เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 640 ร่างไร้ที่ติ
“นายน้อยในยามที่เราอยู่ในราชวังจักรพรรดิ นักโหราศาสตร์จะไม่สามารถจับตำแหน่งพวกเราได้ หลังจากนั้นอีกไม่ช้า เขาน่าจะสัมผัสได้ว่าท่านหนีมาที่นี่และพวกเขาอาจจะส่งคนมาค้นหาที่นี่ นอกจากนี้….ที่นี่ยังอยู่ใกล้กับทวีปจักรพรรดิบูรพามาก หากยอดฝีมือบินผ่านมาและแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ พวกเขาอาจสังเกตเห็นราชวังจักรพรรดิได้”
ผู้อาวุโสชวีได้ทำการเค้นข้อมูลของคนผู้นั้นอย่างรวดเร็วและนำข้อมูลมากมายกลับมาบอกเจียงอี้ส่วนผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนตระกูลเสียเองก็รู้ดีว่าชีวิตเขาจบสิ้นแล้ว เมื่อตันเทียนของเขาสลายไปแล้ว หากเขากลับไปยังเมืองจักรพรรดิแห่งหมู่มารก็คงมีแต่ความตายเท่านั้นที่รอเขาอยู่ เขาจึงหวังเพียงแค่จะรักษาชีวิตของตัวเองและเมื่อผู้อาวุโสชวีซักถามเขา เขาก็บอกทุกสิ่งที่เขารู้ออกมาทั้งหมด
เจียงอี้เพิ่งใช้ญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาเสร็จและตอนนี้เขาก็รับรู้ได้ถึงความแตกต่างภายในร่างกายของเขาหลังจากที่ได้ยินข้อมูลของผู้อาวุโสชวี เขาก็พยักหน้าและบ่งบอกว่าให้ผู้อาวุโสชวีออกไป และเมื่อผู้อาวุโสชวีอยู่หน้าประตู เจียงอี้ก็พูดขึ้นว่า “อีกไม่กี่วัน ข้าจะคืนผนึกแห่งดวงจิตให้พวกเจ้าทั้งหมดและเจ้าก็พานายน้อยของเจ้ากลับไปยังทวีปเงาทมิฬซะ และจำไว้ด้วยว่า…หากเจ้ากล้าเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับตัวข้า ข้าจะตามไปล้างบางทวีปเจ้าแน่นอน หากเจ้ากล้าเผยข้อมูลใดออกไป เจ้าก็น่าจะรู้ถึงผลที่จะตามมา”
“ข้าเข้าใจแล้วขอรับข้าเข้าใจแล้ว!”
ผู้อาวุโสชวีรู้สึกเต็มไปด้วยความสุขทันทีไม่สำคัญว่าตัวเขาจะได้อิสรภาพคืนหรือไม่ แต่สำหรับองค์ชายจูสุยแล้วมันถือว่าสำคัญยิ่ง เขาคิดมาตลอดว่าเจียงอี้เพียงแค่พูดเล่นและไม่เคยหวังว่าเขาจะได้อิสรภาพคืนจริงๆ เขารีบคุกเข่าลงและคำนับเจียงอี้อย่างเคารพจริงๆ
เจียงอี้นั้นคิดถูกแล้วผู้อาวุโสชวีและคนอื่นๆจะไม่เปิดเผยข้อมูลใดๆเกี่ยวกับเขา ไม่เช่นนั้นผู้คนจำนวนมากจากตระกูลใหญ่ๆจะสร้างปัญหากับเขาได้ จักรวรรดิเงาทมิฬอาจเป็นลูกน้องของตระกูลจ้าน (จักรพรรดิสงคราม) แต่สถานะของจูสุยนั้นต่ำเกินไป นายน้อยรุ่นเยาว์ของตระกูลใหญ่ๆคนใดก็สามารถเล่นงานเขาจนตายได้และจักรวรรดิก็คงไม่กล้าแม้แต่จะผายลมออกมาแม้แต่นิดเดียว
เมื่อผู้อาวุโสชวีออกไปแล้วเจียงอี้ก็ค่อนข้างโล่งใจ หากนักโหราศาสตร์หาเขาไม่พบ เขาก็ยังพอมีโอกาสได้พักหายใจอยู่บ้าง
หลังจากที่เลิกคิดเรื่องพวกนี้แล้วเจียงอี้ก็ยังคงตรวจดูร่างกายของตัวเองต่อไปและเขาแทบจะไม่อยากเชื่อเลยว่าร่างกายนี้เป็นของเขา ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งจะลงไปล้างร่างกายในทะเลและผิวของเขาก็เป็นผิวที่เปล่งประกายแวววาวราวกับเด็กแรกเกิด เขาคิดว่าอีฉาน, หยิ่นรั่วปิงและเฟิ่งหลวนจะอิจฉาในผิวพรรณของเขาได้
นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ!
สิ่งที่สำคัญคือร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่าเขารู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังที่ไม่มีหมดสิ้น กล้ามเนื้อของเขาทำให้ร่างของเขาดูแข็งแกร่งและรูปงาม
เดิมทีรูปร่างของเขาก็ดูดีมากแล้วแต่ตอนนี้มันสมบูรณ์แบบราวกับชายรูปงามราวหยกที่เจิดจ้าและไร้ที่ติซึ่งมีกลิ่นอายที่ไม่อาจจะพรรณนาได้
ร่างกายของเขาเองก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยเช่น ตันเทียนของเขาที่แต่เดิมเป็นวงรีก็กลับกลายเป็นวงกลม เส้นลมปราณหลักทั้งสิบสองเส้นของเขาก็ถูกขยายจนหนาขึ้นสามเท่า และเส้นลมปราณเล็กๆบางส่วนหายไปซึ่งไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี
“ใช่แล้วข้าน่าจะลองใช้แก่นแท้พลังสีเหลืองในดาวดวงที่สามหน่อย!”
เขาสามารถทดสอบได้อย่างง่ายดายว่าร่างกายของเขาดีขึ้นหรือแย่ลงก่อนหน้านี้พลังแก่นแท้สีเหลืองของเขารุนแรงเกินไป เมื่อเขาพยายามจะหมุนเวียนมันออกมา มันก็ทำให้ลมปราณของเขาปั่นป่วนไป
เขาปรับเปลี่ยนแก่นแท้พลังสีเหลืองในดาวดวงที่สามอย่างระมัดระวังและเมื่อแก่นแท้ปรากฏขึ้นในเส้นลมปราณของเขา เจียงอี้ก็รู้สึกตึงเครียดขึ้นมาเพราะกลัวว่าแก่นแท้พลังอาจจะบ้าคลั่งและทำให้เส้นลมปราณของเขาแตกซ่านได้
เงียบกริบ!.ไอลีนโนเวล
เมื่อแก่นแท้พลังอยู่ในเส้นลมปราณของเขาในครั้งนี้มันไม่มีความรุนแรงและไม่มีทีท่าว่าจะปั่นป่วนเลย จากนั้นเขาจึงเร่งไหลเวียนแก่นแท้พลังของเขาให้เร็วขึ้นจนกระทั่งมันวนไปทั่วร่างของเขาหนึ่งรอบแล้ว แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ดูเหมือนว่าร่างกายของข้าจะถูกหญ้ามังกรยาจกรักษาและปฏิรูปมันแล้ว”
เจียงอี้ตื่นเต้นมากในขณะที่เขาปล่อยแก่นแท้พลังมากขึ้นเพื่อไหลเวียนอยู่รอบร่างกายของเขาอีกครั้งและมันก็ไม่มีทีท่าว่าจะควบคุมไม่ได้เลย
“ฮ่าฮ่าฮ่า!การใช้แก่นแท้พลังสีเหลืองจะทำให้การโจมตีรูปแบบเต๋าของข้าเพิ่มขึ้นสองเท่าใช่ไหม?”
แก่นแท้พลังสีเหลืองนั้นมีพละกำลังมากแต่ก่อนหน้านี้เจียงอี้ไม่กล้าใช้มันและหากตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในราชวังจักรพรรดิ เขาก็คงจะอยากทดสอบพลังของมันไปแล้ว
“ใช่แล้วไหนข้าลองทดสอบการบ่มเพาะพลังของข้าหน่อยแล้วกัน”
เจียงอี้เข้าสู่ห้วงสมาธิอย่างรวดเร็วและหมุนเวียนศาสตร์นิรนามและผลของมันก็…..ทำให้เขาลืมตาขึ้นมาทันที การบ่มเพาะพลังของเขารวดเร็วมาก! มันเร็วขึ้นกว่าเดิมอย่างน้อยร้อยเท่า!
“มันเป็นไปได้เช่นไร?แม้ราชวังจักรพรรดิจะสามารถรวมแก่นพลังฟ้าดินได้ แต่ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของมันน่าจะเท่ากับสิบเท่าใช่ไหม? แต่ตอนนี้ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของข้าเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่า? หรือว่าหญ้ามังกรยาจกเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะของข้าขึ้นสิบเท่า?”
เจียงอี้กลืนน้ำลายลงไปเขารู้ว่าหญ้ามังกรยาจกเป็นสมุนไพรที่อัศจรรย์และสามารถปฏิรูปร่างกายได้ แต่เขาไม่คิดว่ามันจะมีผลมากเช่นนี้
อันที่จริงเจียงอี้ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วชื่อของหญ้ามังกรยาจกนั้นหมายถึง มังกรสิ้นหวังที่รุ่งโรจน์ขึ้นสู่สวรรค์ มันสามารถเปลี่ยนกายของมนุษย์ไปสู่สภาวะไร้ที่ติที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการบ่มเพาะพลัง
ยิ่งร่างมนุษย์ไร้ที่ติมากเพียงใดมันก็จะยิ่งสามารถดูดซับพลังฟ้าดินได้เร็วขึ้นเท่านั้นไม่เช่นนั้นเหตุใดเสียเฟย, เจี้ยนอู๋อิงและคนอื่นๆถึงได้ไล่ล่าเขาอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ล่ะ? เหตุใดหญ้ามังกรยาจกถึงถูกจัดอยู่ในอันดับที่สูงกว่าสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงอย่างธนูเมฆาอัคคีและเกราะเมฆาอัคคี? หรือแม้กระทั่งสูงกว่าวิชาหลีกสวรรค์? มันเป็นเพราะมูลค่าของหญ้ามังกรยาจกนั้นสูงกว่าสมบัติชิ้นอื่นมากนัก
“บ่มเพาะพลัง!”
เขานิ่งไปชั่วขณะและเก็บความตื่นเต้นในใจของเขาเอาไว้เมื่อเขาเริ่มเข้าสู่สมาธิและรู้สึกได้ว่ามีแก่นแท้พลังสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนไหลเวียนอยู่ในดาวดวงที่สี่ ร่างของเจียงอี้สั่นสะท้านไปทั้งร่าง ไม่เพียงแต่หญ้ามังกรยาจกจะเปลี่ยนรูปกายของเขาแล้วแต่มันยังทำให้เขาเกิดความหวัง ความหวังที่จะไปถึงจุดสูงสุดของศาสตร์เต๋าอีกด้วย
หลังจากบ่มเพาะพลังไปหนึ่งชั่วโมงเจียงอี้ก็หยุดบ่มเพาะพลังเพราะตอนนี้ไม่ใช่เวลาฝึกฝน อาจมีคนไล่ล่าเขาอยู่ตลอดเวลาและสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาจะต้องสลัดพวกที่ไล่ล่าเขาไปซะ
เขาลุกขึ้นยืนและถอดเสื้อผ้าออกจากนั้นร่างของเขาก็ส่องสว่างและถูกย้ายไปยังห้องอาบน้ำ เขาซักผ้าและเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดใหม่ จากนั้นเขาก็เดินไปในห้องเฟิ่งหลวนและชิงหยี
“โอ้”
เฟิ่งหลวนและชิงหยีกำลังคุยกันอยู่และเมื่อพวกนางได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านนอกพวกนางก็หันไปพร้อมกันและดวงตาของพวกนางก็สว่างขึ้นพร้อมกันราวกับว่าจำเจียงอี้ไม่ได้ ปากของชิงหยีอ้าออกมาจนแทบจะกินไข่ไก่เข้าไปทั้งลูกได้
“อะไรกัน?จำข้าไม่ได้หรือไง?” เจียงอี้แตะหัวของเขาอย่างเคอะเขินซึ่งผมสีแดงของเขาเริ่มขึ้นมาบางส่วนแล้ว จากนั้นเขาก็ค่อยๆกระพริบตาอย่างเชื่องช้า
ชิงหยีรีบกระโดดไปหยิกใบหน้าของเจียงอี้และลูบไล้ผิวของเขาอย่างอ่อนโยนจากนั้นนางก็กระเดาะลิ้นของนางด้วยความประหลาดใจและพูดว่า “นายน้อย ผิวของท่านดีกว่าผิวข้าอีก หญ้ามังกรยาจกนี่ช่างเป็นสิ่งที่ลึกลับอย่างแท้จริง ท่านต้องไปเอามาให้ข้าลองบ้างนะเจ้าคะ”
ดวงตาของเฟิ่งหลวนเปล่งประกายขณะที่นางตรวจร่างกายของเจียงอี้ด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของนางจากนั้นนางก็พยักหน้าและกล่าวว่า “นายน้อย ครานี้ท่านเป็นมังกรยาจกที่ผงาดสู่สวรรค์แล้ว ในภายภาคหน้าท่านจะต้องพุ่งไปถึงสวรรค์เก้าชั้นฟ้าเป็นแน่เจ้าค่ะ!”
“ฮ่าฮ่า!”
เจียงอี้หัวเราะอย่างขมขื่นและใช้มือตบไปที่บั้นท้ายของชิงหยีและพูดว่า“หยุดซนได้แล้ว ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาเล่นกับพวกเจ้า เราจำเป็นต้องหาทางกำจัดพวกที่ยาวเป็นหางว่าวทั้งสองหางที่ตามเรามาก่อน หากเราไม่เอาชนะกองทัพจากทั้งตระกูลเสียและตระกูลเจี้ยน เราจะต้องหนีหัวซุกหัวซุนเหมือนสุนัขจรจัดและเราอาจจะตกตายไปในทะเลราตรีสีเลือดตอนไหนก็ได้”