เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 703 สถานการณ์พลิกผัน
“ลงคะแนน?”
เจียงอี้กวาดตามองหนิวเติงก่อนที่จะถามว่า “ก่อนหน้านี้เคยมีกฎเช่นนี้ไหม?”
หนิวเติงยิ้มอย่างขมขื่นขณะที่เขาพยักหน้า “จริงขอรับ มีกฎเช่นนี้ในอดีต เมื่อใดก็ตามที่ผู้สืบทอดจะสืบต่อตำแหน่งหัวหน้า หัวหน้าคนอื่นๆจะต้องลงคะแนนเสียงให้เขา และเขาก็จะได้เลื่อนตำแหน่งก็ต่อเมื่อมีคะแนนเห็นชอบมากกว่าคะแนนที่ไม่เห็นชอบ”
“บ้าเอ้ย!”
เจียงอี้เลิกคิ้วขึ้นมาขณะที่เขาวางถ้วยชาลงอย่างแรง เขาตอบไปอย่างเย็นชาว่า “ตอนข้าเลื่อนตำแหน่ง ข้าก็ไม่เห็นต้องได้คะแนนเสียงไม่ใช่หรือ? ทุกคนอยากจะลงคะแนนเสียงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ขึ้นเป็นหัวหน้าได้?”
“เอ่อ?”
มุมปากของหัวหน้าอิงกระตุก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธขณะที่สาปแช่งอยู่ในใจว่า ก็เจ้าสังหารหัวหน้าไปสามคนแล้วยังปราบปรามหัวหน้าเหลิ่งได้อีก มันยังจะต้องลงคะแนนอะไรกันอีกล่ะ? ดูจากนิสัยเจ้าแล้ว..ถ้ามีใครต่อต้านเจ้า เจ้าก็คงจะสั่งสอนคนผู้นั้นแน่ๆ…
หัวหน้าคนอื่นๆเองก็สาปแช่งอยู่ในใจ แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาและเพียงแค่จ้องไปที่หัวหน้าอิงเท่านั้น ซึ่งความหมายเบื้องหลังสายตาเหล่านั้นชัดเจนมาก นั่นคือ เมื่อเจ้าเสนอให้ลงคะแนนเสียง เจ้าก็ควรจะเดินหน้าต่อไป….
“บ้าเอ้ย!”
เมื่อหัวหน้าอิงเห็นทุกคนจ้องมองมาที่เขา เขาก็รู้สึกหดหู่ใจจนอยากกระอักเลือกออกมาแต่เขาก็ทำได้เพียงกัดฟันและพูดว่า “หัวหน้าเจียง เจ้าสังหารป้าเตา, หัวหน้าหลง, พี่เหิงและคนอื่นๆไป เจ้าได้พิสูจน์ความแข็งแกร่งของเจ้าแล้ว นอกจากนี้ เจ้ายังเอาชนะหนิวเติงและคนอื่นๆด้วยเช่นกัน จึงไม่มีใครต้องลงคะแนนเสียงกัน ส่วนหยางตงเอง เขาอาจดูน่าเกรงขามแต่เขาไม่เคยสู้กับหัวหน้าคนใดมาก่อน หากตัดเรื่องที่เขาแข็งแกร่งกว่าหัวหน้าคนอื่นๆหรือเปล่าไป อย่างน้อยๆเขาก็ควรจะได้รับการยอมรับจากทุกคนด้วยใจจริงใช่ไหมล่ะ?”
“หืม?”
สีหน้าของหยางตงเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าหัวหน้าอิงพยายามจะบอกว่าความแข็งแกร่งของเขาไม่เพียงพอที่จะเอาชนะพวกเขาได้หรอก แต่อย่างไรก็ตาม หยางตงอยู่ขอบเขตเทียนจุนระดับกลาง และมันมีความเหลื่อมล้ำระหว่างเขากับหัวหน้าคนอื่นๆอยู่ แม้ว่าเขาจะสู้กับคนเหล่านั้นแบบตัวต่อตัว แต่เขาก็จะแพ้แน่นอนเช่นกัน
เจียงอี้โบกมือส่งสัญญาณให้หยางตงปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามนั้น จากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างเฉยเมย “ดี เช่นนั้นเราจะทำตามคำแนะนำของหัวหน้าอิง ตัดสินด้วยการลงคะแนนเสียง! ทุกคนสามารถเห็นด้วย, คัดค้าน หรือจะงดออกเสียงก็ได้ ข้าจะเป็นคนแรกที่ลงคะแนน ข้าเห็นด้วยกับการสนับสนุนหยางตง! พี่ตง แล้วท่านล่ะ?”
พี่ตงถูกเจียงอี้เรียกขึ้นมา กล้ามเนื้อที่ใบหน้าของเขากระตุกเมื่อเห็นว่าทุกคนจ้องมองมาที่เขา หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ตอบว่า “ข้าจะไม่เห็นด้วยหรือคัดค้าน ข้าของดออกเสียงแล้วกัน”
“ก็ได้!”
เจียงอี้หัวเราะออกมา “พี่ตงนั้นค่อนข้างเป็นคนดีนัก ไว้เราดื่มด้วยกันทีหลังนะ และพี่หู่ล่ะ?”
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟรึ่บ!
ทุกสายตาจับจ้องไปที่เสือยิ้มและเขายิ้มไม่ออกอีกต่อไป โดยเฉพาะสายตาที่เย็นชาของเจียงอี้นั้นมันทำให้เขารู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก เขากัดฟันพูดว่า “ข้าก็ของดออกเสียงเช่นกัน….”
มันค่อนข้างดีที่เจียงอี้เลือกลงคะแนนเป็นคนแรก พี่ตงนั้นไม่ชอบสงคราม แม้ว่าจิตใจของเขาจะยืนอยู่ข้างหัวหน้าเหลิ่ง แต่เขาก็ยังไม่กล้ารุกรานเจียงอี้และเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานในสถานการณ์แบบนี้ ส่วนเสือยิ้มเป็นคนสองหน้าและเขาจะไม่รุกรานผู้อื่นในที่สาธารณะ
ฮือฮา!
มีคนมากมายที่มายังโรงเตี๊ยมร้อยบุปผาในวันนี้และผู้ใต้บัญชาขอบเขตเทียนจุนทั้งหมดก็มาที่นี่ เมื่อทั้งคู่งดออกเสียงก็มีเสียงฮือฮาจากผู้คนมากมายทันที
กลิ่นอายสังหารส่องประกายขึ้นในดวงตาของเจียงอี้เมื่อเขาได้ยินเสียงโห่ร้องออกมา ทันใดนั้นเจียงอี้ก็กระแทกโต๊ะและตะโกนว่า “พวกเจ้าเอะอะอะไรกัน? ใครที่ยังจะเอะอะเสียงดังกันต่อก็ออกไปเดี๋ยวนี้!”
“…”
จู่ๆทุกคนที่อยู่ในนั้นก็เงียบกริบ เจียงอี้นั้นเลื่องชื่อในเรื่องที่เขาเป็นดั่งเทพสังหารมากนัก
เมื่อหัวหน้าเหลิ่งเห็นว่าสถานการณ์ค่อนข้างไม่ปกติ และหากเจียงอี้ยังคงกดดันพวกเขาทุกคนเช่นนี้ ทุกคนก็คงจะงดออกเสียงกัน ดังนั้นเขาจึงกระแอมเบาๆก่อนจะตอบว่า “ข้าขอคัดค้าน!”
หลังจากที่เขาพูดขึ้นมา เขาก็มองไปทางหัวหน้าอิง, หัวหน้าเฮย, หัวหน้าหลี่และคนอื่นๆ แต่เจียงอี้กลับหัวเราะออกมา “ดี ข้าชอบนิสัยของหัวหน้าเหลิ่งที่ชัดเจนว่าเขาชอบหรือไม่ชอบสิ่งใด เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานมักจะบอกข้าว่าในเมืองนี้นางไม่ได้ชื่นชมใครนอกจากหัวหน้าเหลิ่ง เอาล่ะ ต่อไป…หัวหน้าหลี่ แล้วท่านล่ะ?”
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟรึ่บ! ไอรีนโนเวล
สีหน้าของหัวหน้าทั้งหมดเปลี่ยนไป ดวงตาของหัวหน้าเหลิ่งยังคงเผยความหวาดกลัวอยู่ อันตรายที่แฝงอยู่ในประโยคของเจียงอี้นั้นรุนแรงเกินไป เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานชื่นชมหัวหน้าเหลิ่ง? มันไม่ได้หมายความว่าเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานกำลังจะมาพูดคุยกับเขาหรอกหรือ?
หัวหน้าหลี่กระพริบตาอยู่หลายครั้งขณะที่เขาสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะตอบอย่างหนักแน่นว่า “ข้าของดออกเสียงเช่นกัน”
เจียงอี้พยักหน้าเล็กน้อยซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าเขาพอใจกับคำตอบอย่างมาก เมื่อเขากวาดตามองหัวหน้าเฮย หัวหน้าเฮยก็ไม่รอให้เจียงอี้ถามและพูดขึ้นมาว่า “ข้าของด…”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ก่อนที่หัวหน้าเฮยจะพูดจบ ก็มีเสียงหัวเราะดังก้องมาจากด้านนอก ผู้บัญชาการสวมชุดเกราะสีขาวนำทหารหลายคนมาในแถวเดียวกัน เขาหัวเราะออกมาก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาถึงเสียอีก “หัวหน้าเหลิ่ง เจ้ากำลังดื่มอยู่ที่นี่หรือ? เจ้าทำลายแผนข้าไปเสียหมดเลย คืนนี้ข้าว่าจะชวนเจ้าไปดื่มกันเสียหน่อย”
ลู่ตี๋!
หนึ่งในสิบผู้บัญชาการในเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างและยังเป็นคนตระกูลลู่
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป เจียงอี้และหยางตงมองหน้ากันและดวงตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ นี่ผู้บัญชาการตระกูลลู่ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างเปิดเผยจริงๆหรือ? นอกจากนี้ ยังเห็นได้ชัดอีกว่าเขามาหนุนหลังให้หัวหน้าเหลิ่ง
ก่อนหน้านี้เจียงอี้ไปเยี่ยมลู่ตี๋มาก่อนแล้ว แต่ลู่ตี๋ก็รับเพียงของบรรณาการและพูดคุยกับเขาไม่กี่ประโยค และไม่ได้แสดงจุดยืนในเรื่องนี้เลย เจียงอี้คิดว่าอย่างมากลู่ตี๋คงมาแสดงออกอย่างคลุมเครือแม้เขาจะไม่เป็นกลางก็ตาม นึกไม่ถึงว่าเขาจะมาสนับสนุนหัวหน้าเหลิ่งอย่างเปิดเผยขนาดนี้เชียวหรือ?
ทันใดนั้น หัวหน้าเหลิ่งก็ยิ้มออกมาอย่างสดใสและลุกขึ้นยืนอย่างร่าเริง “พี่ตี๋ เป็นความผิดข้าเอง คราวหลังข้าจะไปขอขมาท่านแน่นอน ข้ายังมีไวน์ร้อยปีอยู่ด้วย เราค่อยไปดื่มด้วยกันคราวหลังดีไหม?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ลู่ตี๋หัวเราะออกมาเสียงดัง เขากวาดตามองไปยังทุกคน “เอ่อ…ทุกคนก็อยู่ที่นี่หมดเลย เหมือนว่าพวกเจ้ากำลังหารือเรื่องบางอย่างกันอยู่? เช่นนั้นพวกเจ้าก็คุยกันต่อเถอะ ข้าเพียงแค่ผ่านมาเท่านั้น หัวหน้าเหลิ่ง อย่าลืมไวน์ร้อยปีของเราล่ะ”
ลู่ตี๋หันกลับไปและนำคนของเขาออกไปกับเขาซึ่งมันทำให้ดวงตาของหัวหน้าเฮยเป็นประกายขณะที่เขาเก็บประโยคหลังไว้ก่อนที่จะกัดฟันพูดว่า “ข้าขอคัดค้าน!”
เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานน่ากลัวก็จริง แต่ลู่ตี๋คือใครกัน?
เขาเป็นหนึ่งในสิบผู้บัญชาการสูงสุดในเมืองและตอนนี้เขาประกาศอย่างเปิดเผยว่าเขายืนข้างไหน หัวหน้าเฮยนั้นทำได้เพียงสนับสนุนหัวหน้าเหลิ่งหากเขาไม่อยากตาย ตระกูลลู่เป็นผู้ปกครองที่แท้จริงในหมู่เกาะมังกรขาว พวกเขาตัดสินชีวิตและความตายของทุกคนได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่นางก็ยังคงเป็นทาส ในขณะที่ลู่ตี๋เป็นลูกหลานตระกูลลู่
ใจของเจียงอี้, หยางตงและหนิวเติงมืดมนในทันที พวกเขาถอนใจเบาๆ ตอนนี้ลู่ตี๋ปรากฏตัวขึ้นมาแล้วซึ่งมันไม่มีความหมายให้ลงคะแนนเสียงอีกต่อไปแล้ว และในตอนนี้มันก็ไม่มีประโยชน์แม้ว่าเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานจะปรากฏตัวขึ้นมาและลงคะแนนเสียง เพราะเมื่อลู่ตี๋ปรากฏตัวขึ้นมา พวกเขาก็พ่ายแพ้ไปแล้ว
ในบรรดาหัวหน้าแปดคน สามคนเลือกที่จะงดออกเสียง, หนึ่งคนเห็นด้วยและมีอีกสองคนที่คัดค้าน หัวหน้าอิงนั้นก็คงจะลงคะแนนให้ฝ่ายค้านเช่นกัน และเมื่อเจียงอี้บอกให้ใช้คะแนนเสียงกัน เช่นนั้นเขาก็คงจะกลับคำพูดไม่ได้
หัวหน้าอิงยืนขึ้นและกวาดตามองไปที่เจียงอี้และหยางตงอย่างล้อเลียน แต่เมื่อเขากำลังจะอ้าปากลงคะแนนเสียง ก็มีเสียงประกาศจากด้านนอกว่า “เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานมาแล้ว”
“เอ่อ…”
ในตอนนั้นที่ปากของหัวหน้าอิงกำลังจะอ้าออกมา เขาก็ปิดมันกลับไปทันที เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานไม่เคยมาร่วมงานในโอกาสเช่นนี้มาก่อน แต่นางกลับมาที่นี่จริงๆ? หัวหน้าเหลิ่ง หัวหน้าหลี่และคนอื่นๆต่างก็ชำเลืองมองกัน ในขณะที่สายตาของหัวหน้าเหลิ่งแสดงถึงความเยาะเย้ยและถากถาง
เขาส่งสายตาให้หัวหน้าอิงอย่างเงียบๆขณะที่ส่งข้อความมาว่า แม้ว่าในวันนี้เขาจะต้องทำให้เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานขุ่นเคือง แต่เขาจะต้องหยุดการเลื่อนตำแหน่งของหยางตงให้ได้ ตอนนี้ที่ลู่ตี๋แสดงจุดยืนของเขาแล้ว หากเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานยังกล้าใช้อิทธิพลของนางมากดขี่ผู้อื่น มันก็คงจะเป็นการตบหน้าลู่ตี๋ และนางก็คงไม่กล้าถึงเพียงนั้นหรอกใช่ไหม?
เจียงอี้กวาดตามองหนิวเติงก่อนที่จะถามว่า “ก่อนหน้านี้เคยมีกฎเช่นนี้ไหม?”
หนิวเติงยิ้มอย่างขมขื่นขณะที่เขาพยักหน้า “จริงขอรับ มีกฎเช่นนี้ในอดีต เมื่อใดก็ตามที่ผู้สืบทอดจะสืบต่อตำแหน่งหัวหน้า หัวหน้าคนอื่นๆจะต้องลงคะแนนเสียงให้เขา และเขาก็จะได้เลื่อนตำแหน่งก็ต่อเมื่อมีคะแนนเห็นชอบมากกว่าคะแนนที่ไม่เห็นชอบ”
“บ้าเอ้ย!”
เจียงอี้เลิกคิ้วขึ้นมาขณะที่เขาวางถ้วยชาลงอย่างแรง เขาตอบไปอย่างเย็นชาว่า “ตอนข้าเลื่อนตำแหน่ง ข้าก็ไม่เห็นต้องได้คะแนนเสียงไม่ใช่หรือ? ทุกคนอยากจะลงคะแนนเสียงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ขึ้นเป็นหัวหน้าได้?”
“เอ่อ?”
มุมปากของหัวหน้าอิงกระตุก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธขณะที่สาปแช่งอยู่ในใจว่า ก็เจ้าสังหารหัวหน้าไปสามคนแล้วยังปราบปรามหัวหน้าเหลิ่งได้อีก มันยังจะต้องลงคะแนนอะไรกันอีกล่ะ? ดูจากนิสัยเจ้าแล้ว..ถ้ามีใครต่อต้านเจ้า เจ้าก็คงจะสั่งสอนคนผู้นั้นแน่ๆ…
หัวหน้าคนอื่นๆเองก็สาปแช่งอยู่ในใจ แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาและเพียงแค่จ้องไปที่หัวหน้าอิงเท่านั้น ซึ่งความหมายเบื้องหลังสายตาเหล่านั้นชัดเจนมาก นั่นคือ เมื่อเจ้าเสนอให้ลงคะแนนเสียง เจ้าก็ควรจะเดินหน้าต่อไป….
“บ้าเอ้ย!”
เมื่อหัวหน้าอิงเห็นทุกคนจ้องมองมาที่เขา เขาก็รู้สึกหดหู่ใจจนอยากกระอักเลือกออกมาแต่เขาก็ทำได้เพียงกัดฟันและพูดว่า “หัวหน้าเจียง เจ้าสังหารป้าเตา, หัวหน้าหลง, พี่เหิงและคนอื่นๆไป เจ้าได้พิสูจน์ความแข็งแกร่งของเจ้าแล้ว นอกจากนี้ เจ้ายังเอาชนะหนิวเติงและคนอื่นๆด้วยเช่นกัน จึงไม่มีใครต้องลงคะแนนเสียงกัน ส่วนหยางตงเอง เขาอาจดูน่าเกรงขามแต่เขาไม่เคยสู้กับหัวหน้าคนใดมาก่อน หากตัดเรื่องที่เขาแข็งแกร่งกว่าหัวหน้าคนอื่นๆหรือเปล่าไป อย่างน้อยๆเขาก็ควรจะได้รับการยอมรับจากทุกคนด้วยใจจริงใช่ไหมล่ะ?”
“หืม?”
สีหน้าของหยางตงเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าหัวหน้าอิงพยายามจะบอกว่าความแข็งแกร่งของเขาไม่เพียงพอที่จะเอาชนะพวกเขาได้หรอก แต่อย่างไรก็ตาม หยางตงอยู่ขอบเขตเทียนจุนระดับกลาง และมันมีความเหลื่อมล้ำระหว่างเขากับหัวหน้าคนอื่นๆอยู่ แม้ว่าเขาจะสู้กับคนเหล่านั้นแบบตัวต่อตัว แต่เขาก็จะแพ้แน่นอนเช่นกัน
เจียงอี้โบกมือส่งสัญญาณให้หยางตงปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามนั้น จากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างเฉยเมย “ดี เช่นนั้นเราจะทำตามคำแนะนำของหัวหน้าอิง ตัดสินด้วยการลงคะแนนเสียง! ทุกคนสามารถเห็นด้วย, คัดค้าน หรือจะงดออกเสียงก็ได้ ข้าจะเป็นคนแรกที่ลงคะแนน ข้าเห็นด้วยกับการสนับสนุนหยางตง! พี่ตง แล้วท่านล่ะ?”
พี่ตงถูกเจียงอี้เรียกขึ้นมา กล้ามเนื้อที่ใบหน้าของเขากระตุกเมื่อเห็นว่าทุกคนจ้องมองมาที่เขา หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ตอบว่า “ข้าจะไม่เห็นด้วยหรือคัดค้าน ข้าของดออกเสียงแล้วกัน”
“ก็ได้!”
เจียงอี้หัวเราะออกมา “พี่ตงนั้นค่อนข้างเป็นคนดีนัก ไว้เราดื่มด้วยกันทีหลังนะ และพี่หู่ล่ะ?”
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟรึ่บ!
ทุกสายตาจับจ้องไปที่เสือยิ้มและเขายิ้มไม่ออกอีกต่อไป โดยเฉพาะสายตาที่เย็นชาของเจียงอี้นั้นมันทำให้เขารู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก เขากัดฟันพูดว่า “ข้าก็ของดออกเสียงเช่นกัน….”
มันค่อนข้างดีที่เจียงอี้เลือกลงคะแนนเป็นคนแรก พี่ตงนั้นไม่ชอบสงคราม แม้ว่าจิตใจของเขาจะยืนอยู่ข้างหัวหน้าเหลิ่ง แต่เขาก็ยังไม่กล้ารุกรานเจียงอี้และเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานในสถานการณ์แบบนี้ ส่วนเสือยิ้มเป็นคนสองหน้าและเขาจะไม่รุกรานผู้อื่นในที่สาธารณะ
ฮือฮา!
มีคนมากมายที่มายังโรงเตี๊ยมร้อยบุปผาในวันนี้และผู้ใต้บัญชาขอบเขตเทียนจุนทั้งหมดก็มาที่นี่ เมื่อทั้งคู่งดออกเสียงก็มีเสียงฮือฮาจากผู้คนมากมายทันที
กลิ่นอายสังหารส่องประกายขึ้นในดวงตาของเจียงอี้เมื่อเขาได้ยินเสียงโห่ร้องออกมา ทันใดนั้นเจียงอี้ก็กระแทกโต๊ะและตะโกนว่า “พวกเจ้าเอะอะอะไรกัน? ใครที่ยังจะเอะอะเสียงดังกันต่อก็ออกไปเดี๋ยวนี้!”
“…”
จู่ๆทุกคนที่อยู่ในนั้นก็เงียบกริบ เจียงอี้นั้นเลื่องชื่อในเรื่องที่เขาเป็นดั่งเทพสังหารมากนัก
เมื่อหัวหน้าเหลิ่งเห็นว่าสถานการณ์ค่อนข้างไม่ปกติ และหากเจียงอี้ยังคงกดดันพวกเขาทุกคนเช่นนี้ ทุกคนก็คงจะงดออกเสียงกัน ดังนั้นเขาจึงกระแอมเบาๆก่อนจะตอบว่า “ข้าขอคัดค้าน!”
หลังจากที่เขาพูดขึ้นมา เขาก็มองไปทางหัวหน้าอิง, หัวหน้าเฮย, หัวหน้าหลี่และคนอื่นๆ แต่เจียงอี้กลับหัวเราะออกมา “ดี ข้าชอบนิสัยของหัวหน้าเหลิ่งที่ชัดเจนว่าเขาชอบหรือไม่ชอบสิ่งใด เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานมักจะบอกข้าว่าในเมืองนี้นางไม่ได้ชื่นชมใครนอกจากหัวหน้าเหลิ่ง เอาล่ะ ต่อไป…หัวหน้าหลี่ แล้วท่านล่ะ?”
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟรึ่บ! ไอรีนโนเวล
สีหน้าของหัวหน้าทั้งหมดเปลี่ยนไป ดวงตาของหัวหน้าเหลิ่งยังคงเผยความหวาดกลัวอยู่ อันตรายที่แฝงอยู่ในประโยคของเจียงอี้นั้นรุนแรงเกินไป เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานชื่นชมหัวหน้าเหลิ่ง? มันไม่ได้หมายความว่าเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานกำลังจะมาพูดคุยกับเขาหรอกหรือ?
หัวหน้าหลี่กระพริบตาอยู่หลายครั้งขณะที่เขาสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะตอบอย่างหนักแน่นว่า “ข้าของดออกเสียงเช่นกัน”
เจียงอี้พยักหน้าเล็กน้อยซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าเขาพอใจกับคำตอบอย่างมาก เมื่อเขากวาดตามองหัวหน้าเฮย หัวหน้าเฮยก็ไม่รอให้เจียงอี้ถามและพูดขึ้นมาว่า “ข้าของด…”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ก่อนที่หัวหน้าเฮยจะพูดจบ ก็มีเสียงหัวเราะดังก้องมาจากด้านนอก ผู้บัญชาการสวมชุดเกราะสีขาวนำทหารหลายคนมาในแถวเดียวกัน เขาหัวเราะออกมาก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาถึงเสียอีก “หัวหน้าเหลิ่ง เจ้ากำลังดื่มอยู่ที่นี่หรือ? เจ้าทำลายแผนข้าไปเสียหมดเลย คืนนี้ข้าว่าจะชวนเจ้าไปดื่มกันเสียหน่อย”
ลู่ตี๋!
หนึ่งในสิบผู้บัญชาการในเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างและยังเป็นคนตระกูลลู่
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป เจียงอี้และหยางตงมองหน้ากันและดวงตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ นี่ผู้บัญชาการตระกูลลู่ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างเปิดเผยจริงๆหรือ? นอกจากนี้ ยังเห็นได้ชัดอีกว่าเขามาหนุนหลังให้หัวหน้าเหลิ่ง
ก่อนหน้านี้เจียงอี้ไปเยี่ยมลู่ตี๋มาก่อนแล้ว แต่ลู่ตี๋ก็รับเพียงของบรรณาการและพูดคุยกับเขาไม่กี่ประโยค และไม่ได้แสดงจุดยืนในเรื่องนี้เลย เจียงอี้คิดว่าอย่างมากลู่ตี๋คงมาแสดงออกอย่างคลุมเครือแม้เขาจะไม่เป็นกลางก็ตาม นึกไม่ถึงว่าเขาจะมาสนับสนุนหัวหน้าเหลิ่งอย่างเปิดเผยขนาดนี้เชียวหรือ?
ทันใดนั้น หัวหน้าเหลิ่งก็ยิ้มออกมาอย่างสดใสและลุกขึ้นยืนอย่างร่าเริง “พี่ตี๋ เป็นความผิดข้าเอง คราวหลังข้าจะไปขอขมาท่านแน่นอน ข้ายังมีไวน์ร้อยปีอยู่ด้วย เราค่อยไปดื่มด้วยกันคราวหลังดีไหม?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ลู่ตี๋หัวเราะออกมาเสียงดัง เขากวาดตามองไปยังทุกคน “เอ่อ…ทุกคนก็อยู่ที่นี่หมดเลย เหมือนว่าพวกเจ้ากำลังหารือเรื่องบางอย่างกันอยู่? เช่นนั้นพวกเจ้าก็คุยกันต่อเถอะ ข้าเพียงแค่ผ่านมาเท่านั้น หัวหน้าเหลิ่ง อย่าลืมไวน์ร้อยปีของเราล่ะ”
ลู่ตี๋หันกลับไปและนำคนของเขาออกไปกับเขาซึ่งมันทำให้ดวงตาของหัวหน้าเฮยเป็นประกายขณะที่เขาเก็บประโยคหลังไว้ก่อนที่จะกัดฟันพูดว่า “ข้าขอคัดค้าน!”
เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานน่ากลัวก็จริง แต่ลู่ตี๋คือใครกัน?
เขาเป็นหนึ่งในสิบผู้บัญชาการสูงสุดในเมืองและตอนนี้เขาประกาศอย่างเปิดเผยว่าเขายืนข้างไหน หัวหน้าเฮยนั้นทำได้เพียงสนับสนุนหัวหน้าเหลิ่งหากเขาไม่อยากตาย ตระกูลลู่เป็นผู้ปกครองที่แท้จริงในหมู่เกาะมังกรขาว พวกเขาตัดสินชีวิตและความตายของทุกคนได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่นางก็ยังคงเป็นทาส ในขณะที่ลู่ตี๋เป็นลูกหลานตระกูลลู่
ใจของเจียงอี้, หยางตงและหนิวเติงมืดมนในทันที พวกเขาถอนใจเบาๆ ตอนนี้ลู่ตี๋ปรากฏตัวขึ้นมาแล้วซึ่งมันไม่มีความหมายให้ลงคะแนนเสียงอีกต่อไปแล้ว และในตอนนี้มันก็ไม่มีประโยชน์แม้ว่าเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานจะปรากฏตัวขึ้นมาและลงคะแนนเสียง เพราะเมื่อลู่ตี๋ปรากฏตัวขึ้นมา พวกเขาก็พ่ายแพ้ไปแล้ว
ในบรรดาหัวหน้าแปดคน สามคนเลือกที่จะงดออกเสียง, หนึ่งคนเห็นด้วยและมีอีกสองคนที่คัดค้าน หัวหน้าอิงนั้นก็คงจะลงคะแนนให้ฝ่ายค้านเช่นกัน และเมื่อเจียงอี้บอกให้ใช้คะแนนเสียงกัน เช่นนั้นเขาก็คงจะกลับคำพูดไม่ได้
หัวหน้าอิงยืนขึ้นและกวาดตามองไปที่เจียงอี้และหยางตงอย่างล้อเลียน แต่เมื่อเขากำลังจะอ้าปากลงคะแนนเสียง ก็มีเสียงประกาศจากด้านนอกว่า “เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานมาแล้ว”
“เอ่อ…”
ในตอนนั้นที่ปากของหัวหน้าอิงกำลังจะอ้าออกมา เขาก็ปิดมันกลับไปทันที เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานไม่เคยมาร่วมงานในโอกาสเช่นนี้มาก่อน แต่นางกลับมาที่นี่จริงๆ? หัวหน้าเหลิ่ง หัวหน้าหลี่และคนอื่นๆต่างก็ชำเลืองมองกัน ในขณะที่สายตาของหัวหน้าเหลิ่งแสดงถึงความเยาะเย้ยและถากถาง
เขาส่งสายตาให้หัวหน้าอิงอย่างเงียบๆขณะที่ส่งข้อความมาว่า แม้ว่าในวันนี้เขาจะต้องทำให้เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานขุ่นเคือง แต่เขาจะต้องหยุดการเลื่อนตำแหน่งของหยางตงให้ได้ ตอนนี้ที่ลู่ตี๋แสดงจุดยืนของเขาแล้ว หากเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานยังกล้าใช้อิทธิพลของนางมากดขี่ผู้อื่น มันก็คงจะเป็นการตบหน้าลู่ตี๋ และนางก็คงไม่กล้าถึงเพียงนั้นหรอกใช่ไหม?