เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 686 การต่อสู้อันยิ่งใหญ่
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 686 การต่อสู้อันยิ่งใหญ่
คำพูดของเจียงอี้นั้นทำให้บรรยากาศมาคุ สีหน้าของหัวหน้าเหลิ่งเย็นชาราวกับน้ำแข็งขณะที่ดวงตาของเขาหรี่ลงมาก แต่มันก็ยังเต็มไปด้วยความเยือกเย็นและอายสังหาร เพราะเจียงอี้ทำให้เขาขุ่นเคืองอย่างสมบูรณ์
หัวหน้าหลี่ที่เป็นคนน่ารักของเมืองนี้และมักจะเป็นผู้ที่คอยเป็นคนกลางเสมอเมื่อมีความขัดแย้งของหัวหน้า แต่ในวันนี้เขากลับเงียบกริบและดูไม่ค่อยพอใจนัก คนที่น่ารักเช่นนี้โกรธเคืองเล็กน้อย
เจียงอี้ไม่รู้ว่าจะซาบซึ้งกับความใจดีอย่างไร หัวหน้าเหลิ่งให้เขามามากแล้ว แต่เจียงอี้ก็พร้อมที่จะมีเรื่องมีราวกับเขาในเรื่องลูกน้องไม่กี่คน
พี่เหิงเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมาขณะที่เขามีความสุขที่ได้เห็นผลลัพธ์เช่นนี้ เจียงอี้เองก็อาจจะโกรธ แต่เขามีแค่ตัวคนเดียวและผู้ใต้บัญชาที่เขาเพิ่งจะรับเข้ามาจะเต็มใจเสี่ยงชีวิตเพื่อเขาหรือ? คำสั่งเดียวจากหัวหน้าเหลิ่งจะทำให้ทุกคนยืนขึ้นได้ในขณะที่เจียงอี้จะต้องต่อสู้กับคนเหล่านี้
หัวหน้าเหลิ่งแข็งแกร่งเป็นอันดับสองของเมืองและเขาไม่ได้ไต่อันดับมาด้วยความโอ้อวดของเขา เขาปีนป่ายขึ้นไปบนนั้นได้หลังจากที่ต้องนองเลือดอยู่หลายคราว เมื่อสิบปีก่อนตอนที่พี่เหิงยังไม่ได้เป็นหัวหน้า เขาเคยเห็นหัวหน้าเหลิ่งกระแทกหัวหน้าอีกคนเป็นชิ้นๆ หลังจากการต่อสู้ครั้งนั้นเขาก็ติดตามหัวหน้าเหลิ่งเสมือนผู้นำของเขามาโดยตลอด
พี่เหิงรู้สึกว่าเจียงอี้อันตรายมากแต่หัวหน้าเหลิ่งนั้นยิ่งกว่า ฝ่ามือที่น่าสยดสยองนั้นยังคงฝังอยู่ในใจของเขา และในความคิดเขา เจียงอี้ไม่ใช่คู่ปรับของหัวหน้าเหลิ่งอย่างแน่นอน
เมื่อเสือสองตัวสู้กัน, จะต้องมีหนึ่งตัวที่ได้รับบาดเจ็บแน่นอน!
ไม่สำคัญว่าใครจะเป็นผู้รอดชีวิตเพราะมันก็ยังคงเป็นประโยชน์ต่อพี่เหิงอยู่ดี ไม่จำเป็นต้องบอกว่ามันจะเยี่ยมมากในการที่เจียงอี้จะตกตายไป แต่หากหัวหน้าเหลิ่งตกตายไปหรือได้รับบาดเจ็บ มันก็ไม่ได้ทำให้พี่เหิงอับอายขายหน้าแต่เป็นเพราะหัวหน้าเหลิ่งไม่ใช่คู่ปรับของเจียงอี้ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติที่พี่เหิงจะคุกเข่า
สายตาของทุกคนมองไปที่หัวหน้าเหลิ่งและรอให้เขาตัดสินใจอยู่
หัวหน้าเหลิ่งก็ไม่ได้ทำให้ทุกคนผิดหวังขณะที่เขายืนขึ้นมาและปล่อยเสียงหัวเราะอันน่าสยดสยองออกมา “เมื่อหัวหน้าเจียงอี้แรงกล้าเช่นนี้ งั้นเราก็ออกไปแลกกระบวนท่ากันนอกเมืองเถอะ”
เจียงอี้หัวเราะเบาๆและพยักหน้าก่อนที่จะลุกขึ้นและเดินออกไปข้างนอก เจียงอี้หันหน้าไปเพียงครึ่งหน้าและพูดว่า “ข้าน้อยเจียงจะรออยู่ที่ประตูเมืองตะวันออก หัวหน้าเหลิ่งชี้แนะข้าด้วย”
ฮือฮา!
หลังจากที่เจียงอี้เดินออกไป ทุกคนก็ระเบิดเสียงออกมา บางคนก็ด่าออกมา บางคนก็เย้ยหยัน บางคนก็ประจบสอพลอหัวหน้าเหลิ่ง แต่พวกเขาทุกคนมีกลิ่นอายที่ดุดันมากขณะที่ตามหัวหน้าเหลิ่งออกไปด้านนอก
“ไปดูการแสดงของหัวหน้าเหลิ่งกันเถอะ!”
หัวหน้าหลี่ลุกขึ้นและตามหัวหน้าเหลิ่งไปพร้อมกับโบกมือสั่งคนของเขาให้ไปดูการต่อสู้กัน
หน่วยสอดแนมนับไม่ถ้วนในโรงเตี๊ยมร้อยบุปผากลับไปรายงานหัวหน้าของพวกเขาทันที ขณะที่หัวหน้าอิง, หัวหน้าเฮยและคนอื่นๆเองก็นำคนของพวกเขาออกจากเมืองไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน ยอดฝีมือที่ไม่ได้ไปยังภูเขาอัสนีทั้งหมดเองก็ลุกฮือและออกจากเมืองไปเพื่อดูการต่อสู้อันยิ่งใหญ่นี้ด้วย
“นายหญิง การต่อสู้กำลังจะเริ่มแล้วเจ้าค่ะ!”
เสี่ยวหงเองก็ได้รับข่าวนี้อย่างรวดเร็วและรีบไปรายงานเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานทันที เมื่อเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานได้ยินเรื่องนี้ นางไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมาเลย และเมื่อเสี่ยวหงเห็นปฏิกิริยาของเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน นางจึงถามอย่างสงสัยว่า “นายหญิง ท่านจะไม่ไปดูการแสดงที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้หรือเจ้าคะ?”
“มีอะไรให้ดูกัน?!”
เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานหัวเราะเบาๆและพูดว่า “อย่าถามเซ้าซี้เลย เจ้าจะเข้าใจเองเมื่อผลของเรื่องนี้ออกมาแล้ว”
…
ฟรึ่บ! ฟรึ่บ! ฟรึ่บ!
นอกประตูเมืองทิศตะวันออก ผู้คนนับไม่ถ้วนพากันพุ่งออกไปอย่างบ้าคลั่ง นอกจากนี้ยังมีสมาชิกตระกูลลู่มากมายที่ดูเรื่องนี้จากกำแพงเมือง
ไม่นานนัก คนในเมืองเกือบทุกคนก็ออกมา มีคนยืนอยู่ที่กำแพงเมืองอย่างน้อยหลายพันคนและไม่กล้าเข้าไปใกล้มากเกินไป พวกเขากลัวว่าจะถูกลูกหลงเข้าและแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เจียงอี้ยืนอยู่บนยอดเขาของสันเขาอัสนีทางด้านซ้าย ส่วนหนิวเติงและหนิวว่างไม่กล้าตามเขาไป ไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาไม่ภักดีต่อเจียงอี้ แต่เป็นเพราะเจียงอี้ห้ามพวกเขาเข้ามาร่วมกับการต่อสู้ครั้งนี้ ทั้งสองคนรู้ดีด้วยว่าหากเจียงอี้ปล่อยเปลวเพลิงอัสนีออกมา ร่างกายของพวกเขาก็จะไม่เหลือแม้แต่เศษซาก.ไอลีนโนเวล.
ตึก ตึก ตึก!
ในที่สุด หัวหน้าเหลิ่งก็ออกมาจากเมือง แต่เขาเดินช้ามากราวกับว่าเขากำลังรอให้ทุกคนออกมาดูการต่อสู้นี้ มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนตามหลังหัวหน้าเหลิ่งไปกว่าสามสิบคนพร้อมกับพี่เหิง เขามองไปที่เจียงอี้ที่ยืนอยู่แต่ไกลบนสันเขาอัสนีและพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “หัวหน้าเจียง ยังพอมีเวลาให้เจ้ารู้สึกสำนึกอยู่ ปกติแล้วข้า เฒ่าเหลิ่งผู้นี้จะไม่ปรานีผู้ใดเมื่อข้าลงมือแล้ว”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เจียงอี้หัวเราะออกมายาวๆและพูดว่า “หัวหน้าเหลิ่ง ไม่จำเป็นต้องลังเลแล้ว หากท่านฆ่าไอ้เจียงผู้นี้ได้ มันก็หมายความว่าข้าไม่มีความสามารถและข้าเองก็กล่าวโทษใครไม่ได้ แต่แน่นอนว่า….ข้าเองก็จะไม่ปรานีเช่นกัน หัวหน้าเหลิ่ง โปรดระวังตัว!”
“อือ ฮึ”
ยอดฝีมือที่มองดูการต่อสู้จากกำแพงเมืองและทหารตระกูลลู่ที่อยู่บนกำแพงเมืองต่างก็พยักหน้า มันไม่สำคัญว่าผลของการต่อสู้จะเป็นเช่นไร แต่อย่างน้อยทั้งสองคนนี้ก็มีกิริยามารยาทที่ดีและไม่ได้มีความน่าอึดอัดเลย พวกเขาไม่ได้สาปแช่งหรือสาบานว่าจะฆ่าแกงกันให้ตายไปข้าง มันเหมือนกับว่าพวกเขากำลังจะประลองกัน
“ก็ได้!”
หัวหน้าเหลิ่งระเบิดเสียงคำรามออกมาและทะยานขึ้นไปบนฟ้า เสื้อคลุมสีดำยาวของเขากระพือไม่หยุดราวกับเหยี่ยวที่พุ่งไปที่เจียงอี้อย่างรวดเร็ว
หัวหน้าเหลิ่งไม่มีอาวุธใดๆและเพียงแค่อัดแน่นไปด้วยโล่ศักดิ์สิทธิ์สีทอง เมื่อโล่ศักดิ์สิทธิ์เผยออกมาแล้ว ห้วงอากาศก็ผันผวนไปด้วยกลิ่นอายอันน่าตะลึง มันน่ากลัวมาก แม้แต่ห้วงอากาศในรัศมีหนึ่งร้อยกิโลเมตรเองก็ยังนิ่งไปด้วย
“หัวหน้าเหลิ่ง มาสู้กันที่สันเขาอัสนีเถอะและอย่าทำร้ายผู้บริสุทธิ์”
เจียงอี้ก็เคลื่อนไหวเช่นกัน เขาก้าวขาออกไปข้างเดียวและวิ่งเข้าไปในสันเขาอัสนี ดวงตาของหัวหน้าเหลิ่งเป็นประกายและเขาก็ไม่ได้ลงมือในทันที เขาพยักหน้าและตอบว่า “ข้าเห็นด้วยกับข้อเสนอของเจ้า”
ฟรึ่บ!
ร่างทั้งสองร่างบินไปยังสันเขาอัสนีและหายลับไปจากสายตาของทุกคนอย่างรวดเร็ว ทุกคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย เพราะเห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนไม่ต้องการให้ผู้อื่นเห็นทักษะเฉพาะตัวของพวกเขา และเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็ไม่สามารถจงใจไปยังสันเขาอัสนีและดูการต่อสู้ได้
“ฮึฮึ ข้าจะไปดูเสียหน่อย!”
ดวงตาของพี่เหิงเป็นประกายด้วยความชั่วร้าย หัวหน้าเหลิ่งไม่ได้ขอให้ทุกคนล้อมสู้กับเจียงอี้ ดังนั้นพวกเขาจึงยังอยู่กันที่เดิม ส่วนพี่เหิงนั้นต่างออกไป เขาต้องการจะไปแอบดูสถานการณ์และหากมีโอกาส เขาจะลอบสังหารเจียงอี้อย่างแน่นอน
“หืม?”
พี่น้องหนิวเติงและหนิวว่างเริ่มเปลี่ยนสีหน้าและกำลังจะไปขัดขวางพี่เหิง แต่ผู้ใต้บัญชาของหัวหน้าเหลิ่งทั้งหมดเคลื่อนไหวและเพ่งกลิ่นอายสังหารมาที่พวกเขาทั้งสองคน
ผู้ใต้บัญชาคนอื่นๆของเจียงอี้ได้ยินข่าวแล้วและมาที่นี่เพื่อดูพวกเขาต่อสู้กัน แต่ทั้งหนิวเติงและหนิวว่างก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวอย่างประมาท พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นและได้แต่มองพี่เหิงวิ่งเข้าสันเขาอัสนีไป
“น่ารังเกียจ น่าไม่อายนัก!”
หัวหน้าเฮยพึมพำออกมา แต่ไม่มีผู้ใดกล้าเปิดปากพูดและหยุดพี่เหิงเพราะมันเป็นเรื่องดีจริงๆหากเจียงอี้ถูกสังหารไป
อีกฝั่งหนึ่ง เสือยิ้มกำลังยิ้มในขณะที่ปากอ้วนของเขากำลังหัวเราะออกมาและพูดว่า “ฮึฮึ ไม่สำคัญว่าพี่เหิงจะไปที่นั่นหรือไม่ คราวนี้หัวหน้าเจียงได้ตายแน่ๆ หากไม่พูดถึงเรื่องอื่นๆ…หัวหน้าเหลิ่งมีการป้องกันที่ท้าทายสวรรค์นัก แม้ว่าพวกเราทุกคนจะร่วมมือกัน แต่พวกเราเองก็ยังไม่สามารถทำลายมันได้ใช่ไหมล่ะ?”
“ใช่แล้ว!”
หัวหน้าหลี่พยักหน้าและพูดพร้อมกับถอนหายใจ “พวกเจ้าทุกคนยังจำการต่อสู้ของหัวหน้าเหลิ่งเมื่อสิบปีก่อนได้ไหม? หัวหน้าหงทำร้ายเขานานกว่าห้านาทีแต่เหมือนว่าจะไม่ทำให้หัวหน้าเหลิ่งระคายเลย สิบปีผ่านไปตั้งแต่เกิดเรื่องนั้นขึ้น หัวหน้าเหลิ่งก็ไม่ได้ลงมือใดๆอีกเลย ใครจะรู้ว่าความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว?”
หัวหน้าอิงเย้ยหยันและพูดอย่างคลุมเครือ “ไม่ต้องเดาหรอก หัวหน้าเจียงต้องพินาศอย่างแน่นอน ทุกคนเตรียมฉลองให้กับหัวหน้าเหลิ่งเถอะ….”
….