เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 705 ขายหินอัสนี
“ธุรกิจใหญ่! แต้มความดีความชอบหนึ่งร้อยล้านแต้มในสองปี?”
ร่างของเจียงอี้สั่นเทา ปกติแล้วเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานจะไม่ให้ข้อมูลเท็จ ซึ่งมันก็หมายความว่านี่เป็นเรื่องจริง
แต้มความดีความชอบนั้นเก็บได้ยากนัก หนึ่งร้อยล้านแต้มนั้นก็คือหินอัสนีหนึ่งร้อยล้านก้อน แม้ว่าเจียงอี้จะเก็บหินอัสนีในสันเขาอัสนีมาทั้งหมด ก็คงไม่ได้เท่านี้
ภูเขาอัสนีหนึ่งลูกจะปะทุหินอัสนีออกมาหลายพันก้อน แต่พวกมันถูกเหล่าผู้ใต้บัญชาเก็บไปแล้วขณะที่เขาจะได้มาเพียงแค่หนึ่งในสิบส่วนเท่านั้น ซึ่งมันก็หมายความว่าเขาจะได้หินอัสนีราวๆห้าร้อยก้อนต่อวัน, หนึ่งหมื่นห้าพันก้อนต่อเดือน…หรือได้มาเกือบสองแสนก้อนในหนึ่งปี การที่จะได้หินอัสนีมาหนึ่งร้อยล้านก้อน เขาจะต้องปกครองเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างเป็นเวลาราวๆห้าร้อยปี
ยอดฝีมือผู้เป็นมนุษย์มีอายุยืนยาวมาก แต่เจียงอี้ไม่รู้ว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานเพียงใด แม้ว่าเขาจะสะสมแต้มความดีความชอบเพื่อเข้าไปยังเกาะเทพประทานได้ แต่อีกห้าร้อยปีข้างหน้า ซูรั่วเสวี่ยจะยังอยู่หรือ? แล้วเขาจะไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาเพื่ออะไรอีก?
แต่นี่ก็เป็นเพียงการคำนวณธรรมดาๆ สันเขาอัสนีถูกสายฟ้าฟาดลงมาหลายปีแล้วและไม่มีผู้ใดรู้ถึงจำนวนหินอัสนีที่แน่นอน และในตอนนี้หนิวเติงก็ครอบครองภูเขาอัสนีหนึ่งลูกแล้วซึ่งมันจะช่วยเพิ่มรายได้ต่อเขาได้ แต่ไม่ว่าจะคิดเช่นไร มันก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะรวบรวมหินอัสนีหนึ่งร้อยล้านก้อนภายในหนึ่งร้อยปีได้
เดิมทีเจียงอี้คิดว่าการเข้าสู่เกาะเทพประทานด้วยแต้มความดีความชอบหนึ่งล้านแต้มก็พอแล้ว ส่วนการอาศัยอยู่ในเมืองเทพประทานนั้นเป็นเพียงแค่ความฝัน!
แต่ในตอนนี้…
เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานบอกว่านางช่วยให้เขาได้แต้มหนึ่งร้อยล้านแต้มได้ภายในสองปี หากไม่ใช่เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานที่เป็นคนพูดมันออกมา เจียงอี้ก็คงจะตบหน้านางและขอให้ตื่นจากฝันแล้วล่ะ
เจียงอี้กลืนน้ำลายและบังคับให้ตัวเองสงบนิ่งไปทีละน้อย เขามองไปยังเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานด้วยดวงตาที่เปล่งประกายและพูดว่า “พี่ใหญ่บอกมาเถอะ ตราบใดที่ข้าไม่จำเป็นต้องขายลูกชายและลูกสาวของข้า ข้าก็จะทำทุกอย่าง….”
“ฮุฟฟ!”
เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานขำขันในตัวเจียงอี้และหัวเราะออกมาจนหน้าอกของนางกระเพื่อมราวกับคลื่นที่ซัดเข้าฝั่งและทำให้กระดิ่งของนางส่งเสียงดังออกมาไม่หยุด นางตบบ่าเจียงอี้สองครั้งและพูดว่า “เจ้าไข่เน่า เจ้ากำลังพยายามทำให้พี่สาวของเจ้าหัวเราะจนตายหรือยังไงกัน? ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“แหะๆ”
เจียงอี้หัวเราะออกมาอย่างโง่เขลาชั่วขณะและถามด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “พี่ใหญ่บอกข้าสิ ธุรกิจการค้าที่ใหญ่โตนี้อันตรายมากแค่ไหน?”
นางหายใจเข้าปอดสองครั้งเพื่อหยุดหัวเราะและมองไปที่เจียงอี้ จากนั้นนางก็เปิดข้อจำกัดม่านพลังและใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ตรวจสอบก่อนจะพูดว่า “ยิ่งผลกำไรสูง ความเสี่ยงก็ยิ่งสูง หากเรื่องนี้ถูกเปิดเผย เจ้าจะต้องถูกตระกูลลู่ไล่ล่าและจะอยู่ที่เกาะเทพประทานไม่ได้อีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้น หากพวกมันเปิดใช้งานค่ายกลเก้ามังกรสยบเทพเจ้าก็คงจะหนีไม่รอดและคงได้แต่รอความตายเท่านั้น”
“เหอ!”
สีหน้าของเจียงอี้เริ่มหนักหน่วงขณะที่เขาคิดเอาไว้ว่าเรื่องนี้คงจะอันตรายมากอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้คิดมาก่อนว่ามันจะอันตรายถึงเพียงนี้ ตระกูลลู่นั้นถือว่าเป็นยักษ์ใหญ่ที่ไม่ต่างจากเก้าตระกูลจักรพรรดิเลย
ของฟรีนั้นไม่มีในโลก
เจียงอี้สงบนิ่งไปอย่างรวดเร็วและถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน ข้าต้องทำเช่นไรกันแน่? สังหารหรือ? แอบลักลอบขนสินค้า? วางเพลิง? หรือแอบเข้าไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาเพื่อลักพาตัวองค์หญิงจากเก้าตระกูลกัน?”
“ฮุฟฟ!”
เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานกลั้นหัวเราะอีกครั้ง นางมองเจียงอี้อย่างโกรธเคืองและพูดว่า “เรากำลังคุยเรื่องจริงจังอยู่ เจ้าช่วยทำตัวให้มันดีๆหน่อยได้ไหม?”
เจียงอี้พยักหน้าและพยุงมือข้างหนึ่งของเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานให้ไปนั่งและรินชาให้นาง เขารินชาให้ตัวเองก่อนที่จะนั่งข้างๆและรอเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานอธิบาย
“ในเรื่องนี้ เจ้าไม่จำเป็นต้องสังหารหรือลอบวางเพลิงใครหรอก อันที่จริงแล้ว ตราบใดที่เรื่องนี้ยังไม่ถูกเปิดเผย เจ้าก็จะไม่เสี่ยงอะไรเลย แต่แน่นอนว่า…หากเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกไป เจ้าจะต้องแบกรับผลที่ตามมาเอาไว้ทั้งหมด!” ไอรีนโนเวล
เมื่อนางพูดจบ เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานก็จิบชาและพูดเบาๆว่า “มันคือเรื่องง่ายๆเลย นั่นก็คือ….แอบขายหินอัสนี!”
“ขายหินอัสนี?”
เจียงอี้ตัวสั่น เขาเริ่มเข้าใจลางๆแล้ว การขายหินอัสนีจะทำให้เขาได้ศิลาสวรรค์จำนวนมากซึ่งมันใช้ซื้อแต้มความดีความชอบได้ เกาะอัสนีฟ้ากระจ่างและหินอัสนีเป็นของตระกูลลู่ หากเหล่าระดับเบื้องบนของตระกูลลู่รู้เรื่องนี้เข้า พวกเขาจะโกธเคืองอย่างแน่นอนและเจียงอี้ก็จะถูกไล่ล่าไปจนวันตาย
แต่เขาจะขายหินอัสนีให้ผู้ใดกันล่ะ? หินอัสนีหนึ่งก้อนแลกแต้ความดีความชอบได้หนึ่งแต้ม หรือจะกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือหากใช้ศิลาสวรรค์แลกหินอัสนีหนึ่งร้อยล้านก้อนนั่นก็ต้องใช้ศิลาสวรรค์หนึ่งแสนล้านก้อนไม่ใช่หรือ?
“มีบางอย่างไม่ถูกต้อง….เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน!”
เจียงอี้ขมวดคิ้วและถามด้วยความสงสัย “หากข้าอยากได้แต้มความดีความชอบหนึ่งร้อยล้านแต้ม ข้าจะต้องใช้ศิลาสวรรค์หนึ่งแสนล้านก้อนใช่ไหม? ไม่ใช่ว่าข้าจะต้องขายหินอัสนีหนึ่งร้อยล้านก้อนหรือ? แล้วข้าจะได้หินอัสนีมามากมายภายในสองปีได้อย่างไรกัน?”
“เจ้าโง่!”
เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเคาะหัวเจียงอี้และพูดอย่างหมดคำพูดว่า “หากเจ้าแลกที่ตำหนักเจ้าเมือง เจ้าคงต้องใช้ศิลาสวรรค์พันก้อนต่อแต้มไม่ผิดแน่ ตระกูลลู่จะไม่พยายามโกงเจ้าในตอนที่เจ้าอยากแลกแต้มความดีความชอบกับพวกเขาได้อย่างไรล่ะ? อันที่จริงแล้ว แต้มความดีความชอบในตลาดมืดของเผ่านั้นถูกมาก ศิลาสวรรค์เพียงสิบก้อนก็จะทำให้เจ้าได้แต้มความดีความชอบหนึ่งแต้มแล้ว ดังนั้น เจ้าเพียงแค่หาศิลาสวรรค์ให้ได้พันล้านก้อนก็ทำได้แล้ว”
เจียงอี้ลูบจมูกของเขาและถามอย่างงุนงง “ถึงอย่างนั้น ข้าก็ยังต้องขายหินอัสนีจำนวนมากอยู่ดีไม่ใช่หรือ? นอกจากนี้ หากข้าไปขายหินอัสนี ราคาของมันก็คงไม่ถึงหนึ่งพันศิลาสวรรค์ใช่ไหม? ของในตลาดมืดนั้นถูกกว่าไม่ใช่หรือ?”
“เจ้าผิดแล้วล่ะ….”
เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่มีการขายหินอัสนีในตลาดมืดหรอก หากผู้ใดกล้าขายหินอัสนีในเผ่าเทพประทาน พวกเขาจะต้องตายแน่นอนเมื่อถูกพบ! หากมีใครไปรายงานตระกูลลู่ ทุกตระกูลก็จะเข้ามาสอบสวน…”
“ไม่มีการขายในตลาดมืด? แล้วข้าจะขายหินอัสนีให้ใครกัน?”
เจียงอี้สับสนและเมื่อเขานึกขึ้นได้ เขาก็อุทานว่า “หรือเราจะขายมันให้คนที่นั่น?”
“ใช่แล้ว ขายมันให้พวกพ่อค้าในทวีปจักรพรรดิบูรพา นอกจากนี้ หินอัสนีเพียงหนึ่งก้อนก็สามารถขายได้…ศิลาสวรรค์ห้าพันก้อนเลย!”
เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานพยักหน้าและพูดว่า “ตอนนี้เจ้าเข้าใจหรือยังว่าเรื่องนี้ร้ายแรงเพียงใด? การแอบขายหินอัสนีก็มีโทษถึงตายอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นการสมรู้ร่วมคิดกับคนที่ทวีปจักรพรรดิบูรพาล่ะ? หากเรื่องนี้ถูกเปิดเผย ทั้งสิบสามตระกูลที่นี่ก็จะไล่ล่าเจ้า! เมื่อพวกเขาเปิดใช้งานค่ายกลเก้ามังกรสยบเทพแล้วล่ะก็ เจ้าก็ยังคงต้องตายแม้ว่าจะมีความแข็งแกร่งเท่ากับเหล่าเทพทั้งหลายอยู่ดี….”
“ฮ่าฮ่า ข้าเข้าใจแล้ว!”
ไม่เพียงแต่เจียงอี้จะไม่กลัว แต่ดวงตาของเขายังส่องประกายอีกด้วย เขามองไปรอบๆและลดเสียงลงในทันที “เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน ธุรกิจการค้านี้…เจ้าเมืองก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยใช่ไหม?”
“ชู่ว!”
เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานยื่นนิ้วมาปิดปากเจียงอี้และพูดอย่างจริงจัง “จำไว้ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าเมือง ผู้ที่ดูแลเจ้าในตำหนักเจ้าเมืองคือผู้บัญชาการลู่เฟิง เขาเป็นคนเพียงคนเดียวที่เจ้าติดต่อด้วย แม้ว่าเจ้าจะถูกเปิดโปงและถูกจับได้ เจ้าก็ต้องยืนยันว่าเป็นผู้บัญชาการลู่เฟิง เข้าใจไหม?”
“ขอรับ ขอรับ!”
เจียงอี้ยิ้ม ผู้บัญชาการลู่เฟิง? พวกเขาพยายามจะโกงผู้ใดกัน?
หากเจ้าเมืองไม่อนุญาต ใครจะกล้าขายหินอัสนีมากมายขนาดนี้? ผู้บัญชาตัวน้อยๆจะตายโดยที่ยังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น เจียงอี้ยังสงสัยว่าผู้บัญชาการคนอื่นๆทั้งหมดก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย แต่อย่างน้อยพวกเขาก็คงจะได้ค่าตอบแทนอยู่บ้าง แม้แต่การที่ผู้บัญชาการลู่ตี๋และลู่หานถูกย้ายไปทันทีนั่นก็อาจเป็นเพราะเจ้าเมืองกำลังเตรียมการบางอย่างอยู่เบื้องหลังก็ได้
จากนั้นเจียงอี้ก็ถามเรื่องราวจากเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานและจัดการกับความคิดของเขาอย่างรวดเร็วขณะที่เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเขาถึงเข้ามาเอี่ยวกับธุรกิจการค้าขนาดใหญ่เช่นนี้
เจียงอี้ครุ่นคิดอยู่สิบห้านาทีก่อนจะกัดฟันพูดว่า “ให้ตายเถอะ! มนุษย์ยอมตายเพื่อความร่ำรวยและนกยอมตายเพื่ออาหาร! เพื่อการเข้าสู่เมืองเทพประทานเพื่อบ่มเพาะพลังแล้ว ข้าจะทำมัน!”