เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 667 แดนแห่งบาป
เวลาค่อยๆผ่านไปในขณะที่เจียงอี้ยืนหลับตาอยู่บนทะเลทรายที่อยู่หลังภูเขาอัสนีห่างออกไปหลายกิโลเมตร เปลวเพลิงอัสนีลอยมาเป็นระยะๆซึ่งเขาจะหลีกเลี่ยงและหาที่ที่ปลอดภัยกว่าเพื่อยืนอยู่ตรงนั้นไปเรื่อยๆโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย
สองชั่วโมง, สี่ชั่วโมง……สิบชั่วโมง!
เจียงอี้ยังคงอยู่ในสภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ ท้องฟ้าทางทิศตะวันออกเริ่มเผยแสงอรุณและดวงอาทิตย์ก็โผล่ขึ้นมาแล้วแต่เขายังคงยืนอยู่ตรงนั้น
เปลวเพลิงอัสนีเริ่มกระจายกลับเข้าไปในภูเขาอัสนีและเปลวเพลิงอัสนีได้ลดลงแล้วซึ่งสามารถเก็บหินอัสนีได้ แต่เจียงอี้ก็ยังไม่ตื่น
ฟรึ่บ!
ในขณะนั้นเอง มีเสียงเจาะผ่านอากาศมาซึ่งมันมาจากทิศทางของเมืองอัสนีฟ้ากระจ่าง กลิ่นอายอันทรงพลังปรากฏขึ้นมาแต่เจียงอี้ก็ยังอยู่ที่เดิมและยังคงนิ่งเฉย
ฟรึ่บ!
ร่างทั้งห้าสิบร่างพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าซึ่งพวกเขาเหล่านั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนห้าสิบคน พวกเขาแบ่งแยกออกเป็นห้ากลุ่มและรีบวิ่งไปยังใต้ภูเขาอัสนีด้วยความรวดเร็ว ดวงตาที่ลุกโชนของพวกเขาจับจ้องไปยังหินอัสนีด้านล่าง
ฟรึ่บ!
พวกเขาทั้งห้าสิบคนบินไปเก็บหินอัสนีก่อนที่จะรีบพุ่งไปบริเวณใกล้เคียงเพื่อเก็บหินอัสนีที่ตกอยู่รอบนอกอีก
“เอ๊ะ…”
หนึ่งในนั้นอ้อมไปอีกฝั่งของภูเขาอัสนีและทันใดนั้น เขาก็เห็นร่างเล็กๆแต่ไกล เมื่อเขาแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกมา เขาก็ต้องตกตะลึงและรีบตะโกนออกมาว่า “นั่นมันหมาป่าเดียวดาย! มัน…มันยังรอดอยู่อีกหรือ?”
“อะไรนะ?”
ทุกสายตาจับจ้องไปในทิศทางเดียวกันและสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาก็พุ่งออกไป ทุกคนมีสีหน้าที่เหลือเชื่อเนื่องจากพวกเขาเห็นว่าเจียงอี้ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆหลังจากที่อยู่ข้างนอกมาทั้งคืน เขายังมีชีวิตอยู่!
“ฆ่ามัน!”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนทั้งห้าที่เป็นคนของป้าเตาแผ่กลิ่นอายสังหารออกมาทันทีขณะที่กำลังเตรียมตัวที่จะบินไปหาเจียงอี้ ซึ่งมันทำให้เจียงอี้ลืมตาขึ้นมาด้วยความโกรธเคือง
“บ้าเอ้ย ข้าใกล้จะเข้าใจรูปแบบเต๋านั่นแล้ว อีกนิดเดียวก็จะเข้าใจมันแล้ว แต่ไอ้สารเลวพวกนี้มาทำลายมันพังไปหมด!”
เจียงอี้สาปแช่งออกมาด้วยความโกรธในขณะที่ร่างของเขาเปล่งประกายด้วยแสงสีขาวและหายลับไป เขาไปปรากฏตัวอยู่ด้านหลังสันเขาอัสนีในขณะที่ร่างของเขาก็บินเข้าไปในส่วนลึกของสันเขาอัสนี
มันยากมากที่จะเข้าถึงรูปแบบเต๋าและในที่สุดเจียงอี้ก็จับทางของมันได้หลังจากที่ใช้เวลามาทั้งคืน แต่ก่อนที่เขาจะเข้าใจมันอย่างสมบูรณ์ คนพวกนี้ก็มาถึงที่นี่และสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของพวกนั้นก็เข้ามารบกวนเขา
ฟรึ่บ! ฟั่บ!
ผู้เชี่ยวชาญทั้งสิบไม่สนใจที่จะเก็บหินอัสนีบนพื้นและไล่ตามเจียงอี้อย่างบ้าคลั่งแทน หากพวกนั้นสังหารเจียงอี้ได้ หัวหน้าของพวกเขาก็จะตบรางวัลให้อย่างงามแน่นอน
แต่น่าเสียดายที่พวกเขาอยู่ห่างจากเจียงอี้หลายสิบกิโลเมตรและเมื่อพวกเขาไล่ตามเข้าไปในสันเขาอัสนี เจียงอี้ก็หายไปแล้ว และพวกเขาไม่กล้าแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาที่แถบสันเขาอัสนี
“อุณหภูมิที่นี่สูงมากนัก มันจะต้องมีเปลวเพลิงอัสนีอยู่ข้างหน้าเป็นแน่ แต่เด็กนั้นพุ่งเข้ามาที่นี่ นี่มันไม่กลัวความร้อนเลยรึไงนะ?”
หนึ่งในนั้นตะโกนออกมาด้วยความสับสนในขณะที่อีกเก้าคนก็มีท่าทีสงสัยเช่นกัน มันน่าประหลาดมากที่เจียงอี้อยู่รอดมาได้ตลอดทั้งคืน แถมเขายังวิ่งเข้าไปในสันเขาอัสนีโดยไม่กลัวอะไรเลย?
ดวงตาคู่หนึ่งของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนสว่างขึ้นในขณะที่เขาอุทานขึ้นมา “ใช่แล้ว มันจะต้องไม่กลัวความร้อนและต้องมีสิ่งประดิษฐ์ที่กันไฟแน่ๆ มันอาจจะเป็นถึงสิ่งประดิษฐ์แฝงเลยด้วยซ้ำ ไม่เช่นนั้นมันจะรอดมาได้เช่นไร?”
เมื่อคำพูดนี้พูดออกมาดวงตาของทุกคนก็สว่างขึ้น มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนสองคนที่สงบนิ่งได้อย่างรวดเร็วและกลับไปยังเมือง ข้อมูลที่สำคัญเช่นนี้จะต้องถูกรายงานไปยังหัวหน้าของพวกเขาทันทีและปล่อยให้เหล่าหัวหน้าของพวกเขาตัดสินใจ
มีเปลวเพลิงอัสนีมากเกินไปในสันเขาอัสนีและความร้อนนั้นก็สูงเกินไป ทุกๆคนตามหาเจียงอี้แถวๆนั้นและหลังจากที่ยืนยันแล้วว่าเจียงอี้พุ่งเข้าไปในสันเขาอัสนี พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องถอยกลับไป
เมื่อพวกเขากลับไปแล้ว หินอัสนีทั้งหมดก็ถูกเก็บไปหมดแล้ว ตรงทะเลทรายจากไกลๆก็มีผู้เชี่ยวชาญหลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่สิ้นสุด พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญจากเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างที่ออกมาสู้เพื่อชิงหินอัสนีกัน
นี่คือกิจวัตรประจำวันของเกาะอัสนีฟ้ากระจ่าง!.ไอรีนโนเวล.
ก่อนที่ฟ้าจะสว่าง ผู้เชี่ยวชาญจากทุกๆกลุ่มจะมารวมตัวกันที่จัตุรัส พวกเขาทั้งหมดจะถูกผู้เชี่ยวชาญนำทางมาที่ภูเขาอัสนี ผู้ที่อ่อนแอกว่านั้นไม่มีคุณสมบัติที่จะเก็บหินอัสนีที่จะปะทุออกมาในยามราตรี และพวกเขาจะเข้ามาล้อมได้ก็ต่อเมื่อผู้เชี่ยวชาญทั้งห้าสิบคนรวบรวมหินอัสนีได้เรียบร้อยแล้ว
ในบรรดาคนนับหมื่นคนเหล่านี้ ผู้ที่โชคดีจะเก็บหินอัสนีได้วันละสามถึงห้าก้อน ส่วนคนที่โชคร้ายก็อาจจะไม่ได้หินอัสนีเลยแม้แต่ก้อนเดียวในสามวันห้าวัน นอกจากนี้ หินอัสนีที่พวกเขาเก็บได้ก็จะต้องถูกส่งไปยังตำหนักเจ้าเมืองหรือไม่ก็ต้องมอบให้กับหัวหน้าทั้งสิบเพื่อเป็นเครื่องบรรณาการหลังจากที่ผ่านไปช่วงหนึ่ง
โดยพื้นฐานแล้ว หินอัสนีทั้งหมดที่พวกเขาเก็บได้นั้นจะเป็นของคนอื่น พวกเขาส่วนใหญ่มักจะมีไม่พอจ่ายจนสุดท้ายพวกเขาจะต้องหยิบยืมมันจากหัวหน้าของพวกเขา และยิ่งพวกเขาหยิบยืมมากเท่าไหร่ก็ยิ่งต้องจ่ายดอกมากขึ้นเท่านั้น มีคนมากมายที่อยู่ที่นี่มาหลายปีแต่ไม่เคยได้แต้มความดีความชอบเลยแม้แต่แต้มเดียว แต่พวกเขากลับยิ่งเป็นหนี้ป้าเตาและหัวหน้าคนอื่นๆมากขึ้น
ป้าเตาและหัวหน้าคนอื่นๆก็จะนั่งเก็บส่วยกันอย่างสบายใจในขณะที่อีกฝ่ายเหมือนถูกรีดไถอย่างไร้ความปรานี และเมื่อเวลาผ่านไป จากเดิมที่พวกเขาเคยมีสมบัติอยู่บ้างก็กลับกลายเป็นว่าต้องส่งมันให้ป้าเตาและคนอื่นๆจนหมด
นี่คือเกาะแห่งบาป, แดนแห่งบาป สถานที่ที่ปราศจากกฎและศีลธรรม เกาะแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ผู้แข็งแกร่งเป็นผู้ปกครองสูงสุดและเป็นสถานที่ที่คนฝ่ายหนึ่งจะดูดกินคนอีกฝ่ายจนหมด
…
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ร่างหลายสิบร่างบินออกมาจากเส้นทางหลัง มีกลุ่มคนสองกลุ่มที่นำโดยผู้เชี่ยวชาญสองคน เบื้องหลังพวกเขามีคนกว่าสิบคน
“พี่ป้าเตา?”
“หัวหน้าหลง!”
เมื่อผู้คนนับหมื่นที่อยู่ใต้ภูเขาอัสนีเห็นบุคคลทั้งสองนี้ พวกเขาก็รีบโค้งคำนับด้วยความนับถือ แม้แต่ผู้ใต้บัญชาของหัวหน้าคนอื่นๆก็ยังป้องกำปั้นด้วยเช่นกัน
ป้าเตาและหัวหน้าหลงเป็นผู้ที่มีรูปร่างต่างกันอย่างมาก ป้าเตานั้นมีความสูงมากกว่าสองเมตรและเป็นเหมือนหมีที่ดุร้าย
เมื่อเทียบกันแล้ว หัวหน้าหลงนั้นเปรียบเสมือนลิงที่อยู่ข้างๆหมียักษ์ เขาสูงเพียงหนึ่งเมตรหกสิบและผอมราวกับต้นไผ่ เขามีเคราแพะและตาตี่ๆซึ่งทำให้หน้าตาของเขาดูเจ้าเล่ห์มาก
แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าดูถูกลิงตนนี้ หัวหน้าหลงอาจจะไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเมือง แต่วิธีการของเขานั้นเลวร้ายที่สุด และทุกคนที่ตกอยู่ในเงื้อมมือเขาจะตายเสียมากกว่าที่จะรอดชีวิต
ป้าเตาและหัวหน้าหลงไม่ได้หันไปมองใครเลยและรีบอ้อมไปยังสันเขาอัสนีขณะที่คนอื่นๆก็ตามหลังเขามาอย่างรวดเร็ว
คนอื่นๆที่เหลือเยาะเย้ยในขณะที่พวกเขามองไปทางทิศตะวันออก ตอนนี้ป้าเตาและหัวหน้าหลงรวมตัวกันแล้ว แล้วเจียงอี้จะรอดหรือ?
“พวกเจ้าอยู่ที่นี่ อย่าเข้าไป แล้วให้คนไปเฝ้าประตูเมืองไว้อย่างหนาแน่นและอย่าให้ไอ้สารเลวนั่นเข้าไปในเมืองได้ล่ะ…”
ป้าเตาและหัวหน้าหลงต่างสั่งการเอาไว้และรีบเข้าไปในสันเขาอัสนีอย่างรวดเร็ว ร่างของพวกเขาสว่างวาบด้วยแสงสีทองขณะที่เปิดใช้งานโล่ศักดิ์สิทธิ์และเตรียมตัวไล่ล่าเจียงอี้
“หึหึ พี่ใหญ่ป้าเตามีสิ่งประดิษฐ์ที่มีคุณสมบัติวารี ซึ่งมันก็คือไข่มุกมังกรวารี เกราะป้องกันของไข่มุกอาจจะไม่ได้กันความร้อนได้สูงนัก แต่ด้วยพละกำลังของเขา เขาน่าจะอยู่ที่สันเขาอัสนีได้อย่างน้อยก็ครึ่งวัน ไอ้หมาป่าเดียวดายนั่นตายแน่ๆ!” ลูกน้องคนหนึ่งของป้าเตาพูดด้วยความมั่นใจเป็นอย่างมาก
จากนั้นลูกน้องคนหนึ่งของหัวหน้าหลงก็หัวเราะเยาะและพูดว่า “พี่ใหญ่ป้าเตานั่นคือใครนะ? แก่นพลังที่ไร้ขอบเขตของหัวหน้าหลงและเกราะวายุภักษ์ของเขานั้นก็พอที่จะอยู่ในสันเขาอัสนีได้ครึ่งวันแล้ว ข้าเดิมพันด้วยศิลาสวรรค์หนึ่งพันก้อนเลยว่าหมาป่าเดียวดายนั่นจะต้องถูกหัวหน้าหลงสังหารแน่นอน…”
…