เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 662 พวกมันจะออกไปข้างนอกแน่นอน
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 662 พวกมันจะออกไปข้างนอกแน่นอน
เมื่อเหล่าผู้เชี่ยวชาญกำลังเผชิญกับอันตราย สิ่งที่จะเกิดขึ้นมากที่สุดคืออะไร? น่าจะเป็นการป้องกันตัวเอง!“
กลิ่นอายของเจียงเสี่ยวนู๋น่ากลัวเกินไปซึ่งทำให้ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ตรงหน้านางรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของความตาย เขารีบล่าถอยและปล่อยโล่ศักดิ์สิทธิ์ออกมาพร้อมกันในขณะที่เตรียมตัวโจมตีกลับ
รูปแบบเต๋าราตรีของเฟิ่งหลวนได้ปกคลุมพื้นที่แถบนั้นแล้ว แต่ไม่รู้ว่าทำไมเจียงเสี่ยวนู๋จึงจับตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนอีกสองคนได้อย่างง่ายดาย นางกลายเป็นภาพหลังและบินไปยังผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนอีกคน
ทั้งสามคนนั้นเป็นขอบเขตเทียนจุนระดับต่ำ พวกเขาอาจมีความสามารถในการต่อต้านรูปแบบเต๋าราตรีของเฟิ่งหลวนได้ แต่พวกเขาไม่สามารถต้านทานกรงเล็บอันแหลมคมของเจียงเสี่ยวนู๋ได้ ดังนั้นผลของมันจึงถูกกำหนดไว้แล้ว!
ส่วนมังกรวารีสีทองและเจียงอี้ก็ลงมือพร้อมกัน มังกรวารีสีทองบินไปยังผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังด้านหลังและสังหารพวกเขาทีละคนตามคำสั่งของเจียงอี้
ในอีกทางหนึ่ง เจียงอี้ก็บินไปยังผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนอีกคนหนึ่งและปลดปล่อยมังกรเพลิงนับหมื่นออกมาจากดาบมังกรเพลิงของเขา ในขณะที่เฟิ่งหลวนและคนอื่นๆอยู่ที่นี่ด้วย เขาจึงไม่กล้าปล่อยเปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์ออกมา แต่เขาก็ยังปลดปล่อยดาบวิญญาณทั้งสามสิบหกเล่มตามหลังดาบมังกรเพลิงไปติดๆ
ตูม! ตูม! ตูม!
เมื่อต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุน มังกรเพลิงอาจไม่ทรงพลังนัก แต่พวกมันทำให้หวาดกลัวได้ ดวงจิตวิญญาณของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนไม่ได้แข็งแกร่งอะไรและตอนนี้เขาก็ถูกคลุมด้วยรูปแบบเต๋าราตรีอยู่จึงทำให้มองไม่เห็นและไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น คนผู้นั้นไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้อีก เขาจึงยืนอยู่ที่เดิมและปล่อยโล่ศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ เมื่อมังกรเพลิงนับหมื่นกำลังบินลอยมา มันก็ทำให้โล่ศักดิ์สิทธิ์เปล่งประกายออกมาหลังจากที่ถูกปะทะแต่เห็นได้ชัดว่ามันจะไม่พังทลายลง
เมื่อผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนสัมผัสได้ถึงพลังของมังกรเพลิง จิตใจของเขาก็สงบลงเล็กน้อย แต่ขนทั้งตัวของเขาก็ต้องตั้งขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเขาเห็นแสงสีแดงที่แหวกผ่านหมอกสีดำมา ก่อนที่เขาจะทันได้ตรวจสอบว่ามันคือสิ่งใด ดาบวิญญาณทั้งสามสิบหกเล่มก็พุ่งเข้าไปในทะเลแห่งดวงจิตผ่านหว่างคิ้วของเขาไปแล้ว
“จบสิ้นแล้ว…..”
คนผู้นั้นไม่มีความสามารถในการป้องกันดวงจิตวิญญาณเลย และไม่มีสิ่งประดิษฐ์ป้องกันดวงจิตเลย หลังจากที่รู้ว่าดาบวิญญาณเหล่านี้เป็นการโจมตีดวงจิตวิญญาณ จิตใจของเขาก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เขากัดฟันก่อนที่จะฟาดกระบี่ในมือออกมาอย่างโหดเหี้ยม แสงสีทองเปล่งออกมาและเขาต้องการลากใครสักคนให้ตายไปพร้อมกับเขาด้วยก่อนที่เขาจะตายลงไป
แสงสีทองนั้นมีพลังมากและพวกมันบางส่วนพุ่งปะทะเข้ากับร่างของเจียงอี้ เกราะเมฆาอัคคีได้ปกป้องเจ้าของมันทันทีและเจียงอี้รู้สึกได้ว่าภายในของเขากระตุกเล็กน้อยแต่ไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงใดๆเลย
ตูม!
แต่ดาบวิญญาณยังคงโจมตีอย่างต่อเนื่องซึ่งทำให้ดวงจิตของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนแตกสลายไป จากนั้นร่างของเขาก็ร่วงลงไปอย่างไร้ชีพจร
หมอกสีดำค่อยๆสลายไปในขณะที่เฟิ่งหลวนต้องหยุดปลดปล่อยรูปแบบเต๋าราตรีเพื่อหลบแสงสีทอง อย่างไรก็ตาม การต่อสู้นี้สิ้นสุดลงแล้ว
เจียงเสี่ยวนู๋สังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนสองคนในขณะที่เจียงอี้สังหารไปหนึ่งคน ส่วนมังกรวารีสีทองปะทะกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังขั้นสูงสุดสิบสองคน
ฟรึ่บ!
เจียงอี้นำเจียงเสี่ยวนู๋, เฟิ่งหลวนและมังกรวารีสีทองกลับเข้าไปในราชวังจักรพรรดิทันทีในขณะที่เขารู้สึกได้ว่ามีสัมผัสศักดิ์สิทธิ์หลายสายแผ่มาที่นี่ เขาจึงรีบบินลงไปอย่างรวดเร็วและเก็บอาวุธและแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณทั้งหมดเอาไว้ เจียงอี้ไม่สนใจแม้แต่จะเผาศพพวกเขาและพุ่งเข้าประตูเมืองไป
“เอ่อ?”…..ไอลีนโนเวล
สัมผัสศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นเป็นของทหารตระกูลลู่นั่นเอง เดิมทีพวกเขาไม่คิดว่ามีอะไรดีๆให้เห็น แต่เมื่อพวกเขาเห็นเมฆสีดำมันก็ทำให้พวกเขาอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา…..ไอลีนโนเวล
แต่เมื่อสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาแผ่ไปถึง การต่อสู้ก็กลับสิ้นสุดลงไปแล้วและเจียงอี้กำลังปล้นและเก็บของของคนที่ตายไปแล้ว และตอนนี้เจียงอี้ก็กลายเป็นภาพหลังและกำลังบินไปที่ประตูเมือง มันทำให้ทหารทุกคนพากันตกตะลึงและจ้องมองเจียงอี้ด้วยสายตาที่ลุกโชน คนเหล่านั้นพยายามหาบางอย่างที่พิเศษของตัวเจียงอี้ เหตุใดเจียงอี้จึงกำจัดคนมากมายได้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้?
มันน่าเสียดายนัก
พวกเขาไม่เห็นสิ่งใดที่แปลกประหลาดเลยนอกจากดาวทรงกลมทั้งเก้าดวงที่แปลกประหลาดในตันเทียนของเจียงอี้ และจากกลิ่นอายของเจียงอี้ เขาก็เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังขั้นที่สองเท่านั้น
ทำตัวเหมือนหมูแต่ขย้ำเหยื่อเหมือนเสือ!
ความรู้สึกนี้ปรากฏขึ้นในใจทุกคน แม้แต่ผู้บัญชาการขอบเขตเทียนจุนระดับกลางผู้นั้นเองก็เริ่มสังเกตเห็นเจียงอี้ หากเจียงอี้สังหารคนมากมายได้เร็วถึงเพียงนี้และยังสังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนระดับต่ำไปสามคนได้ นั่นก็แสดงว่าความแข็งแกร่งของเจียงอี้อยู่ขอบเขตเทียนจุนระดับกลาง หรือบางทีอาจจะสูงกว่านี้ด้วยซ้ำ!
ฟรึ่บ!
เจียงอี้มาถึงประตูเมืองแล้วและรีบเข้าไปในเมืองอย่างรวดเร็ว ทุกคนพากันคิ้วขมวดเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าเจียงอี้มีความสามารถแบบไหนกัน? เขาสามารถลดกลิ่นอายของตัวเองให้อยู่ในระดับต่ำเช่นนี้ได้อย่างไร?
หลังจากที่เจียงอี้เข้ามาในเมืองแล้ว เขาก็รีบตรงไปที่ลานบ้านของเขาทันที ผมสีแดงของเขาสะดุดตามากและจะถูกจดจำได้อย่างรวดเร็วซึ่งทุกคนที่เห็นเขาต่างพากันประหลาดใจ
ข่าวนี้แพร่กระจายออกไปในเมืองแล้ว ป้าเตาและหัวหน้าหลงส่งคนของพวกเขาไปขัดขวางเจียงอี้ แต่กลับเป็นเจียงอี้ที่กลับมาในขณะที่คนของพวกเขาไม่กลับมา มันจึงเป็นข้อสรุปที่ชัดเจนนัก
…
ปัง!
หนึ่งชั่วโมงต่อมา เมื่อท้องฟ้ามืดสนิท มีเสียงสิ่งของที่ถูกกระแทกดังขึ้นมาจากลานทางตะวันออกของเมือง คนผู้หนึ่งที่มีรูปร่างกำยำหยิบถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นมาและทุบมันอย่างเหี้ยมโหด
ท้องฟ้ามืดสนิทแล้วและผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนทั้งสี่ของป้าเตายังไม่กลับมาเลย มันแทบไม่จำเป็นต้องบอกก็รู้ว่าคนเหล่านั้นจะไม่มีวันกลับมาอีกซึ่งทำให้เขาสูญเสียยอดฝีมือไปสี่คนอย่างกะทันหัน เดิมทีป้าเตานั้นเป็นอันดับล่างๆของหัวหน้าทั้งสิบซึ่งตอนนี้เขาอ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขาแล้ว อาจมีคนมาแย่งตำแหน่งของเขาไปก็ได้ แล้วจะไม่ให้เขาโกรธได้อย่างไร?
ลานภายในนั้นเล็กมากและเป็นเหมือนที่เจียงอี้อาศัยอยู่ แต่ที่นี่หรูหรามากนัก บนพื้นมีสาวงามสองคนนั่งคุกเข่าอยู่ด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้น พวกนางตัวสั่นไปด้วยความกลัวเมื่อเห็นว่าป้าเตาโกรธเพียงใด และเมื่อไหร่ที่ป้าเตาอารมณ์ไม่ดีขึ้นมา เขาก็จะทรมานพวกนางและครั้งนี้ก็ไม่เว้นเช่นกัน
มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนอีกคนอยู่ในห้องโถง และเขาก็ยืนอยู่เงียบๆเช่นกันเพราะกลัวว่าจะทำให้ป้าเตาเดือดดาลขึ้นมา ความเดือดดาลของป้าเตานั้นเป็นที่รู้จักกันดีในเมืองอัสนีฟ้ากระจ่าง
หลังจากที่ป้าเตาทุบถ้วยชาและกาน้ำชาทั้งหมดและบันดาลโทสะแล้ว ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนก็รายงานด้วยเสียงแผ่วๆว่า “พี่ใหญ่ป้าเตา หัวหน้าหลงก็ส่งผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนสามคนพร้อมกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังขั้นสูงสุดไปสิบกว่าคนเช่นกัน มีข่าวลือมาว่าพวกเขาทั้งหมดถูกหมาป่าเดียวดายสังหารไปจนสิ้นที่ประตูเมืองตะวันตก มีคนเห็นหมอกสีดำและเมื่อหมอกนั้นจางไป พวกนั้นก็ตายหมดแล้วขอรับ…”
“หืม?”
ดวงตาของป้าเตาเป็นประกายขณะที่เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เด็กนั่นมีพลังขนาดไหนกัน? หรือว่ามันมีศาสตร์การยับยั้งที่ทรงพลัง? หรือทั่วทั้งเมืองจะคิดผิด? หรือว่ามันมีความสามารถอะไรบางอย่าง?”
ป้าเตาพึมพำเล็กน้อยและโบกมือด้วยความโกรธ “ข้าไม่สนหรอกว่ามันจะเป็นเสือจริงๆหรือเสือปลอม ส่งคนไปคอยตามมันซะ ถ้ามันกล้าออกจากเมือง ข้าจะเป็นคนจัดการมันเอง!”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนยิ้มอย่างขมขื่นและกล่าวว่า “หมาป่าเดียวดายได้สังหารเฟ่ยกั๋วและคนอื่นๆพร้อมกับคนของหัวหน้าหลงด้วย เขาจะต้องได้หินอัสนีมาไม่น้อย ข้าเกรงว่าพวกนั้นจะซ่อนตัวอยู่ในเมืองและไม่ออกไปข้างนอก…”
“พวกมันจะออกไปข้างนอกแน่นอน”
ป้าเตาพูดอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “การที่จะอยู่ในเผ่าเทพประทานอย่างสงบสุขได้นั้น พวกเขาจะต้องมีแต้มความดีความชอบมากพอ หากเด็กนี่อยากได้แต้มความดีความชอบมากกว่านี้ มันจะต้องออกไปข้างนอกและหาหินอัสนีมาแน่ๆ ในเมื่อครานี้มันได้ลิ้มรสแล้ว มันจะไม่สามารถหยุดตัวเองให้ออกไปข้างนอกได้แน่ๆ และเมื่อมันออกจากเมืองแล้ว รีบมารายงานข้าทันที”
“ขอรับ!”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนป้องกำปั้นและปลีกตัวเองออกไป สีหน้าของป้าเตาซีดเผือดอีกครั้งก่อนที่จะจับผู้หญิงทั้งสองคนนั้นมาฉีกผ้าผ่อนของพวกนางจนยับเยิน จากนั้นเขาก็ใช้มือจับหญิงสาวไว้ข้างละคนราวกับว่าเขากำลังลากกระสอบสองใบเข้าไปในห้อง
….