เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 649 เผ่าเทพประทาน
ณ เวลานี้ เจียงอี้อยู่ใกล้ทะเลของเกาะแห่งบาปจริงๆ หลังจากที่เขาพักฟื้นอยู่ที่ทะเลราตรีสีเลือดไปหนึ่งชั่วโมง เขาก็ใช้วิชาหลีกสวรรค์ข้ามไปยังทวีปเทียนหลงที่อยู่ห่างออกไปกว่ายี่สิบล้านกิโลเมตรซึ่งอยู่ทางตะวันออกของทะเลราตรีสีเลือด
เจียงอี้ค่อนข้างโชคดีและเขาปรากฏตัวในถิ่นกันดารเขาค่อยๆสำรวจพื้นที่นั้นและนำราชวังจักรพรรดิออกมาพร้อมกับเข้าไปพักฟื้นในราชวัง
ราชวังจักรพรรดิถูกค้นพบเร็วมากแต่ผู้เชี่ยวชาญทั่วไปจะทำลายการป้องกันของราชวังจักรพรรดิได้อย่างไร? กว่าพวกเขาจะรายงานให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังมาที่นี่ บาดแผลของเจียงอี้ก็เกือบจะหายดีแล้ว เขาไม่ได้ต่อสู้กับผู้ใดและเพียงแค่รักษาตัวอยู่ในราชวังจักรพรรดิและผ่าห้วงมิติไปเท่านั้น ครั้งนี้ เขาเข้ามาถึงเขตแดนของทะเลลึกไร้สิ้นสุด
และเมื่อเจียงอี้ตรวจสอบพื้นที่จนแน่ใจแล้วว่าไม่มีปีศาจทะเลที่ทรงพลังอยู่ใกล้ๆเขาก็ให้มังกรวารีสีทองสำรวจพื้นที่ขณะที่เข้าไปในราชวังจักรพรรดิเพื่อพักฟื้นต่อ เมื่อมังกรวารีสีทองรู้ทิศทางที่จะไปแล้ว เจียงอี้ก็ใช้วิชาหลีกสวรรค์ต่อ แต่เขาไม่กล้าเคลื่อนย้ายไปไกลเกินไป เพื่อที่ร่างของเขาจะไม่ได้รับผลกระทบจากการผ่าห้วงมิติมากนักและเขาก็จะได้หลบหนีไปได้หากว่าเกิดอันตรายใดๆขึ้น
จากนั้นเขาก็ค่อยๆใช้วิชาหลีกสวรรค์จนมาถึงพื้นที่ใกล้ๆเกาะแห่งบาป
เมื่อเขาไปถึงที่นั่นแล้วเขาก็ไม่กล้าใช้วิชาหลีกสวรรค์อีก เขาจึงใช้ญาณศักดิ์สิทธิ์เพื่อดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครตามล่าเขามาและจากนั้นเขาก็เข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ขณะที่ล่องลอยไปทางทิศตะวันออก
เมื่ออยู่ในสภาวะนี้หากศัตรูออกมาจากทางเดินมิติโบราณ เขาจะรับรู้ได้ทันทีและจะใช้วิชาหลีกสวรรค์หนีไปได้ล่วงหน้า ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่เขตแดนของอสูรหนามแหลม เขาก็ใช้วิธีนี้เช่นกัน
อันที่จริงแล้วเมื่อเจียงอี้มาอยู่ใกล้ทะเลบริเวณนี้ เขาก็ไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว
เกาะแห่งบาปเป็นดินแดนแห่งบาปและเป็นสถานที่ที่เก้าตระกูลจักรพรรดิห้ามเข้าใกล้กฎของตระกูลได้ระบุเอาไว้ว่าพวกเขาจะต้องไม่เข้าใกล้เกาะแห่งบาปในรัศมีหนึ่งล้านกิโลเมตร ดังนั้นเจียงอี้จึงปลอดภัยมากในช่วงที่เดินทางมาที่นี่และสิ่งที่แปลกมากก็คือไม่มีปีศาจทะเลที่ทรงพลังอยู่ใกล้ๆเช่นกัน หากจะมีก็มีเพียงปีศาจทะเลขั้นต่ำระดับสามเท่านั้น
เกาะแห่งบาปไม่ได้มีเพียงเกาะเดียวแต่มันมีเกาะมากมายอยู่ที่นี่ซึ่งมันมีจำนวนมากกว่าร้อยเกาะ
หมู่เกาะที่นี่แปลกประหลาดมากเพราะเกาะกว่าสิบเกาะจะรวมตัวกันเป็นกลุ่มและเป็นรูปร่างงูหางยาวเก้าตัว หัวของงูทั้งเก้าก่อตัวขึ้นเป็นเกาะขนาดยักษ์ที่อยู่ตรงกลางซึ่งทำให้มันมีรูปร่างคล้าย มังกรเก้าตัวที่กำลังจ้องไข่มุกอยู่
ภูมิประเทศที่นี่มันไม่ใช่ภูมิประเทศปกติทั่วไปและอันที่จริงแล้ว…ที่เกาะแห่งบาปสามารถอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ก็เป็นเพราะภูมิประเทศ ย้อนกลับไปเมื่อตระกูลทั้งสิบสามตระกูลถูกเนรเทศมายังสถานที่แห่งนี้ พวกเขาเกือบจะสูญพันธุ์ไป แต่มีอัจฉริยะยอดเยี่ยมที่ปรากฏตัวในตระกูลที่รอดชีวิตกลุ่มสุดท้ายที่วางค่ายกลที่ไม่เหมือนใครเอาไว้ที่เกาะนี้…. ค่ายกลเก้ามังกรสยบเทพ!
มันเป็นค่ายกลที่ยอดเยี่ยมที่ทำให้ทั้งสิบสามตระกูลสามารถต้านทานการโจมตีจากปีศาจทะเลได้ซึ่งในที่สุดพวกเขาก็สามารถทำสัญญากับเผ่าพันธุ์ปีศาจของทะเลลึกไร้สิ้นสุดเพื่อยุติการโจมตี แน่นอนว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจยินดีรับข้อตกลงนี้เพราะทั้งสิบสามตระกูลและเผ่าพันธุ์ปีศาจมีศัตรูคนเดียวกัน นั่นก็คือจักรพรรดิลี้ลับ ในตอนนั้น เผ่าพันธุ์ปีศาจเองก็ถูกเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่จักรพรรดิลี้ลับเป็นผู้นำทัพสังหารอย่างน่าสังเวช ปีศาจที่ยิ่งใหญ่จำนวนมากถูกขับออกจากทวีปจักรพรรดิบูรพาและถูกบังคับให้เข้ามายังทะเลลึกไร้สิ้นสุดนี้
หากพวกเขามีศัตรูคนเดียวกันนั่นก็แสดงว่าพวกเขาเป็นมิตรกันทั้งสิบสามตระกูลและเผ่าพันธุ์ปีศาจจากทะเลลึกไร้สิ้นสุดจึงได้ทำข้อตกลงกัน คือ พวกเขาจะยอมให้ต่างฝ่ายต่างโจมตีกันได้ แต่ถ้าหากว่ากองทัพของทวีปจักรพรรดิบูรพาเข้ามาโจมตีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง พวกเขาก็จะร่วมมือกัน มันจึงเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เก้าตระกูลจักรพรรดิล้มเหลวที่จะกำจัดเกาะแห่งบาป
เจียงอี้ไม่รู้ถึงเรื่องทั้งหมดนี้ดังนั้นเขาจึงยังคงไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไร และเมื่อเขารู้ว่าไม่มีราชันปีศาจอยู่แถวนี้แม้แต่ตนเดียว เขาก็รู้สึกงุนงงเล็กน้อย
ความเร็วในการบินของเจียงอี้เองก็ไม่ได้เร็วนักและเขากำลังบินอยู่ใกล้ผิวน้ำทะเลและเกราะเมฆาอัคคีของเขาก็ถูกซ่อนไว้ในร่างของเขาซึ่งดูภายนอกแล้วเขาก็ดูเหมือนผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังขั้นที่สองธรรมดาทั่วไป
เกาะแห่งบาปนี้เลื่องชื่อมากและตัวเขาเองก็ไม่กล้าที่จะทำตัวสูงส่งอีฉานกล่าวไว้ถูกแล้ว หากเขาเปิดเผยตัวกับโลกภายนอกมากเกินไป เขาจะตายอย่างรวดเร็ว ซึ่งตอนนี้เกาะแห่งบาปเป็นสถานที่เดียวที่ปลอดภัยสำหรับเขา ดังนั้นเขาจึงต้องทำให้ตัวเองอยู่ได้ก่อนจึงจะสามารถวางแผนอื่นต่อได้
“เอ๊ะ?หมอกนี่นา….”
หลังจากผ่านไปอีกหลายพันกิโลเมตรก็มีหมอกหนาปรากฏขึ้นในทะเลข้างหน้ามันทำให้ท้องฟ้าและพื้นผิวทะเลกลายเป็นสีขาวและมองไม่ค่อยเห็นอะไร เมื่อเจียงอี้แผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาออกไป เขาก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเพราะง่าเขาสัมผัสอะไรไม่ได้เลย
“หมอกขาวนี่จะต้องเป็นอาคมแน่ๆนี่ข้าใกล้จะถึงเกาะแห่งบาปหรือยังนะ?”
เจียงอี้คิดอยู่ครู่หนึ่งและบินไปข้างหน้าอย่างเด็ดเดี่ยวในเมื่อเขามาที่นี่แล้ว เขาก็คงไม่มีทางอื่นแล้ว ทางเดียวของเขาก็คือเข้าร่วมกับเกาะแห่งบาปและสร้างตัวเองอยู่บนเกาะแห่งบาป
ฟรึ่บ!
เมื่อเขาเข้าไปในหมอกสีขาวเขาก็รู้สึกราวกับว่าห้วงอากาศกำลังสั่นสะเทือนเล็กน้อย หลังจากนั้นเขาก็ถูกพลังที่แข็งแกร่งปกคลุมเอาไว้ซึ่งมันทำให้เขาหายลับไปจากอากาศ
“อาคมเคลื่อนย้าย!”
เขารู้สึกได้ว่าแสงสีขาวสาดเข้ามาและตัวเขาก็ปรากฏอยู่บนเกาะเล็กๆเกาะนี้มีขนาดเล็กมากและใช้เวลาเพียงนิดเดียวก็ทำให้เขาเห็นพื้นที่ทะเลรอบๆหมดแล้ว มันน่าจะมีรัศมีประมาณสิบกิโลเมตรและเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจีซึ่งทำให้ทิวทัศน์นี้งดงามมาก
แต่เขาไม่มีอารมณ์จะมามองทิวทัศน์เพราะดวงตาของเขาหยุดอยู่ที่ปราสาทสีดำด้านหน้าเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ทรงพลังมากภายในปราสาทนั้นซึ่งที่นั่นมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนอย่างน้อยสามสิบคน!.Aileen-novel
ค่ายกลเคลื่อนย้ายอยู่บนจัตุรัสหินปูนและไม่มีอะไรล้อมรอบมันมีเพียงปราสาทเล็กๆข้างหน้าเขาและเขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อ เขาระมัดระวังตัวขึ้นโดยสัญชาตญาณและพร้อมที่จะสู้หรือไม่ก็หนีไปได้ตลอดเวลา
ตึกตึก ตึก!
เสียงฝีเท้าดังก้องมาจากภายในปราสาทผู้เชี่ยวชาญห้าคนที่สวมชุดเกราะสีขาวเดินออกมาจากปราสาทเงียบๆ และชุดเกราะเหล่านี้มีลวดลายดอกไม้ที่งดงามและเป็นเอกลักษณ์และมันน่าจะเป็นชุดเกราะพิเศษของตระกูลใดตระกูลหนึ่ง
สี่ในห้าคนที่เดินมายังคงเงียบอยู่ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญที่ดูมีอายุมากกว่าเล็กน้อยซึ่งอยู่ขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดพูดขึ้นมาอย่างเฉยเมยว่า“หนุ่มน้อย ข้ายินดีต้อนรับสู่เผ่าเทพประทาน หากเจ้าต้องการเข้าร่วมเผ่าของเรา เจาจะต้องจ่ายศิลาสวรรค์มาสองพันก้อนต่อคนหรือไม่ก็เป็นคนงานอยู่ที่นี่เป็นเวลาหนึ่งปี หากเจ้าไม่ต้องการเข้าร่วมเผ่าของเรา เจ้าก็ออกจากเกาะนี้ได้และเจ้าจะถูกย้ายออกไปโดยอัตโนมัติ”
“เผ่าเทพประทาน!”
เจียงอี้กระพริบตาอย่างงุนงงและถามว่า“ที่นี่ไม่ใช่เกาะแห่งบาปหรอกหรือ? ทำไมตอนนี้จึงเป็นเผ่าเทพประทานกัน?”
“ฮึ่ม!”
ผู้เชี่ยวชาญวัยกลางคนที่อยู่ข้างผู้อาวุโสตะคอกออกมาและจ้องมองเจียงอี้ก่อนที่จะพูดว่า“หนุ่มน้อย เกาะแห่งบาปนั้นเป็นชื่อที่ทวีปจักรพรรดิบูรพาเรียกเรา หากเจ้ากล้าเอ่ยคำนั้นออกมาอีกครั้ง เจ้าจะถูกสังหารอย่างไร้ปรานี! จำไว้ด้วยว่าที่นี่คือ เผ่าเทพประทาน ซึ่งเป็นแดนบริสุทธิ์ที่พระเจ้าประทานให้แก่พวกเรา”
“โอ้อภัยให้ข้าด้วย ข้าไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ”
เจียงอี้ตระหนักได้ว่าตัวเองนั้นพลาดไปและรีบป้องกำปั้นขอโทษจากนั้นเขาก็รีบหยิบศิลาสวรรค์สองพันก้อนออกมาจากแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณพร้อมกับใจที่ปวดร้าวและส่งมอบมันให้แก่ผู้อาวุโส แต่ใครจะไปรู้ว่าผู้อาวุโสผู้นั้นส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ใช่สองพันก้อน แต่เป็นศิลาสวรรค์หมื่นแปดพันก้อน เจ้าน่าจะมีสิ่งประดิษฐ์ห้วงมิติใช่ไหมล่ะ? เจ้ามีมนุษย์อยู่ทั้งหมดเจ็ดตนและสัตว์อสูรอีกสองตน! ดังนั้นจึงต้องใช้ศิลาสวรรค์หมื่นแปดพันก้อน ส่วนอสูรตัวเล็กสองตนนั้น ข้าจะไม่เก็บศิลาสวรรค์ตามกฎของเผ่าเรา….”
“ฮะ!”
เจียงอี้ตกตะลึงมากผู้คนบนเกาะแห่งบาปมีความสามารถที่ทรงพลังที่สามารถตรวจจับจำนวนคนในราชวังจักรพรรดิได้เลยหรือ? แล้วพวกเขายังสัมผัสได้ถึงเสี่ยวเฟยและสัตว์อสูรเถาอู้ได้อย่างชัดเจนด้วยหรือนี่?
“ศิลาสวรรค์หมื่นแปดพันก้อน!”
เจียงอี้รู้สึกขมขื่นมากเขาจะไปหาศิลาสวรรค์มากมายขนาดนั้นมาจากไหนกัน? เดิมทีเขามีศิลาสวรรค์มากกว่าหนึ่งพันก้อนหลังจากขุดเจอสายแร่ศักดิ์สิทธิ์ที่เมืองเซี่ยยวี่ เขาใช้มันไปมากแล้วและซูรั่วเสวี่ยเองก็ใช้มันไปกับการสร้างผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวด้วย เฟิ่งหลวนเองก็มีให้เขาบ้าง แต่เขาก็ให้เฉียนว่านก้วนไปพันก้อนแล้ว และตอนนี้เจียงอี้ก็มีศิลาสวรรค์เพียงสามพันก้อนเท่านั้น ตัวเจียงอี้เองก็ไม่ได้กังวลว่าจะหามันเพิ่มเพราะร่างกายของเขาพิการมาก่อนและเขาก็ไม่สามารถขัดเกลาศิลาสวรรค์ไปมากกว่านี้ได้แม้ว่าเขาจะต้องการก็ตาม แต่เขาก็ไม่กล้าแล้ว
ศิลาสวรรค์สามพันก้อนนั้นพอสำหรับคนคนเดียวไม่เช่นนั้นทุกคนจะต้องเข้ามาเป็นผู้ใช้แรงงาน เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าภายในเกาะแห่งบาปเป็นเช่นไร แล้วจะเกิดอะไรขึ้นหากว่าผู้ใช้แรงงานจะหมายถึงการไปเป็นทาสผู้อื่น? แล้วพวกเขาจะไม่ถูกคนอื่นสังหารตายง่ายๆหรือ?
เจียงอี้ได้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแล้ว