เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 701 สร้างตัวอีกครั้ง
ปู้เหอคิดที่จะบีบลูกพลับนิ่มๆนี้จริง แต่เจียงอี้มีคนมากเกินไป นอกจากนี้ยังไม่มีทางให้ยอมจำนนได้ด้วย เขาทำได้เพียงแค่ต้องไล่ล่าหัวหน้าของทุกๆคนก่อนลูกน้องคนอื่นๆ ซึ่งมันคือการสังหารหรือไม่ก็จับตัวเจียงอี้เอาไว้ มันเป็นวิธีเดียวที่เขาจะรอดไปได้
แต่กลับกลายเป็นว่าลูกพลับนิ่มๆนี้กลับแข็งแกร่งกว่าผู้ใดอย่างแท้จริง ก่อนหน้านี้พวกเขาอยู่ห่างจากเจียงอี้หลายกิโลเมตรและกำลังจะเข้าโจมตี แต่เจียงอี้ก็ย้ายร่างฉับพลันมาและทันทีที่พวกเขารู้ว่าเจียงอี้ปรากฏตัวที่ด้านซ้ายบนพวกเขา เปลวเพลิงอัสนีก็ถูกปลดปล่อยออกมาแล้ว
คลื่นความร้อนปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าซึ่งมันทำให้ทุกคนรู้สึกถึงอันตรายร้ายแรง และเมื่อเจออันตรายที่คืบคลานเข้ามาทุกสรรพสิ่งที่มีปัญญาทั้งหมดจะพากันหนีโดยสัญชาตญาณ แต่อย่างไรก็ตาม อุณหภูมินั้นสูงเกินไป ก่อนที่พวกเขาจะหนีไปได้ทัน มันก็ปกคลุมพวกเขาไปแล้ว
“อ๊ากกก!”
โล่ศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าขอบเขตเทียนจุนที่อ่อนแอกว่าปู้เหอแตกสลายไปทันที จากนั้นร่างของพวกเขาก็ลุกเป็นไฟ มีเพียงปู้เหอเท่านั้นที่หนีไปได้หลายสิบเมตร แต่สุดท้ายโล่ศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็แตกสลายตามไปพร้อมกับโหยหวนออกมาอย่างขมขื่น ร่างของปู้เหอเริ่มลุกเป็นไฟและดิ้นพล่านอยู่บนฟ้าพร้อมกับเสียงโหยหวนของเขา
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็เงียบสงัด
ในตอนนี้ ทั้งคนที่อยู่ตรงภูเขาอัสนีที่ไกลออกไป, ลูกน้องของเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน, ลูกน้องของเจียงอี้ที่อยู่ที่นี่และลูกน้องที่เหลือของปู้เหอต่างก็รู้สึกเหมือนจิตใจสั่นสะท้านไปกันหมด
นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงอี้ปล่อยเปลวเพลิงอัสนีออกมาต่อหน้าทุกคน มีเพียงหนิวเติงและกลุ่มของเขาเท่านั้นที่เคยเห็นมันมาก่อน แต่พวกเขาก็ยังหวาดผวาอยู่ดี
ฟรึ่บ! ฟรั่บ!
ผู้คนที่อยู่ใกล้ๆต่างก็พากันดึงสติและรีบหนีไปด้วยความตกใจ ไม่เช่นนั้นโล่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาเองก็คงจะแตกสลายไปเช่นกัน พวกเขาทั้งหมดมองไปที่เจียงอี้ด้วยความหวาดกลัวและไม่มีใครกล้าขุ่นเคืองกับเขาเลย
ร่างของเจียงอี้เปล่งประกายและเก็บเปลวเพลิงอัสนีที่อยู่กลางอากาศกลับมาทั้งหมด ในเวลาเดียวกันเขาก็เก็บง้าวและแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณของปู้เหอไปด้วยและบินกลับไปยังราชวังจักรพรรดิ เขาโบกมือของเขาขณะที่ทิ้งคำพูดเอาไว้ “สังหารพวกมันให้หมด อย่าให้พวกมันรอดไปได้แม้แต่คนเดียว หนิวเติง เก็บกวาดสนามรบด้วย หยางตง ข้าฝากขอบคุณเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานแทนข้าด้วยนะ!”
คนของฝั่งปู้เหอเหลือน้อยแล้วและเจียงอี้ไม่ได้อยากจะเข้าร่วมการต่อสู้ต่อไปแล้วเนื่องจากผลของมันชัดเจนอยู่แล้ว
“หัวหน้าเจียง พักผ่อนเถิดขอรับ…ฆ่า!”
หนิวเติงและคนอื่นๆตะโกนออกมาก่อนที่จะพุ่งปะทะคนเหล่านั้นขณะที่เริ่มสังหารและทำลายผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนที่เหลืออยู่ เขาเผาศพของพวกนั้นทั้งหมดหลังจากที่เก็บแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณของพวกเขามาแล้ว
ไม่ใช่เพราะเขาอยากจะริบซากที่เหลือจากสงคราม แต่ความหมายของคำพูดที่เจียงอี้จะสื่อนั้นชัดเจนมาก พวกเขาต้องแจกจ่ายของที่ริบมาได้จากสงครามอย่างเท่าเทียมกัน ไม่เพียงแค่ฝ่ายของเขาเท่านั้นแต่ยังมีฝั่งคนของเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานที่ต้องมีส่วนได้ด้วย
ก่อนหน้านี้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนกว่าสี่สิบคนเป็นโจรภูเขาเลื่องชื่อในแถบหมู่เกาะมังกรขาว ในแหวนเหล่านั้นจึงมีสมบัติอยู่มากมายและหนิวเติงก็แจกจ่ายพวกมันให้ทุกๆคน ทำให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนฝั่งหยางตงได้รับสมบัติกันไปพอสมควรและกลับไปที่เมืองด้วยความเบิกบาน
หนิวเติงให้หนิวว่างนำคนกลับไปที่เมืองขณะที่เขาพาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนเจ็ดแปดคนไปยังราชวังจักรพรรดิที่อยู่หลังภูเขาอัสนี ตามที่หนิวเติงคาดเอาไว้ เจียงอี้ไม่ได้กลับเข้าไปฝึกฝนในราชวังจักรพรรดิ แต่เขานั่งอยู่ใกล้ๆและกำลังรอหนิวเติงอยู่
“หัวหน้าเจียง ข้าแจกจ่ายทุกคนเรียบร้อยแล้วและแบ่งให้หยางตงและคนอื่นๆหกส่วนขอรับ!”
หนิวเติงขึ้นไปรายงานหลังจากที่ให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนเจ็ดแปดคนไปรอข้างๆ เจียงอี้พยักหน้าและไม่ได้มีความขุ่นข้องในเรื่องนี้เลย ในทางกลับกัน เจียงอี้ขมวดคิ้วและพูดว่า “หนิวเติง เมื่อเจ้ากลับไปแล้ว ช่วยบอกหัวหน้าเฉียนและนายหญิงเฟิ่งว่าข้าอยากจะรับผู้ใต้บัญชาเพิ่มเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง ลองถามความเห็นของพวกเขาดู”
“ขอรับ!”
ดวงตาของหนิวเติงส่องประกาย เดิมทีเจียงอี้นั้นทำตัวไม่สูงส่งเกินไป เขาไม่ได้ต้องการที่จะรับสมัครผู้ใต้บัญชามากเกินไปและหนิวเติงต้องการเกลี้ยกล่อมให้เจียงอี้ทำเช่นนี้ แต่ตอนนี้เจียงอี้พูดมันออกมาเอง มันจึงเป็นเรื่องปกติที่หนิวเติงจะตื่นเต้น ยิ่งมีคนมากเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งมีอิทธิพลมากขึ้นเท่านั้น
หลังจากที่หนิวเติงจากไปแล้ว เจียงอี้ก็ยังไม่ได้เข้าไปในราชวังจักรพรรดิ เขานั่งอยู่บนก้อนหินและเริ่มนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย
เขาค้นพบปัญหาหลังจากการต่อสู้ครั้งนี้แล้ว หัวหน้าเหลิ่งและคนอื่นๆจะไม่เปิดใจหรือเป็นพันธมิตรกับเขาและทั้งตัวเขาเองก็ไม่ต้องการติดต่อกับหัวหน้าเหลิ่งและคนอื่นๆเกินไปด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้ มันจึงไม่จำเป็นจะต้องนิ่งเฉยหรืออดกลั้นอีกต่อไป เขาได้สร้างตัวเองขึ้นในเมืองแล้วและมีเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานคอยสนับสนุนเขาอยู่ หลังจากจบการต่อสู้ครั้งนี้ เขาก็จะมีอิทธิพลเพิ่มมากขึ้น แล้วเมื่อถึงตอนนั้นยังจะมีอะไรให้เขากลัวอีก?
ในยามนี้ มีคนใหม่ๆเข้ามาในเมืองจำนวนมาก พวกเขาทั้งหมดจะถูกหัวหน้าเหลิ่งรับเข้าไปหากเจียงอี้ไม่รับคนเพิ่ม และเมื่อเป็นเช่นนั้นอิทธิพลของพวกนั้นก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น หากเขาไม่สามารถปราบปรามคนเหล่านั้นไว้ได้หมด มันก็จะมีปัญหามากมายที่เขาจะต้องเผชิญในภายภาคหน้า
หลังจากที่เขาสังหารป้าเตา, หัวหน้าหลง, พี่เหิงและคนอื่นๆแล้ว เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานบอกเขาเอาไว้ว่าอย่ารับคนของพี่เหิงมา ซึ่งเขาก็เชื่อฟังและมีเหตุมีผลมาก อย่างไรก็ตาม หัวหน้าเหลิ่งและคนอื่นๆยังคงใช้กำลังคนของผู้อื่นมาสร้างความวุ่นวายอยู่ในความมืดอยู่ ไอรีนโนเวล
ในตอนนั้นเขาเพิ่งจะได้ตำแหน่งและคนของเขายังไม่ได้อุทิศตนให้เขา แต่ในตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว เขาได้การยอมรับจากเจ้าเมืองและผู้บัญชาการตระกูลลู่ก็อยู่ฝั่งเขาเช่นกัน มันถึงเวลาแล้วที่เขาจะขยายอิทธิพลของเขาเสียที
สองชั่วโมงต่อมา…..
หนิวเติงกลับมาและนำความเห็นของทั้งสองที่ต่างกันมาด้วย…เฉียนว่านก้วนเสนอให้ขยายอิทธิพลและสรรหาผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดที่เราจะหาได้ นอกจากนี้เขายังเสนอให้เลื่อนตำแหน่งหนิวเติงและหยางตงให้เป็นหัวหน้าอีกสองตำแหน่งที่ว่างอยู่ หลังจากนั้นพวกเขาจะได้ผนึกรวมกับเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเพื่อประกาศการปกครองยังเมืองอัสนีฟ้ากระจ่าง
ส่วนเฟิ่งหลวนฉลาดกว่า นางแนะนำให้ค่อยๆคัดเลือกผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนแต่ก็เพิ่มอิทธิพลของเราขึ้นเรื่อยๆ วิธีนี้จะไม่รุนแรงจนเกินไปในขณะที่หัวหน้าเหลิ่งและคนอื่นๆจะไม่มีปฏิกิริยามากเกินไป ผู้บัญชาการตระกูลลู่เองก็ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆเช่นกัน อย่างไรเสีย หัวหน้าเหลิ่งและผู้บัญชาการตระกูลลู่ก็รู้จักกันมาหลายปีแล้วซึ่งความสัมพันธ์ของพวกเขาก็คงจะพัฒนาไปไม่มากก็น้อยอยู่
“หัวหน้าเจียง เราควรทำเช่นไรดีขอรับ?”
ดวงตาของหนิวเติงเต็มไปด้วยความสับสนเช่นกัน มันคงจะดีมากหากเขาขึ้นเป็นหัวหน้าได้ ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าเป็นเพียงแค่หัวหน้าหุ่นเชิดแต่เขาก็ยังคงมีตำแหน่งหัวหน้า แต่เขาก็รู้ด้วยว่าถ้าจัดการเรื่องนี้ไม่ดี ผู้คนมากมายก็จะต้องตกตายไปเช่นกัน
เจียงอี้เริ่มนิ่งเงียบไป เขาคิดเรื่องนี้ชั่วโมงเต็มๆ ทันใดนั้น เขาก็ลุกขึ้นและนำราชวังจักรพรรดิกลับมาเก็บก่อนที่จะทะยานขึ้นไปบนฟ้าและบินไปยังเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างพร้อมกับตะโกนอย่างเย็นชาว่า “กลับเมืองกันก่อนเถอะ”
“ขอรับ!”
หนิวเติงพาคนอื่นๆทะยานขึ้นเช่นกันในขณะที่ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
มันเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้วที่เจียงอี้ยังคงทนอยู่เงียบๆนอกเมือง เห็นได้ชัดว่าดูเหมือนผู้คนในเมืองจะลืมไปว่าเขาโหดร้ายเพียงใด บางที เขาอาจจะต้องเผยเขี้ยวอันชั่วร้ายของเขาออกมาอีกครั้ง เขาต้องการให้ทุกคนที่กล้าสร้างปัญหาให้กับเขาได้รับผลจากการกระทำเหล่านั้นอย่างเจ็บแสบ
เจียงอี้กลับมาถึงเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างในเวลาไม่ถึงชั่วโมง เขาตรงกลับไปที่ลานบ้านทันที หลังจากที่ได้หารือกับเฉียนว่านก้วนและเฟิ่งหลวนอยู่พักหนึ่งแล้ว เขาก็ไปยังลานบ้านเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานคนเดียว และเขาก็ออกมาจากที่นั่นหลังจากที่ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น
เจียงอี้ไม่ได้ออกมาคนเดียว แต่เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานมากับเขาด้วย
ทั้งสองเข้าไปในตำหนักเจ้าเมืองและไปพบเจ้าเมือง พวกเขาพูดคุยกันเป็นชั่วโมง และหลังจากนั้นทั้งคู่ก็ไปเยี่ยมผู้บัญชาการทั้งหมด เจียงอี้ก็ให้หนิวเติงนำบัตรเชิญของเขาไปให้หัวหน้าคนอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีผู้นำกลุ่มใหม่อีกสามคน ปู้เหออาจถูกเจียงอี้สังหารไปแล้ว แต่ปู้เหอเองก็ยังมีผู้ติดตามเกือบหมื่นคนในเมืองซึ่งยังมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนอยู่อีกหลายคน
ในนั้นมีคำเชิญที่ไม่ได้ยาวมาก: จะมีงานเลี้ยงจัดขึ้นที่โรงเตี๊ยมรอยบุปผาในช่วงหนึ่งทุ่มถึงสามทุ่มตรง ผู้ที่ไม่มาร่วมงานจะต้องรับผลที่ตามมา