เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 659 ภูเขาลี้ลับทั้งสิบ
เจียงอี้ยังคงเดินทางต่อไป แต่เขาไม่กล้าปลดปล่อยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป เขาค่อยๆเดินทางช้าลงและคอยกวาดมองเทือกเขารอบตัวเขาตลอดเวลา
เจียงอี้หยุดและสำรวจภูเขาทั้งหลายด้านล่าง เขาเพียงต้องการจะสำรวจดูว่าเปลวเพลิงอัสนีอยู่ที่ไหนบ้าง
เขามุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้แทนที่จะบินไปทางตะวันออกและพยายามอยู่ห่างจากถนนหลักให้ได้มากที่สุด ในขณะเดียวกันเขาก็เริ่มวาดแผนที่ในใจ
มันถูกจดจำเอาไว้ว่าเปลวเพลิงอัสนีอยู่ตรงไหนเพื่อที่เขาจะได้หนีไปยังที่ที่ปลอดภัยได้ทันทีแม้ว่าจะมีคนไล่ตามเขามา และสถานที่ที่มีเปลวเพลิงอัสนีนั้นปลอดภัยที่สุด แม้แต่ใต้เท้าเมืองทั้งสิบก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้เปลวเพลิงอัสนี
เจียงอี้เจอเปลวเพลิงอัสนีตลอดทาง บางครั้งเขายังเห็นด้วยว่าเปลวเพลิงอัสนีบางลูกพุ่งออกมาจากภูเขาและแตกตัวออกเป็นลูกไฟหลายดวง
หกสิบก้อน, แปดสิบก้อน……หนึ่งร้อยก้อน!
เจียงอี้รวบรวมหินหยกฟ้ากว่าร้อยก้อนและเจอเปลวเพลิงอัสนีนับสิบๆลูกในเวลาเพียงสี่ชั่วโมง เปลวเพลิงอัสนีปรากฏขึ้นไกลออกไปจากแถบภูเขาร้างแห่งนี้และเปลวเพลิงอัสนีก็มักจะมาพร้อมกับหินหยกฟ้าเสมอ
“เอ๊ะ?”
เจียงอี้หยุดอยู่กลางอากาศเพราะเห็นหินหยกฟ้าพุ่งออกมาจากภูเขาต่อหน้าต่อตาเขาเลย ภูเขาใกล้ๆก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม เปลวเพลิงอัสนีสองลูกที่น่าจะวนเวียนอยู่รอบภูเขาก็หายไปในท้องฟ้า
“หินหยกฟ้านี้จะถูกขับออกมาเองหรือ?”
ดวงตาของเจียงอี้เป็นประกายก่อนที่เขาจะบินไปอย่างรวดเร็ว เขาคว้าหยกฟ้าทั้งหมดเอาไว้และมองดูมันอย่างรอบคอบ และเขาก็พบว่าพวกมันไม่ต่างกับอันที่เขาขุดมาจากภูเขาลูกอื่นๆเลย
“แปลกจัง!”
เขามองไปรอบๆและแน่ใจแล้วว่าเปลวเพลิงอัสนีหายไปแล้ว จากนั้นเขาก็บินต่อไป แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาเลือกเส้นทางที่ห่างไกลจากถนนมากไปหรือเปล่า เขาถึงได้ไม่พบเจอใครเลยในระหว่างทางที่ผ่านมา
ตูม! ตูม! ตูม!
เสียงฟ้าร้องดังมาแต่ไกลและสายฟ้าก็ฟาดลงมาอย่างไม่หยุดหย่อน แต่พวกมันก็อยู่ห่างกับเจียงอี้พอสมควร เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะบินไปทางที่สายฟ้าฟาดลงมา เขารู้สึกว่าที่นั่นจะต้องเต็มไปด้วยหินอัสนีและคนนับหมื่นจะต้องอยู่ที่นั่นแน่ๆ
ตูม!
แต่ทันใดนั้นเอง!
ฟ้าร้องดังขึ้นบนท้องฟ้าและฟาดลงมาที่นี่ พลังฟ้าดินที่มาพร้อมกับสายฟ้าทำให้เจียงอี้หวาดกลัวจนแทบสิ้นสติ แรงกดดันของพลังนั้นทำให้เขาตกลงมาจากภูเขา แต่โชคดีที่สายฟ้าหายไปในภูเขาเล็กๆด้านหน้าซึ่งมันยังอยู่ห่างจากเจียงอี้หลายกิโลเมตร
“บ้าเอ้ย ไม่แปลกเลยที่ไม่มีใครมาที่นี่ หากมีคนเข้าไปใกล้สายฟ้าก็คงจะไม่มีใครรอดจากสายฟ้านั้นได้”
เจียงอี้หดหัวของเขาและมองไปยังท้องฟ้าด้วยความสยดสยอง ท้องฟ้านั้นสดใสมาก แต่ก็มีสายฟ้าฟาดลงมาเป็นครั้งคราวและเขาไม่รู้เลยว่ามันมุ่งไปทิศทางไหน
เจียงอี้ยืนอยู่บนยอดเขาเล็กๆและเฝ้ามองอยู่นานมาก เขาคอยวัดระยะของสายฟ้าคร่าวๆและโดยปกติมันจะอยู่ห่างออกไปและจะแทบไม่ไกลจากรัศมีห้าพันกิโลเมตรจากที่เขาอยู่
“ไปกันเถอะ!”
เขากัดฟันแน่นและเดินต่อไป แต่เขาไม่เสี่ยงที่จะบินขึ้นไปสูงเกินไปเพราะเขาอาจถูกสายฟ้าฟาด…และไม่บินต่ำเกินไปเพราะเปลวเพลิงอัสนีอาจพุ่งออกมา แต่เขาก็ยังพยายามอยู่ให้ใกล้ภูเขามากที่สุดซึ่งมันปลอดภัยกว่ามาก
หลังจากที่เดินทางไปกว่าสองชั่วโมง เจียงอี้ก็รวบรวมหยกฟ้าได้มากกว่าร้อยก้อนแล้ว และในที่สุดภูมิทัศน์ก็เปลี่ยนไป เขาเห็นคนอื่นๆและเข้าใจแล้วว่าสายฟ้าฟาดไปที่ไหน
เบื้องหน้าเขาไม่มีภูเขาที่รกร้างอีกต่อไป แต่มันเป็นทุ่งแห้งแล้ง มีหินสีดำอยู่ทั่วทุกที่ มันดูเหมือนกับทะเลทราย และมีภูเขายักษ์สิบลูกที่อยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตร พวกมันตั้งตระหง่านเหมือนดาบสิบเล่มและสูงอย่างน้อยห้ากิโลเมตร แต่ไม่ได้กว้างมากนักซึ่งภูเขาทั้งสิบนั้นดูเหมือนนิ้วทั้งสิบนิ้วมาก
ภูเขาสิบลูกเรียงกันเป็นเส้นตรงและอยู่ห่างจากกันประมาณห้ากิโลเมตร เมื่อมองไกลๆพวกมันไม่ต่างจากนิ้วทั้งสิบที่ตั้งชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าเลย เจียงอี้สายตาดีมากและเห็นผู้คนมากมายอยู่รอบๆภูเขาเหล่านั้น แต่ตรงที่ที่เขาอยู่นั้นค่อนข้างไกลอยู่พอสมควร คนเหล่านั้นจึงดูเหมือนมดไปกันหมด
ตูม!
สายฟ้าฟาดลงมาที่ภูเขา ในวินาทีถัดมามันก็ฟาดไปที่เขาอีกลูก แต่ครั้งนี้มันฟาดลงไปยังภูเขาลูกต่อไป
ปึ้ง! ปัง! ปัง!
เมื่อเจียงอี้กำลังมองไปใกล้ๆ แต่จู่ๆก้อนหินก็แตกออกมาจากภูเขาใกล้ๆ มีคนสี่คนปรากฏตัวขึ้นและพุ่งเข้าหาเจียงอี้ราวกับสายฟ้า
“คนของป้าเตา!”..ไอลีนโนเวล
ดวงตาของเจียงอี้กลับกลายเป็นเย็นชาและเขาก็หายตัวไป ในวินาทีถัดมาเขาก็อยู่ห่างออกไปสามสิบสามกิโลเมตรก่อนที่จะกลายเป็นเงาจางๆและวิ่งกลับไป
“ไอ้เด็กนี่ เจ้ากล้าหนีรึ!”
เฟ่ยกั๋วและคนอื่นๆส่งเสียงออกมาและตามเขามาเหมือนมังกรคลั่งสี่ตัว พวกเขารอเจียงอี้อยู่นานแล้ว แต่น่าเสียดายที่เจียงอี้ไม่ได้บินมาทางภูเขาที่พวกเขาซ่อนตัวอยู่ ไม่เช่นนั้นพวกเขามั่นใจว่าคงสังหารเจียงอี้ได้ภายในกระบวนท่าเดียวไปแล้ว แต่เจียงอี้ก็ยังคงไม่เคลื่อนไหวอะไรแม้พวกเขาจะรออยู่นาน พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพุ่งออกไปและไล่ล่าเขา
ฟรึ่บ!
เจียงอี้พุ่งไปทางขวาของเขาอย่างเต็มกำลัง เขาจำได้ว่าทางนั้นมีเปลวเพลิงอัสนีอยู่ ซึ่งเขาจะปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้ๆเปลวเพลิงอัสนี
อย่างที่คาดเอาไว้!
หลังจากที่พวกนั้นไล่ล่าเจียงไปสักพัก พวกนั้นก็ต้องเปิดโล่ศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง อากาศนั้นร้อนขึ้นและพวกเขาไม่สามารถทนต่อความร้อนได้ ทั้งสี่จึงต้องเร่งบินไปอย่างบ้าคลั่งในขณะที่โจมตีให้มากที่สุดเท่าที่พวกเขาจะทำได้ ส่วนเจียงอี้ก็เข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์อีกครั้ง จึงทำให้พวกนั้นไม่สามารถโจมตีโดนเขาได้จากระยะทางที่ห่างไกลกันขนาดนี้ได้
“หยุด!”
เฟ่ยกั๋วไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหยุดตามไป เพราะอุณหภูมิข้างหน้าสูงเกินไป อย่าว่าแต่เปลวเพลิงอัสนีเลย หากเพียงพวกเขาเข้าไปใกล้กว่านี้อีกนิดพวกเขาก็อาจตกอยู่ในอันตรายได้แล้ว
“พี่เฟ่ย เราจะทำเช่นไรกันดี?”
ชายอีกสามคนดูเป็นกังวลแต่ก็จนปัญญาแล้ว พวกเขาจึงต้องหันไปพึ่งเฟ่ยกั๋ว ส่วนเฟ่ยกั๋วก็รีบคว้ากระสวยกลับมาและถอนหายใจ “เราจะทำอะไรได้อีก? ไอ้สารเลวนี่ไม่กลัวเปลวเพลิงอัสนีเลย แม้แต่พี่ป้าเตาเองก็ทำอะไรไม่ได้เมื่อมันอยู่ใกล้ๆเปลวเพลิงอัสนี ไป…กลับไปซุ่มตามทางกันเถอะ ยังไงมันก็ต้องกลับไปที่เมือง”
“ขอรับ!”
พวกนั้นพยักหน้าและบินกลับไป หลังจากที่ออกจากทะเลทราย พวกเขาก็พบถนนหลักและมุ่งไปทางเมืองอัสนีฟ้ากระจ่าง
“พวกนั้นไปแล้วหรอ?”
สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเจียงอี้จับจ้องไปที่คนพวกนั้น และเมื่อเขาเห็นพวกนั้นกำลังกลับไป เขาก็ค่อยๆตามไปดูอย่างช้าๆ หลังจากที่พวกนั้นออกไปจากทะเลทราย เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ไหนลองดูด้านนั้นหน่อยดีกว่า!”
มีทะเลทรายอยู่ด้านหน้าซึ่งเจียงอี้ก็สังเกตอยู่พักหนึ่งและไม่เห็นวี่แววของเปลวเพลิงอัสนีเลย เขาจึงไม่กลัวว่าสัมผัสศักดิ์สิทธิ์จะถูกทำลายไป เขาอยู่ใกล้กับเปลวเพลิงอัสนีมากและไม่มีใครสามารถเข้าใกล้เขาได้ ฉะนั้นเขาจึงปลอดภัยมาก
เขานั่งขัดสมาธิอยู่ในหุบเขาและแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ไปยังทะเลทรายที่ห่างไกลเหมือนเป็นสายลมอ่อนๆ ไม่นาน ภาพก็ปรากฏขึ้นในหัวของเขา
มีคนมากมายอยู่รอบๆภูเขายักษ์ทั้งสิบลูก คนทั้งหมื่นคนที่ออกจากเมืองไปเมื่อเช้าน่าจะอยู่ที่นี่กัน แต่แน่นอนว่าพวกนั้นไม่กล้าเข้าไปใกล้ภูเขามากนักและรักษาระยะเอาไว้ห้าร้อยเมตร มีคนประมาณพันคนอยู่รอบๆภูเขาแต่ละลูก โดยที่พวกเขาต่างจับจ้องไปยังยอดเขาที่สูงตระหง่าน
จี๊! จี๊!
ทันใดนั้นเอง แสงก็สว่างวาบขึ้นบนยอดเขาและหินสีฟ้าหลายร้อยก้อนก็ถูกเทลงมาจากภูเขา ทันใดนั้นผู้เชี่ยวชาญนับไม่ถ้วนต่างก็บินเข้าไปยังแสงสีฟ้า ผู้ที่สามารถคว้าหินสีฟ้าได้ต่างมีความสุข ก่อนที่จะรีบนำหินนั้นเข้าไปในแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณของพวกเขาทันที
ปัง!
มีชายสามคนบินเข้าไปยังแสงสีฟ้าสายหนึ่งพร้อมกัน จากนั้นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังที่ทรงพลังก็ใช้ขาเตะอีกสองคนให้ออกไปจากทางแล้วนำก้อนหินนั้นมาเป็นของตัวเอง ส่วนคนที่ถูกเตะออกไปก็ไม่มีทางเลือกอื่นและได้แต่คลานขึ้นมาจากพื้นด้วยรอยยิ้มที่เจ็บปวดและมองไปยังผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังคนนั้นด้วยความขมขื่น
ปึง! ปัง! ปัง!
การต่อสู้ยังคงเป็นไปเรื่อยๆ แต่ไม่มีใครพยายามเข่นฆ่าคู่ต่อสู้ของพวกเขา และเมื่อหินสีฟ้าตกอยู่ในมือของใครแล้ว คนที่เหลือจะหยุดช่วงชิงทันที ส่วนคนอื่นๆที่อยู่รอบๆภูเขาลูกอื่นก็ยังคงยืนอยู่รอบภูเขาของตัวเองเงียบๆและไม่พยายามขโมย
“หินอัสนี! ฮ่าฮ่าฮ่า มันเป็นหินอัสนีจริงๆด้วย!”
เจียงอี้รู้สึกตื่นเต้นมาก เขาตรวจสอบได้อย่างชัดเจนว่าหินสีฟ้าเหล่านั้นคือหยกฟ้าที่เขาขุดออกมาก่อนหน้านี้ และในเมื่อคนนับหมื่นพากันแย่งมัน มันจึงต้องเป็นหินอัสนีแน่ๆ
เขาขุดหินอัสนีมากกว่าร้อยก้อนมาได้ในเวลาเพียงสี่ชั่วโมง เทือกเขาเหล่านั้นก็ดูมีอยู่อย่างไร้ขอบเขต เขาจึงคงไม่ต้องกังวลเรื่องหินอัสนีเลย เว้นแต่ว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น