เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 625 ปีกกล้าขาแข็งขึ้นเรื่อยๆ
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 625 ปีกกล้าขาแข็งขึ้นเรื่อยๆ
ตูม!ตูม! ตูม!
เหนือทะเลราตรีสีเลือดสายฟ้าฟาดผ่าทะลุท้องฟ้าลงมาก่อนที่จะหายลับไปในทะเล
ณเกาะเล็กๆเกาะหนึ่ง สายลมได้โหมกระหน่ำและฝนก็สาดเทลงมา ต้นมะพร้าวมากมายก็ถูกลมพัดจนใบหักปลิวไป แต่กระโจมที่มีแสงสลัวที่ตั้งอยู่ในป่านั้นไม่สั่นไหวเลยและมันสงบสุขมาก
“โอ้”
ภายใต้แสงเทียนสลัวๆในกระโจมชายหนุ่มในชุดเกราะนั่งขัดสมาธิอยู่บนพรมหิมะ และหญิงสาวสองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเขาก็ดูตกใจและหายใจเร็วขึ้นเพราะคำพูดที่น่าตกตะลึงนั้นและมันทำให้หน้าอกที่งดงามของพวกนางเด้งขึ้นลงไปตามจังหวะการหายใจและมันน่ามองเอาเสียมากๆ
เจียงอี้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับและสถานการณ์ของเขาในตอนนี้ให้พวกนางฟังซึ่งมันเห็นได้ชัดว่าพวกนางดูหวาดกลัวเนื่องจากศัตรูของเจียงอี้ทรงพลังเกินไป
เฟิ่งหลวนสูดลมหายใจเข้าลึกๆสองครั้งก่อนที่นางจะจ้องมองไปที่เจียงอี้“นายน้อย ท่านสุดยอดมากเลย ท่านอาจจะเป็นคนแรกที่ทำให้ผู้พิทักษ์ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับเปลี่ยนกฏนี้เลยนะ!”
ดวงตาของเฟิ่งหลวนสว่างไสวแต่นางก็ถอนหายใจและพูดว่า “ท่านนั้นยอดเยี่ยมเหนือทายาทของทั้งเก้าตระกูลจักรพรรดิและได้เกราะเมฆาอัคคี, วิชาหลีกสวรรค์และหญ้ามังกรยาจกมาด้วยตัวเองทั้งหมด นามของท่านจะแพร่หลายไปทั่วทั้งทวีปจักรพรรดิบูรพาภายในไม่กี่เดือน ฮ่าฮ่า เฟิ่งเอ๋อร์ภูมิใจในตัวท่านจริงๆ”
เจียงอี้กลอกตาและพูดออกมาด้วยท่าทางที่หมดคำพูด“นั่นมันไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือข้าจะต้องเผชิญกับการถูกไล่ล่ามากมายในอนาคต ดังนั้น พวกเจ้าทั้งสองควรจะกลับไปซะ”
“ฮ่าๆ!”
ชิงหยีแลบลิ้นของนางออกมาเล็กน้อยและมองหน้าเขา“ไม่ เราจะไม่กลับไป นายน้อยได้สมบัติมาถึงสามชิ้นและจะกลายเป็นที่เลื่องลือมาก แล้วท่านจะไล่พวกเรากลับไปหรอ ไม่มีทางหรอก!”
เฟิ่งหลวนก็ยิ้มเช่นกันนางพูดอย่างอ่อนน้อมว่า “นายน้อยมีวิชาหลีกสวรรค์อยู่ ท่านสามารถเดินทางได้สิบห้าล้านกิโลเมตรภายในพริบตาเดียว แถมนายน้อยยังมีศาสตร์เวทย์ญาณศักดิ์สิทธิ์และสามารถตรวจสอบเหตุการณ์ภายนอกที่อยู่ไกลออกไปหลายหมื่นกิโลเมตรได้อย่างง่ายดายอีกด้วย แล้วใครจะจับเราได้กัน?”
“มันไม่ได้ง่ายอย่างที่พวกเจ้าคิดน่ะสิ”
เจียงอี้หัวเราะและพูดออกมาว่า“จำสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ได้หรือไม่? ข้าเพิ่งจะพักฟื้นได้เพียงชั่วโมงเดียว กองกำลังไล่ล่าก็มาถึงแล้ว เก้าตระกูลจักรพรรดินั้นทรงพลังเพียงใดกัน? เรารู้ทักษะเวทย์ที่พวกเขามีอยู่หรือเปล่า? ในทวีปจักรพรรดิบูรพานั้นมีผู้ที่มีความสามารถประหลาดและทรงพลังอยู่นับหมื่นเผ่าพันธุ์ ไม่ช้าก็เร็ว พวกนั้นจะต้องเจอตัวข้า และนี่ไม่ใช่เรื่องที่เราจะมาปรึกษากัน ข้าจะส่งพวกเจ้ากลับไปพรุ่งนี้ หากพวกเจ้ายังพูดอะไรออกมาอีกก็ระวังเอาไว้เถอะ ข้าจะขืนใจพวกเจ้าก่อนที่จะสังหารพวกเจ้าซะ เหอะ!”..ไอลีนโนเวล
เมื่อเขาพูดเรื่องนี้ขึ้นมาชิงหยีน้อยก็มีสีหน้าที่เศร้าสร้อยไป แต่นางก็ยืดหลังตรงและพูดจาดูถูกว่า “นายน้อย ท่านทำให้เรากลัวไม่ได้หรอก หากท่านปรารถนาก็เข้ามาได้เลย ชิงหยีจะอยู่ตรงนี้ให้ท่านทำเรื่อง….นั้น อึก…!”
ใบหน้าที่งดงามของชิงหยีแดงขึ้นเมื่อนางคิดเรื่องนั้นและเฟิ่งหลวนเองก็หน้าแดงและก้มหน้าลงไปเช่นกัน ส่วนเจียงอี้รู้สึกเจ็บใจและจับชิงหยีมาพาดบนขาของเขา และเขาก็ฟาดไปที่บั้นท้ายของนางและตะโกนออกมาอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “ข้าใจดีกับเจ้ามากไปและเจ้าก็ยิ่งปีกกล้าขาแข็งขึ้นเรื่อยๆเลยนะ เจ้าคิดว่าเจ้าฉลาดนักหรือที่ล้อเลียนข้าน่ะ?”
ป้าบ!ป้าบ! ป้าบ!
เสียงตบบั้นท้ายดังขึ้นมาในกระโจมเล็กๆและเจียงอี้ก็ไม่สบอารมณ์นัก เขาตีนางอย่างหนักแต่เขาก็ใช้พลังเพียงหนึ่งในสิบส่วนเท่านั้น
หลังจากที่เจียงอี้ตีไปสิบครั้งเขาก็หยุดและมองไปที่ชิงหยีด้วยความทุกข์ใจแต่เขาก็เย้ยหยันและพูดว่า “เจ้ารู้จักความเจ็บปวดหรือยังล่ะ? จะกลัวข้าได้หรือยัง? หากเจ้าไม่เชื่อฟังข้า ข้าจะตีจนก้นเจ้าบานเลย”
แต่ชิงหยีกลับหันไปมองเจียงอี้พร้อมกับใบหน้าที่แดงระเรื่อของนางดวงตาของนางนั้นเต็มไปด้วยความชื่นชอบ จากนั้นนางก็กัดริมฝีปากเบาๆแล้วครางออกมาพร้อมกับพูดอย่างเคอะเขินว่า “น่ะ…นายน้อย มันรู้สึกดีและน่าตื่นเต้นมาก! ข้าต้องการมันอีก”
“บ้าเอ้ย!”
นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงอี้เห็นคนที่ยอมจำนนเช่นนี้แต่การกระทำที่ไร้เดียงสาของชิงหยีก็ทำให้เขาสั่นสะท้าน ร่างที่บอบบางของนางอยู่บนตักของเขาโดยที่หน้าอกทับอยู่ที่ขาของเขา และในตอนที่เขาตบบั้นท้ายของนาง มันทำให้ร่างของนางสั่นอย่างควบคุมไม่ได้และทำให้ร่างกายของเจียงอี้ตอบสนองไปโดยสัญชาตญาณ ลิ้นของเขาแห้งมากและรู้สึกได้ถึงไฟชั่วร้ายที่กำลังบดขยี้ร่างของเขาอยู่
“นายน้อยท่านตีข้าอีกสิ มันรู้สึกดีมากเลยเจ้าค่ะ” ขณะที่ชิงหยีเห็นเจียงอี้ยังนิ่งอยู่ นางจึงเป็นคนหันมาขอร้องเขาแทน และเสียงร้องของนางก็ได้ทำให้เจียงอี้สูญเสียการควบคุมตัวเองไปอย่างสิ้นเชิง
ป้าบ!ป้าบ! ป้าบ!
เขาตบบั้นท้ายของนางอย่างรุนแรงและทุกครั้งที่เขาตีมันกลับทำให้ชิงหยีครางออกมาอย่างมีความสุข เสียงของนางนั้นเป็นเหมือนกับยาร่วมรักที่ดีที่สุดและทำให้เจียงอี้เริ่มเกิดอารมณ์ขึ้นมา
เมื่อเขาตบบั้นท้ายของนางมือของเจียงอี้ก็ค่อยๆเบาลงและในท้ายที่สุดเขาก็เริ่มเปลี่ยนเป็นลูบไล้ไปที่บั้นท้ายของนางซ้ำแล้วซ้ำเล่าและลูบไปตรงกลางเป็นครั้งคราว และมันทำให้ชิงหยีส่งเสียงครางที่เร่าร้อนมากขึ้น
“ยัยหนูนี่ฉลาดนัก….”
เฟิ่งหลวนก็รู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาเช่นกันหน้าและหูของนางเริ่มแดงขึ้นมา แม้ว่านางจะก้มหน้าลงไปแต่ดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยความปรารถนา นางรู้ดีว่าเหตุใดชิงหยีจึงทำเช่นนี้ เพราะหากว่าเจียงอี้ได้เรือนร่างของนางไปแล้ว เขาคงไม่อาจทิ้งนางเอาไว้ได้
จากนั้นนางจึงมองไปที่เจียงอี้และเผยความมุ่งมั่นในทันทีทันใดนั้นนางก็ลุกไปยืนด้านหลังเจียงอี้ นางพัวพันอยู่รอบตัวเจียงอี้และแนบหน้าอกของนางไปยังชุดเกราะของเขา ในขณะเดียวกันนางก็เริ่มเลียไปที่ใบหูของเขา
ตูมม!
จิตวิญญาณของเจียงอี้รู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่าแม้ว่าเกราะเมฆาอัคคีจะแข็งแกร่ง แต่มันก็สัมผัสได้ถึงความต่างกันจากเสื้อคลุมบางๆ เขาสัมผัสได้ถึงหน้าอกของเฟิ่งหลวนที่แนบอยู่บนแผ่นหลังของเขาอย่างชัดเจนและมันทำให้เขาหลงเข้าไปในห้วงทะเลแห่งความปรารถนา
ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเขาประสบช่วงเวลาที่ยากลำบากมามากมาย เขาพร้อมที่จะตายอยู่เสมอและถูกกดดันอย่างหนักอยู่ตลอดเวลา และเขาก็ได้โอกาสรอดออกมาและยังได้สมบัติสามชิ้นมาด้วย แต่สุดท้ายเขาก็ยังต้องมารับรู้เรื่องที่ทำให้ดวงจิตวิญญาณของเขาดิ่งลงไปอีก เพราะเขาจะไม่มีทางเจออีเพียวเพียวได้ในเวลาอันสั้น
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังสร้างศัตรูกับตระกูลเสีย, ตระกูลเจี้ยน, ตระกูลถูและโถงวรยุทธอีก อนาคตที่ไม่แน่นอนของเขาทำให้เขาเครียดมากขึ้นและอยากหาทางระบายความอัดอั้นและความโกรธที่ซ่อนอยู่ในร่างกายของเขาออกมา
แสงสีแดงสาดส่องบนร่างของเจียงอี้และเกราะเมฆาอัคคีก็หายไปจากร่างของเขาจากนั้นเขาก็ฉีกเสื้อผ้าของชิงหยีออกทำให้หน้าอกของนางถูกเผยออกมาให้เห็นจนหมด
ฮู่!
หลังจากที่เสื้อผ้าของชิงหยีถูกฉีกขาดและร่างของนางก็อยู่ตรงหน้าเจียงอี้พอดีเขาก็คำรามราวกับสัตว์ร้ายและโน้มลงไปที่ริมฝีปากของนาง มือของเขาลูบไล้ไปทั่วร่างของนางซึ่งทำให้ชิงหยีกลายเป็นเหมือนปลาที่ว่ายอยู่ในน้ำ
เมื่อเฟิ่งหลวนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาเห็นเขาโลมเล้าชิงหยีอย่างไม่หยุดหย่อนนางก็หัวเราะชอบใจและช่วยเจียงอี้ถอดเสื้อผ้าของเขาอย่างอ่อนโยน ในขณะเดียวกันนางก็ถอดเสื้อผ้าออกและเริ่มจุมพิตไปที่คอของเจียงอี้
ฝนข้างนอกเริ่มตกหนักขึ้นและฉากในกระโจมเล็กๆก็เริ่มเร่าร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ…