เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 623 จะมีที่ไหนที่เขาเรียกมันว่าบ้านได้บ้าง
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 623 จะมีที่ไหนที่เขาเรียกมันว่าบ้านได้บ้าง
“วิชาหลีกสวรรค์ข้ารู้แล้ว มันคือวิชาหลีกสวรรค์!”
หลิงชือหย่ามองไปที่พื้นที่ที่มีรอยแตกนั้นและร้องออกมาส่วนอีฉานและหยิ่นรั่วปิงต่างก็มองหน้ากันแล้วยิ้มออกมา พวกนางเชื่อมั่นมากว่าเจียงอี้จะหนีไปได้ วิชาหลีกสวรรค์นั้นไม่ใช่ศาสตร์วิชาการหลบหลีกธรรมดาๆ และก็คงจะเป็นเรื่องยากที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนจะไล่ล่าเขาไปได้
“ตามมันไป!หากไอ้สารเลวนั่นไม่ตาย ข้าจะเลิกเป็นชายชาตรีเลย!”
เสียงที่บ้าคลั่งของเสียเฟยดังขึ้นมาจากนั้นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนหลายสิบคนของตระกูลเสียก็วิ่งไปทั่วทุกสารทิศและแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกมาเพื่อตามหาตัวเจียงอี้
“เร็วเข้าหาตัวมันเร็ว! ส่งผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดในจักรวรรดิเฟยหม่าไปตามหาซะ!”
ใบหน้าของเจี้ยนอู๋อิงบิดเบี้ยวไปหมดเขากัดฟันแน่นและตะโกนขึ้นมา จากนั้นเฟยฉีก็โบกมือและผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดก็บินไปทั่วทุกสารทิศทันที
“ฮึ่ม!”
หวู่นี่กระแอมขึ้นมาและพุ่งทะลวงท้องฟ้าไปพร้อมกับองครักษ์ลับและสาวใช้อีกสองคนส่วนถูหลงก็ตามเขาไปอย่างใกล้ชิดและจากไป และตระกูลทั้งหมดที่เข้าร่วมการล่าสมบัติต่างก็พากันแยกย้ายไป ในตอนนี้เสียเฟยและเจี้ยนอู๋อิงอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก มันจึงทำให้พวกเขาไม่อยากเข้าไปเอี่ยวด้วย
ส่วนหลิงชีเจี้ยนเองก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เลยเขาป้องกำปั้นและยิ้มออกมา “แม่นางปิง, แม่นางฉาน การแสดงและการล่าสมบัติได้จบลงแล้ว เรากำลังจะไปยังจักรวรรดิเฟยหม่าและกลับไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพา พวกท่านต้องการจะไปกับเราไหม?”
“เอาสิ!”หยิ่นรั่วปิงพยักหน้าและมองไปที่อีฉานด้วยรอยยิ้มที่งดงาม “ข้ายังไม่ได้ร่วมยินดีกับพี่ใหญ่ฉานเลยที่ได้สมบัติมาครองถึงสามชิ้น”
“จริงด้วยพี่ใหญ่ฉานยอดเยี่ยมมากๆ!” หลิงชือหย่ากล่าวออกมาด้วยความชื่นชม
“ฮิฮิข้าเยี่ยมมากแต่ก็ยังมีคนอื่นที่ได้สมบัติอันดับหนึ่งไปอยู่ดี”
อีฉานยิ้มจางๆก่อนที่จะมองไกลออกไปและนางก็โบกมือของนางก่อนที่จะพูดว่า“เรื่องวุ่นวายจบลงแล้ว กลับไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพากันเถอะ แต่ข้าพนันได้เลยว่ามันจะยิ่งน่าสนใจมากขึ้น”
ฟรึ่บ!
ทั้งสี่คนพาองครักษ์ลับของตนบินไปทางทิศใต้อย่างรวดเร็วและไม่นานพวกเขาก็หายลับไปในท้องฟ้าที่ห่างไกล
ฟั่บ!
เสียเฟย,เจี้ยนอู๋อิง, เฟยฉีและกลุ่มของพวกเขาเองก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและบินตรงไปยังจักรวรรดิเฟยหม่า และยังมีผู้เชี่ยวชาญที่เฝ้ามองพวกเขาอยู่ก็เริ่มบินไปทุกที่ และทุกพื้นที่ก็เต็มไปด้วยผู้คนและการพูดคุยกันอย่างไม่หยุดหย่อน
แน่นอนว่าในเรื่องที่พวกเขาคุยกันนั้นเรื่องของนายน้อยเจียงผู้ลึกลับถูกพูดถึงบ่อยที่สุด หลังจากเหตุการณ์นี้ ชื่อของเจียงอี้จะแพร่กระจายไปยังหลายทวีปในแดนเทียนชิง
เพราะท้ายที่สุดแล้วเจียงอี้ก็ผ่านและรอดชีวิตจากความยากระดับนรกมาได้และได้สมบัติสามอันดับแรกไปและยังล้อเลียนเหล่านายน้อยลูกหลานเก้าตระกูลจักรพรรดิหลังจากที่เขาออกมาอีกมันเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมจริงๆ!
แต่ผู้คนอีกหลายคนก็ไม่ได้มองเจียงอี้ในแง่ดีนัก!
อย่างน้อยก็มีตระกูลเจี้ยน,ตระกูลเสียและตระกูลหวู่ที่จะตามล่าเขาจนสุดความสามารถ ไม่ต้องพูดถึงตระกูลหยิ่น, ตระกูลอีและตระกูลหลิงเลย มันไม่สำคัญว่าเขาจะเรียนวิชาหลีกสวรรค์ได้แล้ว เพราะอย่างไรเสียก็ไม่มีใครหลบหนีการตามล่าของเก้าตระกูลจักรพรรดิได้
เก้าตระกูลจักรพรรดินั้นไม่จำเป็นต้องออกโรงสู้เองด้วยซ้ำเพียงแค่พวกเขาส่งผู้อาวุโสไปสักคนสองคน แม้แต่ขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดก็ยังลงเอยด้วยความตายที่น่าสยดสยอง นับประสาอะไรกับเจียงอี้กับพลังที่มีเพียงน้อยนิดของเขากัน
ความสามารถของตระกูลของเก้าจักรพรรดิไม่ได้เป็นเพียงตำนานเล่าขานเท่านั้นแต่มันเป็นสิ่งที่ทั่วทั้งปฐพีเห็นเป็นเอกฉันท์ในช่วงเจ็ดแสนปีที่ผ่านมา
…
“แค่ก!”
ในเมืองเล็กๆริมชายฝั่งตะวันออกของจักรวรรดิเฟยหม่าห้วงอากาศก็แปรปรวนอย่างกะทันหัน จากนั้นรอยแตกก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศและมีชายคนหนึ่งตกลงมาจากรอยแตกนั้นและทำให้ผู้เชี่ยวชาญในเมืองนั้นรู้เห็นกันหมด
ชายผู้นั้นอยู่ในชุดเกราะรบที่มีแสงสีแดงเพลิงล้อมรอบตัวเขาราวกับเทพเจ้าแต่ในตอนนี้เขาดูซีดเซียวมากและในขณะที่เขาออกมาจากรอยแตกนั้น เขาก็กระอักเลือดออกมา
ดวงตาของเขาปิดลงและหลังจากที่ใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์กวาดผ่านเมืองแล้วเขาก็พบว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่เพียงขอบเขตจินกังเท่านั้นเมื่อเขาร่อนลงมา กลิ่นอายสังหารที่ทรงพลังก็แผ่ออกมาจากร่างของเขาซึ่งทำให้ผู้เชี่ยวชาญในเมืองทั้งหมดไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ในทันที
“เขาเป็นเทพหรอ?ทำไม…กลิ่นอายของเขาถึงได้น่ากลัวเช่นนี้? หรือว่าเขาเป็นปีศาจกัน?”.Aileen-novel
ประชาชนทั่วไปมองเขาอย่างหวาดกลัวเช่นเดียวกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังเพียงคนเดียวในเมือง ในเมืองนั้นมีผู้คนมากกว่าแสนคนแต่ไม่มีใครกล้าส่งเสียงออกมาเลย สายตานับไม่ถ้วนจับจ้องไปยังชายหนุ่มที่มีดวงตาสีแดงเลือดและมีกลิ่นอายสังหารที่แผ่ซ่านออกมา
เห็นได้ชัดว่านั้นคือเจียงอี้เขาหายใจเข้าลึกๆแล้วเช็ดเลือดที่ริมฝีปากของเขาออก หลังจากนั้นดวงตาของเขาก็จ้องไปยังแม่ทัพด้านล่างและถามว่า “ที่นี่ที่ไหน?”
ในขณะที่เขาพูดเขาก็ลดกลิ่นอายสังหารลงแต่ถึงอย่างนั้นผู้เชี่ยวชาญในเมืองก็ยังไม่กล้าที่จะขยับเขยื้อนเลย ผู้บัญชาการขอบเขตเสินโหยวคนนั้นกลืนน้ำลายอยู่หลายครั้ง ดวงจิตวิญญาณของเขายังคงรู้สึกหนาวเหน็บแม้ว่าดวงตาของเจียงอี้จะไม่ได้เป็นสีเลือดอีกต่อไป เขาตอบกลับทั้งที่ตัวยังสั่นอยู่ว่า “ท่ะ…ท่านใต้เท้า ทะ…ที่นี่คือเมืองพายุทรายขอรับ”
“เมืองพายุทราย?”
ร่องรอยของความสับสนวูบผ่านดวงตาของเจียงอี้และเสียงแหบๆของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง“ที่นี่อยู่ห่างจากเมืองผืนทรายมากแค่ไหน?”
“ค่อนข้างไกลเลยล่ะขอรับ!”
ผู้บัญชาการตอบอย่างรวดเร็วว่า“เมืองผืนทรายอยู่กึ่งกลางเยื้องไปทางตะวันออกเฉียงเหนือเล็กน้อย ส่วนที่นี่คือทางตะวันออกของจักรวรรดิและอยู่ถัดจากทะเลเงานภาขอรับ”
“อยู่ถัดจากทะเลเงานภา?”
ใบหน้าของเจียงอี้บ่งบอกถึงความตกใจแม้ว่าเขาจะรู้ว่าวิชาหลีกสวรรค์นั้นทรงพลัง แต่เขาก็ไม่คิดมาก่อนว่ามันจะน่าเหลือเชื่อถึงเพียงนี้ เพียงชั่วโมงเดียวเขาก็ข้ามมาได้ครึ่งทวีปเฟยหม่าแล้ว?! แม้แต่เฟิ่งหลวนเองยังใช้เวลาครึ่งเดือนกว่าจะบินมาที่นี่ได้
“วิชานี้น่าทึ่งจริงๆน่าเสียดายที่ข้ายังอ่อนแอนักและพลังย้อนกลับก็หนักหนาเกินไปหลังจากที่ข้าปลดปล่อยวิชานี้ออกมา ร่างข้าคงจะแตกเป็นเสี่ยงๆด้วยพลังของการบิดเบือนห้วงอากาศหากข้าฝืนใช้มันติดต่อกันหลายครั้งเป็นแน่!”
เจียงอี้ถอนใจอยู่ลึกๆในใจเขาสามารถเดินทางในห้วงอากาศได้ แต่น่าเสียดายที่มันทำให้ร่างกายของเขาหักโหมเกินไป เขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากหยุดการหลบหนีและออกมาจากรอยแยกของอากาศ อวัยวะภายในของเขาเสียหายมากและหากเขายังคงใช้วิชาหลีกสวรรค์ต่อ อวัยวะทั้งหมดของเขาอาจจะถูกรวมเข้าด้วยกันและแตกสลายไปก็ได้ และจากนั้นเขาก็จะตาย
ฮูฮู่วว!
คงยังไม่มีใครตามเขามาได้ทันอีกพักใหญ่มันจึงทำให้ใจที่สั่นไหวของเขากลับสู่ความสงบ แม้ว่าตอนที่เขาเพิ่งจะเข้าใจวิชาหลีกสวรรค์ เขาก็มั่นใจว่าจะหลบหนีได้อย่างง่ายดาย แต่ถึงอย่างนั้นเขาเองก็ไม่เคยใช้วิชานี้มาก่อนเลยและไม่มีใครเคยเห็นพลังที่แท้จริงของมัน หากว่าวิชานี้เป็นเหมือนการเคลื่อนย้ายฉับพลันและสามารถเดินทางไปได้เพียงไม่กี่กิโลเมตร เขาก็คงจะถูกศัตรูสังหารอย่างไร้ปรานีเป็นแน่
ในครั้งนี้เขาได้ชัยไปอย่างสมบูรณ์และจนถึงตอนนี้ตัวเขาเองก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมผู้พิทักษ์ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับถึงช่วยเขาโกง แต่ก็คงไม่มีใครปฏิเสธข้อตกลงที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้หรอก สมบัติทั้งสามชิ้นนี้เป็นสมบัติที่สำคัญมาก ยิ่งพลังของหญ้ามังกรยาจกยิ่งไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรเพิ่มแล้วและวิชาหลีกสวรรค์ก็ทำให้เขาสามารถข้ามผ่านครึ่งทวีปเฟยหม่าได้ภายในหนึ่งชั่วโมง มันน่ากลัวเพียงใดกัน?
นอกจากนี้เขายังมีความสุขกับเกราะเมฆาอัคคีอีกด้วยเพราะเมื่ออยู่ภายใต้แรงกดดันของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนเขาคงไม่น่าจะขยับเขยื้อนได้เลย แต่เมื่อสวมเกราะเมฆาอัคคีอยู่ เขากลับไม่รู้สึกถึงแรงกดดันใดๆเลยและเขาก็มั่นใจว่าอย่างน้อยเขาก็น่าจะต้านทานการโจมตีจากผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนระดับสูงได้
สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝง!
นี่คือสมบัติที่ยอดเยี่ยมมากแม้ว่ามันจะยังเทียบกับสมบัติสิบอันดับแรกในแดนเทียนชิงไม่ได้ แต่มันก็ถือว่าใกล้เคียงกับสมบัติเหล่านั้นแล้ว น่าเสียดายที่ธนูเมฆาอัคคีอยู่ที่อีฉาน ไม่เช่นนั้นหากเขามีทั้งสองอย่าง พลังของเขาก็จะยิ่งน่าเกรงขามมากขึ้น
“อีฉาน……”
เมื่อนึกถึงนางเจียงอี้ก็กลับมามีสีหน้าที่ขมขื่นและดวงตาของเขาก็เริ่มไร้หนทาง อีเพียวเพียวไม่ใช่บุตรสาวของจักรพรรดิอรหังและไม่พบคนชื่อหยูเวิน แล้วเขาควรไปที่ไหนกัน?
ดวงตาของเขาเริ่มสับสนมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อนึกขึ้นได้ว่าโถงวรยุทธ, ตระกูลถู, ตระกูลเจี้ยนและตระกูลเสียจะไม่ละความพยายามในการตามล่าเขาอย่างแน่นอน โลกนี้ช่างกว้างใหญ่ แต่จะมีที่ไหนที่เขาเรียกมันว่าบ้านได้บ้าง?