เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 648 ในเมื่อทางเดินต่างกัน เช่นนั้นก็คงไม่มีโอกาสที่จะอยู่ร่วมกันได้
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 648 ในเมื่อทางเดินต่างกัน เช่นนั้นก็คงไม่มีโอกาสที่จะอยู่ร่วมกันได้
ทวีปจักรพรรดิบูรพานั้นมีชีวิตชีวามาก
ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับปรากฏบนหุบเขาลี้ลับซึ่งทำให้เหล่าจอมยุทธพากันแห่มาที่นี่เก้าตระกูลจักรพรรดิเองก็ประกาศว่าพวกเขาจะไม่ปิดหุบเขาลี้ลับอีกต่อไปและไม่ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังคนใดก็สามารถไปลองพบกับชะตาชีวิตตัวเองได้ แต่ทุกคนมีโอกาสเพียงครั้งเดียว และหากพวกเขาไม่สามารถปีนไปถึงยอดเขาได้ พวกเขาก็จะไม่มีโอกาสนั้นอีกต่อไป
มันไม่ใช่เพราะเก้าตระกูลจักรพรรดิไม่มีความสามารถ….แต่แม้แต่ยอดฝีมือของเก้าตระกูลจักรพรรดิเองก็ยังไม่สามารถปีนขึ้นไปบนเขาได้แม้แต่เก้าจักรพรรดิเองก็พยายามลองแล้ว แต่ก็ไม่มีผู้ใดสามารถไปถึงยอดเขาได้เลย มีเพียงประมุขตระกูลจ้านเท่านั้นที่สามารถเลยกลางภูเขาไปได้และมองเห็นราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับได้ทั่วทั้งราชวัง ส่วนคนอื่นๆมองเห็นราชวังเพียงมุมเดียวเท่านั้น
ส่วนเรื่องที่พวกเขาจำกัดผู้ที่สามารถขึ้นไปได้ให้อยู่ในขอบเขตจินกังนั้นเป็นเพราะว่าผู้ที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตจินกังจะตายหากพวกเขาฝืนปีนขึ้นไป ทุกครั้งที่ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับเปิดขึ้น มันจะอนุญาตให้ผู้ที่อยู่เหนือขอบเขตจินกังเข้าไปได้เท่านั้น ซึ่งหมายความว่าผู้ที่ยังไม่สามารถเข้าไปในโถงราชวังได้ พวกเขาจะไม่มีวันได้มรดกของจักรพรรดิลี้ลับไป
ลูกหลานเก้าตระกูลจักรพรรดิเองก็พยายามแล้วเช่นกันและไม่มีผู้ใดสามารถผ่านมันไปได้เลยราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับแห่งนี้เป็นเหมือนราชวังไร้เทียมทานที่สร้างอยู่บนยอดเขาลี้ลับ มันเปรียบเสมือนแดนอมตะที่มนุษย์ไม่มีวันก้าวเข้ามาได้
เก้าจักรพรรดิเองก็รู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะได้ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับมาเพียงแค่อาศัยความแข็งแกร่งของพวกเขาแต่คนผู้นั้นจะต้องได้รับการอนุมัติจากจักรพรรดิลี้ลับ ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็จะไม่สามารถขึ้นไปบนยอดเขาได้ แต่มันจะได้รับการอนุมัติจากจักรพรรดิลี้ลับได้อย่างไรกันล่ะ? ไม่มีผู้ใดรู้และมันคงขึ้นอยู่กับโชคชะตาของใครสักคน
และยังมีอีกเหตุการณ์ที่ทำให้ทวีปจักรพรรดิบูรพาเกิดความโกลาหลขึ้น
เสียเฟยและเจี้ยนอู๋อิงกลับมาแล้วแต่มีผู้เชี่ยวชาญเพียงไม่กี่คนที่รอดกลับมาด้วยในขณะที่ปรมาจารย์ขบวนทัพศักดิ์สิทธิ์และนักโหราศาสตร์ทั้งหมดเสียชีวิต พวกเขาทั้งสองคนไม่ได้ปิดบังหรือบิดเบือนความจริงในความล้มเหลวของพวกเขา
ลูกหลานเก้าตระกูลจักรพรรดิล้วนเป็นบุคคลที่มีความภาคภูมิและยอมรับความล้มเหลวได้พวกเขาจะไม่มีวันโกหกหรือบิดเบือนความจริงไป
ความล้มเหลวก็คือความล้มเหลวและไม่มีสิ่งใดต้องปิดบังพวกเขาส่วนใหญ่มักจะหาโอกาสที่จะลบล้างความอัปยศนี้ นี่คือความภาคภูมิใจและสิ่งที่ลูกหลานเก้าจักรพรรดิปฏิบัติสืบต่อกันมา และนี่ก็เป็นสาเหตุที่เก้าตระกูลของพวกเขามีพลังมากด้วย
พวกเขาจะไม่หนีความล้มเหลวของตัวเองและไม่กลัวที่จะรับเรื่องท้าทาย!
มันมีเหตุผลว่าทำไมเก้าตระกูลจักรพรรดิจึงอยู่มายาวนานกว่าเจ็ดแสนปีมันเป็นเรื่องง่ายของตระกูลที่จะปลุกปั้นยอดฝีมือที่ท้าทายสวรรค์ขึ้นมา แต่เพื่อให้ตระกูลรุ่งโรจน์ไปอีกหลายชั่วอายุคน ทางตระกูลจะต้องปลูกฝังจิตวิญญาณบางอย่างซึ่งเป็นดั่งกฎของตระกูลที่จะเลี้ยงดูคนรุ่นต่อๆไปอย่างเคร่งครัด มีเพียงการให้กำเนิดยอดฝีมือและผู้มีพรสวรรค์อย่างเสมอต้นเสมอปลายเท่านั้นที่จะทำให้ตระกูลคงอำนาจชั่วนิรันดร์
ในเวลาเดียวกันชื่อของเจียงอี้ก็กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งทวีปจักรพรรดิบูรพาอีกครั้ง!
เขาสามารถปราบลูกหลานตระกูลเก้าจักรพรรดิที่ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับได้และยังส่งเสียเฟยและเจี้ยนอู๋อิงกลับมาพร้อมกับความพ่ายแพ้อีก มันไม่สำคัญว่าจะเป็นเพราะโชคดีหรือเป็นเพราะแผนการของเขา แต่อย่างน้อยมันก็ยังถือว่าเขาทำมันได้
แต่แน่นอนว่า….ไม่มีใครคาดหวังกับเจียงอี้ไว้สูงนักอันที่จริงก็มีบางคนที่คุยกันถึงเรื่องนี้แล้วและพากันพนันว่าเขาจะรอดไปได้นานแค่ไหนด้วยซ้ำ
ในประวัติศาสตร์อันยาวนานมีผู้มีความสามารถมากมายที่ถูกทายาทเก้าตระกูลกดขี่และมีแม้กระทั่งผู้ที่สังหารสมาชิกเก้าตระกูลจักรพรรดิไปหลายคน แต่สุดท้ายคนเหล่านั้นก็ตายลงและเก้าตระกูลจักรพรรดิก็ยังคงยืนหยัดอยู่ในทวีปจักรพรรดิบูรพา
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเก้าตระกูลจักรพรรดิเหล่านี้มีกองกำลังซ่อนไว้มากเพียงใดและไม่มีผู้ใดรู้ถึงพลังที่แท้จริงของเก้าตระกูลเหล่านี้ได้
ไม่ต้องพูดถึงเจียงอี้เลยหากแม้แต่ตระกูลใหญ่กล้าที่จะต่อกรกับเก้าตระกูลจักรพรรดิเอง เพียงแค่พวกเขาสะบัดมือครั้งเดียว….ยอดของภูเขาน้ำแข็งเพียงยอดเดียวก็เพียงพอที่จะบดขยี้ศัตรูของพวกเขาให้กลายเป็นผุยผงได้แล้ว
เสียเฟยและเจี้ยนอู๋อิงเป็นทายาทรุ่นที่สามที่โดดเด่นที่สุดในสองตระกูลแต่กองกำลังทหารที่พวกเขาสามารถระดมพลไปได้นั้นยังน้อยเกินไป เก้าตระกูลนั้นมีกฎของตระกูลที่เข้มงวดอยู่ แม้แต่พ่อของเสียเฟยที่เป็นประมุขตระกูลเสียในตอนนี้เองก็ยังใช้อำนาจได้เพียงส่วนเดียวเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น…แม้แต่ปรมาจารย์ตระกูลเสียซึ่งเป็นจักรพรรดิแห่งหมู่มารในปัจจุบันเองก็ยังไม่สามารถระดมพลตระกูลเสียอย่างเต็มกำลังได้หากมีใครต้องการให้ตระกูลเสียระดมพลทั้งหมดของพวกเขา มันจะต้องได้รับการอนุมัติจากผู้อาวุโสใหญ่อย่างน้อยเจ็ดในสิบสองคนก่อน!..ไอรีนโนเวล
ใครกันที่เป็นผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูลเสีย?
คนภายนอกไม่รู้ว่าพวกเขาเหล่านั้นคือใครแม้แต่เสียเฟยเองก็ไม่รู้ เสียเฟยไม่มีคุณสมบัติมากพอแม้แต่จะรู้ถึงอิทธิพลที่แท้จริงของตระกูลเสีย ตระกูลอื่นๆเองก็มีกฎเช่นนี้และทุกคนจะดำเนินตามกฎเหล่านั้น
นี่คือเหล่าเก้าตระกูลจักรพรรดิที่เป็นตระกูลที่ทุกคนต้องหวาดกลัวแล้วใครจะไปคิดว่าเจียงอี้จะพ้นจากเงื้อมมือของทั้งสองตระกูลนี้ไปได้?
มันเป็นอย่างที่ทุกคนคาดไว้…!
หลังจากที่เสียเฟยและเจี้ยนอู๋อิงกลับไปที่ตระกูลของพวกเขาทั้งสองตระกูลก็เคลื่อนไหวทันที หน่วยสอดแนมจากหลายๆตระกูลพบว่าท้องฟ้าเหนือเมืองจักรพรรดิแห่งหมู่มารและเมืองจักรพรรดิแห่งศาตราสว่างไสวด้วยแสงตลอดเวลา แต่ละเมืองเปิดใช้งานทางเดินมิติโบราณห้าสายและกองทัพตระกูลละห้ากองทัพ ทุกๆกองทัพต่างก็มีนักโหราศาตร์และปรมาจารย์ขบวนทัพศักดิ์สิทธิ์อยู่ในนั้นและมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนอีกสามสิบคนซึ่งนำทัพโดยผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนระดับสูงสามคน รวมๆแล้วก็มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนสามร้อยคนที่ทั้งสองตระกูลระดมกำลังเพียงเพื่อชำระล้างความอัปยศที่เจียงอี้มอบให้แก่พวกเขา
เห็นได้ชัดว่าทั้งสองตระกูลนี้โกรธแค้นเพียงใดและแน่นอนว่าวิชาหลีกสวรรค์และเกราะเมฆาอัคคีของเจียงอี้ก็อธิบายเหตุผลได้ดีว่าทำไมทั้งสองตระกูลนี้จึงส่งผู้คนไปมากมาย
อันที่จริงแล้วตอนที่ตระกูลเสียและตระกูลเจี้ยนกำลังระดมพลกันอยู่ ตระกูลหวู่และตระกูลถูเองก็เคลื่อนไหวอยู่ในความเงียบอย่างลับๆ หากข้อมูลนี้ถูกเปิดเผยออกมา ทั้งทวีปจักรพรรดิบูรพาก็คงจะตื่นตากันมาก สี่ตระกูลใหญ่กำลังร่วมมือกันเพื่อไล่ล่าคนเพียงคนเดียว เจียงอี้ถือเป็นคนแรกที่ทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้ในรอบหมื่นปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม!
หลังจากที่กองทัพออกไปได้ห้าวันพวกเขาทั้งหมดก็กลับมาเงียบๆและไม่ได้ประกาศว่าสังหารเจียงอี้ได้หรือไม่ พวกเขาเงียบมากจนตระกูลใหญ่ๆและตระกูลเล็กๆหลายตระกูลรู้สึกว่ามันแปลกมากและต่างก็เริ่มคาดเดากันไป
หลายตระกูลรวบรวมเบาะแสและได้รับข้อมูลอย่างรวดเร็วว่าทั้งสองตระกูลนั้นล้มเหลวในการตามล่าเจียงอี้ไม่ใช่เพราะเจียงอี้มีพลังมากเกินไป แต่เป็นเพราะเขาเข้าไปยังสถานที่ที่เก้าตระกูลจักรพรรดิไม่กล้าเข้าไป เมื่อสองวันก่อน เจียงอี้ได้เข้าไปใกล้พื้นที่ทะเลเขตแดนเกาะแห่งบาปนั่นเอง!
มีทายาทที่เข้าร่วมการล่าสมบัติราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับด้วยและเขาก็หมกมุ่นอยู่กับหญ้ามังกรยาจก, วิชาหลีกสวรรค์และเกราะเมฆาอัคคี ดังนั้นเขาจึงไปจ้างนักโหราศาสตร์ให้ตรวจจับกลิ่นอายของเจียงอี้ดูและพบว่าเจียงอี้อยู่ในพื้นที่ทะเลใกล้ๆเกาะแห่งบาป
“เกาะแห่งบาป?เป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ที่น่าเสียดายนัก!”
ณลานอันหรูหราของราชวังหนึ่ง หญิงสาวเท้าเปล่าที่งดงามกำลังถอนหายใจขณะที่นางกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ ดวงตาของนางเผยถึงความผิดหวังและความโศกเศร้าออกมา
“เฮ้อ!”
ในเวลาเดียวกันที่ลานหรูหราอีกตำหนัก หญิงสาวผมสีม่วงก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
นางยืนนิ่งอยู่ที่ลานกว่าสิบห้านาทีเมื่อเวลาล่วงเลยไป ดวงตาของนางก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา จากนั้นนางก็ส่งข้อความไปยังผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ส่งคำสั่งข้าออกไป ไม่จำเป็นต้องหาข้อมูลของเจียงอี้แล้ว…”
หยิ่นรั่วปิงและอีฉานมาถึงเมืองจักรพรรดิลี้ลับเพราะต้องการไปหาพ่อของพวกนางและหาทางรับเจียงอี้เข้ามาอยู่ที่ตระกูลแต่น่าเสียดายที่แม้เวลาจะผ่านไปหลายเดือนแล้ว แต่ประมุขของทั้งสองตระกูลต่างก็ยุ่งมากและไม่มีโอกาสฟังพวกนางเล่าถึงเหตุการณ์นี้เลย
มันไม่มีความจำเป็นให้ต้องพูดถึงอีกต่อไป!
ผู้ที่ไปยังเกาะแห่งบาปเก้าในสิบคนจะไม่มีวันกลับออกมาอีกที่สำคัญที่สุดคือเก้าตระกูลจักรพรรดิมีกฎของตระกูลที่ระบุไว้ว่า ผู้ที่ไปยังเกาะแห่งบาปมาจะไม่ได้เข้าร่วมกับตระกูลพวกเขา
ในเมื่อทางเดินต่างกันเช่นนั้นก็คงไม่มีโอกาสที่จะอยู่ร่วมกันได้