เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 697 ความลับอันน่าตกตะลึง
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 697 ความลับอันน่าตกตะลึง
ในวันต่อมา หัวหน้าหลี่ก็พาเจียงอี้ไปเยียมเยียนผู้บัญชาการทั้งสิบตามลำดับ เจียงอี้พาเฉียนว่านก้วนไปด้วยทุกที่และเจ้าอ้วนเรียนรู้อย่างรวดเร็วและในไม่กี่ครั้งเขาก็ไม่ตื่นตระหนกอีกต่อไป มันยังดูเหมือนว่าเขาเป็นลูกพี่ด้วยซ้ำ เขาประพฤติตัวอย่างเหมาะสม ซึ่งแม้แต่เจียงอี้เองก็ยังทำตัวไม่ผ่อนคลายเช่นเขาเลย
เจ้าเมืองอนุญาตพวกเขาแล้ว และผู้บัญชาการทั้งสิบก็ให้การต้อนรับเจียงอี้อย่างอบอุ่นหลังจากที่ได้รับของบรรณาการจากเจียงอี้ไปมากมาย พวกเขาเป็นคนตระกูลลู่ซึ่งตระกูลลู่มีกฏเกณฑ์ที่เข้มงวดมาก แต่ถ้าน้ำใสเกินไป ปลาก็ไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ มันเป็นเช่นนี้ในทุกๆที่ ผู้บัญชาการเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะอาศัยเงินเดือนจากตระกูลลู่เท่านั้น แต่พวกเขาไม่สามารถปล้นทรัพย์สินของผู้อื่นได้ในที่สาธารณะ ดังนั้น สินบนจากเหล่าหัวหน้าจึงเป็นแหล่งรายได้หลักของพวกเขา ความจริงที่ว่ามีหัวหน้าสิบคนในเมืองนั่นก็เป็นผลมาจากพวกเขา
เจียงอี้ตระหนักว่าเฉียนว่านก้วนเป็นอัจฉริยะจริงๆ อย่างน้อยก็ในด้านการค้าและการจัดการ เจ้าอ้วนเฉียนเริ่มครอบครองการค้าของตระกูลเฉียนได้ในหลายๆอาณาจักรเมื่อตอนที่เขามีอายุเพียงสิบสี่ปีเท่านั้น
เมื่อมันอยู่ในการดูแลของเฉียนว่านก้วน มันก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลมากนัก ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนทั้งสิบคนและคนอีกหนึ่งพันคนได้รับคำสั่งให้เชื่อฟังเฉียนว่านก้วน แม้แต่หนิวเติงและหนิวว่างเองก็ยังรับว่าเฉียนว่านก้วนเก่งมาก เขาใช้ประโยชน์จากอิทธิพลของเจียงอี้เพื่อทำให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนอ่อนข้อลงบ้าง
เนื่องจากเจียงอี้มอบทุกอย่างให้เฉียนว่านก้วนจัดการ มันก็คือการที่เจียงอี้เชื่อใจเขาอย่างเต็มที่ แต่เจียงอี้ก็ได้บอกถึงสถานการณ์ของเขาให้เฉียนว่านก้วนฟังแล้ว และเขาก็เชื่อว่าเฉียนว่านก้วนจะไม่ทำร้ายเขาหรือก่อปัญหาไปทั่ว ส่วนเรื่องวิธีที่เฉียนว่านก้วนจะจัดการยังไงนั้นมันเป็นเรื่องของเฉียนว่านก้วนเองแล้ว
เจียงอี้ใช้เวลาอยู่กับเฟิ่งหลวน, ชิงหยีและเจียงเสี่ยวนู๋ทุกวัน เขาพาพวกนางไปยังตำหนักเจ้าเมืองและซื้อของเล็กๆน้อยๆ, พาพวกนางไปยังร้านอาหารดีๆและไปดูการแสดงละครที่เป็นเอกลักษณ์ในเผ่าเทพประทานอย่างสนุกสนาน เขามอบสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงให้พวกนางตามลำดับ เขามอบชุดเกราะวายุภักษ์ของหัวหน้าหลงให้เสี่ยวนู๋, มอบสิ่งประดิษฐ์เหนืออิทธิฤทธิ์-ดาบยาวให้เฉียนว่านก้วน ส่วนหยุนเฟยและจ้านอู๋ซวงก็ได้ของขวัญไปเช่นกัน
มีของดีอยู่มากมายในแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ของหัวหน้าหลงและป้าเตา เขายังแอบเอาแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณของพี่เหิงกลับมาด้วย ไม่เพียงแต่จะมีแค่หินอัสนีและศิลาสวรรค์มากมายเท่านั้น แต่มันยังมีสมบัติอยู่มากมายอีกด้วย เจียงอี้ไม่เคยตระหนี่ในเรื่องสมบัติเลย เขาจะให้คนเหล่านี้หากสมบัติเหล่านั้นเหมาะสมกับพวกเขา
ในยามกลางคืน เจียงอี้แอบเข้าไปในลานบ้านของเฟิ่งหลวนและชิงหยีและเพลิดเพลินกับพวกนาง เขาตัดสินใจจะเข้าสู่สันดษภายในอีกไม่กี่วันซึ่งเฟิ่งหลวนและชิงหยีตามเขาเข้าไปในนั้นไม่ได้และจะต้องอยู่ในเมือง เขาจึงต้องทำให้พวกนางพึงพอใจในตอนนี้เพื่อไม่ให้พวกนางคิดถึงเขามากนัก
ไม่กี่วันต่อมา เขาก็พาพวกนางไปเยี่ยมเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่ครั้ง พวกนางก็ไปกับเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานและทิ้งเขาเอาไว้
ครึ่งเดือนต่อมา…!
ทุกอย่างราบรื่นดี คนของหัวหน้าทั้งสามเองก็ถูกแบ่งพรรคไปโดยหัวหน้าเหลิ่งและคนอื่นๆ หัวหน้าเหลิ่ง, หัวหน้าหลี่และกลุ่มของพวกเขาเป็นมิตรกับเจียงอี้มากขึ้น อย่างน้อย พวกเขาก็ไม่คิดจะสร้างเรื่องยุ่งยากให้กับเจียงอี้อีกต่อไป
เจียงอี้ตัดสินใจที่จะเริ่มเข้าสู่สันโดษเช่นกัน แต่เขาไม่ได้เลือกอยู่ในเมืองแต่กลับเป็นที่ที่ใกล้กับภูเขาอัสนีแทน! Aileen-novel
เขาจำเป็นต้องฝึกฝนแก่นแท้พลังในราชวังจักรพรรดิ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถฝึกฝนในเมืองได้ นอกจากนี้ เขาต้องการที่จะเข้าถึงรูปแบบเต๋าที่ภูเขาอัสนีด้วย ดังนั้นการบ่มเพาะพลังใกล้ๆภูเขาอัสนีจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว
“นายน้อย ข้าจะไปกับท่านด้วย”
หลังจากที่เจียงอี้บอกทุกคนเกี่ยวกับการตัดสินใจของเขา เจียงเสี่ยวนู๋ก็พูดขึ้นมา นางดูมุ่งมั่นมาก เจียงอี้จึงขมวดคิ้วแล้วถามนางว่า “เสี่ยวนู๋ เจ้าบ่มเพาะพลังอยู่ในเมืองไม่ได้หรือ?”
เสี่ยวนู๋ส่ายหัวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่ได้บ่มเพาะแก่นแท้พลัง แต่ข้าก็ยังต้องใช้แก่นพลังฟ้าดิน ในราชวังจักรพรรดินั้นรวดเร็วกว่าสิบเท่า ดังนั้นข้าจะฝึกฝนได้เร็วขึ้นมาก นอกจากนี้ ข้าก็จะได้คอยดูแลนายน้อยได้ด้วยไงเจ้าคะ”
“ก็ได้!”
เจียงอี้สนิทสนมกับเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานอยู่ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะมีใครมาสังหารเขา เขาไม่ได้กังวลว่าจะมีอันตรายขึ้น ดังนั้นเขาก็เลยพยักหน้าตกลงและพาเจียงเสี่ยวนู๋กับเหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนออกจากเมือง
“หัวหน้าเจียง!”
เมื่อพวกเขาไปถึงภูเขาอัสนี จอมยุทธทุกคนที่อยู่รอบๆภูเขาอัสนีเพื่อรอหินอัสนีตกลงมาก็หันมาคำนับและทักทายเขา เจียงอี้พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ข้ามภูเขาอัสนีไปยังสันเขาอัสนีพร้อมกับคนอื่นๆ
“หนิวเติง”
เจียงอี้เหลือบมองหนิวเติงและสั่งว่า “ให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนสองคนเฝ้าระวังอยู่นอกราชวังจักรพรรดิในตอนกลางวัน ส่วนตอนกลางคืนไม่เป็นไร เมื่อมีใครเข้ามาใกล้ๆ จงทำลายเครื่องรางหยกนี่ทันที”
แสงสีขาวสว่างวาบบนมือของเจียงอี้และราชวังจักรพรรดิก็ปรากฏขึ้นและใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ มันลอยอยู่กลางอากาศขณะที่เขาและเสี่ยวนู๋หายเข้าไปในราชวังจักรพรรดิทันที
หนิวเติงให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนทั้งสองอยู่คุ้มกันใกล้ๆและกลับไปกับคนที่เหลือ ส่วนเจียงอี้และเสี่ยวนู๋ก็เริ่มนั่งขัดสมาธิในราชวังจักรพรรดิและเข้าสู่สันโดษกัน
เหล่าจอมยุทธที่อยู่รอบๆภูเขาอัสนีที่เห็นราชวังหยกขาวลอยอยู่บนฟ้า พวกเขาก็ต่างมองไปด้วยความสงสัยแต่ไม่มีใครกล้าจ้องมองหรือเข้าใกล้มันอีกต่อไป หัวหน้าเจียงผู้นี้เป็นเทพสังหาร หากพวกเขาทำอะไรให้เขาขุ่นเคือง พวกเขาก็คงจะมีจุดจบเช่นหัวหน้าทั้งสามที่ตายไปเช่นกัน
เจียงอี้เริ่มนั่งขัดสมาธิและฝึกฝนแก่นแท้พลังของเขาอย่างรวดเร็ว ร่างที่สมบูรณ์แบบของเขากับราชวังจักรพรรดิทำให้ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของเขาเพิ่มขึ้นร้อยเท่า แก่นแท้พลังพุ่งเข้าสู่ร่างกายของเขาราวกับกระแสน้ำหลาก มันเข้าสู่ตันเทียนหลังจากที่ไหลผ่านร่างกายของเขาและปรากฏขึ้นในดาวทรงกลมดวงที่สี่
“ความเร็วในการบ่มเพาะพลังนั้นเร็วนัก น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถไปที่เกาะเทพประทานได้ ไม่เช่นนั้นข้าคงบ่มเพาะพลังได้เร็วกว่านี้!”
เจียงอี้ถอนหายใจ ด้วยความเร็วเช่นนั้น มันอาจใช้เวลาเพียงครึ่งปีกว่าที่ดาวดวงที่สี่จะเต็ม เมื่อถึงเวลานั้น แก่นแท้พลังของเขาน่าจะแข็งแกร่งพอๆกับผู้เชี่ยวชาญชอบเชตจินกังขั้นสูงสุด
“หลังจากที่ดาวดวงที่สี่ปฏิรูปแล้ว แก่นแท้ของข้าจะเทียบได้กับขอบเขตจินกังขั้นสูงสุด แล้วดวงที่ห้า ดวงที่หก….หรือดวงที่เก้า แก่นพลังของข้าจะอยู่ระดับใดกัน….? มันจะใกล้เคียงกับเทพไหมนะ? หรือจะสูงกว่านั้น?”
เพียงแค่คิดเจียงอี้ก็รู้สึกตื่นเต้นแล้ว เมื่อแก่นแท้พลังของเขาแข็งแกร่งมากพอและทะลวงขอบเขตเทียนจุนได้แล้ว คงไม่มีผู้เชี่ยวชาญธรรมดาๆคนใดที่จะทลายโล่ศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้
“เกาะเทพประทาน! ข้าจะต้องหาทางเข้าสู่เกาะเทพประทานเพื่อฝึกฝนที่นั่นให้จงได้!”
เขาหยุดคิดเรื่องนี้และเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์และเริ่มบ่มเพาะพลังพร้อมกับเข้าถึงศาสตร์เวทย์ไปในเวลาเดียวกัน
วันนั้นได้ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนทั้งสองคนพากันกลับเข้าเมืองไปและในไม่ช้า เจียงอี้ก็ออกมาจากราชวังจักรพรรดิ ในยามกลางคืน เปลวเพลิงอัสนีจะลอยไปมาทุกที่ แม้ว่าเขาจะไม่กลัวเปลวเพลิงอัสนี แต่อาคมยับยั้งของราชวังจักรพรรดิจะได้รับความเสียหายอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงต้องออกมาอยู่ข้างนอกเพื่อป้องกันราชวังจักรพรรดิ
แน่นอนว่า…..
เขาออกมาเพื่อสิ่งที่สำคัญกว่านั้น เขากำลังจะเริ่มจับร่องรอยของรูปแบบเต๋าในภูเขาอัสนีต่อ เขามีความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ว่า เมื่อเขาพบร่องรอยของรูปแบบเต๋านี้ได้แล้ว เขาจะต้องมีพลังมหาศาลอย่างแน่นอน
“ภูเขาอัสนีซ่อนความลับอันน่าตกตะลึงอะไรเอาไว้ที่นี่กันแน่นะ?”
เขามองภูเขาอัสนีสิบลูกที่อยู่ไกลลิบออกไปและบ่นพึมพำพร้อมกับค่อยๆหลับตาลง