เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 646 พ่ายแพ้
“เฮ้อ…”
ผู้อาวุโสที่หนังติดกระดูกจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเสียเฟยกำลังคิดอะไรอยู่?แต่เจียงอี้มีวิชาหลีกสวรรค์, เกราะเมฆาอัคคีและความสามารถในการตรวจพบพวกเขาเจอล่วงหน้า หากพวกเขายังคงไล่ล่าต่อไปเช่นนี้ พวกเขาอาจถูกกำจัดไปได้
“พวกมันมาแล้ว!”
ในขณะที่ผู้อาวุโสหนังติดกระดูกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกกลิ่นอายที่ทรงพลังก็ปรากฏขึ้นจากไกลๆ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันทีและรีบตะโกนออกมาอย่างเร่งรีบ “เราต้องรีบหนีแล้ว เข้าไปใกล้ๆทวีปจักรพรรดิบูรพาและยับยั้งการไล่ล่าของจักรพรรดิอสูรก่อน”
ฟรึ่บ!
ตระกูลเจี้ยนนำตัวเจี้ยนอู๋อิงบินออกไปไกลแล้วหากพวกเขาอยู่หลังพวกนั้น พวกเขาจะต้องกันการโจมตีที่รุนแรงของจักรพรรดิอสูรเอาไว้เอง ผู้อาวุโสหนักหุ้มกระดูกสบถอยู่เงียบๆและอุ้มเสียเฟยบินไปในขณะที่เขาสั่งให้คนอื่นๆพานักโหราศาสตร์และปรมาจารย์ขบวนทัพศักดิ์สิทธิ์ให้บินไปทางเหนืออย่างรวดเร็ว
ตูม!ตูม! ตูม!
น้ำทะเลสาดขึ้นมาจากระยะไกลและคลื่นขนาดยักษ์นับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นมาในรัศมีหลายกิโลเมตรปีศาจทะเลขนาดยักษ์ขึ้นมาสู่ผิวน้ำ มันมีหัวขนาดที่เท่ากับเกาะย่อมๆซึ่งกำลังแผ่กลิ่นอายที่น่ากลัวออกมาซึ่งทำให้อากาศรอบๆหยุดนิ่งชั่วขณะ
“ตายซะ!พวกเจ้าสังหารน้องแปดของข้า พวกเจ้าทุกคนต้องตาย…!”
เสียงคำรามของจักรพรรดิอสูรกลายเป็นคลื่นเสียงออกมาซึ่งทำให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนสองคนที่ไล่หลังมาเป็นกลุ่มสุดท้ายตัวสั่นเทาและตกลงไปในทะเลปรมาจารย์ขบวนทัพศักดิ์สิทธิ์และนักโหราศาสตร์จากทั้งสองตระกูลก็กระอักเลือดออกมาอย่างรุนแรง ร่างกายของพวกเขาอ่อนปวกเปียกและตายลงทันทีเมื่อถูกคลื่นเสียงนั้น
“ไม่ได้การล่ะ!จักรพรรดิอสูรตนนี้มีพลังมากเกินไปและไปถึงครึ่งทางของการเป็นเจ้าอสูรแล้ว พวกเจ้าทั้งห้าคนไปถ่วงมันเอาไว้!”
“พวกเจ้าสิบคนคอยอยู่ด้านหลังและจงไปถ่วงเวลาจักรพรรดิอสูรซะ!”
ผู้อาวุโสศักดิ์สิทธิ์หนังหุ้มกระดูกและผู้อาวุโสศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลเจี้ยนมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเนื่องจากเสียงคำรามก่อนหน้านี้ที่ทำให้พวกเขาทั้งสองหวาดกลัวเดิมทีพวกเขาคิดว่าพวกเขาจะต่อกรกับจักรพรรดิอสูรตนนี้ได้ แต่ตอนนี้พวกเขาไม่กล้าที่จะไปต่อต้านแม้ว่าพวกเขาจะมีความกล้าเต็มร้อยก็ตาม และคิดเพียงให้มีชีวิตรอดกลับไปถึงทวีปจักรพรรดิบูรพาให้ได้ก่อน
“ไปรีบไปเร็ว!”
เสียเฟยและเจี้ยนอู๋อิงต่างก็ตกใจกลัวเช่นกันเดิมทีพวกเขากัดฟันและปฏิเสธที่จะกลับไปเพราะพวกเขาต้องการไล่ล่าเจียงอี้ต่อ แต่ตอนนี้พวกเขาไม่อยากอยู่ที่ทะเลราตรีสีเลือดอีกต่อไปแล้ว นอกจากนี้ปรมาจารย์ขบวนทัพศักดิ์สิทธิ์และนักโหราศาสตร์ก็ตายไปแล้ว แล้วจะให้พวกเขาติดตามเจียงอี้ต่อได้เช่นไร?
“ฆ่ามัน!”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนที่ถูกส่งมาจากทั้งสองตระกูลต่างสั่นสะท้านและเผยสีหน้าที่น่ากลัวออกมาพวกเขาทั้งสิบห้าคนวิ่งกลับไปทางจักรพรรดิอสูรตนนั้น หากเสียเฟยและเจี้ยนอู๋อิงตายอยู่ที่นี่ พวกเขาก็จะต้องตายด้วยเช่นกัน และหากพวกเขาจะต้องตายอย่างสมเกียรติในการต่อสู้ที่นี่ พวกเขาก็ยังสามารถรับประกันความรุ่งโรจน์และความสบายให้แก่ลูกหลานพวกเขาได้
ฟรึ่บ!
ผู้อาวุโสหนังหุ้มกระดูกอุ้มเสียเฟยและบินข้ามฟ้าไปพร้อมกับคนอื่นๆพวกเขาหายลับไปอย่างรวดเร็วและปล่อยให้เสียงสะท้อนจากผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนและจักรพรรดิอสูรเอาไว้เบื้องหลัง ในไม่ช้าก็มีเสียงกรีดร้องที่น่าสังเวชดังขึ้นทีละคน ซึ่งมันไม่จำเป็นต้องบอกก็รู้ว่าเป็นเสียงของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนที่ค่อยๆถูกจักรพรรดิอสูรสังหารไปทีละคน
“แพ้แพ้แล้ว!”
เสียเฟยรู้สึกย่ำแย่มากเขาไม่มีความภาคภูมิใจและกลิ่นอายที่โดดเด่นอย่างที่ลูกหลานของเก้าตระกูลจักรพรรดิควรมีอีกต่อไป เขารู้ดีว่าการไล่ล่าครั้งนี้จบลงด้วยความล้มเหลวและเขาจะต้องกลับไปยังเมืองจักรพรรดิแห่งหมู่มารเพื่อรับโทษด้วยขาของเขาเอง ชื่อเสียงของเขา เสียเฟยผู้นี้จะถูกทำลายไปจนสิ้น
เสียเฟยมองไปยังทะเลลึกและคำรามด้วยความโกรธแค้นจากเบื้องลึกของหัวใจ“ไอ้เด็กชั่ว ข้าจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตต่อไปอีกหน่อย กองทัพตระกูลเสียของข้าจะออกไล่ล่าเจ้าในไม่ช้า เมื่อถึงครานั้น เจ้าจะต้องตายแม้ว่าเจ้าจะบินอยู่เหนือฟากฟ้าหรือมุดอยู่ในดินก็ตาม!”
เจี้ยนอู๋อิงเองก็มองไปและตะโกนว่า“ไอ้สารเลวเจียง ข้าจะกลับไปฝึกฝนอีกสามปี ห้าปี เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะเป็นคนฆ่าเจ้าเอง!”
…
“อั๊ก!”
เจียงอี้เองก็ไม่ได้ดีไปกว่าพวกเขาเช่นกันหลังจากที่หลบหนีเข้าไปในรอยแยกห้วงมิติได้ประมาณล้านกิโลเมตรแล้ว เขาก็ถูกบังคับให้ออกจากรอยแยกมิติ และเมื่อเขาออกมา เขาก็กระอักเลือดคำใหญ่ออกมาในขณะที่ร่างของเขาร่วงหล่นลงมาอย่างไร้เรี่ยวแรง
ปัง!…ไอลีนโนเวล
เขาตกลงไปในทะเลและในขณะที่ปากของเขายังมีเลือดไหลออกมามันก็ทำให้น้ำทะเลบริเวณนั้นกลายเป็นสีแดง เขาฝืนตัวเองและรีบตรวจสอบพื้นที่ด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็นำราชวังจักรพรรดิออกมาและนำเฟิ่งหลวนออกมา
“นายน้อย!”
เฟิ่งหลวนหน้าซีดไปด้วยความตกใจขณะที่นางรีบไปอุ้มเจียงอี้อย่างรวดเร็วเจียงอี้รีบเก็บราชวังจักรพรรดิไปและส่ายมือขณะพูดว่า “ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น บินไปทางตะวันออกก่อน ข้าไม่ได้ย้ายมาไกลเกินไปและที่นี่ยังเป็นเขตแดนของอสูรหนามแหลมอยู่ ระวังจักรพรรดิอสูรมาทันด้วยล่ะ”
เฟิ่งหลวนไม่กล้าพูดอะไรอีกและบินไปทางตะวันออกขณะที่แบกเจียงอี้ไปด้วยหลังจากที่บินไปได้ไม่ไกลก็เกิดกระแสน้ำจากทะเลแปรปรวนเนื่องจากปีศาจทะเลจำนวนมากพุ่งออกมา เลือดสดที่เจียงอี้กระอักออกมานั้นเป็นการกระตุ้นเหล่าปีศาจทะเลทั้งหมดบริเวณใกล้ๆ
ที่นี่เป็นเขตแดนของอสูรหนามแหลมและมันอยู่ห่างกับทวีปทางตะวันออกของทะเลราตรีสีเลือดเกือบล้านกิโลเมตรสัตว์อสูรทั้งหลายเป็นสัตว์ที่ไวต่อเลือดสดของมนุษย์มากที่สุด อย่าว่าแต่ปีศาจทะเลเลย แม้แต่ฉลามธรรมดาก็พากันแห่ไปที่นั่นเพราะกลิ่นคาวเลือดด้วย
“ฮึ่ม!”
เฟิ่งหลวนกระแอมออกมาและกำลังจะโจมตีแต่เจียงอี้ส่ายมือของเขาทันทีและพูดว่า “อย่าสังหารปีศาจทะเล แค่บินให้สูงขึ้นแล้วหนีซะ!”
นางนิ่งงันไปและสักพักก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วนางได้รู้ถึงแผนการที่เจียงอี้และมังกรวารีสีทองคุยกันแล้วและนางก็รู้ถึงความแข็งแกร่งที่น่าเกรงขามของเผ่าพันธุ์อสูรหนามแหลมด้วย
ยืมมือผู้อื่นเปื้อนเลือด!
นี่เป็นแผนของเจียงอี้เองหากเขาจะสู้กับตระกูลเสียและตระกูลเจี้ยน ทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาจะต้องตาย แต่ทะเลราตรีสีเลือดนี้มีปีศาจทะเลที่ทรงพลังอยู่มากมายและเจียงอี้เองก็มีวิชาหลีกสวรรค์ ในเมื่อมังกรวารีสีทองมีข้อมูลทั้งหมดของทะเลราตรีสีเลือด ทำไมพวกเขาจะไม่ใช้ประโยชน์จากปีศาจทะเลเหล่านี้เพื่อสังหารผู้เชี่ยวชาญจากสองตระกูลล่ะ?
แผนการเป็นไปอย่างราบรื่นแต่มันก็ยังไม่แน่ชัดว่าสถานการณ์การต่อสู้นั้นเป็นเช่นไร แต่เจียงอี้สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของผู้เชี่ยวชาญตระกูลเสีย หม้อใบนั้นอยู่ไกลตัวเขามาก แต่เจียงอี้ยังคงสั่นสะท้านแม้เขาจะสวมเกราะเมฆาอัคคีอยู่ หากไม่ใช่เพราะหม้อนั่น เขาก็คงไม่ถูกบังคับให้ออกจากรอยแยกหลังเดินทางไปได้กว่าล้านกิโลเมตรหรอก
ตามที่มังกรวารีสีทองเล่ามาเผ่าพันธุ์อสูรหนามแหลมมีจักรพรรดิอสูรที่ทรงพลังสองตนซึ่งเป็นเจ้าอสูรระดับต่ำ และที่เจียงอี้ไปที่นั่นก็เพราะจักรพรรดิอสูรเหล่านั้นจะต้องโกรธอย่างแน่นอนไม่ว่าผลของการต่อสู้ระหว่างตระกูลเสียและเผ่าพันธุ์อสูรหนามแหลมจะออกมาเป็นเช่นไร หากเฟิ่งหลวนสังหารปีศาจทะเลบริเวณนี้ มันก็จะดึงดูดความสนใจของจักรพรรดิอสูรได้แน่นอน นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เจียงอี้ห้ามนางเอาไว้
ปีศาจทะเลนับไม่ถ้วนแห่มาทางพวกเขาและยังมีปีศาจอีกมากมายที่สามารถบินได้แต่ความเร็วของเฟิ่งหลวนนั้นเร็วพอที่จะสลัดพวกมันทั้งหมดไปได้อย่างง่ายดายและมุ่งหน้าไปทางตะวันออก
หนึ่งชั่วโมงต่อมาเจียงอี้ฟื้นฟูร่างของเขาขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ให้เฟิ่งหลวนหาเกาะที่จะปลดปล่อยญาณศักดิ์สิทธิ์เพื่อสอดแนมพื้นที่รอบๆและตรวจสอบให้แน่ใจว่าปลอดภัย จากนั้นเขาก็ปล่อยมังกรวารีสีทองออกมาและสั่งว่า “ไปเสาะถามเหตุการณ์จากปีศาจทะเลสักสองสามตนที”
มังกรวารีสีทองเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจและยังเป็นจักรพรรดิอสูรด้วยมันสามารถควบคุมปีศาจทะเลได้อย่างง่ายดายเพื่อหาข้อมูลสถานการณ์ของศัตรู ด้านเจียงอี้เองก็เสี่ยงชีวิตและรอดมาได้อย่างหวุดหวิด เขาจึงอยากรู้ผลของแผนการของเขา
มังกรวารีสีทองบินลงไปในทะเลขณะที่เจียงอี้ยังคงตรวจสอบพื้นที่ด้วยญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาหากเกิดความวุ่นวายขึ้นรอบๆ เขาจะเป็นคนแรกที่รู้เรื่อง และหากเสียเฟยยังฝืนไล่ล่าพวกเขา เขาก็คงจะต้องฝืนอาการบาดเจ็บของเขาและใช้วิชาหลีกสวรรค์ต่อไปเช่นกัน
ปัง!
สามสิบนาทีต่อมาจักรพรรดิมังกรวารีสีทองก็กลับมาและเขาส่งข้อความมาจากที่ไกลๆ “ท่านใต้เท้า ข้ามีทั้งข่าวดีและข่าวร้ายขอรับ! ข่าวดีก็คือโกวหงถูกสังหารและจักรพรรดิอสูรโกวฮั่วและโกวหรูโกรธแค้นมาก พวกเขานำจักรพรรดิอสูรอีกหลายตนไปไล่ล่าและสังหารสมาชิกกว่าครึ่งหนึ่งของตระกูลนั้น พวกเขายังคงไล่ล่าอยู่ในตอนนี้ แต่คนกลุ่มนั้นใกล้จะถึงทวีปจักรพรรดิบูรพาแล้ว และอาจจะยังไม่ถูกกำจัดไปทุกคน”
“ส่วนข่าวร้ายก็คือ…เนื่องจากการตายของโกวหงโกวฮั่วจึงส่งข้อความไปยังเจ้าอสูรของเผ่าพันธุ์พวกเขาในทะเลเลือด และคาดว่าปีศาจทะเลทั้งหมดในทะเลราตรีสีเลือดกำลังจะเกิดจลาจล ทะเลราตรีสีเลือดนี้จะไม่ปลอดภัยอีกต่อไปและมนุษย์คนใดก็ตามที่อยู่ในนั้นจะถูกสังหารอย่างไร้ปรานี….”
“เอ่อ…”
เจียงอี้และเฟิ่งหลวนมองหน้ากันเขาเพียงต้องการยืมมือคนอื่นเท่านั้น แต่ไม่ได้คิดว่ามันจะเกิดเรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้ นี่มันไปถึงหูเจ้าอสูรจริงหรือ? ตระกูลเสียเจาะท้องฟ้าทะเลราตรีสีเลือดจริงๆ!