เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 661 รอโอกาสอยู่เฉยๆ
แกร๊ง!
เสียงที่ดังชัดเจนสะท้อนออกมา ก่อนที่หมอกสีดำจะปกคลุมทุกคน หัวกะโหลกของเฟ่ยกั๋วก็ถูกเจียงเสี่ยวนู๋ทำลายจนแตก ทุกๆคนเห็นว่าเฟ่ยกั๋วได้ปล่อยโล่ศักดิ์สิทธิ์ออกมาแล้ว แต่โล่นั้นกลายเป็นเหมือนฟองสบู่เมื่ออยู่ต่อหน้ากรงเล็บนี้
หมอกสีดำปกคลุมทั่วพื้นที่แล้ว
แต่จิตใจของทุกคนยังเต็มไปด้วยฉากที่น่าสยดสยองนั้นอยู่ ในขณะที่พื้นดินกำลังถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีดำก็มีสาวงามที่มีปีกและผมสีเขียวอยู่ กลิ่นอายของนางน่ากลัวขั้นที่ทำให้พวกเขาตกใจและนิ่งงันไป นางกลายเป็นภาพหลังขณะที่บินไปทางพวกเขา กรงเล็บที่เต็มไปด้วยแสงสีเขียวทำลายโล่ศักดิ์สิทธิ์ของเฟ่ยกั๋วและมันก็ทำให้กะโหลกของเฟ่ยกั๋วแตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันที
บ้าน่า!
บางทีอาจเป็นเพราะระยะทางที่ใกล้กันมากระหว่างพวกเขาและเจียงเสี่ยวนู๋ก็ปรากฏขึ้นเร็วเกินไป หรือไม่เฟ่ยกั๋วก็ตอบสนองช้าเกินไป แต่มันก็ปฏิเสธไม่ได้เรื่องความเร็วที่เร็วเกินไปของเจียงเสี่ยวนู๋ นางเร็วกว่าใครๆและกรงเล็บของนางก็คมมากซึ่งโดยพื้นฐานแล้ว มันไม่แตกต่างอะไรเลยถึงแม้จะมีโล่ศักดิ์สิทธิ์อยู่ด้วย
จี๊! จี๊!
ทุกคนได้ยินเสียงอากาศที่ถูกเจาะอย่างเลือนลาง หลังจากนั้นเงาทั้งสี่ร่างก็ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าในเวลาติดๆกัน ในเวลานั้นหมอกสีดำบนท้องฟ้าก็สลายไปเพราะเฟิ่งหลวนลืมปล่อยรูปแบบเต๋าราตรีของนางและยังอึ้งไปด้วยความประหลาดใจ
ฟู่…ฟู่…
มังกรวารีสีทองสูดลมหายใจด้วยความเย็นเยียบขณะที่จ้องมองร่างทั้งสี่ที่กำลังร่วงลงมาอย่างไร้ชีวิต กะโหลกของพวกเขาทั้งหมดถูกบดขยี้ไปซึ่งมันเป็นเหมือนซากศพที่ไม่ใช่ของมนุษย์เลย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวขณะที่รู้สึกว่าร่างกายของมันเย็นยะเยือกหลังจากที่เหลือบไปเห็นเจียงเสี่ยวนู๋ที่ยืนอยู่กลางอากาศ
“เอ่อ?”
เจียงอี้เองก็ตกตะลึงเช่นกัน เจียงเสี่ยวนู๋บอกว่านางฝึกฝนศาสตร์จนไปถึงขั้นที่สองแล้วและมันทำให้ความแข็งแกร่งของนางเพิ่มขึ้นสิบเท่า แต่นางป่าเถื่อนถึงขั้นที่นางสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนทั้งสี่คนได้ในพริบตา แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่การลอบโจมตีและระยะห่างของพวกเขาค่อนข้างใกล้กัน แต่มันก็ยังน่าตกใจอยู่ดี
“เจ้าเด็กนิสัยไม่ดี!”
อย่างไรก็ตาม เขาก็คร่ำครวญออกมาด้วยท่าทางที่โกรธเกรี้ยว “เราไม่ได้ตกลงกันไว้ว่าให้ทำตามสถานการณ์ที่วางไว้หรอ? ทำไมเจ้าถึงได้ทำอะไรแบบนั้นคนเดียว? ถ้าพวกนั้นมีสมบัติป้องกันหรือมีการโจมตีที่ไม่ธรรมดาจะทำยังไง? ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าเข้ามาร่วมด้วยอีกหากเจ้ายังทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้”
ฟรึ่บ!
เจียงเสี่ยวนู๋รีบบินกลับมา กลิ่นอายสีเขียวของนางสว่างวาบออกมาและนางก็กลับไปสู่รูปลักษณ์เดิม เสื้อผ้าที่หลังของนางขาดวิ่นไปหมดจนเผยแผ่นหลังสีขาวออกมา เฟิ่งหลวนจึงรีบหยิบเสื้อคลุมออกมาให้นางสวมทันที
“นายน้อย!”
เจียงเสี่ยวนู๋หน้ามุ่ยด้วยความไม่พอใจ ”ข้ารู้สึกแค่ว่าข้าสังหารคนพวกนั้นได้ ข้าก็เลยลงมือไปเจ้าค่ะ”
“รู้สึก?”
เจียงอี้กลอกตาของเขา “แล้วถ้าการตัดสินใจของเจ้ามันผิดล่ะ?”
“ไม่…”
เจียงเสี่ยวนู๋ทำหน้าหนักใจก่อนที่จะตอบว่า “การรับรู้ของเผ่าพันธุ์เรานั้นเฉียบแหลมมาก อย่างเช่นตอนนั้นที่ข้ารู้สึกได้ว่าตัวเองจะไม่สามารถสังหารปรมาจารย์ตระกูลหลิงได้ ดังนั้นข้าจึงหนีไป ตราบใดที่ข้ารู้สึกว่าตัวเองสังหารพวกเขาได้ พวกนั้น…จะต้องตายอย่างเลี่ยงไม่ได้”
“เอ่อ?”
เจียงอี้และเฟิ่งหลวนมองหน้ากันและทั้งคู่เริ่มหวั่นใจอยู่ข้างใน เผ่าพันธุ์ของเจียงเสี่ยวนู๋ไม่ดุร้ายเกินไปหน่อยหรือ? กรงเล็บของนางเป็นสิ่งที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรหยุดได้เลย
แล้วเผ่าพันธุ์ที่น่าเกรงขามเช่นนี้น่าจะมีชื่อเสียงมากในทวีปจักรพรรดิบูรพาสิ แต่ทำไมไม่มีประวัติใดๆในตระกูลเฟิ่งเลย?
แต่มันก็ถือเป็นเรื่องน่ายินดีเนื่องจากความแข็งแกร่งของเจียงเสี่ยวนู๋เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก เจียงอี้มองไปที่เจียงเสี่ยวนู๋อย่างหมดหนทางก่อนที่จะเดินไปเก็บกวาดศัตรู เขาหยิบกระสวยและโยนไปที่เฟิ่งหลวน “เฟิ่งเอ๋อร์ ขัดเกลาสมบัตินี่ทันทีที่เจ้ากลับไป มันน่าจะเป็นสิ่งประดิษฐ์เหนืออิทธิฤทธิ์และมันน่าจะเข้ากับรูปแบบเต๋าราตรีของเจ้าและมีแต่ได้ประโยชน์มากขึ้น”
เจียงอี้เก็บรวบรวมแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์มาสี่วง เนื่องจากทั้งสี่คนนี้ตายไปแล้ว มันจึงไม่มีผนึกดวงจิตวิญญาณหลงเหลืออยู่จึงทำให้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาเห็นภายในแหวนนั้น และเขาก็มีความสุขมากหลังจากที่ตรวจสอบเล็กน้อย
ภายในแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณทั้งสี่วงนี้มีสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์อย่างน้อยก็หลายสิบชิ้นอยู่ในนั้นและมีค่าพอๆกับศิลาสวรรค์หนึ่งหมื่นก้อน นอกจากนี้ยังมีหินอัสนีอีกมากซึ่งคิดว่าน่าจะมีอย่างน้อยสามสี่ร้อยก้อน!
“ช่างเป็นผลที่ดียิ่งจริงๆ”
เจียงอี้ยิ้มและหัวเราะเบาๆ “ข้าหาหินอัสนีมาได้มากกว่าหนึ่งพันก้อนในหนึ่งวัน ซึ่งมันเพียงพอให้เราอยู่ที่นี่ได้ประมาณสี่ถึงห้าเดือน เราจะเข้าไปอยู่ในเมืองกันเงียบๆและครั้งต่อไปที่เราจะออกไปหาหินอัสนี มันจะทำให้เราอยู่ไปได้ทั้งปี จากนั้นเราก็จะอยู่ในเกาะแห่งบาปกันได้แล้ว”
“หินอัสนีมากกว่าพันก้อน? นายน้อย ท่านเก็บพวกมันมาได้อย่างไร?”
คราวนี้ เป็นเฟิ่งหลวน, เจียงเสี่ยวนู๋และคนอื่นๆที่พากันตกตะลึง เจียงอี้ไม่ได้คิดจะอธิบายและเพียงแค่ยิ้มออกมา “ไปกันเถอะ ข้าจะอธิบายให้ฟังหลังจากที่เรากลับไปแล้ว”….ไอรีนโนเวล
ราชวังจักรพรรดิของเจียงอี้กระพริบขึ้นและเก็บพวกเขาทั้งสามกลับไป จากนั้นเขาก็นำเปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์ออกมาขณะที่มันเผาศพทั้งสามจนกลายเป็นเถ้าถ่านไป
ฟรึ่บ!
เขาบินเข้าประตูเมืองอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนที่เขาจะได้เข้าใกล้ประตูเมือง เขาก็ต้องหยุดลงเพราะมีคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ด้านนอก เมื่อพวกนั้นเห็นภาพเงาของเขา ทุกคนก็พุ่งมาทันที
เห็นได้ชัดว่าพวกนี้กำลังรอโอกาสอยู่เฉยๆและเพียงรอให้เขากลับมา!
กลุ่มทหารตระกูลลู่ที่สวามชุดรบสีขาวยืนอยู่นอกประตูเมือง ซึ่งไม่มีใครเคลื่อนไหวอะไรแต่พวกเขาทั้งหมดมองมายังเขาด้วยท่าทีที่เต็มไปด้วยความสนใจราวกับกำลังดูการแสดงอยู่
“หนี!”
เจียงอี้หันกลับไปด้วยความตื่นตระหนกขณะที่เขารีบหนีไปอย่างสุดกำลัง เขาจะหันไปมองรอบๆอยู่ตลอดเวลาซึ่งในขณะที่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกลัว เขาก็เห็นว่าทหารตระกูลลู่เหล่านั้นพากันหัวเราะเยาะอยู่
“ไอ้สารเลว เจ้าคงไม่มีทางหนีพ้นหรอก ยอมแพ้ซะเถอะ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
“ใช่แล้ว เมื่อราตรีมาถึง ด้านนอกจะเต็มไปด้วยเปลวเพลิงอัสนี แม้ว่าเจ้าจะหนีเราไป ก็ยังมีความตายรอเจ้าอยู่ข้างหน้าอยู่ดี!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ปล่อยให้มันหนีไปเถอะ มันจะไปได้นานขนาดไหนด้วยความเร็วแค่นั้น?”
“พี่หลง เล่นมันให้ตายเลยดีไหมขอรับ? ข้าเริ่มจะควบคุมความกระหายของดาบข้าไม่ไหวแล้ว….”
มีคนมากกว่าสิบคนในนั้นซึ่งมีสามคนอยู่ขอบเขตเทียนจุนในขณะที่คนอื่นๆอยู่ขอบเขตจินกังขั้นสูงสุด คนที่ตะโกนออกมาอย่างไม่หยุดหย่อนคือคนที่อยู่ขอบเขตจินกังขั้นสูงสุด ส่วนผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนนั้นไม่ได้พูดอะไรหรือส่งสัญญาณให้พวกเขาโจมตีเลย พวกเขาบินอยู่เงียบๆและค่อยๆลดระยะห่างระหว่างพวกเขากับเจียงอี้มาเรื่อยๆ
ผ่านมาแล้วยี่สิบกิโลเมตร….สามสิบกิโลเมตร!
เจียงอี้บินกลับไปที่สันเขาอัสนี เขาเห็นภาพเงาเหล่านั้นนอกประตูเมืองและระยะห่างระหว่างเขาและผู้ไล่ล่านั้นห่างกันเพียงสองกิโลเมตรและอีกฝ่ายสามารถโจมตีได้ทุกเมื่อ
ในที่สุดก็มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนคนหนึ่งพูดขึ้นมาพร้อมกับความเย็นชาว่า “ไอ้สารเลว ฟ้ากำลังจะมืดแล้ว และเมื่อฟ้ามืด เปลวเพลิงอัสนีจะอยู่รอบๆเขา แม้ว่าสายฟ้าจะไม่ฟาดลงมาก็ตาม และเมื่อเจ้าสัมผัสกับเปลวเพลิงอัสนี เจ้าจะกลายเป็นขี้เถ้าทันที ข้าจะให้เจ้าเลือกสองทาง ทางแรก มอบหญิงงามมา หากหัวหน้าหลงอารมณ์ดี เขาอาจจะเลือกที่จะคุ้มครองเจ้าก็ได้ หรืออีกทาง ก็จงตายซะ!”
“อย่าเพิ่งเข้ามานะ ให้ข้าตัดสินใจหน่อยเถอะ!”
เจียงอี้ร้องออกมาด้วยความกลัวที่เขาแสร้งทำออกมา แต่เขาก็ไม่ได้หยุดและยังคงบินหนีไป ผู้เชี่ยวชาญทั้งสามนั้นจึงเริ่มเย็นชาและกลายเป็นภาพทั้งสามที่ล้อมรอบเจียงอี้ไว้ ผู้ที่อยู่ขั้นสูงสุดของขอบเขตจินกังก็ไล่ตามมาติดๆ อาวุธทั้งหมดของพวกเขาเปล่งประกายออกมาขณะที่พวกเขากำลังเตรียมพร้อมที่จะโจมตี
ความเร็วของเจียงอี้ยังค่อนข้างช้าอยู่ เขาจึงถูกล้อมรอบในไม่ช้า หนึ่งในนั้นพูดอย่างร้อนใจว่า “ข้าจะถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าจะส่งหญิงงามมาหรือไม่?”
เจียงอี้ถูกบังคับให้หยุด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกลัว จากนั้นเขาก็กัดฟันแน่นและถามว่า “หากข้าส่งคนให้พวกเจ้า พวกเจ้าจะรับประกันได้ไหมว่าจะไม่สังหารข้า?”
เมื่อเขาเห็นทั้งสามคนกวักมือตอบรับ ราชวังจักรพรรดิก็ปรากฏขึ้นบนมือของเจียงอี้ และจากนั้นก็มีเงามนุษย์ปรากฏขึ้นกลางอากาศ ดวงตาของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนทั้งสามคนนั้นตาสว่างขึ้นขณะที่พวกเขามองไปที่เฟิ่งหลวนและเสี่ยวนู๋ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหื่นกาม
ในตอนนี้ เจียงเสี่ยวนู๋เปลี่ยนร่างอยู่ซึ่งลักษณะที่พิเศษของนางทำให้จิตใจของพวกเขาสั่นไปด้วยความงามของนาง
แต่อย่างไรก็ตาม…
ในวินาทีต่อมา สีหน้าของพวกเขาทั้งสามก็เปลี่ยนไปเพราะหมอกสีดำล้อมรอบเฟิ่งหลวนและท้องฟ้าก็เปลี่ยนเป็นความมืดทันที
แทบจะในเวลาเดียวกัน เจียงเสี่ยวนู๋ก็พุ่งผ่านท้องฟ้าไป กรงเล็บสีเขียวของนางเปล่งแสงสีเขียวออกมาซึ่งทำให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนที่อยู่ตรงหน้านางรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายแห่งความตาย