เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 706 การเดิมพันครั้งใหญ่
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 706 การเดิมพันครั้งใหญ่
ขายหินอัสนี!
เมื่อมีกำไร ก็จะมีคนที่เต็มใจรับความเสี่ยง
มีเจ้าเมืองในเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างเพียงไม่กี่รุ่นที่ไม่โลภมาก แม้ว่าพวกเขาจะไม่ขายหินอัสนีเอง ผู้บัญชาการทั้งหลายก็จะขาย และพวกเขาก็จะได้กำไรไปส่วนหนึ่ง
ตระกูลลู่มีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบมากมายและตระกูลอาจมีกฎที่เข้มงวด แต่จะไม่มีการค้าที่ผิดกฎหมายภายใต้ตระกูลที่ใหญ่โตได้อย่างไร
เจ้าเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างคนปัจจุบันคือลู่ผิง ในอดีต เจ้าเมืองเคยคิดจะขายหินอัสนีแต่ไม่เคยเจอผู้ที่จะบริหารงานที่เหมาะสม และเมื่อถึงคราวที่การขายหินอัสนีถูกเปิดโปง หากผู้ที่คอยดำเนินงานไม่มีศีลธรรม คนผู้นั้นก็จะเปิดโปงนางเช่นกัน และเมื่อเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น ไม่เพียงแต่นางจะต้องตายแต่สายเลือดของนางก็จะสูญเสียอิทธิพลทั้งหมดไปอย่างสิ้นเชิง
เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเป็นคนที่ดีและเมื่อนางเข้ามาที่เมืองเมื่อสามปีก่อน นายหญิงลู่ผิงก็สังเกตเห็นนาง และหลังจากพูดคุยกันและได้สังเกตนิสัยใจคอ ลู่ผิงก็เสนอธุรกิจนี้ให้เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน
ใครจะไปรู้ว่า….เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานปฏิเสธนาง? เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานไม่ชอบการดิ้นรนต่อสู้และเพียงอยากบ่มเพาะพลังอย่างสงบไม่กี่ปี เมื่อความแข็งแกร่งของนางขึ้นไปถึงระดับหนึ่งแล้ว นางก็จะกลับไปยังเมืองมังกรขาวเพื่อล้างแค้น
หัวหน้าเหลิ่งเองก็เป็นคนที่ดีคนหนึ่งจริงๆและเคยสมรู้ร่วมคิดกับลู่ตี๋เพื่อลักลอบขนหินอัสนี แต่ปัญหาก็คือหัวหน้าเหลิ่งมีภูมิหลังที่ไม่ชัดเจน เขาอาศัยอยู่ในหมู่เกาะมังกรดำมานานกว่าสิบปีก่อนที่จะมาที่นี่ ส่วนลู่ตี๋และลู่ผิงเองก็ไม่ได้มีเชื้อสายเดียวกัน ดังนั้นนางจึงไม่สามารถวางใจในตัวหัวหน้าเหลิ่งได้ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ลู่ตี๋ถูกย้ายไป
ส่วนหัวหน้าหลี่และคนอื่นๆ พวกเขาไม่มีใครมีคุณสมบัติเลย ความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่เพียงพอและไม่มีคุณสมบัติที่จะปกครองทาสทั้งหมดในเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างได้ และหากมีคนรายงานไป เหล่าเบื้องบนตระกูลลู่จะต้องโกรธเคืองอย่างแน่นอนและทุกอย่างจะสิ้นสุดทันทีเมื่อพวกนั้นถูกสอบสวน
ส่วนเจียงอี้มาจากภายนอกและไม่เคยพักอยู่ที่เกาะแห่งบาปมาก่อน เขามีกำลังมากพอที่จะรวมทาสทั้งหมดในเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างได้และค่อนข้างมีศีลธรรม นอกจากนี้เขายังเป็นคนแน่วแน่และโหดเหี้ยม เจียงอี้ทำสิ่งต่างๆได้อย่างรวดเร็วและเด็ดขาด เขายอมตายดีกว่าก้มหัวให้ผู้อื่น แม้ว่าเขาจะถูกจับกุมมันก็มีความเป็นไปได้น้อยที่เขาจะเปิดโปงลู่ผิงซึ่งหมายความว่าพวกเขาจะต้องเสียสละผู้บัญชาการลู่เฟิงเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเท่านั้น
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ….เจ้าเมืองลู่ผิงจะย้ายไปที่อื่นหลังจากนี้อีกสามปี ตามกฎของตระกูลลู่แล้ว พวกเขาจะดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองได้เพียงสิบปีติดต่อกันเท่านั้น ลู่ผิงอยู่ที่นี่มาเจ็ดปีแล้วแต่นางก็ยังได้กำไรมาไม่มากนัก ดังนั้นนางจึงต้องใช้ประโยชน์จากเจียงอี้และด้วยคำแนะนำหมดหน้าตักของเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน นางจึงเสนอธุรกิจขนาดใหญ่นี้ให้
หินอัสนีนั้นมีค่ามาก!
ไม่เพียงแต่พวกมันจะถูกนำไปใช้ตั้งค่ายกลที่ทรงพลังเท่านั้น แต่มันยังเป็นวัตถุดิบสำคัญที่จะประดิษฐ์สิ่งประดิษฐ์ต่างๆอีกด้วย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสามารถในการขัดเกลาร่างกาย จอมยุทธทั้งหลายที่ถูกขัดเกลาด้วยสายฟ้าจะมีร่างกายที่แข็งแกร่งกว่าเดิมมาก
มันเป็นของดีแต่ตระกูลลู่ไม่ยอมขายมัน นอกจากใช้กับตระกูลของตัวเองแล้ว พวกเขาจะแบ่งส่วนหนึ่งเอาไว้แลกเปลี่ยนทรัพยากรกับอีกสิบสองตระกูล เผ่าเทพประทานนี้อยู่คนละฝั่งกับทวีปจักรพรรดิบูรพาแต่มันก็ไม่ได้ขัดขวางพ่อค้าที่แอบมาค้าขายที่นี่ลับๆ ทวีปจักรพรรดิบูรพามีสมบัติมากมายซึ่งล้วนแต่ราคาสูงที่นี่ ในขณะเดียวกัน สินค้าพิเศษของเกาะเทพประทานนี้ก็จะราคาสูงในทวีปจักรพรรดิบูรพาเช่นกัน ไอลีนโนเวล
เกาะอัสนีฟ้ากระจ่างเป็นทรัพย์สินของตระกูลลู่ แต่พวกเขาไม่ให้สมาชิกตระกูลตัวเองไปจัดหาหินอัสนีเพื่อป้องกันไม่ให้สมาชิกของตระกูลแอบขายหินอัสนี อันที่จริงแล้วสมาชิกตระกูลลู่ไม่ได้รับอนุญาตให้ไปยังภูเขาอัสนีและสันเขาอัสนี ทุกอย่างจะต้องดำเนินการโดยเหล่าทาสทั้งหลาย และหากทาสเหล่านั้นต้องการเอาชีวิตรอดและหาแต้มความดีความชอบ ทางเลือกเดียวของพวกเขาก็คือการหาหินอัสนีมาเพื่อแลกพวกมันทั้งหมดซึ่งก็ตรงกับความต้องการของตระกูลลู่เช่นกัน
เบื้องบนอาจมีการป้องกัน แต่เหล่าคนระดับล่างเองก็มีวิธีการในการหลีกเลี่ยงของพวกเขาเช่นกัน!
สิ่งที่เจียงอี้ต้องทำในตอนนี้คือการควบคุมเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างทั้งเมืองและทำให้เสียงของเขากลายเป็นเสียงเดียวในเมืองและตั้งกลุ่มพ่อค้าที่ต้องส่งไปยังโลกภายนอกและแลกเปลี่ยนกับพ่อค้าจากทวีปจักรพรรดิบูรพา
ส่วนเรื่องที่ทาสจะออกจากเมืองและเกาะได้อย่างไร? พวกเขาจะแลกเปลี่ยนกับคนในทวีปจักรพรรดิบูรพาได้ที่ไหน? ระหว่างทางจะปลอดภัยไหม? พ่อค้านั้นมีความน่าเชื่อถือหรือไม่? เจียงอี้ไม่จำเป็นต้องกังวลในเรื่องเหล่านั้นเลยเพราะลู่ผิงจะเป็นคนจัดการเรื่องพวกนี้ทั้งหมด
แต่แน่นอนว่า!
การกระทำเช่นนี้มีความเสี่ยงซึ่งไม่เพียงแต่จะถูกเปิดโปงและถูกไล่ล่าเท่านั้น ลู่ผิงจะใส่ความเขาหรือเปล่า? นางจะฆ่าปิดปากหลังจากหมดข้อตกลงหรือไม่? ในเมืองจะมีคนรายงานเรื่องนี้ไปหรือไม่? ทั้งหมดนี้คือปัญหาใหญ่
และเจียงอี้ก็พร้อมที่จะเดิมพันครั้งใหญ่!
หากเขาชนะเดิมพันนี้ เขาจะพาคนของเขาไปยังเมืองเทพประทานได้ และหากลู่ผิงต้องการฆ่าปิดปากเขาล่ะ? เมืองเทพประทานไม่ใช่อาณาเขตของตระกูลลู่และหากเขาไม่ออกจากเมืองและฝึกฝนอยู่ในเมือง ลู่ผิงก็จะทำอะไรเขาไม่ได้
แม้ว่าเขาจะแพ้เดิมพันนี้ เขาก็จะไม่สูญเสียมากนัก เขามีไพ่ตายซึ่งจะทำให้เขาหลบหนีไปจากเผ่าเทพประทานได้ทุกเมื่อ นั่นก็คือ…..วิชาหลีกสวรรค์
และหากเขาถูกเปิดโปงล่ะ? ตราบใดที่เขาใช้วิชาหลีกสวรรค์ก่อนที่พวกนั้นจะใช้ค่ายกลเก้ามังกรสยบเทพ เจียงอี้ก็จะสามารถหลบหนีออกจากที่นี่ได้อย่างง่ายดาย เว้นแต่ว่าพวกเขาจะใช้ยอดฝีมือที่ระดับเทียบเทียมกับเทพมาไล่ล่าเขา เขาก็ไม่กลัวจอมยุทธทั่วไปแม้ว่าจะมีนักโหราศาสตร์หรือปรมาจารย์ขบวนทัพศักดิ์สิทธิ์ก็ตาม อย่างมากเขาก็จะใช้วิชาหลีกสวรรค์ไปเรื่อยๆและหาที่ซ่อนไปเรื่อยๆ
“เจ้าตัดสินใจได้แล้วหรือ?”
เมื่อเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานได้ยินคำตอบของเจียงอี้ นางก็กัดริมฝีปากและถามว่า “เจ้าอยากจะพิจารณาใหม่หรือเปล่า? เพราะเจ้าไม่ได้ตัวคนเดียว เจ้ายังมีคนของเจ้าอยู่ด้วยนะ หากมันสำเร็จไปด้วยดีเจ้าก็จะได้ผลประโยชน์มหาศาลและสามารถอาศัยและบ่มเพาะพลังอยู่ในเมืองเทพประทานได้ แต่หากเจ้าถูกเปิดโปง ผลที่ตามมานั้นจะเป็นดั่งหายนะเลยนะ”
“อือฮึ!”
เจียงอี้พยักหน้าอย่างหนักแน่นและตอบว่า “เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน ชีวิตนั้นเต็มไปด้วยโอกาสให้เผชิญและท้าทาย หากผู้ใดมัวแต่ขี้ขลาด คนผู้นั้นก็จะพลาดโอกาสสำคัญทั้งหมดไป ไม่ใช่ว่าเส้นทางแห่งเต๋าเป็นเส้นทางที่ยากลำบากหรอกหรือ? การคล้อยตามจะทำให้ท่านเป็นคนธรรมดา แต่การท้าทายจะทำให้ท่านแข็งแกร่ง ข้ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำและไม่มีเวลาจัดการมันเลย ข้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้มากกว่านี้! ดังนั้นข้าจึงต้องเข้าไปในเมืองเทพประทานให้ได้!”
“ก็ได้!”
เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานพยักหน้าและพูดพร้อมกับถอนหายใจเล็กน้อย “อีกครึ่งปีข้าจะไปจากที่นี่ ข้าจะช่วยเจ้าเตรียมทุกอย่างภายในสองเดือนนี้ ส่วนอนาคตก็คงต้องขึ้นอยู่กับโชคชะตาของเจ้าแล้ว น้องเล็กของข้า สัญญากับข้าอย่างหนึ่งนะ หลังจากที่ข้าไปจากที่นี่แล้ว ช่วยดูแลเสี่ยวหง, เสี่ยวตงจือและคนอื่นๆแทนข้าด้วย”
“ไปจากที่นี่?”
เจียงอี้ขมวดคิ้วและถามว่า “พี่ใหญ่ ท่านจะไปที่ใดกัน? ท่านต้องไปทำเรื่องอะไรที่ใหญ่โตหรือไม่? ท่านต้องการให้ข้าช่วยไหม?”
เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานส่ายหัวแล้วพูดว่า “อย่าถามอะไรมากเลย เจ้าช่วยอะไรข้าไม่ได้มากนักหรอก เจ้าเพียงแค่ช่วยข้าดูแลพวกเขาแทนข้าก็พอ พวกเขาติดตามข้ามาหลายปีแล้ว แต่ข้าให้อะไรพวกเขาได้ไม่มากมายนัก”
“ก็ได้!”
เจียงอี้ไม่ใช่คนพูดพล่ามนัก เขาพยักหน้าอย่างหนักแน่นและตอบว่า “พี่ใหญ่ หากท่านต้องการความช่วยเหลือใด ท่านเพียงแค่เรียกข้า แล้วข้าจะไปจัดการให้”
“อื้ม!”
เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานลุกขึ้นมองเจียงอี้เดินจากไปพร้อมกับพูดว่า “ไปรวมคนที่อยู่ใต้บัญชาเจ้าทั้งหมด สังหารทุกคนที่ไม่เชื่อฟัง นี่เป็นเรื่องร้ายแรงนัก และนอกจากเหล่าคนที่ซื่อสัตย์อย่างแท้จริง จะต้องไม่มีใครรู้เรื่องนี้ ยิ่งคนรู้เรื่องนี้น้อยยิ่งปลอดภัย ในช่วงไม่กี่วันนี้ ข้าจะไปหารือกับผู้บัญชาการลู่เฟิง หลังจากเตรียมการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ข้าจะช่วยให้เจ้าเป็นหัวหน้าอันดับหนึ่งของเมืองอัสนีฟ้ากระจ่าง…”
“ฮิฮิ!”
เจียงอี้ไม่เคยเป็นคนอ่อนโยนและมีเมตตา ดวงตาของเขาเป็นประกายด้วยความเย็นชาขณะที่คิดกับตัวเองว่า หากคราวนี้หัวหน้าเหลิ่งทำตัวไม่ถูกต้องอีก เขาก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องส่งพวกเขาไปตามทางของพวกเขา ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ในเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างจะต้องเกิดการนองเลือดอย่างแน่นอน