เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 708 ให้ข้าเล่นกับหัวของเจ้าซะ
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 708 ให้ข้าเล่นกับหัวของเจ้าซะ
ที่ภูเขาอัสนีมีชีวิตชีวามากขึ้น
หลังจากที่เจียงอี้ออกจากเมืองไป เขาก็มานั่งอยู่ที่สันเขาอัสนีและรอหัวหน้าเหลิ่งมาอย่างเงียบๆ ดูเหมือนว่าเขาจะคาดคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าหัวหน้าเหลิ่งจะมาแน่นอนขณะที่เขานั่งฝึกฝนอยู่บนยอดเขาอย่างสงบ
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นในเมืองในช่วงหลายวันที่ผ่านมาและเจียงอี้ก็เป็นผู้ที่เปลี่ยนแปลงมันอีกครั้งมีผู้คนอยู่ใกล้ๆภูเขาอัสนีเกือบสองหมื่นคนและพวกเขาทั้งหมดก็จ้องมองไปยังร่างของเจียงอี้ที่อยู่แต่ไกล บางคนก็มีดวงตาที่ร้อนรุ่ม ขณะที่บางคนก็ขุนเคือง อิจฉา หรือแม้แต่เลื่อมใสเขา
หลายคนก้มหัวซุบซิบกันว่าการที่เจียงมาที่นี่คนเดียวนั้นหมายความเช่นไร? สถานการณ์ในเมืองยังไม่คลี่คลายและเจียงอี้คงยังไม่เหมาะที่จะบ่มเพาะพลังอยู่ที่นี่ไม่ใช่หรือ? หรือว่าเขากำลังรอใครอยู่ที่นี่?
ฟรึ่บ! ฟรั่บ!
เมื่อหัวหน้าเหลิ่งนำคนทั้งห้าคนบินมาจากระยะไกล ผู้คนที่ภูเขาอัสนีก็ฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนี้ทั้งสองคนมาพบกันนอกเมือง หรือว่าจะเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ขึ้น?
หัวหน้าเหลิ่งตรวจสอบพื้นที่และมองจนแน่ในว่าไม่มีผู้เชี่ยวชาญซ่อนอยู่ในภูเขาอัสนี หลังจากมั่นใจว่าเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานไม่อยู่ใกล้ๆแล้ว เขาก็มองไปยังคนทั้งห้ารอบตัวเขาและค่อยๆบินไปหาเจียงอี้
เจียงอี้นั้นไม่ขยับและยังไม่ลืมตาขึ้นมาด้วยซ้ำ เขาเพิ่งจะลืมตาขึ้นมาก็ตอนที่หัวหน้าเหลิ่งอยู่ห่างจากเขาประมาณสิบกิโลเมตร เจียงอี้หัวเราะและพูดว่า “หัวหน้าเหลิ่ง ข้าน้อยเจียงผู้นี้รอท่านอยู่เลย”
หัวหน้าเหลิ่งไม่หยุดบินและบินตรงไปยังเจียงอี้อย่างช้าๆ เขาเผยรอยยิ้มขณะที่พูดว่า “หัวหน้าเจียง ในเมื่อเจ้าเรียกข้ามา แล้วข้าจะไม่มาได้เช่นไร? หัวหน้าเจียงมีเรื่องดีอะไรจะบอกข้าหรือ? ทำไมไม่ไปคุยกันในเมืองล่ะ?”
“ฮึฮึ!”
เจียงอี้หัวเราะเบาๆและส่งข้อความเสียงไปยังหัวหน้าเหลิ่งทันที “หัวหน้าเหลิ่ง ข้าเชิญท่านมาเพื่อหารือเรื่องใหญ่ ไม่สะดวกที่จะพูดคุยในเมืองนัก ข้าจึงให้ท่านออกมาพูดคุยกันนอกเมือง เรื่องนี้จะต้องไม่รั่วไหลออกไป ไม่เช่นนั้น หัวของพวกเราทั้งสองคงจะขาดสะบั้น ข้าหวังว่าหัวหน้าเหลิ่งจะเข้าใจ”
“เรื่องใหญ่?”
ดวงตาของหัวหน้าเหลิ่งเปล่งประกายและส่งข้อความเสียงกลับไป “หัวหน้าเจียงไม่ได้กำลังจะหลอกข้าใช่หรือไม่?”
เจียงอี้หัวเราะและตอบกลับว่า “หัวหน้าเหลิ่ง หากไม่เชื่อข้า ท่านก็กลับเมืองไปก็ได้ แต่หากท่านอยากทำอะไรใหญ่ๆด้วยกัน เราก็ไปคุยกันที่สันเขาอัสนี ที่นี่มีคนเยอะเกินไป และหากข้อมูลรั่วไหลออกไปมันคงไม่ดีแน่”
เมื่อเจียงอี้ตอบกลับไปเสร็จ เขาก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้าก่อนจะมุ่งตรงไปยังส่วนลึกของสันเขาอัสนี หัวหน้าเหลิ่งตะลึงงันไปขณะที่ดวงตาของเขาสั่นไหวและมองไปยังคนอื่นๆ
บุคคลทั้งห้านั้นดูเหมือนลูกน้องธรรมดาและกลิ่นอายของพวกเขาก็ไม่ต่างไปจากขอบเขตเทียนจุนระดับต่ำเลย เมื่อเจียงอี้บินเข้าไปในสันเขาอัสนี ดวงตาทั้งห้าก็เปล่งประกายความเยือกเย็นออกมาขณะที่หนึ่งในนั้นพูดว่า “หัวหน้าเหลิ่ง มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรหรือไม่?”
“มันจะไปมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรล่ะ?”
อีกคนหนึ่งเย้ยหยันขึ้นมา “เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานยังอยู่ในเมืองและคนของหัวหน้าเจียงก็ยังไม่เคลื่อนไหว และเมื่อมีใครเคลื่อนไหว คนของหัวหน้าเหลิ่งจะส่งข้อความมาอย่างแน่นอน สมาชิกตระกูลลู่เองก็ไม่สามารถมาที่ภูเขาอัสนีได้ แล้วหัวหน้าเจียงจะมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรอีก?”
“ใช่แล้ว!”
ดวงตาของหัวหน้าเหลิ่งเป็นประกายด้วยอายสังหารและพูดว่า “เราจะรีบสังหารมันให้เร็วที่สุด แม้ว่าเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานอยากจะช่วยมัน แต่มันก็จะไม่ได้ผล และเมื่อหมาป่าเดียวดายนั่นตายแล้ว แม่มดเฒ่าลู่ผิงและเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานก็จะไม่อยากขุ่นเคืองกับเราเพราะคนที่ตายไปแล้วหรอก จะลงมือหรือไม่ จงตัดสินใจซะ! ส่วนใครที่ไม่ไปก็กลับเข้าเมืองไปได้เลย แต่ข้าขอพูดตรงๆก่อนเลยว่าหากภายหน้าข้าจะทำอะไรใหญ่ๆ คนๆนั้นก็จะไม่ได้ส่วนแบ่ง…”
ดวงตาของทั้งห้าคนหดลงเพราะพวกเขารู้ดีว่าหัวหน้าเหลิ่งพูดถึงอะไรอยู่อย่างชัดเจน พวกเขายังรู้ด้วยว่าหากพวกเขาไม่ตามหัวหน้าเหลิ่งไปในครั้งนี้ พวกเขาจะทุกข์ทรมานใจเมื่อหัวหน้าเหลิ่งได้อำนาจในภายภาคหน้า อย่างน้อยๆก็คงไม่มีที่ให้พวกเขาได้หลบภัยในเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างอีกต่อไป
“ข้าร่วมด้วย!”
คนคนหนึ่งตะโกนออกมาขณะที่คนอื่นๆกัดฟันและทำตามคนแรก หัวหน้าเหลิ่งเผยรอยยิ้มและโบกมือก่อนที่จะบินไปข้างหน้า เขาตะโกนออกมาว่า “ไปกันเถอะ รอคำสั่งของข้าแล้วปล่อยการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเจ้าออกมาในทันทีที่ข้าบอก เราต้องสังหารมันด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวให้ได้”
ทั้งหกคนใช้โล่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาและบินไปยังสันเขาอัสนี ด้านเหล่าจอมยุทธที่อยู่แถวๆภูเขาอัสนีต่างก็รู้สึกหวาดหวั่นเพราะพวกเขารู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งที่ใหญ่โตกำลังจะเกิดขึ้น บางที ท้องฟ้าเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างอาจกำลังจะเปลี่ยนไป ไอลีนโนเวล
…
เจียงอี้กำลังบินไปด้วยความเร็วที่ไม่เร็วหรือช้าไป เขาบินขึ้นไปยังสันเขาอัสนีกว่าสี่สิบกิโลเมตรและยืนอยู่บนยอดเขาขณะที่รอหัวหน้าเหลิ่งอยู่ เมื่อหัวหน้าเหลิ่งมาที่ภูเขาอัสนีแล้ว พวกเขาจะต้องเข้ามาในสันเขาอัสนีอย่างแน่นอน เจียงอี้และเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานได้คำนวณเรื่องเหล่านี้เอาไว้หมดแล้ว
ฟรึ่บ!
ตามที่คาดไว้ ร่างทั้งหกก็ลอยข้ามท้องฟ้ามาในไม่ช้า พวกเขามีดวงตาที่เย็นชาและมีกลิ่นอายทำลายล้างแผ่ออกมา เมื่อพวกเขาสังเกตเห็นว่ามีเปลวเพลิงอัสนีอยู่ห่างจากเจียงอี้ไปไม่กี่กิโลเมตร ดวงตาของพวกเขายิ่งเย็นชามากขึ้น
“หัวหน้าเหลิ่ง ให้คนของท่านรออยู่ตรงนั้น จะมีแค่เราสองคนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้”
หัวหน้าเหลิ่งอยู่ห่างจากเจียงอี้ราวๆสิบกิโลเมตรและเจียงอี้ตะโกนออกมาอย่างเย็นชา หัวหน้าเหลิ่งขมวดคิ้วและพูดราวกับว่าเขาไม่สนใจเจียงอี้ “หัวหน้าเจียง ห้าคนนี้เป็นลูกน้องที่ซื่อสัตย์ที่สุดของข้า คงไม่จำเป็นต้องทิ้งพวกเขาไว้หรอกใช่ไหม? ฮ่าฮ่าฮ่า ว่ากันตามตรง ข้าค่อนข้างกลัวว่าหัวหน้าเจียงจะวางแผนกับข้าอยู่…”
“ฮ่าฮ่า!”
เจียงอี้หัวเราะออกมาและพูดว่า “หากข้ากำลังวางแผนกับหัวหน้าเหลิ่ง ลูกน้องทั้งห้านั่นก็คงไม่ได้ต่างอะไรกับแผนการข้าเลยใช่ไหม?”
“ดีกว่าไม่มีอะไรเลยแล้วกัน”
หัวหน้าเหลิ่งยืนยันและพูดว่า “หัวหน้าเจียงไม่ต้องกังวล อันที่จริง ทั้งห้าคนนี้เป็นทาสวิญญาณของข้าและพวกเขาจะไม่แพร่งพรายข้อมูลใดๆออกไปแน่นอน”
“ข้าเข้าใจแล้ว!”
เจียงอี้ดูเหมือนผ่อนคลายมากขณะที่เขาชี้ไปที่ยอดเขาที่อยู่ห่างออกไปสามกิโลเมตรและพูดว่า “หัวหน้าเหลิ่ง ท่านและคนของท่านไปที่นั่น อย่าเข้ามาใกล้เกินไป ข้าเกรงว่าท่านเองก็วางแผนต่อต้านข้า….”
หัวหน้าเหลิ่งแสดงสีหน้าละอายใจและพูดว่า “หัวหน้าเจียงล้อข้าเล่นแล้ว ข้าแพ้เจ้าไปแล้ว เมื่อเปลวเพลิงของหัวหน้าเจียงปรากฏขึ้น ข้าก็ต้านทานมันไม่ไหวแล้ว”
หัวหน้าเหลิ่งและคนอื่นๆบินไปยังยอดเขาที่เจียงอี้ชี้ไป ทุกคนตรวจสอบบริเวณนั้นและมองจนแน่ใจว่าไม่มีการซุ่มโจมตีแล้ว ดวงตาของพวกเขาก็เผยความยินดีออกมาขณะที่พากันมองไปที่หัวหน้าเหลิ่งและรอคำสั่งของเขา
หัวหน้าเหลิ่งไม่ได้เคลื่อนไหวขณะที่เขายังคงคอยสัมผัสสิ่งต่างๆรอบๆตัว เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาไม่รู้ว่ามันมาจากที่ใด เขามองไปรอบๆซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ก็ยังไม่เห็นความผิดปกติใดเลย
“หัวหน้าเหลิ่ง!”
เจียงอี้พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ “ลู่ตี๋ย้ายออกไปแล้วและท่านก็สูญเสียผู้สนับสนุนไป ท่านต้องการจะทำธุรกิจการค้าขนาดใหญ่แต่ท่านไม่มีเครือข่ายให้ทำเช่นนั้นได้ ตอนนี้ข้ามีมันแล้วและธุรกิจการค้าของข้าก็ใหญ่กว่าท่าน….เป็นร้อยเท่า ตอนนี้ข้ายินดีให้ท่านร่ำรวยไปกับข้าด้วยกัน ตราบใดที่ท่านรับใช้ข้า ข้าก็จะลืมทุกสิ่งในอดีต ว่ายังไงล่ะ?”
“ใหญ่กว่าร้อยเท่า!”
ดวงตาทั้งห้าคู่ที่อยู่หลังหัวหน้าเหลิ่งเปล่งประกายขณะที่พวกเขาเข้าใจว่าธุรกิจการค้านี้คืออะไร ดูเหมือนว่าเจียงอี้จะสมรู้ร่วมคิดกับเจ้าเมืองลู่ผิงจริงๆ คราวนี้พวกเขาอาจคิดที่จะได้รับการสนับสนุนจากประสบการณ์และสายสัมพันธ์ของหัวหน้าเหลิ่งเพื่อทำการค้านี้อย่างเหมาะสมได้ก็ได้
หัวหน้าเหลิ่งนั้นไม่ได้ดูเดือดดาล แต่ภายในใจของเขานั้นโกรธมาก!
เป็นเวลาร่วมเจ็ดปีที่เขาแสดงออกว่าต้องการร่วมงานกับลู่ผิง แต่นางไม่ไว้วางใจเขา และตอนนี้ นางกลับตัดสินใจร่วมงานกับเจียงอี้ที่เพิ่งเข้ามาอยู่ได้ไม่กี่เดือน? จะไม่ให้หัวหน้าเหลิ่งโกรธได้อย่างไร?
รับใช้เขารึ?
นี่ไม่ใช่สิ่งที่หัวหน้าเหลิ่งต้องการ เขาจะได้เท่าไหร่กันเชียวหากเขารับใช้เจียงอี้? ผู้ใต้บัญชามักจะได้เศษเหลือๆในขณะที่เสี่ยงชีวิตเพื่อหัวหน้าและถูกใช้ประโยชน์ หัวหน้าเหลิ่งเป็นหัวหน้ามาหลายปีแล้ว เขาจะไม่รู้เรื่องพรรค์นี้ได้อย่างไร?
ดังนั้นหัวหน้าเหลิ่งจึงเย้ยหยันออกมา “ฮึฮึ ธุรกิจของหัวหน้าเจียงคือการขายหินอัสนีใช่ไหมล่ะ? ข้าเสียใจด้วยที่จะต้องบอกว่าข้าได้เริ่มธุรกิจนี้กับผู้บัญชาการลู่ตี๋มาตั้งแต่ห้าปีที่แล้วและข้าก็เบื่อมันแล้วล่ะ ตอนนี้ข้าสนใจหัวของหัวหน้าเจียงมากกว่า ทำไมไม่ให้ข้าเล่นกับหัวของเจ้าซะล่ะ? หัวหน้าหลี่, หัวหน้าอิ, พี่หู่, หัวหน้าเฮย, พี่ตง ลงมือ!”
บรึฟ! ฟรั่บ!
ก่อนที่หัวหน้าเหลิ่งจะพูดจบ กลิ่นอายทั้งห้าด้านหลังเขาก็ปรากฏออกมาขณะที่พวกเขาทั้งหมดส่องแสงสว่างไสว ร่างและใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปในทันใดและกลับกลายเป็นรูปลักษณ์เดิม ทุกคนชักอาวุธของตนออกมาและปลดปล่อยการโจมตีที่รุนแรงที่สุด!
จี๊! จี๊!
การโจมตีอันน่าสยดสยองหกสายพุ่งไปทางเจียงอี้ซึ่งมันแหวกห้วงอากาศออกเป็นชิ้นๆทำให้เจียงอี้รู้สึกหายใจไม่ออกแม้ว่าจะยังอยู่ห่างจากพวกเขาไปหลายกิโลเมตรก็ตาม