เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 683 หัวหน้าเจียงน่าเหลือเชื่อนัก
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 683 หัวหน้าเจียงน่าเหลือเชื่อนัก
“นายหญิง การแสดงจบลงแล้ว เราจะไปพบหัวหน้าเจียงหรือจะกลับกันเลยเจ้าคะ?”
เมื่อพี่เหิงกลับไป มันก็ไม่มีเรื่องอะไรให้ดูอีกแล้ว เสี่ยวหงจึงเงยหน้าขึ้นมองเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานขณะที่เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานหัวเราะเบาๆและพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องไปพบเขาหรอก เรากลับกันเถอะ”
เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานบินกลับไปกับเสี่ยวหงขณะที่เจียงอี้เองก็บินข้ามภูเขาอัสนีมากับคนของเขาอย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้สนใจคนที่คุกเข่าอยู่ที่ภูเขาอัสนีและมองไปยังทิศตะวันตก
เขาสังหารป้าเตาและหัวหน้าหลงแล้วยังใช้พี่เหิงมาเพื่อสร้างอำนาจของเขาอีก!
เส้นทางสู่การเป็นหัวหน้าของเขาเพิ่งจะเริ่มขึ้นและเขาต้องกลับไปที่เมืองและเผชิญหน้ากับเรื่องราวต่างๆก่อนที่จะรู้ว่าจะทำให้ตำแหน่งของตัวเองมั่นคงในเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างได้หรือเปล่า หัวหน้าอีกสี่คนที่แข็งแกร่งที่สุดยังไม่เผยตัวออกมาและยังไม่รู้ว่าตระกูลลู่จะสนับสนุนเขาหรือไม่
ที่เจียงอี้ไม่รับผู้ใต้บัญชาของพี่เหิงที่ต้องการรับใช้เขานั่นเป็นเพราะว่าหัวหน้าหลงและป้าเตาตายแล้ว ดังนั้นเจียงอี้จึงนำผู้ใต้บัญชาของพวกนั้นมาได้ แต่พี่เหิงยังไม่ตายและหากเขารับคนของพี่เหิงมาเช่นนี้ มันจะเป็นการล้ำเส้นหรือเปล่า? เขาไม่มั่นใจว่ามันจะทำให้หัวหน้าคนอื่นๆไม่ยินดีกับสิ่งนี้หรือไม่ เขาก็เลยต้องหาข้อมูลก่อนและกลับไปที่เมือง
“พวกเจ้าทุกคนมานี่!”
เขานำคนของเขามาและบินไปยังเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างจนผู้คนที่ภูเขาอัสนีมองไม่เห็นพวกเขาอีกต่อไป จากนั้นเขาก็ชี้ไปยังผู้ใต้บัญชาสองคนที่เคยเป็นลูกน้องของป้าเตา สองคนนี้เป็นสองคนแรกที่เปลี่ยนความจงรักภักดีของพวกเขาและเจียงอี้ก็ประทับใจพวกเขาอยู่
ทั้งสองคนนี้มีความสูงไม่เท่ากัน คนที่สูงกว่านั้นสูงกว่าเจียงอี้เสียอีกและยังผอมแห้งราวกับไม้ไผ่ด้วย ส่วนคนที่เตี้ยกว่าสูงประมาณหัวหน้าหลงและอวบอ้วนเล็กน้อย เมื่อทั้งสองคนยืนข้างกันมันยิ่งทำให้ดูน่าขันนัก พวกเขาทั้งสองดูดีใจขึ้นมาทันทีที่เจียงอี้ชี้มาที่พวกเขาพร้อมกับป้องกำปั้นและทักทาย “หัวหน้าเจียง”
เจียงอี้พยักหน้าและพูดว่า “พวกเจ้ามีนามว่าอะไรกัน?”
เจ้าอ้วนที่ตัวเตี้ยกว่ายิ้มออกมาและพูดว่า “หัวหน้าเจียง ข้าน้อยมีนามว่าหนิวเติง ส่วนเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องข้า มีนามว่าหนิวว่างขอรับ”
“อืม!”
เจียงอี้กระพริบตาขณะที่พูดว่า “ภายหน้าพวกเจ้าจะเป็นมือซ้ายและมือขวาของข้า และคนที่เหลือจะทำตามคำสั่งพวกเจ้า”
“ขอบคุณหัวหน้าเจียงขอรับ!”
ทั้งสองโค้งคำนับอย่างมีความสุขขณะที่คนอื่นๆมองทั้งสองคนนั้นด้วยความริษยา แต่ไม่มีผู้ใดกล้าพูดมันออกมาแม้แต่คำเดียว เพราะทั้งสองคนเป็นสองคนแรกที่เปลี่ยนมาภักดีเจียงอี้
เจียงอี้หันไปรอบๆและส่งข้อความเสียงว่า “หนิวเติง ข้าควรนำผู้ใต้บัญชาของพี่เหิงมาอยู่ด้วยหรือไม่? หากข้ารับพวกเขามา หัวหน้าคนอื่นๆจะคิดเช่นไร? พวกเขาจะบอกว่าข้าล้ำเส้นหรือเปล่า? แล้วตระกูลลู่จะเข้ามายุ่งเรื่องนี้หรือไม่?”
หนิวเติงคิดเรื่องนี้อย่างจริงจังและตอบว่า “หัวหน้าเจียง ตระกูลลู่จะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้ว่าท่านจะสังหารทุกคนที่อยู่บนภูเขาอัสนีไป ตระกูลลู่ก็จะไม่เข้ามามีเอี่ยวด้วย ตราบใดที่ท่านไม่ทำบางสิ่งขึ้นในเมือง ส่วนหัวหน้าคนอื่นๆข้าไม่มั่นใจขอรับ แต่เหมือนว่าป้าเตาและหัวหน้าหลงจะขอให้เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานช่วยจัดการท่าน แต่นางไม่สนใจพวกเขาเลยขอรับ”
เจียงอี้เลิกคิ้วขึ้นและส่งข้อความกลับ “เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน? เล่าให้ข้าฟังที เล่าเรื่องหัวหน้าคนอื่นๆให้ข้าฟังด้วย”
“ได้เลยขอรับ!”
หนิวเติงส่งข้อความเสียงว่า “ในบรรดาหัวหน้าทั้งสิบในเมือง เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเป็นอันดับหนึ่ง นางสามารถปราบหัวหน้าเก้าคนก่อนหน้านี้ได้อย่างง่ายดายด้วยตัวเอง หัวหน้าเหลิ่งเป็นอันดับสองและดูเหมือนว่าเขาค่อนข้างมีสัมพันธ์ที่ดีกับพี่เหิง ส่วนหัวหน้าหลี่นั้นเป็นมิตรมากและจะไม่รุกรานกับผู้ใด ผู้ที่ครองอันดับสี่คือพี่ตงซึ่งไม่เคยเข้าไปพัวพันกับปัญหาในเมืองเลย ตราบใดที่เขาไม่ได้ถูกยั่วโมโห ท่านก็ไม่ต้องห่วงเขาเลย ส่วนหัวหน้าคนอื่นๆนั้น หัวหน้าเจียงก็ได้พบพวกเขาแล้ว ซึ่งมีป้าเตา, หัวหน้าหลง, พี่เหิงและผู้ที่ไปขอความช่วยเหลือจากเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน….”
หนิวเติงส่งข้อความของเขานานกว่าห้านาทีและอธิบายสถานการณ์ในเมือง เขาฉลาดมากและไม่กล้าเสนอความคิดใดๆต่อเจียงอี้ เพียงแต่อธิบายสิ่งต่างๆให้เจียงอี้ฟังอย่างซื่อตรงและให้เจียงอี้ตัดสินใจด้วยตัวเอง
เจียงอี้พยักหน้าเล็กน้อยและมองไปที่ลูกน้องของพี่เหิงและพูดว่า “พวกเจ้าจะตามข้ากลับไปและกลับไปยังที่พักของพวกเจ้าหลังจากกลับไปที่เมืองแล้ว และรอคำชี้แนะของข้าที่นั่น”
“ขอรับหัวหน้าเจียง”
ทั้งสิบหกคนตอบออกมาพร้อมกันด้วยความเจ็บปวดที่เผยออกมาเพราะเจียงอี้ไม่ได้เอ่ยปากว่าจะรับพวกเขาเข้าไปอยู่ด้วย แต่บอกว่าให้ตามเข้ากลับไป นั่นก็แปลว่ามันหมายถึงบางสิ่ง เมื่อพวกเขาหักหลังพี่เหิงแล้ว พวกเขาคงไม่ตามพี่เหิงกันต่อไปแล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเขาอาจจะตายโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วหากพวกเขาไปขอเป็นลูกน้องหัวหน้าคนอื่นๆ? ผู้ใดจะยอมบาดหมางกับพี่เหิงกับเรื่องเช่นนี้กัน?
จากนั้นผู้คนมากกว่าสามสิบคนก็บินไปที่เมืองอย่างยิ่งใหญ่ หนึ่งชั่วโมงต่อมา ประตูเมืองก็ปรากฏต่อหน้าพวกเขา และเมื่อเจียงอี้เห็นผู้คนนับร้อยรออยู่ที่ประตูเมือง เขาก็เผยดวงตาที่เย็นชาออกมา หนิวเติงจึงรีบอธิบายอย่างรวดเร็วว่า “หัวหน้าเจียง พวกเขาทั้งหมดเป็นคนของป้าเตาและหัวหน้าหลงขอรับ พวกเขาต้องมาที่นี่เพื่อต้อนรับท่านขอรับ”
“โอ้”
เจียงอี้เก็บกลิ่นอายสังหารของเขากลับไปขณะที่เขาปล่อยให้ทุกคนบินต่อไป ก่อนที่พวกเขาจะเข้าใกล้ประตูเมือง ผู้คนหลายร้อยคนทั้งหมดนั้นพากันคุกเข่าข้างหนึ่งและทักทายว่า “หัวหน้าเจียง!”
เจียงอี้กวาดตามองพวกเขาและได้สนใจนัก เขามองไปที่ทหารตระกูลลู่และเห็นว่าพวกนั้นหลายคนต่างมีท่าทีอยากรู้อยากเห็น ส่วนผู้บัญชาการทหารมองมาที่เจียงอี้ด้วยท่าทางเย็นชาและไร้อารมณ์ใดๆ
“หัวหน้าเจียง นั่นคือผู้บัญชาการลู่เหริ่นขอรับ!”
หนิวเติงส่งข้อความถึงเจียงอี้และแนะนำบุคคลนั้น เจียงอี้ไม่ได้สนใจคนที่คุกเข่าอยู่เลยและค่อยๆลงมาพร้อมกับคนที่ตามหลังเขามา เจียงอี้ป้องกำปั้นไปยังผู้บัญชาการตระกูลลู่แต่ไกลและทักทาย “ท่านใต้เท้า ข้าน้อยเจียงขอคารวะ!”
“ฮึฮึ!”
ใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของลู่เหริ่นยิ้มออกมาขณะที่เขาพยักหน้าเบาๆและพูดว่า “หัวหน้าเจียงน่าเหลือเชื่อนัก อย่าลืมชวนข้าไปดื่มด้วยล่ะ”.Aileen-novel.
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
เจียงอี้หัวเราะออกมาและเดินไปที่นั่นขณะที่พูดอย่างสุภาพ “ท่านใต้เท้าล้อเลียนข้าน้อยแล้ว ส่วนเรื่องการดื่มนั้น….หากท่านมีเวลา พวกเราสามารถมาร่วมดื่มกันได้ทุกวันขอรับ”
“ได้สิ!”
ลู่เหริ่นพอใจกับการวางตัวของเจียงอี้มาก เขาพยักหน้าและพูดว่า “หัวหน้าเจียงเชิญกลับไปที่เมืองก่อนเถอะ ข้ายังอยู่ในหน้าที่และคงพูดคุยด้วยได้ไม่นานนัก”
เจียงอี้ป้องมือของเขาและจากนั้นก็พาคนเข้าไปข้างใน ข้อความของตระกูลลู่นั้นชัดเจนแจ่มแจ้งมาก นั่นคือตราบใดที่เขาไม่ก่อเรื่องใดๆและเคารพตระกูลลู่ พวกเขาก็จะไม่เข้ามายุ่งเรื่องของเขา
เมื่อเหล่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีปัญหาใดๆ เจียงอี้ก็เหลือเพียงหัวหน้าสี่คนที่เหลือ พี่ตงผู้ที่อยู่อันดับสี่มักไม่ทำตัวใหญ่โตและจะไม่เข้ามาพัวพันกับปัญหาในเมือง ดังนั้นเขาจึงถูกข้ามไป และหากหัวหน้าอีกสามคนเห็นพ้องกับตำแหน่งของเขาและไม่เข้ามาหาเรื่องเขา เจียงอี้ก็จะอยู่ในเมืองได้อย่างสงบสุข
“หัวหน้าเจียง!”
“หัวหน้าเจียง!”
เมื่อเจียงอี้เข้าเมืองมา ผู้คนมากมายก็ทักทายเขาอย่างเคารพ และเรื่องของเจียงอี้ก็เป็นที่รู้กันไปทั่วเมืองแล้ว มันไม่สำคัญว่าเจียงอี้จะขึ้นมาเป็นหัวหน้าหรือไม่ เพราะพวกเขาไม่กล้าที่จะทำให้เจียงอี้ขุ่นเคืองแล้ว
“หนิวเติง หนิวว่าง อยู่กับข้า ส่วนที่เหลือกลับไปได้แล้ว”
เมื่อเดินไปที่จัตุรัสในเมือง เจียงอี้ก็โบกมือขณะที่ทุกคนคำนับเขาและลากลับที่พักไป จากนั้นเจียงอี้ก็กลับไปยังที่พักตัวเอง
เมื่อเขากลับมาที่ลานเล็กๆ เจียงอี้รู้สึกว่าตัวเองยังฝันอยู่ ในคืนที่เขาไปจากที่นี่ เขาก็ตั้งใจที่จะเผชิญกับความตายและไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้กลับมาแล้ว ใครจะไปคิดว่าเพียงสามเดือน เขาก็กลับมาที่เมืองอย่างยิ่งใหญ่และกลับมาที่ลานบ้านเล็กๆของเขา?
หนิวเติงเปิดม่านพลังของลานบ้านและทำความสะอาดที่นี่อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ป้องกำปั้นกับเจียงอี้และพูดว่า “หัวหน้าเจียง นั่งลงเถิดขอรับ”
เมื่อเจียงอี้นั่งลง หนิวเติงก็หยิบไวน์ชั้นดีออกมาจากแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ของเขา แต่เจียงอี้ไม่ได้ดื่มมันขณะที่เขากระพริบตาและครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะถามว่า “หนิวเติง เราต้องทำอย่างไรต่อ?”
หนิวเติงรู้ว่าเจียงอี้หมายถึงสิ่งใดและคิดเรื่องนี้มาตลอดระหว่างทางกลับมา เขาตอบว่า “หัวหน้าเจียง ข้าแนะนำให้ท่านแวะไปเยี่ยมเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานก่อน ตราบใดที่เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานยินดีจะเจอท่าน สิ่งต่างๆจะง่ายขึ้นมาก และท่านควรไปเยี่ยมหัวหน้าเหลิ่งและหัวหน้าหลี่ด้วยขอรับ ตราบใดที่พวกเขาทั้งสามเห็นชอบกับท่านแล้ว ตำแหน่งหัวหน้าของท่านก็จะมั่นคง แต่แน่นอนว่า…ท่านจะต้องติดสินบนคนตระกูลลู่ด้วยนะขอรับ”
“ก็ได้!”
เจียงอี้พยักหน้า เนื่องจากเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานและคนอื่นๆไม่ได้ส่งคนมาไล่ล่าเขา เจียงอี้จึงเคารพพวกเขาอยู่แล้วและได้ยินมาว่าเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานที่เขายังไม่เคยเจอนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนระดับสูง
เขามักจะทำสิ่งต่างๆอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด ดังนั้นเขาจึงยืนขึ้นและกำลังจะเดินออกไปพร้อมกับหนิวเติงและหนิวว่าง แต่ใครจะไปคิดว่าเมื่อพวกเขาก้าวออกจากประตูก็มีคนวิ่งมาจากถนนเส้นหลัก คนผู้นั้นรีบป้องกำปั้นและตะโกนว่า “หัวหน้าเจียงขอรับ หัวหน้าเหลิ่งเชิญท่านไปยังโรงเตี๊ยมร้อยบุปผาขอรับ”