เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 613 การล่าสมบัติเปลี่ยนไป
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 613 การล่าสมบัติเปลี่ยนไป
บทที่ 613 การล่าสมบัติเปลี่ยนไป
ตูม!
ร่างกายที่เหมือนภูเขาของเต่ายักษ์ถูกยกขึ้นและส่งลอยออกไปกระดองเต่าของมันมีรอยแตกขนาดยักษ์ขณะที่หน้าท้องของมันเลือดออก ร่างกายขนาดยักษ์ของมันบินออกไปไกล เหลือไว้เพียงละอองเลือดที่โปรยปรายลงมา ทะเลสาบอันแสนสงบในตอนแรกนั้น บัดนี้ได้เกิดร่องน้ำขนาดใหญ่ที่พื้นผิวของมัน คลื่นยักษ์สาดขึ้นมาอีกครั้งและพุ่งออกไปยังสองฝั่งของร่องน้ำ
ตูม!
ร่างของเต่าตกกระแทกกับชายฝั่งทะเลอย่างแรงซึ่งมันอยู่ห่างออกไปสามร้อยเมตรซึ่งทำให้น้ำแข็งบนพื้นดินแตกออกเป็นเสี่ยงๆขณะที่เกิดหลุมลึกขึ้นบนพื้นดิน เต่าชรานอนหงายขณะที่หน้าท้องของมันชุ่มไปด้วยเลือด ซึ่งมันยังคงไหลออกมาอย่างรุนแรงจากแผลตรงหน้าท้องของมัน
บรึฟ!
เต่าชราตัวนี้ที่ถูกจักรพรรดิลี้ลับเรียกว่าเอ๋าหลู มีแสงสีดำสว่างวาบขึ้นบนร่างกายของเขาและจากนั้นร่างยักษ์ของมันก็หายไปขณะที่มันปรากฏขึ้นเป็นชายชราในชุดดำซึ่งมีผมสีเขียวและคุกเข่าอยู่ข้างหนึ่งในขณะที่ใบหน้าอันเหี่ยวย่นของเขาซีดอย่างน่ากลัว ดวงตาของเขาปิดอยู่แต่เลือดยังคงไหลออกมาจากมุมปากของเขาขณะที่กลิ่นอายของเขานั้นอ่อนแอมาก
“อั๊ก….”
ทันใดนั้นเอ๋าหลูก็กระอักเลือดออกมาในขณะที่เขาค่อยๆลืมตาขึ้นมาซึ่งดวงตานั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขามองไปยังกระท่อมและถอนหายใจออกมาก่อนที่จะพูดว่า “เจ้าคู่ควรกับการเป็นยอดฝีมือท้าทายสวรรค์มาตลอดหลายยุคหลายสมัยแล้ว เพียงเศษเสี้ยวดวงจิตวิญญาณที่เหลืออยู่ก็ยังทำร้ายจักรพรรรดิผู้นี้ได้อย่างหนักหนาเช่นนี้ ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเจ้านั้นน่ากลัวเพียงใดกันนะ?”
“ฮึฮึ!”
เอ๋าหลูเผยรอยยิ้มที่ขมขื่นของเขาออกมาซึ่งมันเต็มไปด้วยความอ้างว้าง,เจ็บปวดและไร้ซึ่งหนทาง
หลังจากที่ถูกขังไว้ในราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับมานานกว่าเจ็ดแสนปีความเคียดแค้น, ความเกลียดชังและความโกรธในใจของเขาก็ถูกสลายไปด้วยมีดนั่น
จักรพรรดิลี้ลับใช้ดาบเล่มนั้นเมื่อครู่นี้ซึ่งมันคือการบ่งบอกว่าการสังหารเขามันไม่ต่างกับการสังหารแมลงเลยและที่ตอนนั้นจักรพรรดิลี้ลับไม่ได้สังหารเขา มันไม่ใช่เพราะว่าเฒ่าชรามีการป้องกันที่แข็งแกร่ง แต่มันเป็นเพราะว่าจักรพรรดิลี้ลับไม่ได้ต้องการสังหารเขา และเขาก็ได้ปล่อยให้เอ๋าหลูปกป้องคุ้มครองราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับเพื่อเป็นการให้เขาได้รับโอกาสที่ดี แต่น่าเสียดายที่เอ๋าหลูไม่เข้าใจจิตใจของจักรพรรดิลี้ลับ
“ฮู่ววว!”
เอ๋าหลูหัวเราะอย่างขมขื่นอยู่ขณะหนึ่งและถอนหายใจออกมายาวเหยียดเขาเดินโซซัดโซเซขณะที่เขายืนขึ้นและกลิ่นอายของเขาก็ค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นความสงบ เขามีสีหน้าที่สงบในขณะที่พึมพำกับตัวเองอย่างเศร้าใจ “อิสระ ในที่สุดก็เป็นอิสระแล้ว! ข้าจะได้กลับไปยังทะเลลึกไร้สิ้นสุดเสียที ผ่านมากว่าเจ็ดแสนปี ข้าสงสัยจริงๆว่าลูกหลานข้าจะยังอยู่แถวๆนั้นมั้ยนะ”
“อั๊กก!”
เขายืนอยู่ตรงนั้นได้ครู่หนึ่งขณะที่ร่างของเขาสั่นเทาอย่างรุนแรงขณะที่กระอักเลือดออกมาอีกครั้งใบหน้าของเขาดูซีดเผือดขณะที่ร่างกายของเขาเซไปมาและเกือบจะล้มลง
ครู่ต่อมาเขานั่งขัดสมาธิและถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “ดูเหมือนว่าข้าควรจะพักฟื้นร่างกายตัวเองก่อนดีกว่า ไม่เช่นนั้นข้าอาจถูกยอดฝีมือของเผ่าพันธุ์มนุษย์สังหารไปในตอนที่ข้านำราชวังไปวางไปบนหุบเขาลี้ลับเอาได้”Aileen-novel
เอ๋าหลูรู้สึกหวาดกลัวกับดาบของจักรพรรดิลี้ลับนักเขาไม่อาจเข้าใจได้ว่าเหตุใดจักรพรรดิลี้ลับถึงได้อยู่มาได้มากกว่าเจ็ดแสนปี แล้วในเมื่อเขาได้อิสรภาพคืนมาแล้ว จักรพรรดิลี้ลับจะสังหารเขาได้อย่างไรกัน? แต่อย่างไรก็ตามแต่ ดาบนั้นก็ได้ทำให้เขารู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่อาจพรรณนาได้ว่า……..หากเขาไม่เชื่อฟังคำสั่งของจักรพรรดิลี้ลับ เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนำราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับไปยังหุบเขาลี้ลับก่อนที่จะกลับไปสู่ทะเลลึกไร้สิ้นสุด
เขาเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจและหุบเขาลี้ลับนั้นตั้งอยู่ในทวีปจักรพรรดิบูรพาและในตอนนี้ เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและไม่ว่าเขาจะมีพลังต่อสู้ที่น่ากลัวเพียงใด แต่เขาก็อาจจะยังคงถูกสังหารไปได้หากยอดฝีมือทุกคนร่วมมือกัน เขาก็เลยตัดสินใจที่จะพักฟื้นก่อนที่จะออกเดินทาง เหนือสิ่งอื่นใดแล้ว ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับแห่งนี้ก็เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในปฐพีนี้แล้ว
เขาค่อยๆหลับตาลงไปหลังจากที่เขาพักฟื้นตัวได้ชั่วขณะหนึ่งแล้ว เขาก็นึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้และลืมตาขึ้นมา จากนั้นเขาก็กลายเป็นแสงสีขาวพุ่งทะลุผ่านท้องฟ้าและหายลับไป จากนั้นเขาก็พึมพำและหลับตาลงอีกครั้ง “อืม….ข้าจะพักฟื้นเสร็จภายในครึ่งเดือน และการทดสอบด่านนี้จะสิ้นสุดลง ในเมื่อเด็กนั่นลบล้างชิ้นส่วนที่จักรพรรดิลี้ลับซ่อนเอาไว้ไปถึงสองส่วนแล้ว มันจึงไม่มีความหมายอะไรที่จะผ่านด่านแล้ว…”
…
บรึฟ!
ในขณะที่เอ๋าหลูกลายเป็นแสงสีขาวนั้นพระราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับทั้งราชวังก็สว่างวาบและเปล่งแสงจนมองไม่เห็น ซึ่งทำให้ผู้อาวุโสชวีและคนที่รอการต่อสู้หลังการล่าสมบัติพากันตกตะลึง
ฟรึ่บฟั่บ ฟั่บ!
หน่วยลับทั้งหลายต่างพากันบินออกมาจากที่ซ่อนและมองไปยังราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับอย่างประหม่าด้วยสายตาที่มีแต่ความสงสัยมันผ่านไปได้ครึ่งเดือนนับตั้งแต่การล่าสมบัติเริ่มต้นขึ้น แล้วมันจะจบลงไปได้อย่างไรกัน? มีคนครองสมบัติทั้งหมดแล้วหรือ? หรือทุกคนที่พยายามฝ่าด่านตายไปกันหมดแล้ว?
เมื่อนึกถึงสิ่งต่างๆมันก็ทำให้หัวใจของทุกคนต่างหยุดเต้น หากนายน้อยและคุณหนูของพวกเขาตกตายไป พวกเขาก็ไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าผู้เป็นนายของพวกเขาจะเกรี้ยวโกรธเพียงใด
บรึฟ!
และทันใดนั้นเอง!
พื้นที่ด้านนอกประตูบานใหญ่ของราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับก็สั่นสะเทือนขึ้นมาซึ่งทำให้ทุกคนเป็นกังวลมากขึ้นแต่พวกเขาทั้งหมดก็รู้สึกผิดหวังอย่างรวดเร็ว เพราะผู้ที่ถูกย้ายออกมาไม่มีนายน้อยและนายหญิงของพวกเขาอยู่ด้วย
“องค์ชายใหญ่!”
ดวงตาของผู้อาวุโสชวีและคนของเขาสว่างขึ้นทันทีขณะที่เฟยเทียนที่อยู่บนอาชาเหินฟ้าก็เช่นกันเขารีบสั่งให้คนควบอาชาเหินฟ้าบินไป ซึ่งคนกว่าร้อยคนที่ถูกย้ายออกมาคือเฟยฉีและคนอื่นๆในจัตุรัสหยกขาว
“พี่ใหญ่เกิดเรื่องอันใดขึ้นขอรับ?”
เฟยเทียนตะโกนมาแต่ไกล“การล่าสมบัติจบลงแล้วหรือ? ใครเป็นผู้ได้หญ้ามังกรยาจกไป?”
อันที่จริงแล้ว….!
เฟยฉีและคนอื่นๆต่างก็มีสีหน้างุนงงขณะที่มองไปรอบๆ ดวงตาของพวกเขาก็หดลงและมีคนอุทานขึ้น “สวรรค์ ไม่มีผู้ใดได้เกราะเมฆาอัคคี, วิชาหลีกสวรรค์และหญ้ามังกรยาจกไป แต่เราถูกย้ายออกมา หรือว่า…?”
“อะไรนะ?”
ผู้เชี่ยวชาญด้านนอกนับไม่ถ้วนตะโกนออกมาเช่นกันผู้ที่อยู่ขอบเขตเทียนจุนที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหารอันเยือกเย็นคว้าคอคนผู้หนึ่งมาและคำรามว่า “ไม่มีผู้ใดได้เกราะเมฆาอัคคี, วิชาหลีกสวรรค์และหญ้ามังกรยาจกจริงหรือ?”
ดวงตาของเฟยฉีเผยร่องรอยของความกลัวขณะที่ทุกคนพากันมองหน้ากันและทุกคนก็เปลี่ยนสีหน้ากันอย่างมากผ่านไปช่วงหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังไม่มีผู้ใดผ่านด่านมาได้ตั้งแต่เสียเฟย, อีฉานและคนอื่นๆติดอยู่ในด่านที่สี่ แม้แต่หลิวชิงเองก็ไม่สามารถผ่านด่านที่แปดได้ ซึ่งมันมีพยานอยู่ตรงนั้นมากมายและมันก็ไม่น่ามีสิ่งใดผิดพลาด ซึ่งนั่นหมายความว่า ไม่มีผู้ใดได้สมบัติทั้งสามชิ้นนั้นไป!
การที่พวกเขาถูกย้ายออกมาอย่างกะทันหันมันมีเพียงคำอธิบายเดียวก็คือ…..การล่าสมบัติสิ้นสุดลงแล้ว ในอดีต การล่าสมบัตินั้นจะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อมันครบกำหนดระยะเวลาหนึ่งปี, หรือได้สมบัติทั้งสิบชิ้นไปแล้ว หรือไม่ก็คือทุกคนที่อยู่ในนั้นตายกันหมดแล้ว!
ประตูราชวังเปิดออกได้ครึ่งเดือนตั้งแต่การล่าสมบัติเริ่มขึ้นและยังมีสมบัติอีกสามชิ้นที่ยังไม่มีผู้ใดได้ไป ดังนั้นมันจึงเหลือเพียงอย่างเดียวคือ……ทุกคนตายหมดแล้ว!
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ร่างของเฟยฉีก็สั่นสะท้านไปหมด หลานชายของจักรพรรดิแห่งศาสตรา, เจี้ยนอู๋อิงยังอยู่ข้างในนั้น ร่างกายวิญญาณที่แท้จริงที่ปรากฏขึ้นเพียงแสนปี ผู้เป็นหลายชายที่โปรดปรานของจักรพรรดิแห่งศาสตราตกตายอยู่ในทวีปเฟยหม่าจริงๆหรือ? ไม่ควรมีผู้ใดถูกตำหนิจากการล่าสมบัติในราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับ แต่หากว่าจักรพรรดิลี้ลับเดือดดาลขึ้นมา ตระกูลเฟยอาจจะรอดต่อไปได้ แต่เฟยฉี, เฟยเทียน, ผู้อาวุโสชวีและคนอื่นๆอาจจะไม่รอดชีวิต
เวลาค่อยๆผ่านไปและพื้นที่ด้านนอกราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆอีกซึ่งทำให้ใบหน้าของทุกคนดูย่ำแย่มากขึ้นเรื่อยๆในขณะที่ใจของพวกเขารู้สึกสิ้นหวังมากขึ้นเรื่อยๆ
มีผู้คนมากมายอยู่นอกราชวังรวมๆแล้วอย่างน้อยสองสามหมื่นคนซึ่งตอนนี้ไม่มีผู้ใดกล้าพูดออกมาเลยเพราะพวกเขากลัวว่าพวกเขาอาจจะทำให้หน่วยลับของตระกูลใหญ่โกรธเกรี้ยวได้ และเมื่อมันเป็นเช่นนั้น นอกราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับจะต้องเกิดการนองเลือด
ครึ่งชั่วโมง,หนึ่งชั่วโมง……หนึ่งชั่วโมงครึ่ง!
ตอนนี้ทุกคนจมอยู่กับความสิ้นหวังหากมีใครจะถูกย้ายออกมา ในตอนนี้พวกเขาก็คงจะออกมาแล้ว ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับปรากฏขึ้นเพียงครั้งเดียวในทุกพันปีและทุกตระกูลได้บันทึกไว้ว่าทุกคนจะถูกย้ายออกมาทันทีเมื่อการล่าสมบัติสิ้นสุดลง แต่มันผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว
“นี่มันไม่ถูก!”
ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งตะโกนออกมา“มีบางอย่างไม่ถูกต้อง นายน้อยและคนอื่นๆอาจจะยังไม่ตายก็ได้ เพราะเมื่อการล่าสมบัติสิ้นสุดลงแล้ว ไม่เพียงแต่ผู้คนจะถูกย้ายออกมา แต่ราชวังก็จะหายไปทันทีด้วย!”
“ใช่แล้ว!”
ทันใดนั้นทุกคนก็ตระหนักได้และดวงตาของพวกเขาก็สว่างขึ้นอีกครั้งมันผ่านมาชั่วโมงครึ่งแล้ว แต่ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับยังอยู่ที่นี่ มันหมายความว่ามีสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป และเสียเฟย, อีฉาน, หวู่นี่และคนอื่นๆอาจจะยังมีชีวิตอยู่ก็ได้