เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 626 เขตแดนจักรพรรดิอสูร
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 626 เขตแดนจักรพรรดิอสูร
มันเป็นค่ำคืนที่มัวเมาและค่ำคืนแห่งการพลอดรัก!
เจียงอี้นั้นยังเด็กและไฟแรงกล้าในเมื่อเขาข้ามเส้นไปแล้วและพวกนางก็อาสาเข้ามาเอง เขาจึงไม่ได้คิดอะไรและใช้เวลาทั้งคืนร่วมรักกับพวกนาง ถึงแม้ว่าเฟิ่งหลวนและชิงหยีจะเชี่ยวชาญเรื่องพวกนี้แต่พวกนางก็ไม่สามารถรับเจียงอี้ไหวอีกต่อไป
พวกนางใช้เวลาในค่ำคืนนั้นร่วมกับเจียงอี้และทั้งสามคนก็หลับไปในยามรุ่งสาง
ทั้งสามคนนอนกอดกันแนบแน่นและฟ้าด้านนอกก็ค่อยๆสงบลงและพายุก็เริ่มหยุดลงเช่นกัน ลมทะเลยามเช้าพัดโชยเบาๆซึ่งมันเป็นเช้าที่ยอดเยี่ยมมาก
ในตอนเช้าเฟิ่งหลวนเป็นคนแรกที่ตื่นขึ้นมา นางมองไปที่เจียงอี้ที่กำลังหลับใหลและยิ้มออกมาก่อนที่จะลุกขึ้นไปแต่งตัวเงียบๆ จากนั้นนางก็แผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปรอบๆ หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าไม่มีอันตรายใดๆ นางก็เดินออกจากกระโจมไปยังทะเลเพื่ออาบน้ำและออกล่าหาอาหาร
หลังจากที่เฟิ่งหลวนออกไปเจียงอี้ก็ลืมตาขึ้นมา เขายิ้มอย่างขมขื่นและมองไปยังชิงหยีที่เขากอดเอาไว้ในอ้อมแขนราวกับแมวน้อย เขาค่อยๆดึงแขนของนางออกอย่างเบามือและนั่งขัดสมาธิพร้อมกับปล่อยญาณศักดิ์สิทธิ์ออกมาเพื่อดูให้แน่ใจว่าพวกเขาปลอดภัยหรือไม่
หลังจากผ่านไปห้านาทีเขาสำรวจสถานการณ์ภายในระยะล้านกิโลเมตรและมั่นใจว่าไม่มีอันตรายใดๆ จากนั้นเขาก็ย้ายร่างฉับพลันไปที่ทะเลทันที
“เอ๊ะ?!”
เฟิ่งหลวนกำลังอาบน้ำอาบท่าอยู่ที่ริมทะเลทันใดนั้นอากาศรอบๆนางก็สั่นสะเทือนและมีชายเปลือยคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น นางสะดุ้งและบังส่วนหน้าของนางและนั่งลงไปโดยสัญชาตญาณพร้อมกับรวบรวมแก่นแท้พลังเอาไว้ที่มือและพร้อมโจมตีอีกฝ่ายแล้ว แต่เมื่อนางเห็นว่าเป็นเจียงอี้นางก็ถอนหายใจและมองไปที่เขา “นายน้อยจะทำให้เฟิ่งเอ๋อร์ตกใจกลัวจนตายหรือเจ้าคะ?”
“ฮึฮึ!”
เจียงอี้กอดรัดนางไว้แน่นตั้งแต่ที่พวกเขาร่วมหลับนอนกันเมื่อคืน เขาก็เปิดใจมากขึ้น จากนั้นเขาก็จุมพิตที่ริมฝีปากของนางเบาๆและพูดว่า “เฟิ่งเอ๋อร์ ทำไมเจ้าไม่นอนอีกหน่อยล่ะ? ข้าสำรวจแถวนี้แล้ว มั่นใจได้เลยว่าเราปลดภัยมากๆ”
“ก็ข้าไม่อยากนอนนี่”
เฟิ่งเอ๋อร์ยิ้มหวานนางลูบกล้ามที่แข็งแรงที่หน้าอกของเจียงอี้และพูดว่า “มาเถอะ นายน้อย ให้เฟิ่งเอ๋อร์ช่วยท่านล้างตัวนะเจ้าคะ”
“เอาสิ!”
เจียงอี้เหยียบไปบนผืนทรายใต้ทะเลและหลับตาและปล่อยให้เฟิ่งหลวนอาบน้ำให้เขามือเล็กๆของนางทำให้เขารู้สึกสบายมาก
แต่เฟิ่งหลวนก็นั่งลงไปในทะเลและเมื่อนางล้างส่วนล่างของเขาร่างของเขาก็ตอบสนองโดยสัญชาตญาณ เขาลืมตาขึ้นมาและมองไปยังร่างอันน่าทึ่งของเฟิ่งหลวนที่อยู่ในทะเลน้ำใส มือเรียวๆของนางกำลังลูบขาเขาเบาๆและ….ดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักใคร่ของนางก็จ้องมองมาที่เขาอย่างยั่วยวน
“เจ้านี่นะเจ้าวอนเองนะ!”
จากนั้นเขาก็จับเฟิ่งหลวนขึ้นมาและเหวี่ยงนางลงไปบนชายหาดที่อยู่ใกล้ๆและพุ่งเข้าหานางอย่างป่าเถื่อน
…
เมื่อเสร็จกิจกันแล้วเฟิ่งหลวนและเจียงอี้ก็พากันสวมเสื้อผ้า ส่วนชิงหยีก็ตื่นขึ้นมาแล้วเช่นกัน นางหน้าแดงไปด้วยความอับอายเมื่อพบว่าร่างของนางเปลือยเปล่าอยู่ในขณะที่เจียงอี้และเฟิ่งหลวนมองไปที่นางอย่างสบายใจ ชิงหยีจึงรีบวิ่งออกจากกระโจมก่อนที่จะดำหายลงไปในทะเล
“เฟิ่งเอ๋อร์!”..Aileen-novel
จู่ๆเจียงอี้ก็พูดเรื่องสำคัญขึ้นมา“ข้าจะส่งเจ้ากลับไป อย่าเอาแต่ใจนักเลย มันอันตรายจริงๆนะ ข้าไม่ได้ไร้หัวใจและข้าสัญญาว่าจะมาดูแลเจ้าหากครั้งนี้ข้ารอดไปได้”
“ฮิฮิ!”
เฟิ่งหลวนยิ้มจางๆและกล่าวว่า“นายน้อย ท่านผิดแล้วล่ะ! อันที่จริง หากท่านส่งเรากลับไป เราจะตกอยู่ในอันตรายมากขึ้น ตอนนี้ตระกูลที่สำคัญทั้งหมดอาจจะเริ่มหาเบาะแสของท่านและเราก็จะถูกเปิดเผย มีสายลับมากมายอยู่ในทวีปเฟิ่งหมิง หากเรากลับไปตอนนี้ กองกำลังที่ตามล่าท่านจากตระกูลต่างๆจะแห่กันมาล้อมเรา ท่านคิดว่าเราจะรอดจริงๆหรือ?”
“นี่!”
ใบหน้าของเจียงอี้มืดมนลงเฟิ่งหลวนพูดถูกแล้ว ตระกูลทั้งหมดจะหาเบาะแสเกี่ยวกับตัวตนของเขาอย่างแน่นอนและยังอาจจะส่งคนไปยังทวีปเทียนชิงด้วย
เขาไม่ได้กังวลกับทวีปเทียนชิงเลยเพราะคนที่ใกล้ชิดเขาอยู่ในราชวังจักรพรรดิทั้งหมดและเกาะที่เจียงหยุนไฮ่ซ่อนตัวอยู่นั้นถูกปิดไว้แน่นหนามากพอซึ่งแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนเองก็ยังคงหาพวกเขาไม่พบ แต่เขาเป็นกังวลกับทวีปเฟิ่งหมิงแทน ตระกูลสูงศักดิ์จะไปสร้างปัญหากับตระกูลเฟิ่งและตระกูลชิงหรือไม่?
“นายน้อยท่านไม่ต้องกังวลไปหรอกเจ้าค่ะ”
เฟิ่งหลวนมองออกถึงความกังวลของเขาและกล่าวอย่างมั่นใจว่า“เก้าตระกูลจักรพรรดิให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของตระกูลพวกเขามากๆ ผู้คนในทวีปจักรพรรดิบูรพาเกลียดชังการลงโทษทั้งตระกูลเพียงเพราะการกระทำของคนๆเดียว ดังนั้น ตราบใดที่ชิงหยีและข้าไม่กลับไป คนของเราก็จะปลอดภัย และเหตุการณ์นี้ทำให้เกิดความวุ่นวายเป็นอย่างมาก ตระกูลใดจะกล้าทำเรื่องเช่นนั้นอย่างประมาทกัน? พวกเขาจะต้องถูกคนของพวกเขาตำหนิอย่างแน่นอนหากพวกเขาทำเช่นนั้น”
เจียงอี้พยักหน้าแล้วกล่าวว่า“โอ้ งั้นพวกเจ้าก็แค่ติดตามข้าไป แต่ข้าเกรงว่ามันจะทำให้พวกเจ้าลำบาก”
“ไม่มันไม่ลำบากหรอกเจ้าค่ะ”
เฟิ่งหลวนมองเจียงอี้ด้วยความรักและพูดว่า“หลังจากที่ได้ติดตามนายน้อย ในที่สุดเฟิ่งเอ๋อร์ก็รู้สึกว่านางถึ่งพาใครสักคนได้ และหัวใจของนางก็เป็นของคนผู้หนึ่งไป ในช่วงเวลานี้ ข้ามีความสุขมากกว่าที่เคยอยู่มานับยี่สิบเอ็ดปีเลย”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เจียงอี้หัวเราะและโอบเฟิ่งหลวนเอาไว้ความรู้สึกหดหู่ของเขาหายไปและถูกแทนที่ด้วยจิตวิญญาณนักสู้ที่ทรงพลัง
เขาต้องต่อสู้เพื่อสาวงามในอ้อมแขนของเขาหญ้ามังกรยาจกทำให้เขามีความหวังที่จะลุกขึ้นสู้ใหม่ ผู้ที่มีชื่อเสียงพวกนั้นถูกกำหนดให้มีสิทธิพิเศษมากกว่าเขาหรือ? ในเมื่อเขาสามารถขึ้นไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดของทวีปเทียนชิงได้ภายในเวลาไม่กี่ปี เช่นนั้น การที่เขาจะไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดของแดนเทียนชิงก็คงไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้
หลังจากที่ชิงหยีอาบน้ำอาบท่าเสร็จแล้วนางก็กลับมาพร้อมกับสัตว์ทะเลตัวเล็กๆเพื่อนำมาทำอาหารมื้อกลางวันส่วนเจียงอี้ก็ตรวจสถานการณ์รอบๆเพื่อให้มั่นใจว่ากองกำลังจะตามเขามาไม่ทันก่อนที่เขาจะเริ่มหารือกับเฟิ่งหลวนเกี่ยวกับเรื่องในอนาคต
และมันก็เห็นได้ชัด!
พวกเขาไม่สามารถไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาหรือทวีปไหนๆได้ในตอนนี้เจียงอี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหาที่ซ่อน เขาจำเป็นต้องขัดเกลาหญ้ามังกรยาจกและพยายามปรับปรุงความแข็งแกร่งของเขาให้ได้เสียก่อน จนกว่าเขาจะสามารถปลดปล่อยวิชาหลีกสวรรค์ได้โดยที่ร่างกายของเขาไม่มีความเสี่ยงที่จะบาดเจ็บ จากนั้นเขาก็จะสามารถสู้กับกองกำลังที่ไล่ล่าเขาได้
นอกจากนี้ในช่วงนี้ ปฐพีนี้ก็จะเต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญและหน่วยสอดแนมที่กำลังตามหาเจียงอี้ด้วย ดังนั้นเขาจึงต้องหลบไปสักพักจนกว่าเรื่องต่างๆจะผ่านไป
“ทะเลราตรีสีเลือด!”
ในที่สุดทั้งเจียงอี้และเฟิ่งหลวนก็กำหนดจุดหมายของพวกเขาไปเป็นทะเลราตรีสีเลือด มันน่ากลัวมากและไม่มีใครกล้าผ่านทะเลราตรีสีเลือด แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนเองก็ยังไม่เสี่ยงเข้าไปในหุบเหวทะเลลึกด้วยซ้ำ แต่พวกเขาจะปลอดภัยกว่าแน่นอน
เพราะเจียงอี้มีราชวังจักรพรรดิและญาณศักดิ์สิทธิ์และความแข็งแกร่งของเฟิ่งหลวนและชิงหยีนั้นดีทั้งคู่ แม้ว่าพวกเขาจะเจอจักรพรรดิอสูรที่ทรงพลัง แต่ก็ยังมีโอกาสที่พวกเขาจะสู้กลับได้ ตราบใดที่พวกเขาไม่ไปยังส่วนลึกที่สุดของทะเลราตรีสีเลือด พวกเขาก็จะไม่ตกอยู่ในอันตรายใดๆและความเสี่ยงที่จะถูกตามล่าก็จะลดลงอย่างมากเช่นกัน
ในเมื่อตัดสินใจแล้วเจียงอี้ก็ไม่ลังเลและพาพวกนางเข้าไปในราชวังหลังจากที่ทานอาหารเสร็จแล้ว จากนั้นเขาก็เริ่มปล่อยวิชาหลีกสวรรค์และเดินหน้าเข้าสู่ทะเลส่วนลึก
ครั้งนี้เขาข้ามมาเพียงหมื่นห้าพันกิโลเมตรซึ่งมันต่างจากที่เขาทำในสองครั้งที่ผ่านมา และแม้ว่าทะเลราตรีสีเลือดจะกว้างใหญ่เพียงใดและการใช้วิชาหลีกสวรรค์หนึ่งครั้งคงจะไม่ส่งเขาเข้าไปในส่วนลึกที่สุด แต่ถึงกระนั้นเขาก็ต้องระวังตัวเอง
บรึฟ!
หลังจากนั้นไม่ถึงชั่วโมงเจียงอี้ก็ออกมาจากรอยแยกของอากาศและรีบแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาออกไปทันที ในไม่ช้า เขาก็รู้สึกปิติยินดีมากที่พบว่ามีเกาะใหญ่อยู่สามเกาะที่อยู่ห่างออกไปสิบกิโลเมตรตรงด้านหน้า เกาะนี้เต็มไปด้วยต้นไม้ที่อุดมสมบูรณ์และมีทิวทัศน์ที่งดงาม นอกจากนี้เขายังเจอสัตว์ป่ามากมายบนเกาะได้อีกด้วย
“ที่นี่แหละ!”
เจียงอี้แอบคิดอยู่ในใจและคิดว่าเขาอยู่ห่างจากทวีปเฟยหม่ามากและแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนก็ยังต้องใช้เวลาเกือบครึ่งเดือนกว่าจะมาที่นี่ได้ทะเลนั้นกว้างใหญ่และเต็มไปด้วยสัตว์ทะเลที่ทรงพลัง แล้วกองกำลังไล่ล่าจะเจอพวกเขาได้ยังไง?
“ไสหัวไปซะ!”
เมื่อเจียงอี้กำลังจะดำดิ่งลงไปใต้ทะเลจู่ๆก็มีเสียงบึ้งตึงดังมาจากเบื้องล่างทะเลสามสิบกิโลเมตร “ที่นี่คือเขตแดนของจักรพรรดิ เจ้ามนุษย์ หากเจ้าไม่อยากตายก็จงไสหัวไปซะเดี๋ยวนี้!”
“จักรพรรดิสัตว์อสูร?”
กลิ่นอายเย็นชาวูบไปทั่วดวงตาของเจียงอี้ตัวเขานั้นพุ่งพล่านไปด้วยกลิ่นอายสังหารในทันที