เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 698 กลับไปนำคนมา!
การทำความเข้าใจในครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อนอย่างสิ้นเชิง!
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเจียงอี้กลั่นหินอัสนีไปมากมายหรืออะไร แต่เมื่อคราวนี้เขาเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ เขาก็รู้สึกว่าร่องรอยของรูปแบบเต๋านั้นชัดเจนขึ้นมาก
เขาอาจยังไม่เห็นหรือรู้สึกถึงมันได้ แต่เขารู้สึกแจ่มแจ้งมากขึ้นจริงๆ เจียงอี้ไม่ได้รีบร้อนกับเรื่องนี้ เขาสงบสติอารมณ์และค่อยๆสัมผัสถึงมันอย่างระมัดระวังทีละน้อย
ภูเขาอัสนี!
นี่คือแก่นของเกาะอัสนีฟ้ากระจ่าง มันคือแก่นหลักของค่ายกลกักอัสนี ทำไมภูเขาอัสนีจึงดูดซับสายฟ้าได้? แล้วทำไมมันถึงผลิตหินอัสนีได้? ทำไมมันถึงผลิตเปลวเพลิงอัสนีได้? ทุกสิ่งนี้คือความลับ
ไม่รู้ว่าภูเขาอัสนีแห่งนี้อยู่มานานแค่ไหนแล้ว มันถูกสายฟ้าฟาดลงมาหลายปีแล้วและยังคงแข็งแกร่งอยู่ ไม่จำเป็นต้องบอกก็พอจะรู้ว่ามีรูปแบบเต๋าที่ทรงพลังอย่างยิ่งบรรจุอยู่ในภูเขาอัสนี และเจียงอี้ไม่จำเป็นต้องเข้าใจรูปแบบเต๋าอันทรงพลังนี้อย่างสมบูรณ์ก็ได้ เพียงแค่เขาเข้าใจมันเล็กน้อยก็จะเป็นประโยชน์ต่อเขาแล้ว อย่างน้อยๆเขาก็คงเข้าถึงรูปแบบเต๋าอัสนีระดับต่ำได้
คืนนี้เป็นค่ำคืนที่มืดมิดและยาวนานมาก แต่มันจะรู้สึกสั้นมากสำหรับผู้ที่กำลังบ่มเพาะพลังอยู่
ในยามรุ่งสาง เจียงอี้ก็ลืมตาขึ้นมาอย่างหมดหนทาง รูปแบบเต๋านี้เข้าใจยากจริงๆ แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าเขาเข้าใกล้มากแล้ว แต่มันก็มักจะขาดแรงผลักดันสุดท้ายอยู่เสมอ เป็นค่ำคืนที่ผ่านไปโดยไร้ซึ่งความสำเร็จใดๆ
เปลวเพลิงอัสนีค่อยๆกลับเข้าไปในสันเขาอัสนีอย่างรวดเร็ว มีหินอัสนีมากมายอยู่บนพื้นซึ่งส่องประกายด้วยแสงสีฟ้า เจียงอี้ไม่ได้เข้าไปเก็บพวกมันอีกแล้ว เพราะเขาเป็นหัวหน้าแล้วและมันมีกฎเกณฑ์ในการรวบรวมหินอัสนีอยู่ มันจึงไม่สมควรที่เขาจะเข้าไปเก็บมันอีก
เมื่อเจียงอี้รู้สึกว่าผู้คนกำลังมา เขาก็นำราชวังจักรพรรดิออกมาและเข้าไปในนั้นทันที
เจียงเสี่ยวนู๋นั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่และกำลังฝึกฝนอยู่ ร่างทั้งร่างของนางถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีเขียวอ่อนขณะที่ใบหน้าเล็กๆที่มีเสน่ห์ของนางก็สว่างขึ้นด้วยแสงสีเขียวซึ่งมันทำให้งดงามและมีเสน่ห์ เจียงอี้มองไปที่เสี่ยวนู๋ด้วยความเอ็นดูและนั่งขัดสมาธิข้างๆนางเพื่อบ่มเพาะพลังของเขาและเข้าถึงศาสตร์เวทย์ต่อไป
เจียงอี้จะเข้าไปอยู่ในราชวังจักรพรรดิในตอนกลางวันและออกมาเพื่อหาร่องรอยของรูปแบบเต๋าในยามกลางคืนเช่นนี้ทุกวัน
เวลาได้ผ่านพ้นไปราวกับสายน้ำ หนึ่งเดือนได้ผ่านพ้นไปในพริบตา
เจียงอี้ยังคงอยู่แถวๆภูเขาอัสนีและไม่ได้กลับเข้าไปในเมืองเลย เฉียนว่านก้วนมารายงานเขาครั้งหนึ่งขณะที่ชิงหยีและเฟิ่งหลวนก็มาเยี่ยมเขาครั้งหนึ่งเช่นกัน เมื่อทั้งคู่มาหาเจียงอี้ พวกนางก็ได้รับความสุขสมอย่างลึกซึ้งภายในราชวังจักรพรรดิและกลับออกไปพร้อมกับความพึงพอใจ
เมืองยังคงสงบสุขเป็นอย่างมากและสิ่งเดียวที่ควรค่าที่จะกล่าวถึงคือจำนวนผู้มาใหม่ในเมืองเพิ่มขึ้น เป็นที่ลือกันว่า ลูกหลานของสองตระกูลจากเมืองมังกรขาวเกิดข้อพิพาทกัน จนพวกเขาอัดอั้นไว้ไม่ไหวและเริ่มต่อสู้กันในเมือง
ประมุขตระกูลลู่โกรธเคืองเป็นอย่างมากและได้ประหารประมุขทั้งสองตระกูลนั้นไปและสมาชิกในตระกูลทั้งหลายก็ถูกจับไปเป็นทาสในเมืองต่างๆเป็นเวลาสิบปี ไอรีนโนเวล
นอกจากนี้ ยังมีกองโจรภูเขาที่บังเอิญปล้นกลุ่มพ่อค้าตระกูลลู่ แม้ว่าจะสูญเสียไม่มาก แต่ตระกูลลู่ก็เป็นหนึ่งในผู้ปกครองของเผ่าเทพประทานและอำนาจของพวกเขาจะถูกทำลายลงได้อย่างไรกัน? ท้ายที่สุดแล้ว หัวหน้ากองโจรทั้งสามก็ถูกสังหารตายจนหมดในขณะที่โจรภูเขาสี่ถึงห้าหมื่นคนถูกจับกุมและกลายเป็นทาสร่วมสามสิบปี
เจียงอี้ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้มากนักเพราะมันเป็นเรื่องดีที่มีคนเข้ามาใหม่ เมื่อมีเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานและคนอื่นๆอยู่ที่นั่น พวกผู้ที่มาใหม่เหล่านั้นคงทำเรื่องราวใหญ่โตไม่ได้ แม้ว่าพวกเขาจะก่อความวุ่นวาย มันก็เป็นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น และสุดท้ายพวกเขาก็จะต้องเข้าร่วมกับกองกำลังต่างๆอย่างเชื่อฟัง ไม่เช่นนั้นก็คงมีแต่ความตายเท่านั้นที่รอพวกเขาอยู่
ตามที่เจียงอี้คาดไว้ เมื่อกลุ่มคนจากทั้งสองตระกูลและสมาชิกกองโจรภูเขาเข้ามาในเมือง พวกเขาต้องการจะคว้าตำแหน่งหัวหน้าที่ว่างอยู่สองตำแหน่งกันมาก ซึ่งหัวหน้าเหลิ่งและคนอื่นๆย่อมไม่ยอมให้พวกเขาเฉิดฉายขึ้นมาง่ายๆ
ดังนั้น ในช่วงนี้จึงเกิดการสู้รบกันนอกเมืองทุกวัน หัวหน้าหลี่, หัวหน้าเฮย, หัวหน้าอิงและคนอื่นๆทั้งหมดผลัดกันต่อสู้และได้กดความจองหองของทั้งสองตระกูลไป มีเพียงหัวหน้ากลุ่มโจรภูเขาเท่านั้นที่ยังต่อต้านและยังต้องการที่จะขึ้นเป็นหัวหน้า
กิจการในเมืองมีหัวหน้าเหลิ่งและคนอื่นๆที่คอยจัดการและหากเกิดปัญหาขึ้น ก็ยังมีเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานอยู่ ตราบใดที่การต่อสู้มันยังมาไม่ถึงเจียงอี้ เขาก็ไม่สนใจเรื่องนี้ นอกจากฝึกฝนบ่มเพาะพลัง เขาก็จะคอยเข้าถึงรูปแบบเต๋าในทุกๆวันอย่างค่อนข้างไร้กังวล
สองวันต่อมา….!
ขณะที่เจียงอี้กำลังบ่มเพาะแก่นแท้พลังของเขา เขาก็รู้สึกเหมือนว่าร่างกายสั่นและหยกขาวของเขาก็แตกเป็นเสี่ยงๆ เขาออกจากสภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์และมองไปข้างนอกด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาและส่งข้อความถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุน “เกิดอะไรขึ้น?”
“หัวหน้าเจียง!”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนป้องกำปั้นและตอบว่า “หัวหน้ากลุ่มโจรภูเขา ปู้เหอ ต้องการจะขอพบท่าน เขากล่าวว่าเขาต้องการทำข้อตกลงกับท่านขอรับ”
“ข้อตกลง?”
เจียงอี้เลิกคิ้วขึ้นมาขณะที่เขาส่งข้อความเสียง “ให้เขาไปหาหัวหน้าเฉียน คราวหน้าถ้าเป็นเรื่องเช่นนี้ให้ไปหาหัวหน้าเฉียนและอย่ารบกวนข้านอกจากจะจำเป็นเท่านั้น”
“ขอรับ!”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนที่อยู่ด้านนอกรับคำสั่งของเขาและบินออกไปขณะที่เจียงอี้ถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์และกำลังจะฝึกฝนต่อ แต่ไม่ถึงหนึ่งนาทีต่อมา ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนก็กลับมาและรายงานเจียงอี้อย่างไร้หนทาง “หัวหน้าเจียง ปู้เหอยืนกรานที่จะพบท่านและตอนนี้เขากำลังนำคนของเขามาใกล้ๆภูเขาอัสนี เขาบอกว่าเรามีคนไม่มากและเราควรจะแบ่งอาณาเขตกับเขาครึ่งหนึ่งขอรับ”
“หืม?”
ดวงตาของเจียงอี้เต็มไปด้วยความเยือกเย็นขณะที่เขาโกรธมาก เจียงอี้ออกมาจากราชวังจักรพรรดิและถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “พวกนั้นมีกันกี่คน? ความแข็งแกร่งของพวกเขาล่ะ?”
“พวกเขามีคนค่อนข้างมากขอรับ….”
ผู้ใต้บัญชาขอบเขตเทียนจุนรายงานต่อ “เดิมทีพวกเขามีขอบเขตเทียนจุนอยู่ราวๆหกสิบคนและตกตายไปในการต่อสู้กับคนของหัวหน้าหลี่และพี่ตงขอรับ ตอนนี้พวกเขาเหลือขอบเขตเทียนจุนอยู่ประมาณสี่สิบคนและมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังเกือบหมื่นคน ปู้เหออยู่ขอบเขตเทียนจุนระดับกลางขอรับ! แต่หัวหน้าเจียง…..เรื่องนี้ค่อนข้างแปลกๆนะขอรับ”
“มันแปลกจริงๆแหละ ต้องมีใครบางคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”
เจียงอี้เย้ยหยันออกมา หัวหน้าเหลิ่งและหัวหน้าหลี่จะต้องข้องใจอยู่ แต่เมื่อพวกเขาทั้งสองไม่กล้ายั่วยุอย่างเปิดเผย พวกเขาจึงวางแผนยุยงปู้เหอให้มาแย่งชิงดินแดนของเจียงอี้ไป จากนั้นพวกเขาก็จะคอยดูอย่างปลอดภัยและเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ในภายหลังขณะที่กองกำลังของเจียงอี้และปู้เหอจะต้องทนทุกข์ทรมาน
“กลับไปนำคนมา!”
เจียงอี้โบกมือและพูดว่า “พาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนมาที่นี่และใช้ป้ายของข้าไปพบเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานและขอให้นางนำผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนมาที่นี่ด้วย เมื่อเจ้าปู้เหอผู้นี้ไม่มีไหวพริบเอาเสียเลย เช่นนั้นข้าก็จะทำให้เขาเข้าใจจนถึงกระดูกเลย”
อีกฝ่ายมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนสี่สิบคนและขอบเขตเทียนจุนระดับกลางเพียงคนเดียว ซึ่งมันไม่ได้เป็นเรื่องยากเย็นอะไรต่อเจียงอี้ เดิมทีเขาสามารถปราบคนเหล่านี้ได้เองทั้งหมด แต่ถ้าหากหัวหน้าออกมาสู้เลย เขาก็คงจะเสียหน้าไปบ้าง
เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเป็นบุคคลอันดับหนึ่งในเมืองและมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนมากที่สุด นางมีคนเหล่านี้มากกว่าหกสิบคน และนางก็ไม่ได้ต้องการลูกน้องมากไปกว่านี้ ไม่เช่นนั้นหัวหน้าเหลิ่งและคนอื่นๆคงไม่มีวันเกณฑ์ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนมากมายขนาดนี้ หลังจากที่รวมผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนของเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานและของเจียงอี้แล้ว ก็จะมีคนราวๆร้อยคนซึ่งนั่นก็เพียงพอที่จะบดขยี้โจรภูเขาเหล่านี้ได้
ดวงตาของผู้ใต้บัญชาขอบเขตเทียนจุนเป็นประกายขณะที่บินไปอย่างรวดเร็ว จอมยุทธมักจะเลือดร้อนและปรารถนาการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่เสมอ นอกจากนี้ หลังจากชัยชนะในทุกๆครั้งก็จะมีการริบของมากมายนับไม่ถ้วน กองโจรภูเขาเหล่านี้เคยเป็นกองทหารขนาดใหญ่ในแถบทะเลนี้ไม่ใช่หรือ? นั่นก็หมายความว่าพวกนั้นร่ำรวย