เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 611 ผู้พิทักษ์
บทที่ 611 ผู้พิทักษ์
เจียงอี้ได้มองดูผีดิบมากมายและเพิ่งรู้ว่าร่างของพวกมันถูกล้อมรอบไปด้วยกลิ่นอายสีดำในตอนแรกเขาไม่ได้คิดมากและคิดว่าเป็นเรื่องปกติที่กลิ่นอายสีดำอยู่รอบๆผีดิบ หากไม่มีกลิ่นอายสีดำ พวกมันก็จะดูไม่ค่อยเหมือนผีดิบเท่าไหร่นัก
แต่ในตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าคนตายนั้นได้ตายไปแล้วพวกมันจะมีกลิ่นอายสีดำได้อย่างไร?
นอกจากนี้กลิ่นอายสีดำยังสามารถโจมตีสิ่งมีชีวิตได้ดังนั้นมันจึงจะต้องมีบางอย่างผิดปกติกับกลิ่นอายสีดำซึ่งมันเป็นกุญแจสำคัญในการควบคุมผีดิบแน่ๆ
หลังจากที่พิจารณาอย่างรอบคอบแล้วในที่สุดเขาก็ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้น กลิ่นอายสีดำพวกนี้ไม่ได้มาจากร่างของผีดิบแต่ถูกปล่อยออกมาจากร่างดวงจิตวิญญาณในหัวของพวกมัน
ปัญหาก็คือ…!
พวกมันตายไปแล้วและดวงจิตของพวกมันก็หายไปแล้วอย่างมากที่สุด ร่างดวงจิตก็เป็นเพียงของเหลวในสมอง แล้วมันจะปล่อยกลิ่นอายสีดำออกมาได้อย่างไรกัน?
หลังจากที่สำรวจเพิ่มเติมเจียงอี้ก็พบว่าร่างดวงจิตวิญญาณนี้ไม่แม้แต่จะบริสุทธิ์เลย มันเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ถูกคนบางคนขัดเกลาไว้!
มีคนใช้ทักษะทรงพลังขัดเกลาดวงจิตของคนตายเพื่อให้กลิ่นอายสีดำออกมาจากร่างดวงจิตวิญญาณแต่ละดวงอย่างต่อเนื่องนี่คือสาเหตุที่พวกมันกลายเป็นหุ่นเชิดและเป็นกองทัพผีดิบขึ้น
ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องง่ายมากที่จะเอาชนะผีดิบเหล่านี้หนึ่งคือต้องสลายร่างดวงจิตวิญญาณของพวกมัน จากนั้นพวกมันก็จะกลายเป็นคนตายจริงๆและไม่สามารถเคลื่อนไหวหรือโจมตีได้อีกต่อไป นี่เป็นคำอธิบายที่สมเหตุสมผลที่สุดว่าเหตุใดผีดิบที่ถูกเจียงอี้ทุบสมองไปจึงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีก
แม้ว่าจะพบประตูชีวิตแต่ก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะฝ่าไปยังประตูชีวิตนี้เจียงอี้ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะลองในสิ่งที่เขาคิด เขาเก็บดาบมังกรเพลิงกลับไปจากนั้นก็ยิงพลังดัชนีออกมาจากมืออีกข้างซึ่งเล็งไปยังหัวของผีดิบที่เพิ่งจะพุ่งเข้ามา
เจียงอี้แทบจะไม่ได้ใช้แก่นแท้พลังเลยแต่มันไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รู้วิธีการใช้ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวก็ยังปลดปล่อยแก่นแท้พลังได้ และเขาเองก็ปลดปล่อยมังกรเพลิงนับหมื่นตัวออกมาจากดาบมังกรเพลิงที่เป็นการโจมตีรูปแบบเต๋าได้อย่างง่ายดาย ดังนั้น เขาจึงไม่จำเป็นต้องพะวงเรื่องการใช้แก่นแท้พลังเลย
แต่เพื่อพิสูจน์ว่าความคิดของเขาถูกเขาจึงใช้พลังดัชนียิงไปที่หัวของผีดิบเพื่อที่จะเจาะหัวของมันและทำลายร่างดวงจิตวิญญาณ
แต่เขาประเมินความแข็งแกร่งของผีดิบต่ำเกินไปและประเมินแก่นแท้พลังของเขามากเกินไปพลังดัชนีปะทะเข้าไปยังกลางหว่างคิ้วของผีดิบ แต่มันก็ทำให้ตัวเขาเองปลิวลอยไปกับผีดิบอีกสองตัว และมันมีเพียงรอยที่หว่างคิ้วของพวกมัน
“เอ่อ…”
เจียงอี้รู้สึกกังวลขึ้นมาเขาเจอประตูชีวิตแล้วและเหมือนว่าเขาจะพังทลายมันไปไม่ได้? ร่างกายของผีดิบพวกนี้อึดทนชะมัด แต่เมื่อเขานึกถึงการโจมตีรูปแบบเต๋าที่สังหารผีดิบได้นับร้อยตัว แม้ว่ามันจะเป็นเพราะมังกรเพลิงจิ๋วนับหมื่นที่ถูกปล่อยออกมาจากดาบมังกรเพลิง แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าผลลัพธ์ที่ได้มานั้นปกติ
“ข้าควรทำอย่างไรดี?”
เจียงอี้ครุ่นคิดถึงแนวทางแก้ไขที่พอจะเป็นไปได้เขาเริ่มระดมความคิดของเขาขึ้น เพราะหากว่าเขาไม่สามารถทำลายดวงจิตวิญญาณของผีดิบได้โดยง่ายและต้องพึ่งพาดาบมังกรเพลิง เขาก็จะตายไปด้วยความเหนื่อยล้า และการที่จะผ่านประตูชีวิตไปก็คงไม่ได้อะไรอยู่ดี
“นึกออกแล้ว!”ไอรีนโนเวล
ในไม่ช้าเขาก็ผุดความคิดที่บ้าบิ่นขึ้นมาได้ซึ่งตอนแรกเขาเองก็ยังกลัวตัวเองด้วยซ้ำ
ฟรึ่บ!ฟั่บ!
ผีดิบตัวหนึ่งวิ่งพุ่งเข้ามาหาเขาอีกครั้งซึ่งเจียงอี้ก็กัดฟันแน่นและลืมตาขึ้นมาทันที แสงสีขาวสาดส่องมาจากหว่างคิ้วของเขาและพุ่งตรงไปยังหว่างคิ้วของผีดิบตนนั้นทันที
ใช่แล้ว!
เจียงอี้ใช้ดาบวิญญาณของเขาเขามีดาบวิญญาณจิ๋วอยู่ในทะเลแห่งดวงจิตอยู่สามสิบหกดวง ซึ่งพวกมันนั่นป่าเถื่อนมากเพราะแม้แต่จระเข้กลืนวิญญาณยังถูกพวกมันขยี้ไม่เหลือเลย
เขากำลังจะใช้ดาบวิญญาณทำลายดวงจิตวิญญาณของฝูงผีดิบและทำลายแกนหลักของพวกมันซะเช่นนั้น ผีดิบก็จะตายอย่างสมบูรณ์
การโจมตีของเขาอันตรายมากจริงๆหากดาบวิญญาณได้รับความเสียหาย ดวงจิตหลักของเขาก็อาจจะได้รับอันตรายไปด้วยเช่นกัน….หรือแม้กระทั่งถูกกลืนกินและติดเชื้อไปด้วย จากนั้นเขาก็จะกลายเป็นผีดิบและตายไปโดยไม่มีหลุมฝังศพของเขา แต่ตอนนี้เขามีทางเลือกอื่นอีกหรอ?
จี๊ด!จี๊ด!
ดาบวิญญาณของเขาแล่นไปยังสมองของผีดิบและตรงไปยังร่างดวงจิตวิญญาณของมันได้อย่างง่ายดายซึ่งเจียงอี้เองก็รู้สึกกระวนกระวายอย่างมาก เขาจะมีชีวิตอยู่รอดหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการโจมตีในครั้งนี้!
ปัง!
เจียงอี้ได้ยินเสียงเหมือนแตงโมระเบิดดาบวิญญาณของเขาปะทะเข้าไปยังร่างดวงจิตวิญญาณของผีดิบและบดขยี้มันในพริบตา กลิ่นอายสีดำแผ่ออกมาจากร่างดวงจิตและจากนั้นผีดิบก็เริ่มปล่อยควันดำออกมาและจากนั้นมันก็ทรุดลงไปกับพื้น!
“ข้าทำได้แล้ว!”
ดวงตาของเขาสุกสกาวราวกับดวงดาวดาบวิญญาณไม่ทำให้เขาผิดหวังจริงๆ มันทำลายร่างดวงจิตวิญญาณและแก่นกลางที่ควบคุมผีดิบไปได้อย่างง่ายดาย และที่สำคัญที่สุดคือ….ดาบวิญญาณของเขาไม่ได้รับอันตรายหรือถูกกลิ่นอายสีดำทำลายเลยและมันกลับมายังเจียงอี้โดยสภาพดีเหมือนใหม่
“ฮ่าฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
เจียงอี้หัวเราะและมองขึ้นไปบนฟ้าเขาใช้สติปัญญาของเขาพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง และเมืองเฟิงตูจะล่มสลายไปด้วยตัวมันเอง
ฟึ่บ!
ผีดิบตัวอื่นรีบพุ่งมาหาเขาแต่หว่างคิ้วเจียงอี้ก็เปล่งประกายและดาบวิญญาณก็พุ่งเข้าไปยังหว่างคิ้วของผีดิบตนนั้นทันทีก่อนจะกลับไปยังเจียงอี้และจากนั้นมันก็ล้มลงไปกับพื้นและตายลงไป
สามตัว,ห้าตัว…..แปดตัว!
หลังจากผีดิบแปดตัวที่วิ่งเข้าไปในห้องถูกสังหารไปได้อย่างง่ายดายและเมื่อเจียงอี้ตรวจสอบสถานการณ์อย่างรอบคอบและพบว่าไม่มีปัญหาอะไร เขาก็รีบวิ่งออกจากห้องพลางหัวเราะออกมา ดาบวิญญาณสามสิบหกเล่มพุ่งออกมาจากหว่างคิ้วของเจียงอี้และพุ่งไปยังผีดิบที่กำลังวิ่งมาทางเขาจากทั่วทุกสารทิศ จากนั้นเขาก็ปล่อยเพลิงโลกาออกมาห่อหุ้มตัวเองไว้และวิ่งไปข้างหน้า
ปังปึ้ง ปัง ปึง!
เจียงอี้เดินไปบนถนนสายยาวที่เต็มไปด้วยซากศพมากมายร่างกายที่รายล้อมไปด้วยเพลิงโลกา เขาจึงดูเหมือนดั่งเทพเจ้าที่ไม่มีวันตายและดาบวิญญาณสามสิบหกเลมก็กลายเป็นลำแสงสามสิบหกสายที่ร่ายรำอยู่รอบๆตัวเขา ฝูงผีดิบพุ่งเข้ามายังเขาจากทั่วทุกสารทิศ แต่ก่อนที่พวกมันจะทันได้เข้ามาใกล้เขา ดาบวิญญาณของเจียงอี้ก็พุ่งเข้าไปในหว่างคิ้วของพวกมันและพุ่งออกมาจากหลังหัวและจากนั้นผีดิบก็ล้มลงไปที่พื้นและไม่ฟื้นคืนมาอีกเลย
ในตอนนี้เจียงอี้ไม่จำเป็นต้องใช้แก่นแท้พลังใดๆเลยมันง่ายมากที่เขาจะควบคุมดาบวิญญาณสามสิบหกเล่มนี้จนรู้สึกเหมือนเขากำลังวิ่งเล่นอยู่ ในตอนนี้เขามีเวลาเหลือเฟือที่จะหาทางออกแล้ว มันไม่สำคัญว่าจะมีผีดิบอีกกี่สิบล้านหรือกี่พันล้านตัว ในเมื่อดาบวิญญาณทั้งสามสิบหกเล่มของเขายังคงสังหารพวกมันได้ราวกับตัดหญ้าเช่นนี้ แล้วใครจะขัดขวางไม่ให้เขาเดินหน้าต่อไปได้กัน?
ผ่านไปหกชั่วโมง…!
เจียงอี้ก็ถึงปลายทางของถนนสายยาวซึ่งด้านหลังของเขามีศพมากมายนับไม่ถ้วนอยู่ซึ่งคราวนี้มันคือศพจริงๆที่ไม่ต่างจากก้อนหินหรือกองโคลนเลย
เขาไม่รู้ว่าเขาสังหารผีดิบไปมากเท่าใดแล้วแต่เขารู้เพียงว่าเขายังหาทางออกไม่เจอ ซึ่งหากเขาหาทางออกไม่เจอเขาก็จะสังหารผีดิบพวกนี้ต่อไปจนกว่าผีดิบในเมืองจะตายไปจนหมด และเมืองเฟิงตูแห่งนี้จะกลายเป็นเมืองแห่งความตายอย่างแท้จริง
“เคี๊ยก!เคี๊ยก! เคี๊ยก!”
แต่ในขณะที่เขากำลังจะสำรวจถนนสายอื่นต่อเสียงหัวเราะที่น่ากลัวก็ดังออกมาและเสียงของคนแก่ที่เขาเคยได้ยินตอนเขาเข้ามาเมืองเฟิงตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง “เจ้ามนุษย์ หยุดสังหารเสีย! จงตรงไปห้ากิโลเมตรแล้วเลี้ยวขวาซะ ทางออกอยู่สุดถนนเส้นนั้น หากเจ้าต้องการออกไปจากเมืองเฟิงตู เช่นนั้นก็จงมาสู้กับข้า! แน่นอนว่า…ข้าจะมอบชีวิตอันเป็นนิจนิรันดร์ให้แก่เจ้า!”
“ราชาปีศาจ?”
เจียงอี้มองไปยังท้องฟ้าทางซ้ายของเขาเขาไม่ได้แสดงอาการตื่นตระหนกหรือหวาดกลัวใดๆ แต่ริมฝีปากของเขากลับโค้งขึ้นมา ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะอย่างชั่วร้าย “ท่านผู้อาวุโส เลิกเสแสร้งเถอะ หากข้าเดาไม่ผิด ท่านไม่ใช่ราชาปีศาจแต่ท่านคือผู้พิทักษ์ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับแห่งนี้!”