เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 665 มันออกไปจากเมืองจริงๆ
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 665 มันออกไปจากเมืองจริงๆ
“แก่นพลังฟ้าดินในเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างนี้มีมากกว่าโลกภายนอกมาก แต่มันก็มากกว่าภายนอกเพียงนิดเดียว เกาะอัสนีฟ้ากระจ่างอยู่ขอบนอกสุดและเกาะเทพประทานที่อยู่ใจกลางนั้นจะต้องมีพลังฟ้าดินเข้มข้นกว่าเป็นสิบเท่าแน่ๆ ค่ายกลเก้ามังกรสยบเทพนี้เป็นสิ่งที่ท้าทายสวรรค์นัก”
สองสัปดาห์นั้นผ่านไปเพียงชั่วพริบตา ร่างกายของเจียงอี้ถูกชะล้างโดยหญ้ามังกรยาจกจึงช่วยเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะพลังให้แก่เขามากนัก แต่น่าเสียดายที่เข้าไม่สามารถเข้าไปบ่มเพาะพลังในราชวังจักรพรรดิได้ ไม่เช่นนั้นความเร็วในการบ่มเพาะพลังของเขาคงจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่า!
ราชวังจักรพรรดิใหญ่เกินไปและลานบ้านนี้ก็เล็กเกินไป มันไม่มีทางตั้งเอาไว้ที่นี่ได้ และเขาก็คงไม่สามารถปล่อยให้มันลอยอยู่บนอากาศเหนือลานบ้านได้ด้วยใช่ไหม? หากทำเช่นนั้นมันจะทำให้ผู้เชี่ยวชาญตระกูลลู่โกรธเคืองและอาจเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นได้
“หากข้าบ่มเพาะพลังในเกาะเทพประทานและใช้ราชวังจักรพรรดิไปด้วย ความเร็วในการบ่มเพาะพลังข้าจะเร็วเพียงใดกัน?”
เมื่อนึกถึงเกาะเทพประทาน เจียงอี้ก็เพ้อถึงมันอีกครั้ง เขาลืมตาขึ้นมาและใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์กวาดมองรอบๆและเห็นว่าเฟิ่งหลวนขัดเกลาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งตอนนี้นางกำลังนั่งอยู่ในห้องและอ่านตำราอยู่
เมื่อมองดูสภาพอากาศแล้ว มันยังเป็นช่วงก่อนฟ้ามืดอยู่เลย เขาปลดปล่อยญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาออกไปและไม่พบเจอความวุ่นวายอะไรในเมือง ผู้คนส่วนใหญ่ก็ไปยังภูเขาอัสนีและเมืองก็เย็นเยียบและไร้เสียงครื้นเครง
“ฮึ่ม!”
จากนั้นเขาก็พบว่ามีคนแปลกหน้าเพิ่มเข้ามาแถวลานบ้านใกล้เคียง เห็นได้ชัดว่ามันคือหน่วยสอดแนมที่หัวหน้าหลงและป้าเตาส่งมา เขาจึงถอนญาณศักดิ์สิทธิ์กลับมาและหันไปบอกเฟิ่งหลวนก่อนที่เขาจะออกไปข้างนอก
อย่างที่คาดเอาไว้จริงๆ!
เมื่อเขาออกไป สัมผัสศักดิ์สิทธิ์หลายสายก็จับจ้องมาที่เขา แต่เขาไม่สนใจคนเหล่านั้นและวิ่งไปทางตะวันออกของเมืองอย่างรวดเร็ว
ฟรึ่บ! ฟั่บ! ฟรึ่บ!
การที่จู่ๆเขาก็วิ่งไปมันทำให้หน่วยสอดแนมพากันตกตะลึงและรีบพากันส่งข้อความกลับไปทันที ในเวลาต่อมา ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนกว่าสิบคนก็พุ่งมาจากลานภายในเมืองอย่างบ้าคลั่งและตรงไปที่ประตูเมืองทางทิศตะวันออก
ส่วนป้าเตาและหัวหน้าหลงไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร ผู้ที่มีสถานะอย่างพวกเขาจะไม่ตื่นตูมออกไปหากเจียงอี้ยังอยู่ในเมือง พวกเขาทำแค่เพียงส่งผู้ใต้บัญชาไปขัดขวางก็เท่านั้น แต่หากเจียงอี้ยังคงสังหารคนเหล่านี้ได้ พวกเขาก็จะต้องลงมืออย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้น หากผู้ใต้บัญชาของพวกเขาทั้งหมดถูกเก็บไป พวกเขาก็จะกลายเป็นหัวหน้าที่ไร้ซึ่งผู้ใต้บัญชาไป
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนสิบกว่าคนวิ่งออกไปนอกประตูเมืองตะวันออกอย่างรวดเร็วและรอให้เจียงอี้ออกมาเพื่อซุ่มโจมตีและสังหารเขา แต่ทว่า…หลังจากที่รอมากว่าสิบห้านาที พวกเขาก็ได้รับข้อความว่าเจียงอี้เพิ่งจะไปที่ตำหนักเจ้าเมืองและมอบหินอัสนีก่อนที่จะกลับไปยังลานบ้านตัวเอง
“บ้าเอ้ย!”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนทั้งหมดสบถและสาปแช่งออกมาขณะที่พากันเดินกลับเข้าไปในเมือง พวกเขามีสถานะที่พิเศษและไม่ควรไปรอนอกราวกับคนโง่เขลาเช่นนี้ แต่เมื่อการกระทำทุกอย่างของเจียงอี้เป็นที่จับจ้องอยู่ตลอด มันก็คงไม่สายไปที่พวกเขาจะเริ่มโจมตีเจียงอี้หลังจากที่เขาออกจากเมืองหรอก
สองชั่วโมงต่อมา!
มีข้อความด่วนที่ดังก้องในหูของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนเหล่านั้นอีกครั้ง เจียงอี้ปรากฏตัวและกำลังมุ่งไปทางประตูเมืองตะวันออก!
แคร๊ง!
พวกเขาทั้งหมดโกรธแค้นมากเพราะความโกรธก่อนหน้านี้ยังไม่ทันจะจางหายไปและเจียงอี้ยังกล้าที่จะออกจากเมืองอีกหรือ? พวกเขาจะสอนบทเรียนในการเป็นมนุษย์ที่รู้จักกาลเทศะเอง
ฟรึ่บ!
พวกเขาทั้งสิบแปดคนรีบออกไปยังประตูเมืองด้วยความรวดเร็วและเมื่อพวกเขาอยู่นอกเมือง พวกเขาก็สัมผัสได้ว่าเจียงอี้กำลังมุ่งตรงมาทางพวกเขา ซึ่งพวกเขาทุกคนต่างพากันยิ้มชื่นมื่นในขณะที่พวกเขาลับอาวุธและเตรียมสังหารเจียงอี้
แต่ในท้ายที่สุด!
เจียงอี้ก็หยุดที่ถนนเส้นหนึ่งทางตะวันออกของเมืองและเดินเข้าไปในตรอกเล็กๆก่อนที่จะเดินเล่นอย่างสบายใจเฉิบและกลับไปที่ลานบ้านของตัวเอง
“ไอ้เวร บรรลัย !#@@#%$&”
“ไอ้สารเลวนี่กำลังหยอกเราอยู่!”
“ข้าจะบีบคอมันให้ตายซะ!”
“บีบคอรึ? ถ้ามันอยู่ในเงื้อมมือข้า ข้าจะทำให้มันต้องร้องขอความตายเองเลย!”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนสาปแช่งระหว่างพากันเดินกลับไป แต่ทว่า…คราวนี้ ก่อนที่พวกเขาจะเดินไปถึงลานของพวกเขา เจียงอี้ก็โผล่ออกมาอีกครั้งและเขาก็วิ่งเร็วกว่าสองรอบก่อนหน้านี้มากและพุ่งไปยังประตูเมืองตะวันออก
ฟรึ่บ! ฟั่บ! ฟรึ่บ!.ไอลีนโนเวล.
ทุกคนทำได้เพียงแค่เก็บความโกรธเอาไว้และวิ่งไปยังประตูเมืองตะวันออกอย่างร้อนรน แต่ก็เป็นไปตามคาด เจียงอี้อ้อมไปอีกครั้งและหลอกให้ทุกคนออกไปอยู่นอกเมืองก่อนที่เขาจะเดินกลับไปอย่างสบายใจ
“บ้าเอ้ย! นี่มันบ้าชัดๆ!”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนทั้งสิบแปดคนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้มีชื่อเสียงในเมืองอัสนีฟ้ากระจ่าง แต่พวกเขาถูกเจียงอี้หยอกล้ออยู่หลายครั้ง ผู้คนนับไม่ถ้วนคอยมองสถานการณ์อยู่ในเมืองในขณะที่ทหารตระกูลลู่ทุกคนหัวเราะออกมาอย่างหนัก
มันทำให้พวกเขาทั้งหมดรู้สึกอับอายและความคับแค้นใจของพวกเขาที่มีต่อเจียงอี้ก็มาถึงขีดสุดแล้ว ยิ่งตอนที่พวกเขาส่วนใหญ่เห็นว่าเจียงอี้กำลังเดินเล่นอยู่ในเมืองอย่างสบายใจ พวกเขาก็แทบอยากจะกินเจียงอี้เข้าไปทั้งเป็น
ท้องฟ้าค่อยๆมืดลงและทุกคนก็กลับไปที่ลานบ้านกัน เจียงอี้ก็คงจะไม่ออกไปข้างนอกตอนกลางคืนหรอกใช่ไหม? ทุกๆกลุ่มที่อยู่นอกเมืองก็เริ่มพากันกลับมาและเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างก็เริ่มคึกคักและครื้นเครง
“เอาล่ะ เฟิ่งเอ๋อร์ เข้าไปในราชวังจักรพรรดิและเตรียมตัวไว้ตลอดเวลา ข้ากำลังจะออกจากเมืองแล้ว!”
เจียงอี้อธิบายแผนการของเขาให้เฟิ่งหลวนฟัง แต่นางไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาตัดสินใจไว้แล้วและสัญญากับนางว่าเขาจะเรียกนางออกมาสู้ทันทีที่เกิดอันตราย
และในเมื่อนี่เป็นการต่อสู้เพื่อให้พวกเขารอดชีวิต แล้วเฟิ่งหลวนจะพูดอะไรได้อีก? สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดคือเจียงอี้คงจะใช้วิชาหลีกสวรรค์หนีออกจากที่นี่และท่องโลกต่อไปเรื่อยๆ
เจียงอี้นำเฟิ่งหลวนและมังกรวารีสีทองเข้าไปในราชวังจักรพรรดิ เมื่อทุกกลุ่มที่ออกไปข้างนอกกลับเข้าเมืองมาเกือบหมดแล้ว เขาก็เปิดข้อจำกัดลานบ้านและวิ่งตรงไปยังประตูเมืองทันที
“เอ๊ะ?”
หน่วยสอดแนมรับรู้เรื่องนี้แล้ว แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่ามันเป็นเวลาไหน ทุกคนจึงไม่ได้สนใจและคิดว่าเจียงอี้แค่พยายามล้อพวกเขาเล่นอีกครั้ง แต่เพื่อความระมัดระวัง พวกเขาก็ยังส่งข้อความไปยังป้าเตาและหัวหน้าหลงทันที
ปัง!
ป้าเตาที่กำลังดื่มด่ำกับมื้ออาหารอยู่ เมื่อเขาได้รับข้อความเขาก็กระแทกกระดูกสัตว์บนมือลงไปที่โต๊ะและสาปแช่งเสียงดังว่า “ไอ้โง่ ฟ้ามืดแล้ว เจ้าคิดว่าเด็กนั่นจะออกจากเมืองรึไง? แล้วจะส่งข้อความมาหาอะไรกัน?! เจ้าทำให้ข้าไม่อยากอาหารเลยเนี่ย!”
ในลานบ้านอีกหลัง หัวหน้าหลงก็ไม่ได้สนใจอะไรเช่นกัน เนื่องจากท้องฟ้ามืดลงแล้ว แม้แต่พวกเขาก็ยังไม่กล้าออกไปข้างนอกอย่างประมาทเลย หากเจียงอี้ไม่ได้โง่ เขาจะไม่ออกจากเมืองตอนนี้แน่นอน
ใครจะไปคาดคิดว่า….?
เจียงอี้วิ่งผ่านเมืองไปและเมื่อเขาไปถึงประตูทิศตะวันออก เขาก็พุ่งออกจากประตูเมืองและหายไปและทุกคนก็มองด้วยความตกตะลึง
แกร๊ง!
ป้าเตากำลังซดซุปถ้วยใหญ่อยู่ซึ่งมันตกลงไปที่พื้นทันที เขากระพริบตาด้วยความงุนงงและถามว่า “เด็กนั่นออกจากเมืองจริงๆหรือ?”
“จริงขอรับ! มีคนหลายคนเป็นพยานด้วยนะขอรับ!” หน่วยสอดแนมผงกหัวเหมือนลูกไก่ที่กำลังจิกข้าวอยู่
ปึง!
ป้าเตายกเหยือกไวน์ขึ้นมาและทุบลงที่หัวของหน่วยสอดแนมคนนั้นอย่างกะทันหัน หน่วยสอดแนมนั้นอยู่เพียงขอบเขตจินกังเท่านั้น แล้วเขาจะหลบได้อย่างไร? หัวของเขามีเลือดไหลออกมาทันทีในขณะที่ป้าเตาตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “เจ้าจะทำเซ่อตรงนี้อีกทำไมล่ะ? ให้คนไล่ตามมันไปสิ!”
“ไล่ตาม…”
หน่วยสอดแนมเช็ดเลือดจากหัวและไม่กล้าเผยความโกรธใดๆออกมา แต่กลับหดหัวและชี้ไปที่ท้องฟ้าด้านนอกและพูดว่า “พี่ใหญ่ป้าเตา ข้างนอกฟ้ามืดแล้วนะขอรับ”
“ฟ้ามืด?”
ป้าเตาเหลือบมองในขณะที่ดวงตาของเขากระพริบด้วยความสงสัย เขาพึมพำออกมาว่า “ทำไมเด็กนั่นถึงกล้าออกไปข้างนอกตอนฟ้ามืดล่ะ? นี่มันบ้าไปแล้วหรือไง? หรือมันจะไปปล้นจี้ทรัพย์ตอนกลางคืนกัน?”
“เรียกใครเข้ามาที!”
เขาพึมพำก่อนที่ร่างของเขาจะเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหารจากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “อย่ากังวลนักเลย ให้คนไปรอที่ประตูเมืองซะ ปกติจะไม่มีเปลวเพลิงอัสนีรอบนอกกำแพงเมือง ไปยืนเฝ้าที่ประตูเมือง และถ้าเด็กนั่นหลุดเข้ามาได้ ข้าจะเด็ดหัวพวกเจ้าซะ”
ฟรึ่บ! ฟั่บ!
ในเวลาเพียงครู่เดียว ผู้ใต้บัญชาของป้าเตาและหัวหน้าหลงทั้งสิบแปดคนก็รีบบินออกจากเมืองไปยืนอยู่ที่ประตูเมืองและมองไปที่สันเขาจากระยะไกล ซึ่งมันมีลักษณะคล้ายสัตว์โบราณและมองไปยังจุดแสงที่กระพริบในแนวสันเขาและพวกเขาก็เผยความหวาดกลัวออกมา
หนึ่งในนั้นแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปและพูดด้วยน้ำเสียงหดหู่ว่า “เด็กนั่นกล้าเดินทางผ่านภูเขาอัสนีและสันเขาอัสนีในยามราตรี เขาจะต้องตายแน่ๆ แต่เรื่องก็คือ….เราจะไม่มีทางยืนยันได้เลยว่ามันตายแล้ว แล้วเราจะต้องยืนเฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดไปเช่นนั้นหรือ?”
“อยู่ๆไปเถอะ!”
ลูกน้องอีกคนของป้าเตานั่งพิงกำแพงเมืองพร้อมกับก่นด่าว่า “ตราบใดที่เราไม่สามารถยืนยันได้ว่ามันตายแล้ว เราจะต้องยืนเฝ้าอยู่ที่นี่ต่อไป หากเรากลับไปและถ้าเด็กนั่นกลับเข้ามาในเมืองได้ พวกเราทุกคนจะถูกพี่ใหญ่ป้าเตาฉีกเป็นชิ้นๆแน่”