เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 619 ทุกคน อย่าขยับ!
บทที่ 619 ทุกคน อย่าขยับ!
อีฉาน,หยิ่นรั่วปิงและหลิงชือหย่ารู้จักเจียงอี้อยู่แล้ว แม้ว่าเขาจะไม่ได้ปลอมตัวและฟื้นคืนรูปลักษณ์เดิมของเขา แต่หยิ่นรั่วปิงและหลิงชือหย่าก็คุ้นเคยกับกลิ่นอายวิญญาณของเขา ยิ่งอีฉานยิ่งไม่ต้องพูดถึงเพราะนางได้พบเจียงอี้ที่ทะเลมรณะสองครั้งและยังช่วยเขาไว้ที่ทะเลบูรพาเวิ้งว้างและใช้เวลาด้วยกันนับสิบวันในโลงศพโบราณ
ในตอนแรกพวกนางทั้งสามไม่ได้สนใจเจียงอี้มากนัก แต่ที่หยิ่นรั่วปิงจำเขาได้เพราะสภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ ส่วนหลิงชือหย่าจำเขาได้เพราะเขาบอกว่ารู้จักอีฉาน และหลังจากนั้น เหตุหารณ์ที่สะพานไร้ประโยชน์ก็ยังได้สร้างความประทับใจให้กับทั้งคู่มากขึ้นเล็กน้อย ส่วนอีฉานไม่ได้สนใจเจียงอี้เลยแม้แต่น้อย ไม่เช่นนั้นนางจะไม่ทิ้งเขาไว้ที่ทวีปเฟิ่งหมิงและคงพาเขากลับไปที่ตระกูลแล้ว
ทั้งสามคนนี้ล้วนเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์และเป็นทายาททางสายเลือดโดยตรงของเก้าตระกูลจักรพรรดิพวกนางได้พบเจอสิ่งที่น่าอัศจรรย์มามากมาย ฉะนั้นอัจฉริยะเช่นเจียงอี้จึงถูกมองว่าเป็นคนธรรมดา และยิ่งไปกว่านั้น ร่างของเจียงอี้เองก็ได้ถูกทำลายไปเพราะศิลาสวรรค์แล้ว
แต่แน่นอนว่า!
หลังจากเหตุการณ์ในวันนี้เจียงอี้ได้ทำให้พวกนางทั้งสามเลื่อมใสมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอีฉานและหยิ่นรั่วปิง พวกนางทั้งคู่มองไปที่เจียงอี้ด้วยสายตาเสียดาย
เจียงอี้อาศัยความแข็งแกร่งขอบเขตจินกังและสถานะที่ไม่มีภูมิหลังใดๆและความกล้าหาญที่จะแข่งขันกับเหล่านายน้อยและคุณหนูเหล่านี้แล้วเขายังเลือกระดับยากนรกที่เป็นระดับที่ไม่มีใครกล้าเลือกอีก ไม่เพียงแต่เขาจะไม่ตายแต่เขายังผ่านด่านมาได้อย่างต่อเนื่องและได้สมบัติที่แข็งแกร่งทั้งสามชิ้นไปครองอีกด้วย
ที่สำคัญที่สุดคือเขาเป็นผู้เปลี่ยนกฎของราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับหากเป็นคนอื่น พวกเขาคงจะบอกว่าเขาแค่โชคดี แต่พวกนางทั้งสามคนรู้ดีว่าไม่ว่าเจียงอี้จะได้สมบัติทั้งสามชิ้นมาได้อย่างไรนั้น มันไม่ใช่โชค
การล่าสมบัติมีมานานกว่าเจ็ดแสนปีในทุกๆพันปีที่ผ่านมาแม้ว่าหลายครั้งที่ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับจะปรากฏในที่ที่เงียบสงบเกินไปซึ่งไม่มีเวลาให้ผู้คนได้เข้าไป แต่ในเจ็ดแสนปีที่ผ่านมา มีนายน้อยและคุณหนูมากมายเท่าใดที่เข้าไปในนั้น? มีอัจฉริยะกี่คนที่เข้าไปในนั้น? ทำไมไม่มีผู้ใดเปลี่ยนกฎได้มาก่อน? ซึ่งนี่มันก็บ่งบอกอยู่แล้วว่ามันคือความสำเร็จที่ท้าทายสวรรค์แล้ว
กฎของราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับไม่เคยเปลี่ยนแปลงมานานกว่าเจ็ดแสนปีแต่เจียงอี้กลับเปลี่ยนมันได้ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาไม่ธรรมดา มันหมายความว่าราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับยอมรับเจียงอี้แล้ว แล้วจะมีผู้ใดอีกบ้างที่สามารถทำเช่นนี้ได้?
แต่น่าเสียดายนัก….
ไม่ว่าเขาจะพิเศษแค่ไหนแต่ในความคิดของพวกนางทั้งสามก็คิดว่าเจียงอี้คงไม่รอดพ้นชะตากรรมแห่งความตายในวันนี้ไปได้ มันคงจะไร้ประโยชน์แม้ว่าอีฉานและหยิ่นรั่วปิงจะยืนหยัดปกป้องเจียงอี้ เพราะเสียเฟยและเจี้ยนอู๋อิงคงไม่ไว้หน้าใครอย่างแน่นอนเพราะพวกเขามุ่งมั่นที่จะได้ครอบครองสมบัติทั้งสามชิ้น! ดังนั้นพวกนางทั้งสามจึงเผยสายตาแห่งความเสียดายออกมาและอีฉานเองก็ถึงกับถอนหายใจเบาๆออกมา
“ทุกคนอย่าขยับไม่เช่นนั้น ข้าจะทำลายหญ้ามังกรยาจกซะ!”
เสียงคำรามที่ทำให้ร่างอันบอบบางของทั้งสามคนสั่นสะท้านขึ้นมาดวงตาของอีฉานและหยิ่นรั่วปิงสว่างขึ้นและเห็นด้วยกับความฉลาดของเด็กคนนี้เงียบๆ ดูท่าแล้ว มันยังมีโอกาสที่จะเปลี่ยนสถานการณ์ให้ดีขึ้นได้
ฟรึ่บ!ฟั่บ! พรึ่บ!
แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ!ไอรีนโนเวล
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนกว่าเจ็ดสิบคนทั้งหมดยืนอยู่กลางอากาศเนื่องจากเจี้ยนอู๋อิงและเสียเฟยเห็นว่าหญ้ามังกรยาจกนั้นล้ำค่าเป็นอย่างยิ่งและหากเจียงอี้ทำลายมันไปจริงๆ มันก็คงจะแย่มากแน่ๆ
ทุกสายตาจับจ้องไปยังกล่องหยกสีขาวในมือเจียงอี้ขณะที่แผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาออกไปเพื่อตรวจดูว่าหญ้ามังกรยาจกอยู่ในนั้นจริงหรือไม่แต่น่าเสียดายที่กล่องหยกมีอาคมยับยั้งอยู่จึงไม่มีผู้ใดมองทะลุเข้าไปได้เลย
“มันคือความจริง!หญ้ามังกรยาจกอยู่ในนั้นจริงๆ!”
คนแรกที่พูดออกมาคือหยิ่นรั่วปิงริมฝีปากของนางขยับขณะที่พูดว่า “ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของหญ้ามังกรยาจก”
หยิ่นรั่วปิงมีร่างน้ำแข็งและไม่มีใครสงสัยในคำพูดของนางและการที่เจียงอี้สวมชุดเกราะเมฆาอัคคีอยู่นั้นมันก็หมายความว่าหญ้ามังกรยาจกต้องอยู่กับเขาแน่นอน
“นี่เจ้าน่ะ ข้าเป็นหลานชายจักรพรรดิแห่งศาสตรา นามว่าเจี้ยนอู๋อิง ส่งหญ้ามังกรยาจกมาให้ข้าแล้วข้าจะไม่เอาวิชาหลีกสวรรค์และเกราะเมฆาอัคคี และข้ายังรับประกันได้เลยว่าเจ้าจะได้รับความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งชั่วชีวิต!”
“ข้ามีนามว่าเสียเฟยประมุขน้อยตระกูลเสีย ส่งหญ้ามังกรยาจกมาให้ข้าและข้ารับประกันได้เลยว่าจะไม่มีผู้ใดแตะต้องเจ้าได้ และข้าจะให้เจ้ามีเกียรติและความรุ่งโรจน์ไปชั่วชีวิต”
“เจ้าหนูข้ามีนามว่าหวู่นี่ จักรพรรดิอุดรหวู่ซางเป็นปู่ของข้า หากเจ้ามอบสมบัติทั้งสามชิ้นให้แก่ข้า ข้าจะรับประกันชีวิตของเจ้า ว่ายังไงล่ะ? และข้าจะให้เจ้าเข้าร่วมกับโถงวรยุทธด้วย….”
“ข้ามีนามว่าถูหลง…”
“…”
ในเวลาเดียวกันข้อความเสียงที่ส่งมาก็สะท้อนอยู่ในใจของเจียงอี้ ไม่เพียงแต่เจี้ยนอู๋อิงและเสียเฟย แต่หวู่นี่, ถูหลงและหลิงชีเจี้ยนเองก็ส่งข้อความมาด้วยเช่นกัน และเขาต้องยอมรับว่าทั้งสามคนหลังนั้นหน้าไม่อายจริงๆ หากเจียงอี้มอบให้พวกเขาทั้งสามไป เขาอาจจะตายไปโดยไม่รู้ตัวเลยก็ได้
เจียงอี้นั้นสวมเกราะรบสีแดงอยู่มันไม่ใช่แค่เพียงเกราะที่กันเพียงแค่ลำตัว แต่มันห่อหุ้มเจียงอี้เอาไว้ทั้งร่าง
ชุดเกราะนี้ถูกหลอมด้วยวัสดุลึกลับและมีลวดลายที่งดงามไม่เพียงแต่มันจะดูสง่างามแล้ว แต่มันยังดูน่าหลงใหลไปด้วยสีแดงอ่อนๆอีกด้วย
“พอได้แล้วพวกเจ้าทุกคนเลิกส่งข้อความมากันเสียที!”
เจียงอี้ไม่รู้วิธีการบินดังนั้น ร่างของเขาจึงตกลงไปตามธรรมชาติ โชคดีที่เมื่อราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับหายไป ร่างของเขาก็ลอยอยู่กลางอากาศและลงไปยืนอยู่ตรงยอดเขา
ใบหน้าของเขาดูไม่ร้อนรนเลยเขามองไปรอบๆและพูดอย่างแผ่วเบาว่า “ทุกๆท่าน ข้าน้อยผู้ต่ำต้อยรู้ดีว่ากำลังของข้านั้นไร้สามารถและข้าได้ตกอยู่กับบาปร้ายแรงที่ได้ครอบครองสมบัติทั้งสามชิ้นนี้ ข้ารู้ดีว่าข้าจะต้องตายอยู่ที่นี่อย่างแน่นอนหากข้าไม่ส่งสมบัติเหล่านี้ให้ และตัวข้าเองก็ไม่ได้มีความตั้งใจจะเก็บมันไว้เอง ทุกท่านโปรดรอให้ข้าจัดการบางอย่างให้เสร็จก่อนได้หรือไม่ แล้วข้าจะมอบสมบัติเหล่านี้ให้? พวกท่านทั้งหมดสามารถสู้เพื่อเอามันไปได้โดยอาศัยกำลังของพวกท่านเอง ว่ายังไงล่ะ?”
ฮือฮา!
เมื่อเจียงอี้พูดจบข้างนอกก็เกิดความโกลาหลขึ้นทันที ใครจะไปคิดว่าเจียงอี้จะเจียมเนื้อเจียมตัวเช่นนี้? เขาพร้อมที่จะให้สมบัติทั้งสามชิ้นนี้จริงๆหรือ? ดวงตาของหวู่นี่, ถูหลงและหลิงชีเจี้ยนสว่างขึ้นทันที เดิมทีพวกเขาทั้งสามคิดว่าตัวเองคงไม่มีโอกาส แต่สถานการณ์มันเปลี่ยนไปจริงหรือ? หากพวกเขาทั้งสามได้สมบัติไป ตระกูลเสียและจักรวรรดิเฟยหม่าคงไม่กล้าสังหารพวกเขาหรอกใช่ไหม?
ดวงตาของเสียเฟยและเจี้ยนอู๋อิงก็สว่างขึ้นเช่นกันตระกูลของพวกเขามีผู้เชี่ยวชาญมากมายและมันเป็นเรื่องแน่นอนว่าพวกเขาทั้งสองจะได้สมบัติไปในท้ายที่สุด ตราบใดที่เจียงอี้ไม่ทำลายหญ้ามังกรยาจก ทุกคนก็ยังสามารถต่อรองได้อยู่
อีฉานและหยิ่นรั่วปิงมองหน้ากันและเกิดความสงสัยขึ้นในดวงตาของพวกนางความดื้อรั้นและไม่ยอมใครของเจียงอี้ในตอนที่อยู่บนสะพานไร้ประโยชน์ยังคงอยู่ในใจของหยิ่นรั่วปิง นางคิดว่าเจียงอี้ไม่ใช่คนประเภทที่ยอมจำนนง่ายๆ นี่เขาพยายามจะทำอะไร? อีฉานเคยเจอเจียงอี้อยู่ไม่กี่ครั้งและนางก็เชื่อเช่นกันว่าเจียงอี้ไม่ใช่คนขี้ขลาดที่จะยอมจำนนต่อผู้อื่น
เสียงอันเย่อหยิ่งสะท้อนออกมาพร้อมกับดึงสติของทั้งคู่กลับมาเสียเฟยเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมาขณะที่เขาถามอย่างไม่แยแสว่า “เจ้าอยากจัดการสิ่งใด? ตราบใดที่มันไม่มากเกินไป นายน้อยผู้นี้จะช่วยเจ้าเอง”
เจี้ยนอู๋อิงเองก็ไม่อยากเป็นผู้เสียเปรียบในขณะที่ปากของเขากระตุกและพูดว่า“แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ยากเย็น แต่นายน้อยผู้นี้จะช่วยให้เจ้าทำมันให้สำเร็จเอง!”