เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 675 ทางสู่นรก
สิบวันผ่านไปเพียงพริบตา เจียงอี้ใช้เวลาตลอดทั้งวันอยู่ในถ้ำลึกภายในสันเขาอัสนี เขาจะซ่อนตัวก็ต่อเมื่อเปลวเพลิงอัสนีออกมาวนเวียนในยามกลางคืน ส่วนช่วงเวลาที่เหลือ เขาก็จะอยู่แต่ในถ้ำและขัดเกลาหินอัสนีไปเรื่อยๆ
เขาขัดเกลาหินอัสนีไปกว่าสองพันก้อนในช่วงสิบวันที่ผ่านมาและในตอนนี้เขาก็หยุดขัดเกลามันแล้ว เจียงอี้….สามารถทนกระแสไฟฟ้าที่ทรงพลังที่สุดที่พุ่งพล่านออกมาได้แล้ว
ร่างกายของเจียงอี้แข็งแกร่งขึ้นอย่างมากและทนต่อกระแสไฟฟ้าได้ เขามีภูมิคุ้มกันโดยสมบูรณ์ ดังนั้นเขาจึงหยุดขัดเกลาหินอัสนีและเมื่อเขาลืมตาขึ้นมา กระแสไฟฟ้ายังส่องประกายอยู่ที่ดวงตาของเจียงอี้ ซึ่งมันเป็นอะไรที่แปลกมากๆ
“ข้าควรจะไปแถวๆนั้นไหมนะ?”
เจียงอี้เหลือบมองออกไปข้างนอก เขาถูกกระแสไฟฟ้าจากหินอัสนีกว่าสองพันก้อนผ่าอย่างน้อยก็เป็นหมื่นครั้ง อย่างน้อยเขาก็จะไม่ถูกกระแสไฟฟ้าในเปลวเพลิงอัสนีผ่าตาย
เจียงอี้หยุดพักครู่หนึ่งก่อนที่ดวงตาของเขาจะเปล่งประกายและพุ่งออกไปข้างนอกราวกับมังกรป่าเถื่อนขณะที่กวาดมองไปรอบๆพร้อมจับจ้องไปยังเปลวเพลิงอัสนี
“ข้าจะลองเสี่ยงดู ข้าจะอยู่หรือตาย มันก็ขึ้นอยู่กับเรื่องนี้แล้วล่ะ”
เขาดูหนักแน่นและเย็นชาพร้อมกับค่อยๆเข้าไปใกล้เปลวเพลิงอัสนี แม้ว่าร่างกายของเขาจะทนต่อไฟฟ้าได้ดีและไข่มุกวิญญาณเพลิงจะปกป้องเขาจากการถูกแผดเผาด้วยความร้อนเช่นนี้ แต่เปลวเพลิงอัสนีนี้มีพลังมากเกินไป ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเจียงอี้เข้าไปใกล้ๆมัน
ห้ากิโลเมตร, สามกิโลเมตร…..หนึ่งกิโลเมตร!
เจียงอี้กลั้นหายใจและเกร็งร่างกายของเขาไว้แน่นและจ้องมองไปยังเปลวเพลิงอัสนีที่อยู่รอบๆภูเขาด้านหน้าและมันทำให้เขาหายใจถี่ขึ้นเรื่อยๆ
ห้าร้อยเมตร เจียงอี้ยังปกติดี
สี่ร้อยเมตร ก็ยังปกติ
สามร้อยเมตร…มีบางอย่างผิดปกติขึ้น
จี๊! จี๊!
สายฟ้าที่มีความหนาเท่าแขนพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว มันเร็วมากจนเจียงอี้ไม่น่าจะหลบได้ทันในระยะใกล้เช่นนี้ นอกจากนี้สายฟ้ายังสามารถติดตามเป้าหมายได้โดยอัตโนมัติด้วย ดังนั้นจึงเป็นไปตามคาด เจียงอี้ถูกโจมตีเข้าเต็มๆ
สายฟ้านี้มีพลังมากกว่าสายฟ้าที่พุ่งออกมาจากหินอัสนีเกือบสิบเท่า เจียงอี้ชักกระตุกไปหมด ร่างของเขาปล่อยกลิ่นไหม้ออกมาและเสื้อคลุมของเขาก็กลายเป็นขี้เถ้าไปในทันที ทั้งคิ้ว, เคราและเส้นผมของเขาลุกเป็นไฟ แม้ว่าเกราะเมฆาอัคคีจะปรากฏขึ้นมาปกป้องเขาได้ทัน แต่ผิวของเขาก็ไหม้เกรียมไปหลายจุด ผมที่เพิ่งจะงอกใหม่ของเขาเองก็หายไปจนสิ้น รวมทั้งคิ้วและเคราของเขาด้วย
“อ๊าก อ๊ากก อ๊ากกกก!”
เจียงอี้ร้องโหยหวนออกมาอย่างเจ็บปวดและร่วงลงไปบนยอดหิน เขายังคงสั่นไม่หยุดและดิ้นไปมาพร้อมกับรู้สึกเหมือนถูกโยนลงไปในนรก ความเจ็บปวดกำลังคร่าชีวิตเขาอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม…
ดวงตาของเจียงอี้เต็มไปด้วยความปลื้มปริ่มเพราะว่าเขายังมีชีวิตอยู่!
สายฟ้าในเปลวเพลิงไม่ได้สังหารเขาซึ่งนั่นก็หมายความว่ายังมีหวังอยู่ ตราบเท่าที่สายฟ้าในเปลวเพลิงอัสนีไม่สามารถสังหารเขาได้ เขาก็ยังมีหวังแม้มันจะริบหรี่ก็ตาม
หลังจากที่เวลาผ่านไปอย่างยาวนาน….!
ความเจ็บปวดในร่างของเขาค่อยๆบรรเทาลงแล้ว เขานอนหอบอยู่บนพื้นและในไม่ช้าก็หัวเราะออกมา เขาหัวเราะออกมาหนักมากจนน้ำตาไหลและทำให้แผลปริ จากนั้นเสียงหัวเราะก็กลายเป็นเสียงโหยหวนอีกครั้ง
หลังจากผ่านไปสองนาที เจียงอี้ก็กลับมาสงบและนั่งขัดสมาธิเพื่อพักฟื้นร่างกายและรู้สึกดีขึ้นในช่วงกลางคืนแล้ว จากนั้นเขาก็บินกลับไปที่ถ้ำ.ไอลีนโนเวล.
สมุนไพรฟื้นฟูร่างกายทำงานได้ดีและร่างกายที่สมบูรณ์ของเขาก็มีพลังฟื้นฟูอย่างน่าทึ่ง หลังจากที่รักษามาทั้งวัน รอยแผลไม้ทั้งหมดบนร่างของเขาก็กลายเป็นรอยแผลเป็น และเจียงอี้จะฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์ในการฟื้นฟูครั้งหน้า
เมื่อเขาจับหัวและคิ้วที่โล้นเกลี้ยงไปแล้ว เจียงอี้ก็มองไปที่เปลวเพลิงอัสนีที่อยู่ไกลๆซึ่งเขาพบว่ามันช่างดูน่ารักและเป็นมิตรนัก เมื่อกระแสไฟฟ้าในเปลวเพลิงอัสนีไม่สามารถฆ่าเขาได้ ดังนั้นเขาก็จะลองให้ฟ้าผ่าเขาเรื่อยๆจนกว่าจะต้านมันได้
เมื่อร่างกายของเขาสามารถเพิกเฉยต่อการโจมตีของสายฟ้าในเปลวเพลิงอัสนีได้แล้ว เขาก็จะรวบรวมเปลวเพลิงอัสนีได้ และเมื่อเขาปรับแต่งเปลวเพลิงอัสนีเสร็จแล้ว มันก็จะถึงเวลาที่เขาจะออกจากเกาะแห่งบาปเสียที
เปลวเพลิงอัสนีแล่นไปมาในยามกลางคืน เขาไม่กล้าเข้าใกล้มันมากกว่านี้ จะเกิดอะไรขึ้นหากเขาถูกฟ้าผ่าและมีเปลวเพลิงอีกก้อนปรากฏขึ้นใกล้ๆ แม้แต่เทพเจ้าก็คงไม่มีทางรอดจากฟ้าผ่าอย่างต่อเนื่องหรอก
ดังนั้นเจียงอี้จึงหยิบหินอัสนีออกมาและขัดเกลามันต่อ แม้ว่ากระแสไฟฟ้าในหินอัสนีจะอ่อนมาก แต่มันก็ยังทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นและเพิ่มการต้านทานกระแสไฟฟ้าได้ ซึ่งมันก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
เช้าตรู่ของวันถัดมา เจียงอี้บินออกจากถ้ำและตรงไปยังเปลวเพลิงอัสนี ดวงจิตวิญญาณที่กล้าหาญของเขาทำให้เขาดูเหมือนวีรบุรุษผู้พลีชีพที่กำลังจะสังเวยชีวิตตัวเอง
จี๊! จี๊!
แต่เขาก็คงเก็บภาพผู้พลีชีพได้เพียงเท่านี้ก่อนที่สายฟ้าที่หนาเท่าแขนจะพุ่งมาทางเขาและจากนั้นเจียงอี้ก็กลิ้งลงไปที่พื้นและตกสู่นรกอีกครั้ง
ซึ่งมันเห็นได้ชัด!
ในครั้งนี้อาการบาดเจ็บของเขารุนแรงน้อยลงแต่มันก็ยังต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูนานอยู่ ในอีกสองชั่วโมงก็จะเข้าสู่ยามราตรีแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่เสี่ยงและบินกลับไปที่ถ้ำเพื่อปรับแต่งหินอัสนีต่อ
ในวันถัดไปเจียงอี้ก็ยังทำเช่นเดิม
หลังจากที่ถูกสายฟ้าฟาด อาการบาดเจ็บของเขาก็น้อยลงอีกครั้ง เขาใช้เวลาเพียงครึ่งวันในการฟื้นฟูร่างกายตัวเอง และเมื่อบาดแผลดีขึ้น เขาก็วิ่งไปยังเปลวเพลิงอัสนีและพยายามทำเช่นนั้นต่อไปอีกครั้ง
สามวัน, ห้าวัน…..แปดวัน!
ในวันที่แปด สายฟ้าในเปลวเพลิงอัสนีไม่สามารถทำร้ายเขาได้อีกต่อไปและทำให้ตัวสั่นเทาก็เท่านั้น เจียงอี้ดูมุ่งมั่นมากขึ้น ดวงตาของเขาสว่างขึ้นมาราวกับดวงดาวในยามค่ำคืน
แต่เขาก็จะไม่เสี่ยงในเรื่องนี้ เขายังคงทนรับมือกับสายฟ้าจากเปลวเพลิงอัสนีได้เพียงสายเดียว แต่หากมันมาเป็นสอง, สาม หรือสิบสายล่ะ? ใครจะไปรู้ว่ามีสายฟ้าอยู่ในเปลวเพลิงอัสนีอยู่กี่สาย? อย่างไรก็ตามแต่ เขาก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรนัก เขาค่อยๆทนต่อความเจ็บปวดขณะที่ปล่อยให้สายฟ้าเข้าไปในร่างกายของเขาเพื่อให้ร่างกายเขาเคยชินและมีวิวัฒนาการต่อไป
ครึ่งเดือนต่อมา!
เจียงอี้บินออกจากถ้ำและท่องไปทั่วภูเขาอย่างร่าเริง เปลวเพลิงอัสนีพุ่งเข้ามาหาเขาแต่เขาเองก็ไม่ได้สนใจและพุ่งตรงไปหามัน
จี๊! จี๊!
เมื่อเขาอยู่ห่างจากเปลวเพลิงสามร้อยเมตร เสียงสายฟ้าในเปลวเพลิงอัสนีก็ดังขึ้นและมันเปล่งแสงพร้อมกับกลายเป็นมังกรอัสนีออกมาพร้อมกับเข้าสู่ร่างกายของเขาซึ่งมันทำให้เจียงอี้สั่นเทาเล็กน้อยก่อนที่จะบินไปข้างหน้าต่อ
จี๊! จี๊!
มังกรอัสนีอีกตัวกำลังพุ่งปะทะเข้ามาที่ตัวเจียงอี้ และเขาเริ่มสั่นเทาหนักกว่าเดิมแต่ก็ยังพุ่งไปที่เปลวเพลิงอัสนีอย่างบ้าคลั่ง
จี๊! จี๊!
เมื่อมังกรอัสนีตัวที่สามโผล่ออกมา เขาก็อยู่ใกล้กับเปลวเพลิงอัสนีแล้ว จากนั้นไข่มุกวิญญาณเพลิงก็เปล่งแสงสีแดงออกมาและดูดเปลวเพลิงอัสนีเข้าไปทันที
“ข้าทำได้แล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เจียงอี้ยังคงสั่นสะท้าน แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจมันมากนัก เขาหัวเราะขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างบ้าคลั่ง
การได้เปลวเพลิงอัสนีมาหนึ่งก้อนนั่นหมายความว่าเขากำลังจะได้ก้อนที่สอง….และสามต่อไปเรื่อยๆ เขาจะปรับแต่งเปลวเพลิงอัสนีและเชี่ยวชาญในการโจมตีที่น่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง
สองเดือนผ่านไป เจียงอี้ต้องทนทุกข์กับกระแสไฟฟ้าตลอดทั้งเดือนที่ผ่านมา เขาถูกฟ้าผ่านับครั้งไม่ถ้วนและเฉียดกับความเป็นตายจากความเจ็บปวดมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ทุกสิ่งนั้นคุ้มค่าเพราะความพยายามของเขาได้ผล
เจียงอี้เปล่งเสียงที่หนักแน่นออกมาและมองไปยังท้องฟ้าทางทิศตะวันออก เขาเผยรอยยิ้มอันสดใสออกมา “รั่วเสวี่ย…รอข้าก่อนนะ!”