เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 696 เจ้าเมืองอัสนีฟ้ากระจ่าง
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 696 เจ้าเมืองอัสนีฟ้ากระจ่าง
ในเช้าวันถัดมา เจียงอี้ไปเยี่ยมเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานและมอบของขวัญให้มากมาย จากนั้นเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานก็เลี้ยงอาหารเจียงอี้และพาเขาไปยังตำหนักเจ้าเมือง
พวกเขาเดินไปด้วยกันโดยไม่มีผู้ติดตาม และเมื่อมีคนวิ่งมาทางเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน พวกเขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะทักทายนางแต่ก็รอให้นางเดินผ่านไปก่อน
“พี่ใหญ่ ทำไมผู้คนถึงไม่ทักทายเจ้ากัน?” เจียงอี้ถามอย่างสงสัย
นางยิ้มอย่างแผ่วเบาและตอบว่า “ก่อนหน้านี้ข้าสั่งไม่ให้พวกเขาทักทายข้า หากผู้ใดกล้าพูดอะไรก่อนที่ข้าจะพูด ข้าจะตัดลิ้นของพวกนั้นซะ”
“เอ่อ….”
เจียงอี้ยกนิ้วให้นาง “พี่ใหญ่ยอดเยี่ยมนัก แต่ก็นะ…การที่คนอื่นเรียกเราทุกวันมันค่อนข้างแสบหูอยู่ทีเดียว”
นางยิ้มจางๆและหยุดพูดพร้อมกับเดินไปยังตำหนักเจ้าเมืองกับเจียงอี้ หลังจากที่เข้าไปแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้หยุดและรีบเดินขึ้นไปที่ชั้นสอง คราวนี้เจียงอี้ไม่ได้เดินข้างนางแต่อยู่ด้านหลังนางแทน เขาจ้องมองก้นอันอวบอั๋นของนางที่ส่ายไปมา
“ระวังข้าจะควักลูกตาเจ้าออกมาล่ะ”
นางสัมผัสได้ถึงสายตาที่จ้องเขม็งข้างหลังนางโดยที่ไม่จำเป็นต้องหันกลับมามอง ดังนั้นนางจึงส่งข้อความเสียงให้เขาและเจียงอี้ก็หัวเราะคิกคักและหยุดแอบมองบั้นท้ายนาง เขาหัวเราะและส่งข้อความเสียงกลับไปว่า “พี่ใหญ่ เจ้าช่างงดงามเสียจริง”
“สอพลอนัก!”
นางส่งเสียงกลับมา และเมื่อพวกเขาไปถึงชั้นสอง ทหารที่เฝ้าประตูก็ป้องกำปั้นและทักทายเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน “อรุณสวัสดิ์เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน”
ทหารทั้งสองนิ่งไปชั่วขณะและป้องกำปั้นให้เจียงอี้ที่อยู่ด้านหลัง “อรุณสวัสดิ์หัวหน้าเจียง!”
เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานพนักหน้า ส่วนเจียงอี้พูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรพร้อมยิ้มกว้าง “ข้ารบกวนพวกเจ้าทั้งสองแล้ว”
มันเป็นครั้งที่สามของเจียงอี้ที่จะขึ้นมาที่ชั้นสองของเมืองอัสนีฟ้ากระจ่าง เจียงอี้รู้สึกว่ามันต่างกว่าครั้งก่อนๆเพราะอย่างน้อยเขาก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นและไม่ต้องกังวลเรื่องหินอัสนีอีกต่อไป
เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเดินตรงไปยังห้องโถงกลาง เมื่อนางไปถึงห้องโถงกลางที่อยู่ห่างจากประตูทางเข้ามากที่สุด นางก็เคาะประตูแล้วพูดว่า “ป้าลู่, ฉี่หลิงขอพบท่าน”
“เข้ามา!”
เสียงที่ไม่แยแสดังมาจากห้องโถงกลาง ประตูสาดแสงสีดำและเปิดออกเอง จากนั้น เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานก็มองเจียงอี้และส่งข้อความเสียงว่า “เมื่อเข้าไปในนั้นแล้วก็เคารพนางด้วย จำเรื่องที่ข้าบอกเมื่อเช้าไว้ด้วยล่ะ”
เจียงอี้พยักหน้าและเดินตามเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเข้าไปข้างใน โถงกลางนั้นหรูหรามากและตบแต่งไปด้วยเครื่องเรือนที่หรูหรา และยังมีหน้าต่างด้วย หญิงชราผมหงอกกำลังนั่งอ่านตำราอยู่บนเก้าอี้ตรงหน้าหน้าต่าง นางไม่ได้พูดอะไรเมื่อเห็นพวกเขาเข้ามาแต่เพียงแค่เหลือบตามองเท่านั้น
“ป้าลู่!”
เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานพูดไปตามธรรมเนียม นางเดินไปด้านหลังหญิงชราด้วยรอยยิ้มและเริ่มนวดไหล่ให้หญิงชรา ส่วนเจียงอี้ก็คำนับและพูดว่า “หมาป่าเดียวดายคารวะท่านเจ้าเมือง”
“เงยหน้าขึ้นเถอะ”
หญิงชรายังคงมีเสียงที่เย็นชา นางยื่นตำราให้เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานและมองไปที่เจียงอี้พร้อมพูดว่า “หัวหน้าเจียง ทำไมเจ้าถึงมายังเผ่าฟ้าประทาน?”
เจียงอี้ตอบว่า “แม่นาง ข้ามาที่นี่เพราะข้าทำให้นายน้อยตระกูลเสียขุ่นเคืองและไม่มีทางเลือกอื่นน่ะขอรับ”
“เสียเฟย?” หญิงชราพยักหน้าและถามด้วยความสงสัย “เสียเฟยเป็นนายน้อยที่มีอำนาจมากที่สุดในตระกูลเสียไม่ใช่รึ? แต่เจ้าก็ยังรอดมาได้แม้ว่าจะทำให้เขาขุ่นเคือง เจ้าก็ค่อนข้างแข็งแกร่งมากอยู่นะ”
เจียงอี้สั่นเทาเล็กน้อย เจ้าเมืองแห่งเกาะอัสนีฟ้ากระจ่างเคยได้ยินแม้กระทั่งเรื่องของเสียเฟยด้วย?! แต่เขาก็เข้าใจได้เมื่อเขาตระหนักได้ว่าเก้าตระกูลจักรพรรดิและสิบสามตระกูลแห่งเกาะบาปนี้เป็นศัตรูตัวฉกาจกัน
เจียงอี้ยิ้มอย่างขมขื่นและกล่าวว่า “ข้าเพียงโชคดี ข้าเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆในสายตาของสมาชิกตระกูลเสียและไม่คู่ควรกับการที่พวกเขาจะใส่ใจเท่าใดนักขอรับ”
“ข้าเข้าใจแล้ว!”
หญิงชราไม่ได้ถามเรื่องนี้ต่อ ในความเห็นของนาง เสียเฟยไม่สร้างปัญหาให้ทั้งตระกูลอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นเจียงอี้ก็คงจะตายไปนานแล้ว
นางหยุดนิ่งและขมวดคิ้ว แสงที่เย็นเยียบส่องประกายในดวงตาของนาง กลิ่นอายของนางแผ่ออกมาและถามว่า “หัวหน้าเจียง เจ้าสังหารป้าเตาและหัวหน้าหลงได้อย่างไรกันแน่ และเจ้าเอาชนะหัวหน้าเหลิ่งได้เช่นไร? ตามที่ข้าจะบอกได้คือ…เจ้าอยู่ขอบเขตจินกังใช่ไหมล่ะ? ข้าได้ยินมาว่าเจ้ามีเปลวเพลิงอัสนี?”
ใจของเจียงอี้สั่นไหวอีกครั้ง เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานหลับตาลงและดูเหมือนว่านางเองก็ไม่กล้าพูด นี่คือเกาะอัสนีฟ้ากระจ่างซึ่งมันเป็นสถานที่ที่สำคัญมากของตระกูลลู่ที่จะเก็บเกี่ยวความมั่งคั่งของตัวเอง มันคงไม่เป็นอะไรที่เจียงอี้ไม่กลัวเปลวเพลิงอัสนี แต่มันจะไม่ดีเอามากๆหากเขาเก็บเปลวเพลิงอัสนีได้ หรือหากเขาทำลายค่ายกลกกอัสนีบนเกาะไปล่ะ? ตระกูลลู่ก็คงประสบกับความสูญเสียเป็นอย่างมาก
เจียงอี้เข้าใจเรื่องนี้ดี เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานพูดถึงเรื่องนี้อ้อมๆระหว่างทานอาหารกับเจียงอี้เมื่อครู่นี้ไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงคิดบทพูดขึ้นมาในใจแล้ว เจียงอี้ป้องกำปั้นของเขาและกล่าวว่า “แม่นาง ข้าไม่ได้มีเปลวเพลิงอัสนี แต่มันเป็นเปลวเพลิงที่พิเศษมาก ข้าได้ฝึกฝนรูปแบบเต๋าอัคคีและเข้าถึงทักษะอัคคีธาตุที่ล้ำลึกได้ขอรับ”
“โอ้? ไม่ใช่เปลวเพลิงอัสนี?” หญิงชราเยาะเย้ยและพูดอย่างเย้ยหยันว่า “เช่นนั้นก็ปล่อยมันออกมาให้ข้าดูหน่อยสิ”
เจียงอี้ถามด้วยความประหลาดใจ “ที่นี่หรือขอรับ?”
“ฮึฮึ!”.ไอลีนโนเวล.
หญิงชรายิ้มอย่างทะนงตัวและพูดว่า “เจ้ากลัวจะแผดเผาข้าจนตายรึ? ปล่อยออกมาเท่าที่เจ้าพอใจเถอะ”
เจียงอี้โบกมือและพูดอย่างยึกยัก “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้นขอรับ เปลวเพลิงนั้นร้อนมาก ข้ากลัวว่ามันจะทำลายข้าวของในห้องนี้ไปขอรับ…”
“จะมีปัญหาอะไรล่ะ?”
หญิงชรายิ้มเยาะ แสงสีดำวาบผ่านมือของนางซึ่งถูกรวมเป็นก้อนกลมๆคล้ายฟองสบู่ขณะที่นางยังปล่อยแสงสีดำออกไปเรื่อยๆ ก้อนนั้นใหญ่ขึ้นจนเมื่อมันใหญ่เท่าคน นางก็ผลักให้เจียงอี้เข้าไปอยู่ในนั้น
บรึฟ!
โล่พลังสีดำกึ่งโปร่งแสงปรากฏขึ้นรอบๆร่างของเจียงอี้และเสียงของหญิงชราก็ดังขึ้น “ปล่อยมันออกมาได้เลย!”
“เช่นนั้นก็ได้ขอรับ!”
เจียงอี้กัดฟันและหยิบดาบมังกรเพลิงออกมา ไข่มุกวิญญาณเพลิงส่องประกายแต่เขาไม่ได้ปล่อยเปลวเพลิงอัสนีออกมาแต่เป็นเปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์แทน อย่างไรก็ตาม เขาปล่อยเปลวเพลิงออกมาอย่างชาญฉลาด เขาเทเปลวเพลิงเข้าไปในดาบมังกรเพลิงก่อนและให้ไฟพุ่งพล่านออกมาจากดาบ จากนั้นอุณหภูมิก็สูงขึ้นในทันใด
จี๊! จี๊!
โล่สีดำกึ่งโปร่งแสงรอบตัวเจียงอี้ส่องประกายแต่มันไม่แตกออกมา เจียงอี้กัดฟันของเขาและหมุนเวียนเศษเปลวเพลิงอัสนีออกมาจากไข่มุกวิญญาณเพลิงที่อยู่บนดาบมังกรเพลิง ดังนั้นเมื่อเปลวเพลิงอัสนีปรากฏออกมา มันก็ดูเหมือนว่ามันออกมาจากดาบเช่นเดียวกับเปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์
บรึฟ!
แสงโล่สีดำยิ่งสว่างขึ้นซึ่งทำให้หญิงชราหน้าซีดเผือดไปขณะที่นางรีบส่งข้อความเสียงตะโกนออกมา “พอแล้ว!”
เจียงอี้ไม่ได้ปล่อยเปลวเพลิงอัสนีออกมามากมายตั้งแต่แรก เมื่อเขาได้ยินหญิงชราบอกเขา ไข่มุกวิญญาณเพลิงก็นำเปลวเพลิงอัสนีและเปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์กลับเข้าไปโดยอัตโนมัติ โล่สีดำเองก็สลายไปเช่นกันซึ่งมันทำให้ความร้อนปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง
โชคดีที่เจียงอี้เก็บเปลวเพลิงอัสนีและเปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์กลับไป เพราะแม้ว่าอุณหภูมิมันจะสูง แต่มันก็ยังไม่ถึงจุดที่จะลุกเป็นไฟไปหมด แต่ถึงกระนั้น ทั้งหญิงชราและเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานก็ยังรู้สึกหายใจลำบาก
หญิงชราพยักหน้าและพูดว่า “มันไม่ใช่เปลวเพลิงอัสนีจริงๆและยังร้อนกว่าเปลวเพลิงอัสนีมากนัก หัวหน้าเจียง เจ้าจงฝึกฝนและพัฒนาแก่นแท้พลังของเจ้าต่อไปเถอะ เจ้าจะมีอนาคตที่สดใสเมื่อเจ้าไปถึงขอบเขตเทียนจุนในภายภาคหน้าและถ้าจะเข้าร่วมกับตระกูลลู่ของเรา ข้าจะเป็นผู้ตัดสินให้เจ้าเข้ามาได้”
เจียงอี้แอบดีใจอยู่ลับๆเพราะหญิงชราไม่เห็นอุบายของเขาว่าอันที่จริงแล้วมันคือเปลวเพลิงอัสนีที่ถูกปรับแต่งแล้ว เขาคำนับอย่างรวดเร็วและพูดว่า “ขอบคุณท่านเจ้าเมืองมากขอรับ”
“เอาล่ะ”
หญิงชราโบกมือและพูดว่า “เจ้าจงจำไว้แค่เพียงอย่างเดียวว่าเจ้าจะไม่มีวันทำลายภูเขาอัสนี ไม่เช่นนั้น แม้ว่าฉี่หลิงจะมาอ้อนวอนแทนเจ้า ข้าก็จะไม่ไว้ชีวิตเจ้า เจ้ากลับไปเถอะ ฉี่หลิง เจ้าอยู่คุยกับข้าก่อน”
“เจียงอี้จะจดจำเอาไว้อย่างดีขอรับ”
เจียงอี้ป้องกำปั้นของเขาและขอตัวออกมา ทันทีที่เขาก้าวออกจากประตูมา เขาก็ผ่อนคลายลง เขาผ่านด่านเจ้าเมืองและในที่สุดก็อยู่ในเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างอย่างปลอดภัยแล้ว ด้วยการมีสัมพันธ์กับเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน จะไม่มีใครคุกคามเขาในเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างได้
เขาจะหมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝน สะสมแต้มความดีความชอบและเข้าถึงรูปแบบเต๋า เมื่อเขาได้แต้มความดีความชอบมามากพอ เขาก็จะไปยังเกาะเทพประทานและจะฝึกฝนต่อไปให้ถึงระดับหนึ่งและออกไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาเพื่อช่วยซูรั่วเสวี่ยให้ได้
“พักผ่อนสักพักก่อนแล้วกันและใช้เวลากับเสี่ยวนู๋, เฟิ่งเอ๋อร์และชิงหยีก่อนแล้วข้าค่อยไปยังภูเขาอัสนี!”
ขณะที่เจียงอี้เดินออกจากตำหนักเจ้าเมืองไป เขาก็เริ่มคิดว่าแผนต่อไปของเขาคืออะไร หลังจากที่เขาออกมาแล้ว เขาก็มองท้องฟ้าทางตะวันออกพร้อมกับขมวดคิ้วพึมพำ “ไม่รู้ว่าข้าจะจับร่องรอยของรูปแบบเต๋าแปลกๆนั่นและเข้าถึงมันได้หรือเปล่า…..”
….