เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 694 เจียงอี้ช่างใจกว้างนัก
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 694 เจียงอี้ช่างใจกว้างนัก
เมืองอัสนีฟ้ากระจ่างในค่ำคืนนี้เป็นค่ำคืนที่แสนจะว้าวุ่น จอมยุทธทุกคนที่ไปภูเขาอัสนีกลับมาแล้ว แต่แทนที่จะกลับที่พักกัน พวกเขาหลายคนไปพักผ่อนอยู่ที่จัตุรัสกลางเมืองและผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนมากมายก็ต่างตรงไปยังตำหนักเจ้าเมือง
ตึก ตึก ตึก!
ชายกลุ่มหนึ่งมาจากทางตะวันตกของเมือง และเหล่าจอมยุทธทุกคนที่รวมตัวกันอยู่แถวๆจัตุรัสกลางเมืองก็ลุกฮือขึ้นมาอย่างน่าเกรงกลัว พวกเขาทักทายออกมาอย่างสุภาพ “หัวหน้าเจียง!”
ฟรึ่บ! พรึ่บ! พรั่บ!
ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างพากันมองไปทางเจียงอี้และดวงตาของพวกเขาก็เป็นประกายเมื่อเห็นชายหนุ่มรูปงามท่ามกลางฝูงชน พวกเขาดูชื่นชม, อิจฉา หรือแม้กระทั่งขมขื่น แต่ขณะที่ชายหนุ่มผู้นั้นเดินผ่านไป ทุกคนก็ดูถ่อมตัวอย่างมากพร้อมกับตะโกนอย่างสม่ำเสมอว่า “หัวหน้าเจียง!”
เจียงอี้เดินไปข้างหน้าเงียบๆและเมินเฉยต่อใบหน้าที่ยิ้มแย้มเหล่านั้น เขาจำได้เป็นอย่างดีในตอนที่คนเหล่านี้เย้ยหยันเขาตั้งแต่ที่เขามาที่เมืองในวันแรก
เฉียนว่านก้วนติดตามเจียงอี้มาและเขาก็หายใจถี่ขึ้นเล็กน้อยแต่เขาก็ยังคงชูคออยู่ หลายคนที่ทักทายเจียงอี้ต่างเป็นเหล่าขอบเขตจินกังทั้งนั้นซึ่งเจียงอี้เมินเฉยพวกเขาได้ แต่เฉียนว่านก้วนไม่เคยเจอผู้เชี่ยวชาญมากมายเช่นนี้มาก่อนและโดยปกติแล้ว เขาจะรู้สึกประหม่าและตื่นเต้นเล็กน้อย
“หัวหน้าเจียง!”
เมื่อเขาเข้าไปในตำหนักเจ้าเมือง เจียงอี้ก็ได้ยินคนตะโกนคารวะเขาอีกครั้ง เจียงอี้เหลือบมองเขาและพยักหน้าเล็กน้อย พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุน และหัวหน้าทุกคนมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนเป็นลูกน้องของตัวเองซึ่งพวกนั้นจึงต้อนรับเขา
เฉียนว่านก้วนหายใจถี่ขึ้นอีกเล็กน้อย ร่างอ้วนๆของเขาก็สั่นเทานิดหน่อย เขาได้ปรับแต่งชิ้นส่วนรูปแบบเต๋าวิญญาณและมาถึงขอบเขตจินกังแล้ว ดังนั้นเขาจึงตรวจจับความสามารถของคนเหล่านี้ได้ การที่มีนักสู้ระดับขอบเขตเทียนจุนหลายสิบคนให้การต้อนรับพวกเขาอย่างอบอุ่น มันก็ดีมากแล้วที่ขาของเขาไม่สั่น
“ฮึฮึ!”
เจียงอี้สัมผัสได้ถึงความตึงเครียดที่เฉียนว่านก้วนมีอยู่ เขาจึงยิ้มเบาๆและจับไหล่เฉียนว่านก้วนและเดินไปข้างหน้า ร่างของเจ้าอ้วนเฉียนแข็งทื่อ เขาสัมผัสได้ถึงสายตาที่จ้องมองมาที่เขาและอยากจะร้องไห้ออกมาโดยไม่มีเหตุผล แต่เขาก็ค่อยๆหายใจปกติและสงบลงพร้อมกับยืดหลังตรงและเดินไปพร้อมกับเจียงอี้
ในตอนนี้ เจ้าอ้วนเฉียนรู้สึกมีอำนาจมากกว่าที่เคย การที่เจียงอี้อ้าแขนมายังเขา มันก็มีความหมายชัดเจนนั่นคือ ‘เจ้าเป็นพี่น้องข้า และข้าจะคุ้มครองเจ้าเสมอ’ มันจึงทำให้เฉียนว่านก้วนไม่รู้สึกเกรงกลัวในตอนนี้
พวกเขาเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมร้อยบุปผาด้วยกัน มีผู้คนอยู่มากมาย แม้แต่พี่ตงที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในข้อพิพาทระหว่างหัวหน้าก็ยังปรากฏตัวขึ้น มีเพียงแต่เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเท่านั้นที่ไม่ได้มาที่นี่
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟึ่บ!
ทุกคนที่อยู่ข้างในยืนขึ้นทันที แม้แต่หัวหน้าเหลิ่งที่นั่งอยู่ตรงกลางก็ยืนขึ้นแต่ใบหน้าของเขาไม่ได้ยิ้มแย้ม ส่วนหัวหน้าหลี่ก็กล่าวด้วยรอยยิ้มมาแต่ไกล “หัวหน้าเจียง เจ้ามาช้านัก เจ้าควรดื่มไวน์สามแก้วเพื่อถือเป็นการลงโทษแล้วล่ะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เจียงอี้หัวเราะออกมาและเหลือบมองไปยังหัวหน้าทั้งหลายและผู้ใต้บัญชาทั้งหมด เขาป้องกำปั้นและกล่าวว่า “ทุกคน ข้าต้องขออภัยที่ทำให้รอเพราะข้าต้องใช้เวลารักษาบาดแผลที่หัวหน้าเหลิ่งสู้กับข้า โอ้ ข้าขอแนะนำพี่น้องข้า เฉียนว่านก้วน ให้พวกท่านได้รู้จัก”
ในใจของเฉียนว่านก้วนรู้สึกประหม่าเป็นอย่างมาก แต่ภายนอกเขาดูสงบนิ่ง เขาป้องมือให้ทุกคนและพูดว่า “คารวะหัวหน้าทุกท่าน”
หนิวเติงมองชายวัยกลางคนที่นั่งเป็นที่นั่งที่สองถัดมาทางด้านซ้ายและกระซิบกับเจียงอี้ “หัวหน้าเจียง นั่นคือพี่ตง”
“คารวะพี่ตง!” เจียงอี้ยิ้มและป้องกำปั้น “ข้าได้ยินเรื่องของพี่ตงมามากมาย และตั้งตารอพบท่านมานานแล้ว”
ชายวัยกลางคนยิ้มจางๆและป้องกำปั้นของเขาพร้อมพูดว่า “หัวหน้าเจียงถ่อมตัวเกินไปแล้ว ข้าเองก็เลื่อมใสหัวหน้าเจียงมากเช่นกัน”.ไอรีนโนเวล.
เจียงอี้เดินตรงไปยังที่นั่งหลักตรงกลางพร้อมกับเฉียนว่านก้วนและนั่งลงไป ส่วนเฉียนว่านก้วนไม่กล้านั่งแต่เจียงอี้ชี้ไปยังที่นั่งข้างๆเขาเพื่อให้เฉียนว่านก้วนนั่งลง
หนิวเติงโบกมือของเขาและสาวใช้หลายคนก็มาพร้อมกับไวน์ชั้นดีและอาหารเลิศรส เจียงอี้ถือแก้วไวน์ขึ้นมาและหัวเราะเสียงดัง “ขอบคุณทุกท่านที่มาพบข้า มา แก้วแรกสำหรับทุกท่านที่อยู่ที่นี่!”
งานเลี้ยงในวันนี้ค่อนข้างเป็นทางการ ดังนั้นจึงไม่มีโสเภณีอยู่รอบๆและมีเพียงหญิงสาวที่มาร้องเล่นดนตรีอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น ห้องโถงนั้นกว้างขวางมาก หนิวเติงวางพื้นเวทีทองไว้ตรงกลางและโต๊ะทองสองแถวที่ด้านข้าง ด้านหลังยังมีโต๊ะไม้สี่เหลี่ยมอีกมากมาย ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนมากกว่าครึ่งของเมืองมาที่นี่และเมื่อเจียงอี้พูดจบ ทุกคนก็ยกแก้วไวน์ดื่ม และเมื่อคนของเจียงอี้ก็ตะโกนออกมา บรรยากาศก็กลับมาครื้นเครงทันที
“แก้วที่สอง!”
หลังจากเติมแก้วอีกครั้ง เจียงอี้ก็มองไปยังหัวหน้าเหลิ่งและกล่าวอย่างนอบน้อมว่า “ขอบคุณหัวหน้าเหลิ่งที่ไว้ชีวิตข้า ข้าหวังว่าท่านจะต้องออมมือให้ข้าหน่อยแล้วล่ะ”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เคยบูดบึ้งของหัวหน้าเหลิ่งทันที เจียงอี้แสดงความเคารพต่อเขามากพอ ในตอนแรกเขาคิดว่าเจียงอี้จะหักหน้าเขาในงานเลี้ยงวันนี้และไม่เคยคิดว่าเจียงอี้จะประพฤติตัวดีตั้งแต่เริ่มงานเลี้ยง
เขาจึงลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วและพูดว่า “หัวหน้าเจียงถ่อมตัวเกินไปแล้ว หัวหน้าเจียงแข็งแกร่งนักและยังมีความสามารถพิเศษ เจ้าจะขึ้นไปอยู่ที่จุดสูงสุดในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าอย่างแน่นอน ข้าน่าจะเป็นคนขอให้หัวหน้าเจียงออมมือให้ข้าแทนแล้วล่ะ”
“หัวหน้าเหลิ่ง อย่ายอข้าเกินไปเลย”
เจียงอี้ยิ้มแย้มด้วยความอ่อนน้อม เขายกไวน์ขึ้นอีกครั้งและมองไปยังหัวหน้าหลี่และคนอื่นๆ จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังและกล่าวว่า “แก้วที่สาม เพื่อหัวหน้าหลี่, หัวหน้าอิง, พี่ตง, หัวหน้าเฮยและพี่หู่ หากข้าทำสิ่งใดผิดพลาดไปในภายภาคหน้า ข้าขออภัยและน้อมรับคำชี้แนะจากทุกท่าน…”
ทุกคนลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะยิ้มออกมาแต่ลึกๆแล้วทุกคนต่างบ่นอุบในใจ ใครจะกล้าชี้แนะหัวหน้าเจียงกัน? สุดท้ายแล้วเกิดอะไรขึ้นกับหัวหน้าเหลิ่งและหัวหน้าเหิงที่พยายามจะสั่งสอนเขา? แต่แน่นอนว่าเนื่องจากเจียงอี้ถ่อมตนแบบนี้ มันจึงทำให้คนอื่นๆรู้สึกว่าพวกเขายังได้รับความเคารพเป็นอย่างมากและเป็นศัตรูกับเจียงอี้น้อยลง
หลังจากดื่มไปไม่กี่แก้ว บรรยากาศก็ดีขึ้นมาก เจียงอี้จึงนำเรื่องสำคัญขึ้นมากล่าว เขากระแอมเบาๆเพื่อเรียกความสนใจของทุกคน จากนั้นเขาก็พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “หลังจากที่ข้ากลับมา บางสิ่งก็เกิดขึ้นกับข้าและข้าอยากจะปรึกษาเรื่องนี้กับทุกท่าน น่าเสียดายที่พี่ป้าเตา, หัวหน้าหลงและหัวหน้าเหิงได้เสียชีวิตไป และเหลือตำแหน่งว่างอยู่พร้อมกับลูกน้องอีกหลายคนที่ยังไม่มีผู้นำ แม้ว่าหลายคนจะบอกว่าอยากติดตามข้า แต่ข้ายังเด็กนักและบางคนก็อาจจะยังไม่มั่นใจในตัวข้า ดังนั้นข้าจึงปฏิเสธผู้คนไปหลายคน ข้าขอคนเพียงแค่พันคนและภูเขาอัสนีเพียงลูกเดียว ส่วนที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับทุกท่าน พวกท่านว่าดีหรือไม่?”
“เอ่อ…”
หลังจากที่เจียงอี้พูดจบ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็กระซิบกระซาบกันด้วยความประหลาดใจ หัวหน้าเหลิ่งและคนอื่นๆเองก็ตะลึงเช่นกัน
เจียงอี้ช่างใจกว้างนัก?!
หลังจากที่ได้รับชัยชนะครั้งใหญ่ เขาไม่ได้ฉวยโอกาสที่จะคุมอาณาเขตเพิ่ม แต่กลับริเริ่มที่จะแบ่งปันแทน ป้าเตา, หัวหน้าหลงและหัวหน้าเหิงมีลูกน้องราวๆเจ็ดพันคนและหินอัสนีที่พวกเขาได้ในแต่ละเดือนไม่ใช่น้อยๆ แม้ว่าเจียงอี้จะเก็บทุกอย่างเอาไว้เองทั้งหมดก็ไม่มีผู้ใดกล้าคัดค้าน
หัวหน้าหลี่, หัวหน้าอิงและคนอื่นๆต่างมองหน้ากัน พวกเขาดูอ่อนโยนมากกว่าเดิมเมื่อพวกเขาหันไปมองเจียงอี้อีกครั้ง เมื่อเจียงอี้มีความสามารถและมีความเคารพ ใครจะไม่ชอบรุ่นน้องเช่นเขาบ้าง?
หัวหน้าหลี่กล่าวขึ้นมาทันที “หัวหน้าเจียงเข้าใจผิดแล้ว เจ้ามีอำนาจมากและทุกคนก็เห็นในความบริสุทธิ์ของเจ้า หากผู้เฒ่าอย่างเราๆมั่นใจในตัวเจ้า ใครกันที่จะกล้าเห็นต่าง? ในความเห็นของข้า เจ้าควรมีลูกน้องอย่างน้อยห้าพันคนเพราะคนที่เก่งกว่าควรจะได้รับรางวัลมากกว่า พวกเราเองก็แก่แล้วและคงรับคนมากมายไม่ไหวหรอก….”
หัวหน้าอิงพูดเสริมอย่างรวดเร็ว “ใช่แล้ว ใช่แล้ว หัวหน้าเจียงเป็นที่ประจักษ์ทั้งการมีคุณธรรมและความสามารถ อย่าว่าแต่คนนับพันเลย แม้แต่หมื่นคนก็ยังไหว”
เมื่อเจียงอี้เห็นว่าเสือยิ้มกำลังจะพูดอีก เขาก็โบกมือทันทีและพูดว่า “ทุกคน อย่ากล่าวอะไรมากไปกว่านี้อีกเลย ข้าได้ตัดสินใจไปแล้ว ข้าต้องการคนเพียงแค่พันคนและภูเขาอัสนีหนึ่งลูก และข้าไม่ต้องการจะรับคนอื่นอีก พวกท่านสามารถตัดสินใจและหาทางออกกันได้ เอาล่ะ ไว้เราคุยกันเรื่องนี้ภายหลังแล้วมาดื่มกันเถอะ”
“ชนแก้ว!”
หัวหน้าหลี่และคนอื่นๆยกแก้วของพวกเขาขึ้นมา แม้แต่หัวหน้าเหลิ่งเองก็ยังยิ้มออกมา เจียงอี้แบ่งผลประโยชน์ให้กับทุกๆคน และทุกคนก็จะได้ส่วนแบ่งซึ่งมันทำให้พวกเขามีความสุขนัก บรรยากาศในงานเลี้ยงเองก็ดูมีชีวิตชีวามากขึ้นและลงรอยกันมากขึ้น