เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 631 ท่านโหร
บรึฟ!
ณใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุด, เมืองมารบูรพา ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของทวีปจักรพรรดิบูรพา….มีแสงพุ่งขึ้นเหนือท้องฟ้าขณะที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายส่องแสงเป็นเวลานาน
ที่นั่นมีองครักษ์นับพันคนอยู่ใกล้ๆค่ายกลเคลื่อนย้ายทุกๆคนสวมชุดเกราะสีดำและหมวกสีดำพร้อมถือใบมีดสีดำ ทุกคนล้วนมีสีหน้าเคร่งขรึมและมีกลิ่นอายที่น่ากลัว พวกเขาทั้งหมดเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังเป็นอย่างต่ำในขณะที่ผู้ที่สวมเกราะแม่ทัพเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุน ยอดฝีมือมากมายเดินอยู่แถวๆจัตุรัสแต่ไม่มีผู้ใดกล้าเฉียดเข้าไปใกล้ทหารกลุ่มนี้เลย
“คอยเฝ้าระวังเอาไว้!”
ในขณะที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายแผ่แสงออกมาอย่างต่อเนื่องสีหน้าของแม่ทัพผู้นั้นก็ดูเป็นกังวล เขาโบกมือสั่งองครักษ์ครึ่งหนึ่งให้ไปล้อมค่ายกลเคลื่อนย้ายเอาไว้และคอยเฝ้าระวัง
จี๊!จี๊!
ค่ายกลเคลื่อนย้ายสว่างขึ้นอย่างน้อยสามสิบนาทีก่อนที่จะจางหายไปและมีร่างนับสิบกว่าคนปรากฏขึ้นกลางค่ายกลขนาดยักษ์ คนหลายคนในกลุ่มคนเหล่านั้นไม่ได้มีกลิ่นอายด้อยไปกว่าแม่ทัพผู้นั้นเลย และเมื่อพวกเขาปรากฏตัวขึ้น ผู้อาวุโสไม่กี่คนก็ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วและไปคุ้มกันนายน้อยและคุณหนูในนั้น
“คารวะนายน้อยและคุณหนูทุกท่าน!คารวะแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน!”
แม่ทัพคนนั้นตะลึงงันไปชั่วขณะแต่เขาก็แสดงความเคารพอย่างรวดเร็วพร้อมกับคุกเข่าข้างหนึ่งและทักทาย ส่วนทหารที่อยู่รอบๆก็คุกเข่าลงไปพร้อมเพรียงกันและตะโกนออกมา “คารวะนายน้อยและคุณหนูทุกท่าน! คารวะแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน!”
“อืม!”
ตรงนั้นมีนายน้อยและคุณหนูทั้งหมดหกคนซึ่งมี อีฉาน, หยิ่นรั่วปิง, หลิงชีเจี้ยน, หลิงชือหย่า, หวู่นี่และถูหลง พวกเขาทั้งหมดรีบไปยังเมืองหลวงเฟยหม่าและรวบรวมศิลาสวรรค์เพื่อย้ายมายังทวีปจักรพรรดิบูรพา
ด้วยการเคลื่อนย้ายทางไกลเช่นนี้แน่นอนว่ามันจำเป็นต้องใช้ศิลาสวรรค์จำนวนมาก หากพวกเขาเคลื่อนย้ายมาด้วยตัวเอง พวกเขาจะรู้สึกสูญเสียไม่ใช่น้อยแม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะเป็นบุคคลที่ร่ำรวยกันก็เถอะ
แน่นอนว่าถ้าหากพวกเขาบอกเป็นนัยๆให้จักรวรรดิเฟยหม่าจ่ายศิลาสวรรค์ให้พวกเขาทางจักรวรรดิเฟยหม่าก็ยินดีที่จะจ่าย แต่พวกเขาไม่จำเป็นต้องมีข้อพิพาทใดๆกับตระกูลเฟยหม่า ดังนั้นพวกเขาจึงรวบรวมศิลาสวรรค์ของพวกเขาเพื่อเคลื่อนย้ายมากันเอง
“เปิดใช้งานค่ายกลเคลื่อนย้ายทีเราต้องการกลับไปยังเมืองจักรพรรดิอรหัง”
หญิงชราผมสีเงินข้างๆอีฉานหยิบป้ายประจำตัวออกมาและโยนแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณออกมาก่อนที่จะเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้ายกับอีฉาน
ส่วนหยิ่นรั่วปิงและลูกหลานตระกูลหลิง,หวู่นี่, ถูหลงและคนอื่นๆทั้งหมดก็พากันเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้ายตามลำดับ พวกเขาเผยป้ายประจำตัวออกมาในทำนองเดียวกันและโยนแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณไปด้วยเช่นกัน
“เปิดค่ายกลเคลื่อนย้าย!”
เมื่อแม่ทัพได้ตรวจสอบจำนวนศิลาสวรรค์ทั้งหมดและแน่ใจว่าจำนวนทั้งหมดนั้นถูกต้องเขาก็โบกมือและตะโกนออกมา แต่เขาก็มีความสงสัยอยู่ในดวงตาของเขา เหตุใดนายน้อยและคุณหนูเหล่านี้จึงใช้ศิลาสวรรค์จำนวนมากเพื่อรีบกลับไปยังตระกูลของพวกเขากัน? พวกเขาไปยังราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับเพื่อล่าสมบัติกันไม่ใช่หรือ? แล้วเหตุใดพวกเขาจึงกลับมาเร็วถึงเพียงนี้? แล้วเหตุใดนายน้อยของพวกเขาไม่ได้กลับมาด้วย?
แม่ทัพนั้นไม่ใช่คนเดียวที่สงสัยเรื่องนี้ทหารและผู้คนที่อยู่ตรงจัตุรัสทั้งหมดนั้นก็สับสนเช่นกัน และหลังจากที่ทุกคนถูกย้ายกลับไปแล้ว พวกเขาก็พากันจับกลุ่มพูดคุยกันในเรื่องนี้
ทุกๆคนรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นใบหน้าของเหล่าทายาทเก้าตระกูลจักรพรรดิโดยเฉพาะอีฉาน, หยิ่นรั่วปิงและหลิงชือหย่า พวกนางทั้งสามอาจมีผ้าคลุมหน้าอยู่ แต่ด้วยการเหลือบมองเรือนร่างอันบอบบางของพวกนางเพียงวูบเดียวมันก็พอแล้วที่จะทำให้เยาวชนทั้งหลายพากันหลงใหล
บรึฟ!
หนึ่งชั่วโมงต่อมาค่ายกลเคลื่อนย้ายสว่างขึ้นอีกครั้งซึ่งมันทำให้พวกเขาเคร่งเครียดอีกรอบ บุคคลผู้มีอิทธิพลคนใดจะเคลื่อนย้ายมาที่นี่อีก? ผู้เชี่ยวชาญคนใดกันที่สามารถใช้งานค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ต้องใช้ศิลาสวรรค์จำนวนมหาศาลได้กันนะ?
“นายน้อยเฟย!”….ไอลีนโนเวล
เมื่อแสงของค่ายกลเคลื่อนย้ายจางหายไปแม่ทัพผู้นั้นก็คุกเข่าข้างหนึ่งทันทีด้วยความเคารพ ส่วนทหารที่เหลือก็รีบคุกเข่าลงอย่างรวดเร็วและผู้เชี่ยวชาญในจัตุรัสส่วนใหญ่ก็คุกเข่าลงเช่นกัน เมืองมารบูรพานี้เป็นหนึ่งในเมืองของตระกูลเสีย และคนมากมายเหล่านั้นก็เป็นคนของตระกูลเสีย
“ลุกขึ้น!”
เสียเฟยไม่ได้มีสีหน้าที่พึงพอใจเขาไม่ได้พูดอะไรมากมายและเดินไปยังค่ายกลเคลื่อนย้ายอีกอัน จากนั้นเขาก็โบกมือและพูดว่า “เปิดใช้งานค่ายกลเคลื่อนย้าย”
“รีบไปเปิดค่ายกลเคลื่อนย้ายเร็ว!”
แม่ทัพโบกมืออย่างรวดเร็วในขณะที่ทหารมากมายรีบร้อนไปเปิดใช้งานค่ายกลเคลื่อนย้ายและส่งเสียเฟยกลับไปยังเมืองจักรพรรดิแห่งหมู่มาร
เมื่อแสงค่ายกลจางลงไปแม่ทัพก็พึมพำด้วยดวงตาที่งุนงง “หรือนายน้อยเฟยจะล่าสมบัติไม่ได้ เขาจึงได้มีสีหน้าที่แย่มากเช่นนี้? ใช่แล้ว….ก่อนหน้านี้ท่านเจ้าเมืองรวบรวมผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนไปสามสิบคนและส่งพวกเขาไปยังทวีปเฟยหม่าไม่ใช่หรอ? แล้วเหตุใดพวกเขาไม่กลับมาด้วยนะ?”
…
บรึฟ!
ในเมืองที่ใหญ่ที่สุดทางตะวันตกของทวีปจักรพรรดิบูรพา,จัตุรัสก็เกิดแสงสาดส่องขึ้นไปเหนือท้องฟ้าซึ่งดึงดูดความสนใจของเหล่าผู้คนนับหมื่น
ค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้เป็นเครื่องมือที่มีไว้สำหรับผู้มีอิทธิพลที่ครอบครองป้ายประจำตัวพันธมิตรของเก้าตระกูลสำหรับเก้าตระกูลเหล่านี้ พวกเขาจะจ่ายศิลาสวรรค์เพียงครึ่งเดียวและหากเป็นผู้เชี่ยวชาญทั่วไปต้องการจะใช้ค่ายกลเคลื่อนย้าย พวกเขาจะต้องจ่ายศิลาสวรรค์อย่างสิ้นเปลือง
อย่างเช่น…การย้ายจากเมืองจักรพรรดิแห่งหมู่มารไปยังเมืองจักรพรรดิอรหังจะต้องใช้ศิลาสวรรค์หมื่นก้อน ซึ่งนี่เป็นเพียงการเดินทางครั้งเดียว และมันก็อาจเป็นปัญหาต่อตระกูลย่อยๆ การที่จะรวบรวมศิลาสวรรค์หมื่นก้อนได้นั้นคงต้องขายทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลพวกเขาเลยด้วยซ้ำ
แม้แต่อีฉานเองก็ไม่ได้ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายอย่างบุ่มบ่ามหากไม่มีเรื่องด่วนจริงๆและหากใครเป็นคนของตระกูลนั้นก็ไม่จำเป็นต้องใช้ศิลาสวรรค์อย่างเช่นเสียเฟยที่อยู่ในเขตแดนตระกูลตัวเอง
ทวีปนี้กว้างใหญ่และไร้เขตแดนมันมีเผ่าพันธุ์อยู่มากมายนับไม่ถ้วนที่ตั้งตัวอยู่ที่นี่ ไม่มีใครรู้ถึงจำนวนประชากรของทวีปนี้ พวกรู้แต่ว่ามีตระกูลหลักและตระกูลเล็กๆมากมายนับไม่ถ้วน และมีเหล่าตระกูลชั้นสูงและเผ่าพันธุ์ที่มีอำนาจมากมายเช่นกัน
ตระกุลที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปนี้คือเหล่าเก้าตระกูลจักรพรรดิที่ยึดครองแดนตะวันออก,แดนใต้, แดนตะวันตก, แดนเหนือ, แดนตะวันออกเฉียงเหนือ, แดนตะวันตกเฉียงเหนือ, แดนตะวันออกเฉียงใต้และแดนตะวันตกเฉียงใต้ซึ่งมันเป็นดินแดนแปดแห่งที่ใหญ่มาก
และมีตระกูลที่เรียกว่าตระกูลจ้าน(จักรพรรดิแห่งสงคราม) ซึ่งแปลกมากๆ พวกเขาไม่ได้ครอบครองดินแดนใหญ่ๆและครอบครองเพียงหุบเขาและเมืองหนึ่งเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม….หุบเขานั้นก็ยังเป็นหุบเขาลี้ลับที่เลื่องชื่อมาก และเมืองนั้นคือเมืองจักรพรรดิลี้ลับเช่นกัน เมืองจักรพรรดิลี้ลับเคยเป็นเมืองหลวงของทวีปนี้ซึ่งหุบเขาลี้ลับเป็นที่ที่จักรพรรดิลี้ลับเคยอาศัยอยู่ที่นั่น
และมันยังมีดินแดนที่กว้างใหญ่อยู่ตรงใจกลางของทวีปซึ่งถูกครอบครองโดยตระกูลโบราณและเผ่าพันธุ์ที่ทรงพลังนับไม่ถ้วนและไม่มีผู้ใดรู้ว่าเหตุใดเก้าตระกูลจักรพรรดิจึงไม่พยายามที่จะยึดครองพื้นที่ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าดินแดนของพวกเขาถึงสิบเท่า
เจ็ดแสนปีที่ผ่านมาทวีปนี้ตกอยู่ในความวุ่นวายเรื่อยๆ ที่ดินแดนกลางก็มีการเปลี่ยนผู้ปกครองนับไม่ถ้วน แต่ตระกูลเก้าจักรพรรดิยังคงยืนหยัดอย่างคงทนอยู่ในทวีปนี้
สงครามในดินแดนกลางนั้นไม่เคยมีใครกล้าเข้าไปยังดินแดนของเก้าตระกูลจักรพรรดิหากมีตระกูลใดตระกูลหนึ่งกล้าที่จะเข้าไปยังดินแดนของเก้าจักรพรรดิเหล่านี้ พวกเขาจะสูญสลายไปโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ
ณทางตะวันออกคืออาณาเขตของจักรพรรดิแห่งหมู่มาร, ซึ่งเสียเฟยไม่ต้องจ่ายศิลาสวรรค์และเขาก็ไม่ได้สนใจทหารที่คุกเข่าอยู่ที่จัตุรัสเลย เขาทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและตรงไปยังปราสาทที่ใหญ่ที่สุดที่อยู่ทางตอนเหนือของเมืองทันที
เมื่อเสียเฟยบินเข้าไปยังประตูหลักทหารนับไม่ถ้วนก็พากันคุกเข่าลง ซึ่งในขณะที่เขาบินเข้ามาเรื่อยๆ เหล่าหทารนับพันก็ค่อยๆพากันคุกเข่าตามทางเรื่อยๆด้วย
“ท่านพ่ออยู่ด้านในหรือเปล่า?”
เสียเฟยบินเข้าไปประมาณสิบห้านาทีก็มาถึงด้านหน้าปราสาทยักษ์และถามองครักษ์ขอบเขตเทียนจุนด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลเมื่อคนผู้นั้นพยักหน้า เสียเฟยก็รีบเดินเข้าไปอย่างรวดเร็วและเมื่อเขาเห็นชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อคลุมหรูหราพร้อมกับท่าทีที่สง่าผ่าเผย เขาก็รีบตะโกนว่า “ท่านพ่อ ท่านพ่อ!”
ชายวัยกลางคนผู้นั้นจิบชาอย่างสบายๆและเมื่อเขาเห็นเสียเฟยรีบเข้ามาเขาก็จ้องมองด้วยดวงตาที่เฉยเมย เสียเฟยตกตะลึงกับดวงตาคู่นั้นในขณะที่เขาหยุดทันทีพร้อมกับป้องกำปั้น “ลูกคารวะท่านพ่อ”
ชายวัยกลางคนพยักหน้าเบาๆและหันกลับมาพูดว่า“เฟยเอ๋อร์ พ่อสอนเจ้าแล้วใช่ไหม? อย่าละกิริยาสำรวมไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
เสียเฟยพยักหน้าและกล่าวว่า“ท่านพ่อ ท่านสามารถส่งท่านโหรและปรมาจารย์ขบวนทัพศักดิ์สิทธิ์ให้ลูกได้หรือไม่ขอรับ? ลูกต้องการไล่ล่าศัตรูและฉกชิงหญ้ามังกรยาจกมา”