เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 642 ศึกครั้งใหญ่กำเนิดขึ้น
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 642 ศึกครั้งใหญ่กำเนิดขึ้น
ฟรึ่บ!
มีเงาทะลุผ่านพื้นที่ว่างเปล่าทางตอนเหนือของทะเลราตรีสีเลือดซึ่งอยู่ใกล้กับน่านน้ำทวีปจักรพรรดิบูรพาซึ่งภาพเงานั้นเป็นหญิงงามและนางก็พาชายผมแดงมากับนางด้วย เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวผู้นั้นกำลังเดินทางด้วยความเร็วสูงสุดของนางขณะที่นางบินข้ามพื้นทะเลไปหลายร้อยกิโลเมตรในพริบตา
“เอาล่ะทวีปจักรพรรดิบูรพาคงอยู่ไม่ห่างจากที่นี่มากนัก!”
หญิงงามที่สวมชุดฟีนิกซ์หลากสีหยุดอยู่แถวเกาะเล็กๆและนางก็พาชายผมแดงไปที่นั่นอย่างรวดเร็วสายลมเย็นๆแผ่ออกจากร่างของเขาอย่างรวดเร็ว จากนั้นราชวังจักรพรรดิในมือของเขาก็ส่องสว่างขึ้นมาหลังจากที่เขาสอดส่องรอบๆและยืนยันแล้วว่าไม่มีอันตรายอยู่ ในขณะเดียวกัน ผนึกสีทองทั้งสามอันก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขาขณะที่มันกลับเข้าสู่หน้าผากของคนทั้งสามคน
“ผนึกแห่งดวงจิต?!”
ผู้อาวุโสชวี,จูสุยและผู้อาวุกู่ ร้องออกมาอย่างตื่นเต้น จากนั้นพวกเขาก็ป้องกำปั้นด้วยความตกใจและเลื่อมใสไปด้วย “ขอบคุณท่านใต้เท้า”
“ไม่ต้องพูดเรื่องไร้สาระหรอกจงบินไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาให้เร็วที่สุดซะ จากนั้นค่อยคิดจะกลับทวีปเงาทมิฬ จงจำไว้ด้วย พวกเจ้าคงรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากพวกเจ้ากล้าเปิดปากเรื่องของเราออกไป หนีไปเร็ว พวกผู้ไล่ล่ากำลังมาแล้ว พวกเจ้าจะหนีไปได้ไม่ไกลหากพวกเจ้ายังคงเอื่อยเฉื่อยกันอยู่แบบนี้ และปล่อยผู้เชี่ยวชาญตระกูลเสียนี่ไว้ที่ทวีปจักรพรรดิบูรพาและให้มันไปพบเจอชะตาชีวิตของมันเองซะ”
เจียงอี้โบกมือของเขาส่วนผู้อาวุโสชวีและผู้อาวุโสกู่ก็ป้องกำปั้นก่อนที่จะพาจูสุยและผู้เชี่ยวชาญตระกูลเสียที่พิการบินข้ามท้องฟ้าไป พวกเขาหายลับขอบฟ้าไปอย่างรวดเร็ว ส่วนเฟิ่งหลวนก็ขมวดคิ้ว “นายน้อย ท่านเป็นคนดีเกินไปนะ ท่านไม่น่าปล่อยพวกเขาไปเลย”
“ฮ่าฮ่า!คนเราต้องซื่อสัตย์ต่อคำพูดและรักษาสัญญาสิ”
เจียงอี้ยิ้มอย่างกล้าหาญ“นอกจากนี้ เสียเฟยและคนอื่นๆก็รู้ทุกเรื่องที่พวกนั้นรู้ ดังนั้นแม้ว่าพวกนั้นจะถูกจับ มันก็ไม่ส่งผลต่อเราหรอก”
“อื้ม”
เฟิ่งหลวนพยักหน้าเล็กน้อยก่อนที่จะกวาดตามองไปทางทิศตะวันตก“มันน่าจะผ่านมาหนึ่งชั่วโมงแล้วล่ะ นักโหราศาสตร์ของพวกมันคงต้องจับตำแหน่งของเราได้แล้วใช่ไหม ข้าเชื่อว่าปรมาจารย์ขบวนทัพศักดิ์สิทธิ์จะต้องเปิดใช้งานศาสตร์ของเขาอยู่เป็นแน่”
“ไปกันเถอะ!”
เจียงอี้โบกมือและเฟิ่งหลวนก็บินออกไปในขณะที่อุ้มเขาเอาไว้แม้ว่าเจียงอี้จะบินได้เหมือนกันแต่ความเร็วของเขาก็ยังช้าไปเมื่อเทียบกับเฟิ่งหลวน
ทั้งคู่พาดผ่านท้องฟ้าไปทางทิศใต้เจียงอี้กวาดสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาไปรอบๆและเกราะเมฆาอัคคีก็ปรากฏขึ้นบนร่างกายของเขาเช่นกัน มือของเขาเปล่งประกายด้วยแสงสีขาวและเตรียมพร้อมที่จะหนีไปทุกเมื่อ
เวลาค่อยๆผ่านไปไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งคู่ได้เดินทางข้ามทะเลไปกว่าสองแสนกิโลเมตรแล้ว ราชวังจักรพรรดิสว่างวาบขึ้นมาและจักรพรรดิมังกรวารีสีทองก็ปรากฏตัวขึ้น เขาตะโกนออกมาอย่างอับเฉาว่า “มังกรวารีสีทอง ไปดูลาดเลาที เราอยู่ใกล้เขตแดนของจักรพรรดิหมึกทมิฬหรือยัง? หากอยู่ในเขตแดนนั้นแล้ว ทำตามแผนของเราทันที”
มังกรวารีสีทองดำดิ่งลงไปใต้ท้องทะเลขณะที่เจียงอี้สั่งให้เฟิ่งหลวนลอยอยู่กลางอากาศในขณะเดียวกัน เขาก็ปลดปล่อยญาณศักดิ์สิทธิ์ออกมากลางอากาศเพื่อสำรวจพื้นที่อย่างรวดเร็ว
สิบห้านาทีให้หลังเขาก็ลืมตาขึ้นทันที “พวกมันมาแล้ว มีประมาณสี่สิบคนและห่างจากที่นี่หลายพันกิโลเมตร นอกจากนี้ยังมียอดฝีมือที่น่ากลัวในหมู่พวกนั้นด้วย คนผู้นั้นน่าจะอยู่ขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดเพราะเขาสามารถสัมผัสญาณศักดิ์สิทธิ์ของข้าได้”
ปุ้งปึง ปึ้ง!
ในตอนนั้นเองเงาสีทองก็พุ่งขึ้นมาจากทะเล มังกรวารีรีบส่งข้อความเสียงมาแต่ไกล “ท่านใต้เท้า รีบหนีไปขอรับ หมึกทมิฬกำลังไล่ตามมาทางนี้แล้ว! ข้าสังหารสมาชิกเผ่าพันธุ์พวกนั้นไปหลายสิบตน….”
บรึฟ!
ราชวังจักรพรรดิในมือของเจียงอี้กระพริบขึ้นขณะที่เขานำเฟิ่งหลวนและมังกรวารีสีทองเข้าไปจากนั้นเขาก็ใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์สำรวจพื้นที่ขณะที่อยู่กลางอากาศโดยไม่ขยับเขยื้อนไปไหน จากนั้น รอยยิ้มที่เฉยเมยของเขาก็เผยออกมา
ฟรึ่บ!ฟั่บ! ฟึ่บ!
เจียงอี้หยิบดาบมังกรเพลิงออกมาและฟาดดาบมังกรเพลิงออกไปอย่างรวดเร็วมังกรเพลิงหลายพันตัวพุ่งผ่านท้องฟ้าไปทันทีขณะที่เปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์ก็ปะทุออกมาด้วยเช่นกัน มันระเหยน้ำทะเลรอบๆและทำให้ท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยหมอกและทำให้ทิวทัศน์เบื้องหน้าถูกปิดเอาไว้
“อู๋ง……”
“กู๊กู๊!”
เสียงกรีดร้องที่ทรมานของปีศาจทะเลดังก้องอยู่ใต้มหาสมุทรและหลังจากนั้นทะเลทั้งหมดก็เต็มไปด้วยคลื่นนับพันที่สาดเข้ามาและปีศาจทะเลจำนวนนับไม่ถ้วนก็พากันตรงดิ่งมาที่เจียงอี้ เพียงแค่การชำเลืองมองก็เห็นว่ามีพวกมันอย่างน้อยหลายพันตน
“เจ้ามนุษย์ตายซะ…!”
เสียงคำรามที่ทำให้ดวงจิตวิญญาณของผู้คนสั่นสะท้านได้ระเบิดออกมาแต่ไกลน้ำทะเลพุ่งสูงขึ้นราวกับคลื่นที่โหมกระหน่ำขณะที่หัวสีดำขนาดมหึมาเผยขึ้นมาและมีกลิ่นอายสังหารและยังเห็นความโกรธในดวงตาคู่ฟ้าขนาดมหึมาของมันและหนวดหลายสิบสายซึ่งแผ่ไปด้วยกลิ่นอายสีน้ำเงินที่อยู่เหนือหัวของมัน
“หนี!”
เมื่อเจียงอี้เหลือบไปมองมันเขาก็รู้สึกว่าร่างของเขาถูกแช่เอาไว้ ร่างของเขากระพริบเป็นแสงสีขาวขณะที่พุ่งกลับไปยังเส้นทางเดิมอย่างรีบเร่ง ในขณะที่เขากำลังหนีเขาก็ตะโกนว่า “ท่านใต้เท้า จักรพรรดิหมึกทมิฬอยู่นี่แล้วขอรับ มาทำลายมันและรีบฉีกมันเป็นชิ้นๆเร็ว…..”
ฟรึ่บ!
เงาจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งมาจากระยะไกลแม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร ฝ่ามือขนาดใหญ่ที่มีแต่กระดูกก็ปลดปล่อยพลังออกมาซึ่งทำให้พื้นที่เกิดความผันผวนขึ้นและแผ่ออกมาหลายร้อยกิโลเมตร มันทำให้พื้นที่อากาศที่อยู่ในรัศมีพันกิโลเมตรสั่นสะเทือนอย่างไม่หยุดยั้ง
“เวรเอ้ย…”…ไอรีนโนเวล
เดิมทีเจียงอี้ต้องการเข้าไปใกล้กว่านี้แต่เขาจะเข้าไปใกล้กว่านี้ได้อย่างไรในเมื่อเขาเจอพลังที่น่าสะพรึงเช่นนี้? หากห้วงอากาศถูกขจัดไป เขาก็จะกลายเป็นเหมือนนกในกรงที่รอวันตายเท่านั้น
“วิชาหลีกสวรรค์!”
เขาร้องออกมาและรังสีสีขาวก็เปล่งประกายออกมาจากฝ่ามือทั้งสองข้างของเขามันผ่าอากาศเป็นรอยแยกออกมาขณะที่ร่างของเจียงอี้ก็พุ่งเข้าไปในนั้นราวกับสายฟ้า เมื่อห้วงอากาศที่ผันผวนมาทางนี้ รอยแตกนั้นก็หายลับไปแล้ว
ฟรึ่บ!ฟั่บ!
ปีศาจทะเลทะลักออกมาจากทะเลอย่างไม่หยุดยั้งมันไม่มีที่สิ้นสุดและไม่มีผู้ใดรู้ว่ามีปีศาจทะเลอยู่ที่นั่นกี่ตน นอกจากนี้ยังมีราชันปีศาจอยู่ในนั้นราวร้อยตนอีก เดิมทีปีศาจทะเลเหล่านี้จับจ้องไปยังเจียงอี้ แต่ตอนนี้เจียงอี้ได้หายตัวไปและมีภาพเงาของมนุษย์หลายสิบคนบินอยู่ ซึ่งมันก็ทำให้ปีศาจเหล่านี้พุ่งเป้าไปทางมนุษย์เหล่านั้นโดยปริยาย พวกมันส่งเสียงร้องออกมามากมายขณะที่ปลดปล่อยความสามารถประหลาดออกมาในเวลาเดียวกัน
ฉลามยักษ์กลุ่มหนึ่งที่มีขายิงศรวารีออกมาขณะที่พวกมันปกคลุมเป้าหมายเอาไว้อย่างหนาแน่นมันเหมือนกับศรนับพันที่ถูกยิงออกมาพร้อมกับกลิ่นอายที่น่ากลัวพุ่งไปยังมนุษย์หลายสิบคนเหล่านั้น
จี๊!จี๊!
ควันสีเหลืองถูกปล่อยออกมาจากจมูกของปีศาจทะเลขณะที่มันปกคลุมพื้นที่รอบๆเอาไว้เพียงชั่วขณะมันก็พอจะบอกได้แล้วว่าควันสีเหลืองมีพิษ นอกจากนี้มันยังแพร่กระจายอย่างรวดเร็วอีกด้วย ในไม่กี่พริบตามันก็ครอบคลุมพื้นที่หลายร้อยกิโลเมตรแล้ว
ฮูลู!
นอกจากนี้ยังมีปีศาจทะเลที่มีลักษณะคล้ายฮิปโปที่ส่งเสียงร้องออกมาจนเข้าสู่สมองมนุษย์และทำให้ดวงจิตวิญญาณของผู้คนเจ็บปวดเหมือนถูกเข็มทิ่มแทงอีกด้วยมันคือการโจมตีดวงจิตวิญญาณ
“ไสหัวไปซะ…”
ภาพเงามนุษย์หลายสิบคนพุ่งมาจากระยะไกลและที่น่าประหลาดใจคือบุคคลที่นำคนเหล่านี้อยู่คือผู้อาวุโสศักดิ์สิทธิ์ตระกูลเสียเขากักเขตห้วงอากาศเอาไว้แต่เจียงอี้กลับหนีไปและลอดสายตาเขาไปได้งั้นหรือ?
เขาเดือดดาลมากและเมื่อเห็นกลุ่มปีศาจทะเลระดับต่ำ เขาก็โกรธขึ้นมาทันที และด้วยการฟาดฝ่ามือออกไปเพียงไม่กี่ครั้ง เขาก็ทำให้ปีศาจทะเลที่อยู่ข้างล่างเขาทั้งหมดกลายเป็นเนื้อบดไป
“ปกป้องผู้อาวุโสอูและปรมาจารย์ขบวนทัพศักดิ์สิทธิ์”
เสียเฟยพบชายร่างมหึมาจากระยะไกลและเพียงแค่กลิ่นอายก็รู้แล้วว่ามันคือจักรพรรดิอสูรที่น่าเกรงขามเขาสั่งคนของเขาให้ปกป้องปรมาจารย์ขบวนทัพศักดิ์สิทธิ์และนักโหราศาสตร์ทันที ผู้อาวุโสศักดิ์สิทธิ์เองก็ตะโกนออกมาว่า “จักรพรรดิอสูร ไสหัวไปซะ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะต้องตายอยู่ที่นี่”
“ฮึ่ม!เจ้ากล้าเข้ามาอาละวาดในเขตแดนของข้าและสังหารสมาชิกเผ่าพันธุ์ข้า? แล้วตอนนี้เจ้ายังจะพูดจาไร้สะระอีก? เจ้ารนหาที่ตายซะแล้ว!”
จักรพรรดิอสูรสีดำร่างยักษ์ไม่ได้เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์และเผยร่างที่แท้จริงของมันออกมาร่างของมันพุ่งออกมาจากทะเล ขนาดที่ใหญ่โตของมันก็ทำให้ทุกคนรู้สึกถึงแรงกดดัน มันมีความสูงถึงร้อยห้าสิบเมตรจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันคือจักรพรรดิอสูรระดับสูง
มันมีรูปร่างคล้ายปลาหมึกหัวของมันเต็มไปด้วยหนวดสีฟ้าในขณะที่ดวงตาของมันมืดมนและเย็นชา มันคำรามออกมาในขณะที่มันพ่นก๊าซสีน้ำเงินออกมาด้วยซึ่งทำให้ท้องฟ้าทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีน้ำเงินทันที
ทันใดนั้นผิวของผู้อาวุโสศักดิ์สิทธิ์ก็เปลี่ยนไปผ้าขนาดมหึมาปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขาในขณะที่มันห่อหุ้มเขา, เสียเฟย, นักโหราศาสตร์และปรมาจารย์ขบวนทัพศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ ในขณะเดียวกันเขาก็ตะโกนออกมาว่า “หมอกสีฟ้านี้มีพิษร้ายแรงอยู่ ปลดปล่อยโล่ศักดิ์สิทธิ์ออกมาและสังหารมันซะ!”
ฟรึ่บ!
แม้ว่าจะไม่มีผู้อาวุโสศักดิ์สิทธิ์สั่งการร่างของเหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนก็แผ่รังสีออกมาแล้ว พวกเขาหยิบศาสตราวุธและสมบัติออกมาทุกประเภทในขณะที่พวกเขาพุ่งไปยังจักรพรรดิอสูรหมึกทมิฬ
ก้อนเมฆและสายลมต่างก็ปลิวไสวไปมาและศึกครั้งใหญ่ก็ได้ก่อกำเนิดขึ้นแล้ว