เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 693 คารวะใต้เท้าเฉียน
เจียงอี้กลืนยาและนอนหลับไป หลังจากนั้นเขาก็ตื่นขึ้นมาตอนพลบค่ำและบิดตัวพร้อมกับรู้สึกว่าอาการเจ็บที่หน้าอกของเขาดีขึ้นมาก
เจียงอี้ลุกขึ้นมาและหนิวเติงก็เดินไปหาเขาอย่างรวดเร็วและถามด้วยความเคารพ “หัวหน้าเจียง ทุกอย่างเรียบร้อยดีขอรับ แต่มันคงต้องใช้เวลาในการจัดระเบียบคนของป้าเตาและหัวหน้าหลงและพี่เหิงพอสมควร….”
เจียงอี้พยักหน้าและพูดว่า “ดี ปล่อยคนที่เป็นลูกน้องพี่เหิงไป และถ้าเป็นไปได้ก็นำคนประมาณสิบกว่าคนไป ส่วนคนที่เหลือก็ช่างพวกเขาซะ”
“เราจะไม่รับพวกเขาเข้ามาด้วยหรือขอรับ?”
ใบหน้าอ้วนๆของหนิวเติงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เขาถามว่า “หัวหน้าเจียง ยิ่งเรามีคนมากเท่าใด ท่านก็จะยิ่งได้หินอัสนีมากเท่านั้น ซึ่งมันนำไปแลกแต้มความดีความชอบและศิลาสวรรค์….”
“ข้าไม่ต้องการพวกมัน!”
เจียงอี้โบกมือและกล่าวว่า “คนเราน่ะ โลภไปก็ไม่ดี อ้อแล้วก็คัดคนที่อ่อนแอในหมู่คนของป้าเตาและหัวหน้าหลงออกไปซะ อย่างไรเสีย มันก็มีตำแหน่งว่างอีกสองตำแหน่งและจะมีคนได้ตำแหน่งนั้นไป แล้วพวกเขาก็จะแบ่งลูกน้องที่เหลือไป หากเรารับทุกคนเข้ามา คงจะมีผู้คนมากมายที่ขุ่นเคืองกับสิ่งนี้”
“อื้มม หัวหน้าเจียงหลักแหลมนักขอรับ”
หนิวเติงประจบเจียงอี้และคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดว่า “นั่นก็จริงนะขอรับ หัวหน้าเจียงเพิ่งจะขึ้นเป็นหัวหน้า และคนอื่นๆก็ยังไม่สบายใจ เรายังคงต้องเตรียมการให้แก่ผู้ที่จะมาเข้าร่วมกับเราด้วย มากคนยิ่งมากความ หัวหน้าเจียง ข้าน้อยไร้ความสามารถนัก ข้าแนะนำให้ท่านเลือกองครักษ์เพิ่มอีกสักหน่อยนะขอรับ หนิวว่างเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกนี้ ข้าเกรงว่าข้าจะยุ่งเกินกว่าจะจัดการทุกอย่างได้….”
“เลือกองครักษ์?”
เจียงอี้เลิกคิ้ว มันเป็นเรื่องที่ลำบากจริงๆในการจัดการทุกอย่างเมื่อสิ่งต่างๆซับซ้อนขึ้นอีก มันยังจะมีเรื่องที่จะต้องเลือกคนที่จะเป็นผู้นำกลุ่มที่คอยส่งหินอัสนีให้เขาทุกวันอีก และเขาคงไม่สามารถทำเรื่องนี้เองได้ทั้งหมด
แล้วจะเลือกคนยังไงดีนะ? ปัญหาก็คือเขาไม่คุ้นเคยกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนที่เพิ่งเข้าร่วมกลุ่มกับเขาเลย เขาอาจจะรู้จักพวกเขาแต่ยังไม่ได้เข้าถึงหัวใจของพวกเขา และหากเจียงอี้เลือกผิดและหากผู้ที่จัดการงานไม่ดีมันก็จะมีปัญหามากขึ้น
“โอ้ ใช่แล้ว!”
ดวงตาของเจียงอี้สว่างขึ้นมา จู่ๆเขาก็นึกได้ถึงคนกลุ่มหนึ่ง ราชวังจักรพรรดิสว่างขึ้นและร่างจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นในโถงใหญ่ เขานำเฟิ่งหลวน, เจียงเสี่ยวนู๋, เฉียนว่านก้วนและทุกคนออกมา
“เอ่อ”
พวกเขากำลังบ่มเพาะพลังอยู่ในราชวังจักรพรรดิ บางคนกำลังศึกษาอาคม บางคนกำลังสนทนากัน บางคนกำลังวาดภาพและบางคนกำลังเย็บปักถักร้อยอย่างเพลิดเพลิน และทุกคนรู้สึกเหมือนโลกหมุนและตกใจมากเมื่อออกมาข้างนอกราชวัง
“นายน้อย!”
“นายน้อย!”
“ลูกพี่!”
ในไม่ช้า ทุกคนก็ดีใจที่ได้เจอเจียงอี้ เฟิ่งหลวนเหลือบมองไปรอบๆและตระหนักว่าพวกเขาอยู่ในลานบ้านและมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนอยู่ด้วย จากนั้นนางก็ตั้งตัวทันที
หนิวเติงเองก็ตกใจเช่นกัน แต่เขารีบป้องกำปั้นด้วยความเคารพและทักทายพวกเขา “หนิวเติงคารวะท่านใต้เท้าและนายหญิงทุกท่าน”
เฟิ่งหลวนมองไปที่เจียงอี้อย่างสับสนและถามว่า “นายน้อย ชายผู้นี้คือใครกัน….?”
“ฮึฮึ!”
เจียงอี้อธิบายอย่างลวกๆ “เขาคือหนิวเติง องครักษ์มือซ้ายของข้า ข้าจะอธิบายให้ฟังทีหลังแล้วกัน…. ว่านก้วน!”
เมื่อเฉียนว่านก้วนได้ยินเจียงอี้เรียกเขา เขาก็รีบเอนตัวไปหาเจียงอี้ทันทีและพูดว่า “ลูกพี่ จะให้ข้าทำอะไรหรือ?”
เจียงอี้หันไปพูดกับหนิวเติงและชี้ไปยังเฉียนว่านก้วน “หนิวเติง ในอนาคตข้าอาจจะเข้าสู่สันโดษนานหน่อย ดังนั้นข้าจะไม่มีเวลาจัดการกับธุระต่างๆ เจ้าปรึกษาเฉียนว่านก้วนได้ในทุกๆเรื่อง คำสั่งของเขาเหมือนคำสั่งของข้า”
หนิวเติงประหลาดใจอย่างเงียบๆที่เจียงอี้เชื่อมั่นในเจ้าอ้วนขอบเขตจินกังตัวน้อยนี่มาก แต่เขาก็รีบป้องกำปั้นอย่างเคารพและพูดว่า “คารวะใต้เท้าเฉียน”
“เอ่อ?”
เฉียนว่านก้วนตกใจมาก ชายผู้นี้เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนแต่กลับเรียกเขาว่าใต้เท้า เขาหันไปมองเจียงอี้ที่กำลังยิ้มอยู่อย่างสงสัยและเจียงอี้ก็พูดว่า “ว่านก้วน เจ้ามีพรสวรรค์ในเรื่องการจัดการเรื่องต่างๆ ข้าเป็นหนึ่งในหัวหน้าของเมืองนี้และมีลูกน้องอยู่ ข้าไม่มีเวลาจัดการกับพวกเขา เจ้าช่วยข้าก่อนได้ไหม?”
“หัวหน้า?”
สายตาของทุกคนหรี่ลงและมองหน้ากันอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง หากพวกเขาไม่รู้จักเจียงอี้และไม่รู้ว่าเขาเกลียดการโกหก พวกเขาจะคิดว่าเจียงอี้กำลังคุยโวอยู่เป็นแน่
“ฮิฮิ!”
หนิวเติงอธิบายอย่างกระตือรือร้นและกล่าวว่า “หัวหน้าเจียงสังหารพี่ป้าเตา, หัวหน้าหลงและผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนอีกกว่าสิบคนในการต่อสู้ที่สันเขาอัสนีในวันนี้ จากนั้นเขาก็เอาชนะหัวหน้าเหลิ่งและสังหารพี่เหิงได้ ซึ่งตอนนี้ทุกคนในเมืองกำลังพูดกันว่า นอกจากเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน หัวหน้าเจียงคือนักสู้อันดับหนึ่งในหมู่ทาสในเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างขอรับ”
“….”.Aileen-novel.
ทุกคนสั่นสะท้านราวกับถูกฟ้าผ่า ทั้งเฟิ่งหลวนและเจียงเสี่ยวนู๋ต่างก็เหลือบมองเจียงอี้อย่างตำหนิ เจียงอี้ยักไหล่และยิ้มอย่างขมขื่น “คราวนี้อย่าโทษข้าสิ พวกเจ้าคงช่วยอะไรไม่ได้ในการต่อสู้ระดับสูงเช่นนี้ เอาหน่า…มันจบไปแล้ว พวกเจ้าสามารถอยู่ในเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างได้อย่างสบายใจแล้ว จะไม่มีผู้ใดกล้ายั่วยุเราแล้ว”
“ฮิฮิ นายน้อยเก่งที่สุดเจ้าค่ะ”
ชิงหยีหัวเราะออกมาอย่างไร้เดียงสา ส่วนหยุนเฟยและจ้านอู๋ซวงก็ดีใจกับเขาด้วยเช่นกัน ปากของมังกรวารีสีทองกระตุกขึ้นและมองไปที่เจียงอี้ด้วยสายตาที่หวาดกลัวมากขึ้น
เฉียนว่านก้วนตบหน้าอกของเขาและพูดว่า “ลูกพี่ วางใจได้เลยและฝึกฝนต่อเถอะ ให้ข้าดูแลลูกน้องทั้งหมดเอง ข้าสัญญาว่าข้าจะฝึกพวกเขาอย่างดีเลย”
“อืม พวกเจ้าอยู่ที่บ้านกันไปก่อนนะ ข้าจะไปงานเลี้ยงก่อน หนิวเติง จัดอาหารและไวน์รสเลิศที”
เจียงอี้ยืนขึ้นและเดินออกไปข้างนอก เขาโบกมือให้เฉียนว่านก้วน หลังจากที่เขาเดินไปได้สองก้าวเขาก็พูดขึ้นมาว่า “ว่านก้วนมากับข้า ข้าอาจจะเข้าสู่สันโดษในอนาคต ข้าจะพาเจ้าไปเจอพวกคนใหญ่โตทั้งหมดในเมืองอัสนีฟ้ากระจ่าง แล้วเจ้าจะเป็นตัวแทนของข้าและคอยตกลงกับพวกเขาในอนาคต”
“ได้เลยลูกพี่!”
เฉียนว่านก้วนไม่ได้หวาดกลัวเลย เขากล้าหาญเพราะมีเจียงอี้หนุนหลังเขา อย่าว่าแต่ลังเลเลย เขาจะไม่ลังเลแม้แต่น้อยหากเจียงอี้ให้เขาไปผ่านความยากลำบากที่โหดหินด้วยซ้ำ
หนิวเติงมองไปรอบๆและพูดว่า “หัวหน้าเจียง ที่นี่เล็กเกินไป ข้าจะให้คนมาจัดการกับลานบ้านใกล้ๆและทุบมันเพื่อให้ใต้เท้าและนายหญิงได้อยู่กันอย่างสะดวกสบายนะขอรับ”
เจียงอี้นิ่งไป เขาขมวดคิ้วและถามว่า “หากเราทำเช่นนั้น…เจ้าเมืองจะให้เราทำหรือ?”
“ได้ขอรับ!”
หนิวเติงพูดในเชิงบวก “หัวหน้าคนอื่นๆก็ทำเช่นกัน แต่แน่นอน…หัวหน้าเจียง เราต้องแจ้งและติดสินบนผู้บัญชาการทั้งสิบนะขอรับ”
“ก็ได้ เอาตามที่เจ้าว่าแล้วกัน!”
เจียงอี้โบกมือของเขาและออกไปกับเฉียนว่านก้วน จากนั้นหนิวเติงก็ตามไปอย่างรวดเร็วและเรียกหนิวว่างมาเพื่อสรุปให้เขาฟังก่อนที่จะจากไปพร้อมกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนมากกว่าสิบคนเพื่อติดตามเจียงอี้ไป
หลังจากที่เจียงอี้และคนอื่นๆจากไป หนิวว่างก็เข้ามาที่ลานบ้าน เขาทักทายไปยังเฟิ่งหลวนและคนอื่นๆ “ท่านใต้เท้าและนายหญิง โปรดรอสักครู่นะขอรับ ข้าจะจัดเตรียมทุกอย่างให้เสร็จในเวลาไม่ถึงชั่วโมงขอรับ”
เฟิ่งหลวนนั่งอย่างสงบนิ่งและแสดงท่าทีของนาง “เดี๋ยวก่อน บอกเรามาให้หมดทุกอย่างกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหัวหน้าเจียง”
“ได้ขอรับ!”
หนิวว่างไม่ได้เนี๊ยบเหมือนหนิวเติง แต่เขาก็ไม่ได้โง่เขลาและรู้ว่าผู้หญิงเหล่านี้ต้องเกี่ยวข้องกับเจียงอี้แน่นอน บางทีพวกนางอาจเป็นผู้หญิงของเขาก็ได้ เขาจึงไม่กล้าละเลยนายหญิงเหล่านี้
เขารีบบอกทุกอย่างที่เขารู้รวมถึงเรื่องที่เจียงอี้สังหารคนของป้าเตาและหัวหน้าหลง, เรื่องเขาซ่อนอยู่ในสันเขาอัสนีเป็นเวลาสามเดือนและเรื่องที่เขาสังหารหัวหน้าหลายคนต่อเนื่องกันในวันนี้ด้วย
“นายน้อยเก่งกาจนัก เขายังเอาชนะหัวหน้าเหลิ่งที่เป็นอันดับสองของเมืองได้ด้วย!”
หลังจากที่ชิงหยีได้ยินเรื่องราวเหล่านี้ ใจของนางก็เต็มไปด้วยความหลงใหล ส่วนจ้านอู๋ซวงและหยุนเฟยก็หายใจถี่ขึ้นและรู้สึกว่าเลือดของพวกเขาสูบฉีด มีเพียงเฟิ่งหลวนและเจียงเสี่ยวนู๋เท่านั้นที่ดูเศร้าใจ
คนอื่นๆเห็นเพียงความกล้าหาญและพลังของเจียงอี้ แต่เฟิ่งหลวนและเจียงเสี่ยวนู๋นึกถึงความลำบากที่เจียงอี้ต้องพบเจอในช่วงสามเดือนที่เขาอยู่ในสันเขาอัสนีด้วยตัวเองคนเดียว
หากเขาเก็บเปลวเพลิงอัสนีได้ง่ายๆ ทำไมเขาถึงต้องรอถึงสามเดือนล่ะ?
ขณะที่เฟิ่งหลวนคิดแต่เรื่องนี้ ดวงตาที่งดงามของเจียงเสี่ยวนู๋ก็เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา มันก็เหมือนทุกๆครั้ง เจียงอี้เป็นผู้ที่อยู่ด่านหน้าในเส้นทางนองเลือดด้วยตัวของเขาเองและเป็นที่พักพิงให้คนอื่นๆ แต่เขาต้องรับภาระและความทุกข์ทรมานทั้งหมดซึ่งมันทำให้เจียงเสี่ยวนู๋รู้สึกปวดใจ…..และตัวนางเองนั้นไร้ประโยชน์นัก
….