เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 622 วิชาหลีกสวรรค์
บทที่ 622 วิชาหลีกสวรรค์
“ไอ้งั่ง!”เฟยฉีตะโกนออกมาอย่างเย็นชาและใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นมืดมนและไม่ได้สนใจเฟยเทียนเลย เขามองไปที่เสียเฟยที่อยู่ไกลๆ
“ฮึฮึ!”
เสียเฟยแสยะยิ้มและหันไปหาเจียงอี้“เจ้าอยากนั่งดูเสือขย้ำกันและชุบมือเปิบอย่างนั้นรึ? เจ้าเล่ห์นัก เลิกพูดจาไร้สาระซะ…..เจ้าจะส่งสมบัติมาหรือไม่? หากว่าไม่ เช่นนั้นเจ้าจะต้องเสียใจ!”
เจียงอี้ยิ้มอย่างฉลาดและไม่ได้สนใจเสียเฟยเขาเหลือบมองไปที่เจี้ยนอู๋อิงและพูดว่า “ท่านคงเป็นนายน้อยเจี้ยนใช่หรือไม่? หากท่านทำให้ข้าพอใจ ข้าจะให้หญ้ามังกรยาจกแก่ท่าน ว่ายังไงล่ะ?”
ฟรึ่บ!ฟั่บ! ฟั่บ!
เฟยฉีและเฟยเทียนหน้าซีดกันไปหมดเสียเฟยเองก็เช่นกัน มันง่ายมากที่เจี้ยนอู๋อิงจะสังหารเฟยเทียน และหากว่าเขาตกลง หญ้ามังกรยาจกจะตกเป็นของเจี้ยนอู๋อิงหรือไม่?
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เจี้ยนอู๋อิงยืนอยู่บนนกร็อกปีกทองแม้ว่าเขาจะตัวเล็กแต่กลิ่นอายของเขานั้นไม่ใช่ใครจะมาดูแคลนได้ง่ายๆ เขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมาและพูดอย่างยะโส “ตระกูลเฟยและตระกูลเจี้ยนเป็นมิตรกันมาหลายชั่วอายุคนแล้ว เจ้าไม่อาจทำให้ข้าไขว้เขวได้ถึงแม้ว่าจะเป็นกระบี่ลี้ลับก็เถอะ อย่าว่าแต่หญ้ามังกรยาจกเลย เจ้าสร้างความบาดหมางระหว่างเราสองตระกูลไม่ได้หรอก”
เฟยฉีและผู้เชี่ยวชาญจักรวรรดิเฟยหม่ารู้สึกถึงคำพูดของเขาจากนั้นเฟยฉีก็นำทัพไปคำนับเจี้ยนอู๋อิง เขาตะโกนว่า “นายน้อยอิงช่างเป็นผู้มีคุณธรรมนัก ท่านเสี่ยงแม้กระทั่งชีวิตของตัวเองเพื่อต่อต้านเจียงอี้เพื่อเรา”
หวู่นี่,ถูหลง, หลิงชีเจี้ยนและคนอื่นๆก็พยักหน้าเล็กน้อยและเลื่อมใสเจี้ยนอู๋อิงสำหรับสมองและมารยาทของเขา สิ่งที่พวกเขาเคยดูถูกเอาไว้ได้หายไปสิ้น ร่างกายวิญญาณที่แท้จริงของตระกูลเจี้ยนนั้นพิเศษมาก และไม่ว่าเขาจะเสแสร้งหรือไม่ เขาก็จะได้รับการสนับสนุนจากตระกูลเฟยอย่างแท้จริง
เจี้ยนอู๋อิงยิ้มจางๆเขาหันไปหาเจียงอี้และโบกมือ “ข้าทำสิ่งนี้ไม่ได้ แต่หากเป็นสิ่งอื่นก็อาจจะได้ เจ้าลองบอกมาแล้วข้าจะทำให้!”
เจียงอี้หันไปมองหวู่นี่และเผยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมาพร้อมกับชี้ไปทางนั้นและพูดว่า“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น งั้นหักแขนขานายน้อยหวู่นี่หรือทำให้เขาเปลือยสิ แล้วข้าจะยกสมบัติให้”
“…..”
ทุกคนตกตะลึงกับคำพูดนั้นหวู่นี่เป็นศัตรูของเขาหรือ? หากว่าแขนขาของหวู่นี่หักหรือถูกเปลือยกายในที่สาธารณะ เขาก็คงจะไม่สามารถชูคอได้ไปตลอดชีวิต นี่เจียงอี้เกลียดชังเขามากขนาดไหนกัน?
“ฮึ!”
อีฉานและอีกสองคนส่งเสียงออกมาหลิงชือหย่าหน้าแดงไปด้วยความอับอาย ส่วนหยิ่นรั่วปิงดูค่อนข้างสงบนิ่งแต่ความโกรธยังคงสาดส่องอยู่ในดวงตาของนาง กิริยาของเจียงอี้นั้นหยาบคายนัก และตอนนี้เขาก็ทำอะไรตามอำเภอใจแถมยังต้องการให้หวู่นี่เปลือยกายอีก
“เจ้า….”
ปกติแล้วหวู่นี่จะมีทีท่าสงบนิ่งและไม่ค่อยแสดงอาการต่อสาธารณะเท่าไหร่นักแต่ตอนนี้เขาโกรธมากๆพร้อมกับจ้องมองไปที่เจียงอี้ด้วยสายตาที่เดือดดาลและกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เราไม่เคยรู้จักกันและไม่มีความขุ่นเคืองใดต่อกัน ทำไมเจ้าถึงทำให้ข้าต้องอับอายด้วย?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เจียงอี้หัวเราะออกมาและไม่ได้อธิบายอะไรเขาเพียงแค่มองไปที่เจี้ยนอู๋อิงและรอการตัดสินใจของเขา
ใช่แล้ว!
หวู่นี่ไม่ใช่ศัตรูของเขาแต่มันเป็นโถงวรยุทธต่างหากและเขาก็เชื่อว่าหลังจากนี้ตัวตนของเขาจะถูกเปิดเผยทันที ไม่เพียงแต่หวู่นี่แต่ยังรวมถึงถูหลง, เสียเฟยและคนอื่นๆจะรวบรวมข้อมูลของเขาด้วย ทุกสิ่งที่เขาทำในทวีปเทียนชิง, ทวีปเฟิ่งหมิงและทวีปมนุษย์กลายพันธุ์จะถูกขุดคุ้ยขึ้นมา
แม้ว่าพวกเขาจะปล่อยเรื่องราวในอดีตไปแต่ในภายภาคหน้าเขาก็จะตกเป็นเป้าหมายของนายน้อยเหล่านี้อยู่ดี แม้แต่ตระกูลหลิงชือหย่าและหยิ่นรั่วปิงเองก็อาจจะไล่ล่าเขาก็ได้
ดังนั้น….เขาจึงไม่มีอะไรให้ต้องระวังและมันขึ้นอยู่กับว่าเจี้ยนอู๋อิงจะฉลาดและกล้าหาญพอหรือไม่
เจี้ยนอู๋อิงยังคงเงียบเช่นเคยและเสียเฟยเองก็ด้วย เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังชั่งน้ำหนักความสูญเสียกับผลกำไรอยู่
ใบหน้าของหวู่นี่เริ่มซีดเผือดสาวใช้และองครักษ์ลับเองก็รู้สึกประหม่าเช่นกัน หากเจี้ยนอู๋อิงและเสียเฟยต้องการหญ้ามังกรยาจกมากจนพวกเขารุกรานตระกูลหวู่ได้ หวู่นี่ก็จะถูกหักแขนขาหรือไม่ก็ถูกเปลือยกายอยู่ที่นี่
“อุ๊บ!”
จู่ๆหยิ่นรั่วปิงก็ยิ้มออกมานางดึงดูดความสนใจของอีฉานและหลิงชือหย่าจนหลิงชือหย่าต้องส่งข้อความเสียงมาถาม “พี่ใหญ่ปิง ทำไมท่านจึงหัวเราะเช่นนั้น?”
หยิ่นรั่วปิงเหลือบมองไปที่เจียงอี้และกระซิบกลับว่า“คนคนนี้กล้าหาญมาก เขากำลังสร้างศัตรูกับทั้งโลก และหลังจากนี้เขาอาจถูกไล่ล่าโดยตระกูลอื่นมากมาย”
“ไล่ล่าเขา?”ไอรีนโนเวล
หลิงชือหย่ากระพริบตาอย่างสับสนและถามว่า“ครั้งนี้เขาจะรอดไปได้หรือเปล่า? ถึงแม้ว่าเขาจะมอบสมบัติให้คนอื่นแต่ไม่ใช่ว่ายังไงเขาก็ต้องตายหรอกหรอ?”
“โอ้”
ร่างของอีฉานสั่นสะท้านและดวงตาที่งดงามของนางก็สว่างขึ้นนางเข้าไปใกล้ๆและกระซิบว่า “เราทุกคนลืมเรื่องหนึ่งไป เขากล้าหาญมากจริงๆและเรายังปล่อยให้เขาหยอกเราเหมือนลิงด้วยซ้ำ”
หลิงชือหย่ายังคงไม่เข้าใจส่วนหลิงชีเจี้ยนที่อยู่ใกล้ๆพวกนางได้ยินที่ทั้งสามคนคุยกันและขมวดคิ้ว เขาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ออกมาดีแต่เขาพูดออกมาเบาๆเพียงแค่สองคำเท่านั้น “วิชาหลีกสวรรค์!”
ในตอนนี้เจียงอี้ต้องการยืมดาบฆ่าคนซ้ำแล้วซ้ำเล่าซึ่งเขาก็ดูผ่อนคลายและไม่กังวลถึงความตายที่ใกล้เข้ามาเลย ซึ่งสิ่งนี้ทำให้หยิ่นรั่วปิงเกิดสงสัยขึ้นมา
หากเจียงอี้ไม่ใช่คนโง่เง่านั่นก็แปลว่าเขามีอาวุธลับแน่นอน
แม้ว่าการโจมตีดวงจิตวิญญาณของเขาจะถือว่าใช้ได้อยู่แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะฝ่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดไปได้ ดังนั้นหยิ่นรั่วปิงจึงนึกถึงวิชาหลีกสวรรค์ขึ้นมา และดูเหมือนว่าเจียงอี้จะได้มันไปครึ่งเดือนแล้ว
ในเมื่อเขาขัดเกลาเกราะเมฆาอัคคีได้ภายในครึ่งเดือนแล้วทำไมเขาจึงจะเข้าถึงวิชาหลีกสวรรค์ไม่ได้กันล่ะ?
แม้ว่านางจะไม่มั่นใจถึงพลังของวิชาหลีกสวรรค์แต่ความหมายของมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว ซึ่งมันคงจะเป็นศาสตร์วิชาที่เอาไว้ใช้หลบหลีกอย่างแน่นอน หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือที่ตอนนี้เจียงอี้ยังนิ่งได้ขนาดนี้ นั่นก็แปลว่าเขามีทางหนีอย่างแน่นอน
“ไม่ได้การล่ะ!”
ในเมื่อหยิ่นรั่วปิงคิดได้เสียเฟยและคนอื่นๆก็คงจะคิดได้เช่นกัน และเสียเฟยเองก็ฉลาดอย่างเหลือเชื่อ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ถูกเคลื่อนย้ายออกมาเป็นคนแรกหรอก เสียเฟยเข้าใจเรื่องนี้ทันทีพร้อมกับโบกมือและตะโกนว่า “โจมตี! สังหารมันซะ!”
และเมื่อเจี้ยนอู๋อิงเห็นท่าทีของเสียเฟยเขาจึงทำอะไรไม่ได้แล้ว จากนั้นเสียงของเขาก็ดังขึ้นมา “ทุกคน จับมันมาซะ!”
ฟรึ่บ!
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนกว่าเจ็ดสิบคนพุ่งเข้าไปหาเขาทันทีแต่ไม่มีใครเสี่ยงที่จะโจมตีเขาอย่างประมาทเลย เพราะยังไงเจี้ยงอี้ก็มีหญ้ามังกรยาจกอยู่ในกำมือและไม่มีใครอยากทำลายหญ้ามังกรยาจกจนกว่าจะจำเป็นเท่านั้น
“ฮึ่ม!”
เจียงอี้ไม่ได้ตื่นตระหนกเลยหญ้ามังหรยาจกหายไปจากมือเขาในทันใด จากนั้นร่างของเขาก็ส่องประกายสีแดงขณะที่เขาเลื่อนมือขึ้นไปบนท้องฟ้าและรอยแตกก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าทันที เขารีบวิ่งไปที่รอยแตกนั้นราวกับสายฟ้าและแม้ว่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนจะปล่อยกลิ่นอายออกมาเพียงใดแต่เมื่อเจียงอี้อยู่ในชุดเกราะเมฆาอัคคีเขาก็จะไม่ได้รับผลจากแรงกดดันใดๆเลย
“คิดจะหนีรึ?”
ทุกคนมองเจียงอี้หายตัวไปต่อหน้าต่อตาพวกเขาอย่างหมดหนทางพวกเขาทั้งโกรธเกรี้ยวและรีบไปที่นั่นเพื่อที่จะตามเจียงอี้ไปที่รอยแตกเพื่อจับเขาเป็นๆหรือไม่ก็สังหารเขาซะ
จี๊จี๊!
แต่แสงสีขาวอันเย็นเยียบก็ถูกปลดปล่อยออกมาจากรอยแตกนั้นและมีแสงไฟหลายสิบดวงพุ่งออกมากระทบกับเกราะม่านศักดิ์สิทธิ์ของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนที่อยู่ด้านหน้าสุดสามคน
“อ๊ากกกก!”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนทั้งสามคนนั้นกรีดร้องออกมาและถูกแผดเผาไปอย่างรวดเร็วแม้ว่าพวกเขาจะยังไม่ตายแต่มันก็ดูน่าสังเวชมาก หนึ่งในนั้นถูกเผาร่างกายส่วนล่างไปจนสิ้น
“พลังของดาราเก้าสวรรค์และเพลิงวิเศษแห่งฟ้าดิน!”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนคนอื่นๆที่อยู่ใกล้ๆกลับมีสีหน้าซีดเผือดและรีบกลับไปทันทีพลังของดาราเก้าสวรรค์สามารถทำลายเกราะม่านพลังของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนได้ และเพลิงวิเศษแห่งฟ้าดินก็ร้อนเกิดไปสำหรับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนระดับต่ำ!
ปึง!
อุณหภูมิที่สูงมากทำให้ป่าเล็กๆตรงยอดเขาสองสามลูกลุกเป็นไฟขึ้นมาและเปลวไฟโหมกระหน่ำขึ้นสู่ท้องฟ้าและทำให้ใบหน้าที่มืดมนของเสียเฟย, เจี้ยนอู๋อิง, หวู่นี่และกลุ่มของพวกเขาสว่างขึ้น ดวงตาของอีฉาน, หยิ่นรั่วปิงและหลิงชือหย่าเองก็ลุกโชนไปด้วยกองเพลิงเหล่านั้นเช่นกัน