได้เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรอให้อีฉานออกมา แต่คำตอบของผู้อาวุโสฉีก็ทำให้หัวใจของเขาต้องหนาวสั่น “อย่างน้อยก็คงจะสองสามเดือนหลังจากนี้ หากนางใช้เวลานานกว่านั้นก็อาจจะเป็นไปได้ที่นางจะถูกส่งออกมาหลังจากผ่านไปหนึ่งปีพร้อมกับคนอื่นๆในตอนที่ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับหายไปขอรับ”
“หนึ่งปี!”
เจียงอี้ดูขมขื่นเล็กน้อยรออยู่ที่นี่หนึ่งปี? นายน้อยเฟยเทียน, โถงวรยุทธและตระกูลถูจะไม่สับเขาเป็นชิ้นๆก่อนหรือ?
“ข้าควรเข้าไปหรือไปจากที่นี่ดี?”
จิตใจของเขาหมุนไปมาเขาไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้…..ดังนั้นเขาต้องเลือกว่าจะเข้าไปข้างในราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับหรือจะออกไปยังทวีปเงาทมิฬก่อนที่จะไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพา เขาจะต้องเลือกมัน
“ไปเถอะ!ไปยังทวีปเงาทมิฬกัน!”
ในไม่ช้าเขาก็ตัดสินใจเขามองไปยังราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับที่เรืองรองไปด้วยแสงสีดำ เขาก็หันกลับไปอย่างไม่เต็มใจนัก เขาไม่สามารถเสี่ยงหรือตายง่ายๆ เขาจะต้องนึกถึงเจียงเสี่ยวนู๋, หยุนเฟย, เฉียนว่านก้วน, เฟิ่งหลวนและคนอื่นๆด้วย
“ขอรับ”
จูสุยและคนอื่นๆมองไปที่ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับเช่นกันราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับปรากฏขึ้นเพียงหนึ่งครั้งในรอบพันปี แต่ก็น่าเสียดายที่ผู้อาวุโสฉีและผู้อาวุโสกู่นั้นแก่เกินไป ส่วนจูสุยและเจียงอี้ก็ไม่กล้าเข้าไปในนั้น
พวกเขาเดินออกจากป่าเล็กๆไปอย่างเงียบๆเมื่อพบพื้นที่โล่ง ผู้อาวุโสฉีก็นำรถม้าออกมาและจูสุยก็ขึ้นไปก่อน แต่เมื่อเจียงอี้, ผู้อาวุโสฉีและผู้อาวุโสกู่กำลังจะขึ้นรถม้า เสียงที่ดังก้องอยู่บนท้องฟ้าทางทิศใต้ก็ได้ดึงดูดความสนใจของทุกคน
ฟรึ่บ!
กองทหารได้บินผ่านมาพวกเขาทั้งหมดอยู่บนอาชาเหินฟ้าและมีคนเกือบหนึ่งพันคน มีอย่างน้อยห้าสิบคนในนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังและมีห้าคนเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุน คนทั้งหมดนั่นล้อมรอบตัวเด็กอายุราวเจ็ดถึงแปดปีอยู่ เด็กคนนั้นจับจ้องไปยังราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับด้วยสายตาที่เป็นประกาย
“หลานชายของจักรพรรดิแห่งศาสตราช่างน่าประทับใจเหลือเกิน….”
ผู้อาวุโสฉีและผู้อาวุโสกู่มองหน้ากันแล้วพากันพึมพำพวกเขาไม่แปลกใจกับเรื่องนี้เท่าไหร่นักเนื่องจากตระกูลเฟยหม่าอยู่ภายใต้บัญชาของจักรพรรดิแห่งศาสตรา และตอนนี้หลานชายของเขาอยู่ที่นี่ พวกนั้นก็จะแสดงความเคารพต่อเขามาก
“เร็วเข้า!ขึ้นรถม้าเดี๋ยวนี้!”
เจียงอี้ก็จำเด็กคนนี้ได้เช่นกันในวันนั้นเขาขี่นกร็อกปีกทองมา แต่อย่างไรก็ตาม สายตาของเขาจับจ้องไปที่ชายสองคนท่ามกลางทหารถัดจากนายน้อยผู้นั้น หนึ่งในนั้นเป็นองค์ชายใหญ่เฟยฉีและอีกคนก็คือ….เฟยเทียน ตอนที่เฟิ่งหลวนเริ่มสู้กับเฟยเทียน ผู้อาวุโสชวีก็อยู่ข้างๆเขาเช่นกัน
เฟยเทียนและผู้อาวุโสชวีเกลียดเขาสุดหัวใจและดาวเก้าดวงในตันเทียนของเขานั้นโดดเด่นเกินไป หากพวกนั้นแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกมา เขาก็จะถูกเผยตัวทันที ดังนั้นเจียงอี้จึงรีบขึ้นรถม้าโดยเร็วที่สุด
ฟรึ่บ!
แม้ว่าผู้อาวุโสฉีและผู้อาวุโสกู่จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ปฏิกิริยาของเจียงอี้ก็ทำให้พวกเขาตกใจและรีบเข้าไปในรถม้าอย่างรวดเร็วและควบมันไปยังป่าเล็กๆใกล้ๆ
พวกเขาจะยังคงไม่เป็นอะไรหากพวกเขาอยู่นิ่งๆ!
ในขณะที่พวกเขาเคลื่อนไหวมันกลายเป็นจุดสนใจของเหล่ากองทัพเฟยหม่าและทุกคนก็แผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ไปยังรถม้า ใบหน้าของเจียงอี้ซีดเผือดราวกับหิมะในทันทีหลังจากที่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์สองสายที่คุ้นเคยกวาดไปทั่วร่างกายของเขา
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เฟยเทียนนิ่งงันไปหลังจากที่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาพบเจียงอี้แต่ในไม่ช้าเขาก็ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสุขและเย้ยหยันออกมา
ในเวลาเดียวกันหลานชายของจักรพรรดิแห่งศาสตราก็เข้าไปในราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับและหายลับไป จากนั้นเฟยเทียนจึงหัวเราะออกมา เขาชี้ไปที่รถม้าและตะโกนออกเดือดดาลว่า “ไอ้เด็กชั่ว เจ้าเจอทางไปสวรรค์แล้วแต่ก็ดันไม่ไป แต่เจ้ากลับเลือกที่จะมาตายในนรก ผู้อาวุโสชวี, แม่ทัพหลิว สังหารไอ้สารเลวนั่นให้ข้า ชวีเฟยและคนอื่นๆตายเพราะมัน”
“ไอ้เด็กสารเลวตายซะเถอะ!”
ฝ่ายศัตรูจำเขาได้ทันทีกลิ่นอายสังหารของผู้อาวุโสชวีพุ่งพล่านออกมาและพุ่งไปที่เจียงอี้ ส่วนผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนที่อยู่ถัดจากเฟยฉีก็มองไปที่เขาและเฟยฉีก็ตะโกนอย่างเย็นชาว่า “จัดการพวกมันก่อน!”
ฟรึ่บ!ฟั่บ!
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนสองคนแผ่กลิ่นอายออกมาและพุ่งลงมาตามผู้อาวุโสชวีกลิ่นอายนั้นตราตรึงผู้คนนับร้อยที่นั่นซึ่งพวกเขาต่างอุทานและรีบหนีไปทั่วทุกสารทิศ
“อ๊ากก!”
ขาของจูสุยอ่อนยวบไปด้วยความหวาดกลัวกลิ่นอายนั้นเพ่งเล็งมายังรถม้าบินนี้และจูสุยก็ได้กลิ่นของความตายอย่างชัดเจน
“ข้าควรทำอย่างไรดี?”
เจียงอี้รีบระดมความคิดเพื่อหาทางแก้ไขสถานการณ์นี้ให้ได้
ในเวลาเพียงวินาทีเดียวความคิดนับร้อยก็ปรากฏขึ้นมาและเขาก็ตัดสินใจบางอย่าง ราชวังจักรพรรดิปรากฏขึ้นบนมือของเขาและเมื่อมีแสงสีขาวแผ่ออกมา จูสุยและคนอื่นๆก็เข้าไปข้างในราชวังจักรพรรดิ จากนั้นร่างของเจียงอี้ก็เปล่งประกายด้วยแสงสีขาวก่อนจะหายไปในจุดเดิม
ตูมม!
การโจมตีของผู้อาวุโสชวีตามมาติดๆซึ่งทำให้รถม้าแตกออกเป็นเสี่ยงๆอย่างไรก็ตาม เจียงอี้และคนของเขาก็หายตัวไปจากรถม้า
“หยุดมันไว้!”
ผู้อาวุโสชวีแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์และสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันทีเมื่อมองไปที่ประตูของราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับ เขาก็ตะโกนออกมาและพุ่งไปยังราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับ ฝ่ามือของเขาส่องสว่างไปด้วยแสงสีน้ำเงินแต่เขาไม่ได้ปล่อยการโจมตี เพราะว่า…..ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับอยู่ตรงหน้าเขาและตระกูลเก้าจักรพรรดิก็ได้ประกาศกร้าวแล้วว่าผู้ใดก็ตามที่กล้าโจมตีราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับจะถูกพวกเขาตามล่า
บรึฟ!
พื้นที่ด้านนอกประตูราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับสั่นสะเทือนเล็กน้อยและร่างกายของเจียงอี้ก็พุ่งไปยังประตูอย่างไม่ลังเลและหายลับไปในแสงสว่างของประตู
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนรวมกำลังกันสามคนและยังมีอีกสองคนอยู่ในกองทัพของเฟยฉีเจียงอี้ไม่มีที่ที่จะหนีไปได้และหากเขาอยากจะรักษาชีวิตเอาไว้ ทางเดียวก็คือรีบเข้าไปในราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับ แม้ว่าเขาอาจจะตายที่นั่นแต่อย่างน้อยมันก็ยังมีหวังอยู่บ้าง
“องค์ชายใหญ่,นายน้อย!”
ผู้อาวุโสชวีนั้นมีอายุมากกว่าสามสิบปีแล้วและอีกสองคนก็เช่นกันพวกเขาจึงไม่สามารถเข้าไปในราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับได้และได้แต่หันไปมององค์ชายใหญ่และเฟยเทียนเพื่อให้พวกเขาตัดสินใจ
“พี่ใหญ่!”เฟยฉีอยู่ที่นี่ ดังนั้นเฟยเทียนจึงไม่สามารถเป็นผู้ออกคำสั่งได้และได้แต่มองไปที่เขา
“เฟยถู!”
เฟยฉีไม่ได้มีความลังเลนานเกินไปและเขาก็ตะโกนออกมาจากนั้นแม่ทัพหนุ่มในวัยยี่สิบก็ปรากฏตัวออกมา ชายคนนี้ไม่ได้แข็งแกร่งมากนักและอยู่เพียงขอบเขตจินกังขั้นที่หนึ่งหรือสองเท่านั้น เขาบินไปและป้องมือพร้อมพูดว่า “องค์ชายใหญ่ เฟยถูอยู่นี่แล้วขอรับ”
ดวงตาที่เย็นชาของเฟยฉีกวาดไปรอบๆและตะโกนว่า“นำคนเข้าไปกับเจ้าอีกสองคนและขอให้นายน้อยเจี้ยนสังหารชายผู้นี้ บอกนายน้อยและคุณหนูทั้งหลายในนั้นช่วยกันสังหารคนผู้นั้น แล้วข้า เฟยฉีจะเป็นหนี้บุญคุณพวกเขา”
“ขอรับ!”ชายผู้นั้นป้องมือและตอบกลับและนำผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังอีกสองคนที่อายุน้อยกว่าสามสิบปีรีบเข้าไปข้างในราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับ
ฮือฮา!
สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ทำให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้และองครักษ์จากตระกูลต่างๆที่เฝ้าดูอยู่ด้านล่างต่างพากันปั่นป่วนหลายคนถามถึงตัวตนของเจียงอี้และกลุ่มของเขาเพื่อที่จะรู้ว่าผู้ใดกันที่ช่างกล้ามายั่วยุเฟยฉีถึงทวีปเฟยหม่า
แต่อันที่จริงแล้วพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องสอดแนมไปรอบๆก็ได้เพราะทุกคนก็รู้ดีว่าเจียงอี้นั้นเหมือนคนตายไปแล้วเขากล้าดียังไงที่มารุกรานเผ่าพันธุ์เฟยหม่าในทวีปเฟยหม่า! หากว่าเขาไม่ใช่ลูกหลานตระกูลสูงศักดิ์ เขาก็จะจบเห่อย่างแน่นอน
บทที่ 590 ยากนรก
“หืมมราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับนี่ไม่เหมือนผู้ใดจริงๆ!”
เจียงอี้รู้สึกว่ามีแสงสีขาวสาดส่องมาก่อนที่เขาจะถูกย้ายไปสู่โลกอื่นมันไม่ใช่ห้องโถงกลางแต่เป็นหุบเขาขนาดใหญ่
ที่ด้านหลังของหุบเขานั้นเป็นสีดำสนิทมีถนนใหญ่ทอดยาวไปข้างหน้า มีหน้าผาสูงชันอยู่สองข้างและพวกมันก็ลอยขึ้นไปเหนือฟ้า มีแสงไฟสีขาวนวลส่องกระทบหน้าผาและไม่จำเป็นต้องบอกก็รู้ว่าหนทางเดียวที่จะไปได้คือก้าวไปข้างหน้า
บรึฟ!
เจียงอี้วิ่งไปข้างหน้าและย้ายร่างฉับพลันโดยไม่ลังเลเฟยเทียนและพวกนั้นจะไม่มีวันปล่อยเขาไปและกองกำลังของนั้นอาจมาถึงที่นี่ได้ทุกนาที
ฉิบหาย!
แต่ในทันทีที่ร่างของเจียงอี้ส่องสว่างร่างของเขาก็ปรากฏขึ้นที่เดิมอีกครั้ง บางทีที่นี่อาจพิเศษมากและไม่สามารถย้ายร่างฉับพลันได้
ฟรึ่บ!
เจียงอี้ไม่เสี่ยงที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไปเขาต้องรีบวิ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง ในเวลาเดียวกัน ไข่มุกวิญญาณเพลิงก็ส่องสว่างขึ้นบนมือเขาและราชวังจักรพรรดิก็ปรากฏขึ้น เจียงอี้รู้สึกหดหู่ยิ่งขึ้นเมื่อรู้ว่าเขาต้องการที่จะปล่อยเฟิ่งหลวนและคนอื่นๆออกมาแต่ก็ทำไม่ได้ ผู้คนในราชวังจักรพรรดิออกมาไม่ได้และเขาก็ไม่สามารถเข้าไปได้เช่นกัน พื้นที่นี้ประหลาดนัก
ฟู่!ฟู่!
โชคดีเพียงอย่างเดียวก็คือไข่มุกวิญญาณเพลิงยังคงปลดปล่อยเพลิงโลกาและกาบมังกรเพลิงออกมาได้มิเช่นนั้นเขาก็คงไม่จำเป็นต้องวิ่งและยืนรอความตายอยู่ตรงนั้นได้เลย
“ข้าต้องไปต่อหวังว่าข้าจะไม่วิ่งไปหาถูหลง, หวู่นี่และกลุ่มคนพวกนั้นหรอกนะ ข้าควรหาพื้นที่ปลอดภัยเพื่อซ่อนตัวและหลังจากนั้นหนึ่งปี ข้าก็จะถูกย้ายออกไปโดยอัตโนมัติ อืมมม….มันคงจะดีมากหากว่าข้าได้เจอแม่นางอี”
เจียงอี้วิ่งอย่างบ้าคลั่งขณะที่เขากัดฟันแน่นแม้ว่าเขาจะอยู่ที่นี่แล้ว แต่เขาก็ยังไม่มีความตั้งใจที่จะหาสมบัติใดๆ เขาตระหนักดีว่าที่นี่มียอดฝีมือขอบเขตเทียนจุนอย่างน้อยก็สิบกว่าคนแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความแข็งแกร่งเพียงน้อยนิดของเขา แม้ว่าตัวเขานั้นจะพบสมบัติเจอ แล้วเขาจะถูกปล่อยออกจากเมืองผืนทรายนี้โดยที่ยังรอดชีวิตอยู่หรือ?
หุบเขานี้ยาวไกลมากเจียงอี้วิ่งเร็วที่สุดเท่าที่เขาจะเร็วได้มาห้านาทีแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นอะไร แต่อย่างน้อยเขาก็โล่งใจที่ไม่เห็นใครอยู่ข้างหน้าหรือข้างหลังเขา
เจียงอี้รู้เรื่องราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับนี้น้อยมากจูสุยนั้นไม่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลที่ลึกกว่านี้ได้ ดังนั้นเจียงอี้จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยให้มันเป็นไปตามสถานการณ์
หลังจากนั้นห้านาทีหุบเขาข้างหน้าก็กว้างขึ้นเรื่อยๆและกลายเป็นรูปแตร ซึ่งเจียงอี้ที่แผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์มานานแล้วก็พลันมีสีหน้าที่จริงจัง
มีจัตุรัสขนาดยักษ์อยู่ข้างหน้าเขาบางคนที่เข้ามาในนั้นต่างอยู่ที่นี่ มีคนหลายสิบคนรวมตัวกันอยู่เป็นกลุ่มและจับกลุ่มกันสองสามคน พวกเขารวมตัวกันอยู่รอบๆค่ายกลเคลื่อนย้ายใหญ่ยักษ์สองอัน
ฟรึ่บ!
ในขณะนั้นเองเสียงดังเจาะอากาศมาจากด้านหลังซึ่งเจียงอี้ก็กวาดสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ไปและไม่สามารถหยุดบ่นได้ มีคนสามคนในชุดเกราะจักรวรรดิเฟยหม่ากำลังวิ่งตามมา หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือพวกเขาไล่ตามเจียงอี้มาที่นี่
แม้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเขาจะไม่ได้มีพลังมากนักแต่เขาก็ไม่รู้ว่าด้านหน้านั้นจะมีตระกูลเฟยอยู่หรือมีผู้ใดที่รู้จักกับตระกูลเฟยอยู่หรือไม่
ไป!ไป! ไปป!
เจียงอี้ไม่สนอะไรอีกแล้วเขาวิ่งไปที่จัตุรัสด้วยความเร็วสูงและไปทางค่ายกลเคลื่อนย้ายทางซ้ายที่ไม่มีใครอยู่แถวนั้น จากนั้นเขาก็รีบวิ่งพุ่งตรงเข้าไปหามัน
“เอ่อ…”
ที่จัตุรัสยักษ์,เหล่าฝูงชนเห็นร่างที่กำลังพุ่งไปที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายทางซ้ายมืออย่างบ้าคลั่ง และทุกคนก็หันไปมองชายผู้นั้นด้วยความประหลาดใจ หลังจากที่ตรวจสอบและพบว่ากลิ่นอายของเจียงอี้อยู่เพียงขอบเขตจินกังเท่านั้น ทุกคนต่างก็พากันมองเขาราวกับว่าเขาเป็นพวกสมองนิ่ม
“หืมม?มีอะไรผิดปกติกับค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้กัน?”ไอรีนโนเวล
ความคิดหนึ่งปรากฏขึ้นในใจของเจียงอี้แต่ร่างกายของเขาก็อยู่บนค่ายกลเคลื่อนย้ายนั้นแล้ว และเมื่อแสงสีขาวสว่างขึ้น ร่างของเขาก็หายลับไป
“ไอ้งั่ง…”
“เขาอยู่เพียงขอบเขตจินกังขั้นแรกแต่ยังกล้าที่จะเลือกด่านยากนรกเนี่ยนะนี่เขารู้ตัวหรือเปล่า?”
“ฮ่าฮ่าฮ่ามีบางคนคิดว่าตัวเองสูงส่งเกินไปและหลงอยู่ในจินตนาการของตัวเอง แม้ว่ามันจะยากมากและได้คะแนนเร็วมากเพียงใดแต่เขาก็จะตายเร็วขึ้นเท่านั้น ข้าพนันได้เลยว่าชายผู้นั้นจะไม่ผ่านแม้แต่รอบแรกด้วยซ้ำ”
“มันแน่อยู่แล้วหากเขาผ่านรอบแรกได้ล่ะก็ ข้าจะกินอึเข้าไปสามกิโลเลย!”
เมื่อเจียงอี้หายเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้ายนั้นผู้คนหลายสิบคนที่อยู่ข้างนอกก็พูดกันอย่างทันที ทุกคนมองเขาอย่างดูถูกและเห็นได้ชัดว่าไม่มีผู้ใดมองเจียงอี้ในแง่ดีนัก
อันที่จริงแล้ว….!
แม้เจียงอี้จะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เขาเองก็ไม่เชื่อในตัวเองเช่นกัน
การล่าสมบัตินี้ถูกแบ่งออกเป็นรอบต่างๆซึ่งมีทั้งหมดสิบแปดรอบซึ่งถูกเรียกว่าสิบแปดขุมนรกในแต่ละรอบนั้นมีระดับความยากสามระดับซึ่งมีค่ายกลเคลื่อนย้ายสามแบบ
ผู้คนที่เคยได้เข้ามาล่าขุมทรัพย์ในอดีตนั้นได้จำแนกระดับความยากไว้สามระดับซึ่งก็คือ ระดับกลาง, ระดับเลวร้ายและระดับนรก! เจียงอี้ดันพุ่งเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้ายระดับนรก แต่ตัวเขาเองนั้นไม่รู้ เขาเห็นเพียงแค่ไม่มีผู้ใดอยู่ใกล้ๆค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้และคนข้างหลังกำลังไล่ล่าเขามา ดังนั้น….เขาก็เลยพุ่งเข้ามาก็เท่านั้นเอง
การผ่านรอบของระดับกลาง,ระดับเลวร้ายและระดับนรกนั้นจะได้รับหนึ่งคะแนน, สองคะแนนและสามคะแนนตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม
ทุกคนที่เข้ามาที่นี่ในครั้งนี้เลือกระดับปานกลางหรือไม่ก็ระดับเลวร้ายแม้แต่อัจฉริยะจากเก้าตระกูลเองก็ไม่จำเป็นต้องทำตัวกล้าหาญเพื่อเลือกระดับนรกเลย ในประวัติศาสตร์นั้น….เกือบทุกคนที่เลือกเข้าไปยังระดับนรกล้วนจบชีวิตลงด้วยความตายอันน่าสยดสยอง
การล่าขุมทรัพย์ในราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับนั้นเป็นอะไรที่ตรงไปตรงมามากๆ
ทุกๆครั้งจะมีสมบัติทั้งหมดสิบชิ้น คนแรกที่ผ่านรอบแรกจะได้รับสมบัติอันดับสิบ คนแรกที่สะสมได้สามคะแนนจะได้รับสมบัติอันดับเก้า คนแรกที่ได้สี่คะแนนจะได้รับสมบัติอันดับแปดและเป็นไปเรื่อยๆ ห้าแต้มได้สมบัติอันดับเจ็ด, หกแต้มได้สมบัติอันดับหก, เจ็ดแต้มได้สมบัติอันดับห้า, แปดแต้มได้สมบัติอันดับสี่, เก้าแต้มได้สมบัติอันดับสาม
แต่แน่นอนว่า
มันยากกว่าที่จะได้รับสมบัติอันดับสองและอันดับหนึ่งเพื่อให้ได้สมบัติอันดับสองจะต้องได้สิบสองคะแนนในขณะที่คนที่จะได้รับสมบัติอันดับหนึ่งจะต้องได้สิบห้าคะแนน!
การที่จะสะสมสิบห้าคะแนนเราจะต้องผ่านระดับกลางสิบห้ารอบ หรือระดับน่ากลัวแปดรอบ หรือระดับนรกห้ารอบ!
แต่ปัญหาก็คือในรอบหลายหมื่นปี มีเพียงสามคนที่ผ่านระดับนรกห้ารอบได้สำเร็จ แต่ก็ไม่มีพวกเขาคนใดได้สมบัติเลยเพราะคนอื่นได้คะแนนก่อนเขาไปแล้ว
แม้ว่ามันจะง่ายมากที่จะได้รับคะแนนในระดับนรกแต่อัตราการตายก็สูงมากเช่นกัน โดยปกติแล้วไม่มีผู้ใดจะท้าทายเช่นนั้นเว้นแต่ว่าคนผู้นั้นจะมีความสามารถอันน่าทึ่งอย่างแท้จริงและมีความมั่นใจในตัวเองสูง กลิ่นอายของเจียงอี้นั้นปรากฏว่าเขาอยู่เพียงขอบเขตจินกังขั้นสูงสุดเท่านั้น คนอย่างเขาที่ดันเข้าไปท้าทายด่านนรกมันก็ไม่น่าแปลกใจที่คนอื่นจะมองว่าเขางี่เง่า
ฟรึ่บ!
คนจากตระกูลเฟยมาถึงที่นี่ในไม่ช้าหลังจากที่รู้ว่าเจียงอี้เข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้ายระดับนรก พวกเขาก็เพียงนั่งอยู่ที่จัตุรัสเพื่อรอดู ซึ่งเห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่คิดว่าเจียงอี้จะรอดชีวิตออกมาได้
บรึฟ!
ทันใดนั้นแสงก็ส่องสว่างขึ้นเหนือค่ายกลเคลื่อนย้ายที่สองที่ทำให้ทุกคนต่างพากันหนาวสั่น
ในไม่ช้าแสงนั้นก็รวมตัวเป็นภาพขึ้นมาหญิงสาวผมสีม่วงสวมหน้ากากยืนอยู่หลังประตูซึ่งเปิดออกอย่างช้าๆ นางหายใจเข้าและปล่อยให้ประตูปิดอย่างเงียบๆ และภาพบนท้องฟ้าก็ค่อยๆจางหายไป
“โอ้แม่นางอีผ่านรอบแรกในเวลาสั้นๆและได้รับสมบัติอันดับสิบ!”
“แม่นางอีกนั้นแข็งแกร่งจริงๆศาสตร์อัสนีวิบากของนางไปถึงขั้นบรรลุแล้วหลังจากที่ไปฝึกฝนอยู่ที่ทะเลบูรพาเวิ้งว้างเป็นเวลาสามปี ความแข็งแกร่งของนางนั้นยอดเยี่ยมจริงๆ….”
“เทพธิดาของข้าเป็นคนแรกที่ผ่านรอบนี้มาได้เร็วเข้า! เร่งมือต่อไป! ขอให้คำอธิษฐานของข้าส่งไปถึงท่าน ข้าหวังว่าท่านจะได้หญ้ามังกรยาจกเพื่อที่ความแข็งแกร่งของท่านจะก้าวกระโดดได้”
“….”
ทุกคนต่างตื่นตาอยู่ในจัตุรัสร่องรอยของความหลงใหลปรากฏขึ้นในดวงตาของชายหลายคน พวกเขาพากันอวยพรให้อีฉานประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว ผู้คนหลายคนไม่ได้สนใจที่จะล่าสมบัติและเพียงมาที่นี่เพื่อมองดูคนอื่นๆ มันชัดเจนอยู่แล้วว่าพวกเขาไม่มีโอกาสได้สมบัติทั้งสิบชิ้น ดังนั้นพวกเขาเพียงรอที่นี่และรับข่าวสารเป็นพวกแรกเท่านั้น