เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 710 สถานการณ์เปลี่ยนแปลง
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 710 สถานการณ์เปลี่ยนแปลง
ฝ่ามือขนาดยักษ์ของลู่ผิงฟาดเข้าใส่หัวหน้าเหลิ่งและคนอื่นๆ พร้อมกับปลิดชีพพวกเขาทั้งหมดในคราวเดียว กฎเกณฑ์ในเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง มีการแจ้งประกาศอยู่นอกตำหนักเจ้าเมืองซึ่งมันประกาศการก่ออาชญากรรมของหัวหน้าเหลิ่งและกลุ่มของเขา และได้รายงานไปยังผู้อาวุโสถังของตระกูลลู่แล้ว ไม่ว่าหัวหน้าเหลิ่งจะมีความผิดจริงหรือไม่ แต่ทุกคนในเมืองต่างรู้ดีว่า ตอนนี้มีเพียงเสียงเดียวที่สามารถควบคุมเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างได้ นั่นคือเสียงของหัวหน้าเจียง!
เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานส่งข้อความว่านางจะจากเมืองนี้ไปอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า หนิวเติงและหยางตงนั้นก็ถือว่าเป็นคนของเจียงอี้ ไม่มีผู้ใดในเมืองนี้กล้าต่อต้านเจียงอี้ได้อีกต่อไป ในคืนนั้น เจียงอี้ได้เลี้ยงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนทั้งหมด และมีประโยคหนึ่งอยู่ในจดหมายเชิญว่า “บรรดาผู้จำนนจะรุ่งเรือง ส่วนผู้ต่อต้านจะพินาศสิ้น”
ไม่มีผู้ใดอยากตาย ทาสมากมายยังคงทำงานไม่ครบหนึ่งปีและยังออกจากเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างไม่ได้ แต่มันจะต่างอะไรหากพวกเขาออกไปจากเกาะอัสนีฟ้ากระจ่าง? แต้มความดีความชอบเป็นสิ่งจำเป็นในทุกๆเมือง หากปราศจากแต้มเหล่านั้น ย่อมทำได้เพียงเดินเตร่อยู่ด้านนอกและจะถูกกองโจรสังหารหรือไม่ก็เข้าร่วมกับกองโจรเท่านั้น
มีกองโจรมากกว่าหมื่นกองอยู่ใกล้หมู่เกาะมังกรขาว พวกเขาทำสงครามกันเป็นครั้งคราวและฝั่งหนึ่งจะถูกสังหารหรือไม่ก็เป็นผู้สังหารคนอื่นเสมอ ชีวิตของพวกเขาไม่ปลอดภัยและอาจตายเมื่อใดก็ได้ ต่อให้พวกเขาเข้ากองโจร คนผู้นั้นก็จะต้องเริ่มไต่เต้าขึ้นไปใหม่และอาจถูกลอบสังหารได้อยู่ดี
ดังนั้นเหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนกว่าแปดในสิบส่วนมายังโรงเตี๊ยมร้อยบุปผาในคืนนั้น ซึ่งหมายความว่าพวกเขามาอยู่ภายใต้บัญชาการของเจียงอี้แล้ว แต่แน่นอนว่ายังมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนอีกส่วนหนึ่งที่ออกจากเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างไปเพื่อหากินและหาบ้านใหม่ให้ตัวเอง คนเหล่านี้เป็นลูกน้องที่ซื่อสัตย์ที่สุดของหัวหน้าเหลิ่ง หัวหน้าหลี่และคนอื่นๆ พวกเขารู้ดีว่ายังไงพวกเขาก็คงไม่ได้อยู่ในตำแหน่งสำคัญแม้ว่าพวกเขาเลือกที่จะอยู่ต่อก็ตาม
เฉียนว่านก้วนมีความสุขอย่างมาก เขาเป็นเพียงนายน้อยตระกูลเล็กๆที่สามารถสั่งการผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนกว่าร้อยคนและขอบเขตจินกังอีกนับหมื่นคนได้ในสักวัน ไม่ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น อย่างน้อยในเวลานี้เขาก็ตื่นเต้นมากจนไม่มีอารมณ์จะกินหรือนอนเลย เขาอุทิศตนไปกับการรวบรวมลูกน้องใหม่และพยายามควบคุมทาสให้เร็วที่สุดทั้งวันทั้งคืน
หนิวเติงและคนอื่นๆเองก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน พวกเขาเป็นขอบเขตเทียนจุนกลุ่มแรงที่ยอมจำนนกับเจียงอี้และในตอนนี้ผู้บัญชาการของเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานต่างก็เจริญรุ่งเรืองกันมาก ทุกคนมีทหารและม้าที่แข็งแกร่ง พวกเขาได้กลายเป็นทั้งหัวหน้า, ผู้พิทักษ์ หรือแม้กระทั่งแม่ทัพกันแล้ว
แน่นอนว่า…
ทุกคนนั้นโปร่งใสและไม่มีเจตนาที่จะจัดกลุ่มขึ้นมาใหม่หรือมีแผนการอื่นใดพวกเขาทั้งหมดรู้ดีว่าในเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างมีหัวหน้าเพียงคนเดียว นั่นคือหัวหน้าเจียง!
ใครก็ตามที่กล้าแสดงความคิดทรยศแม้แต่นิดเดียวจะถูกลดตำแหน่งลงไปจนไม่เหลืออะไรเลย แม้ว่าจะมีคนที่แข็งแกร่งกว่าเจียงอี้ ซึ่งยังไม่มีใครแข็งแกร่งกว่าเขา แล้วคนๆนั้นจะทำอะไรได้? คนผู้นั้นจะแข็งแกร่งกว่าลู่ผิงด้วยหรือ? เจียงอี้ได้รับการหนุนหลังจากผู้ปกครองเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างแล้ว
เจียงอี้อยู่ในเมืองเป็นเวลาครึ่งเดือนและเฉียนว่านก้วนก็ไม่ทำให้เขาผิดหวังเลย เขาคิดระบบและแนวทางต่างๆร่วมกับเฟิ่งหลวน ซึ่งพวกเขาตั้งหน่วยลับที่ปฏิบัติตามคำสั่งของเฟิ่งหลวนโดยตรงและคอยติดตามทุกคนในเมืองอย่างใกล้ชิด ด้วยการมีหน่วยลับนี้ เหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนในเมืองจะไม่กล้าแม้แต่จะคิดกบฏ
ในเวลาเดียวกันก็มีกลุ่มลับที่มีมังกรวารีเป็นผู้บัญชาการและคอยปฏิบัติตามคำสั่งของเฉียนว่านก้วนด้วย ซึ่งคนกลุ่มนี้มีหน้าที่ขายหินอัสนี
เฉียนว่านก้วนเริ่มคัดเลือกผู้คนและวางแผนใช้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังอย่างลับๆซึ่งพวกเขาจะกลายเป็นทาสวิญญาณของมังกรวารีสีทอง มีเพียงทาสวิญญาณเท่านั้นที่ซื่อสัตย์ที่สุด
แต่แน่นอนว่า….ในตอนที่ขายหินอัสนี คนกลุ่มนี้ต้องมีผู้คุ้มกันเป็นขอบเขตเทียนจุน ซึ่งเฉียนว่านก้วนต้องตัดสินใจเลือกผู้สมัครงานนี้ด้วย อย่างไรก็ตามแต่ ผู้คุ้มกันเหล่านั้นมีหน้าที่เพียงแค่รับผิดชอบเรื่องความปลอดภัยเพียงอย่างเดียว ส่วนเรื่องอื่นๆหรือหลักฐานใดๆ เฉียนว่านก้วนจะไม่ให้พวกเขารู้เป็นอันขาด
ทุกอย่างกำลังมุ่งไปในทางที่ดีซึ่งลู่ผิงพอใจกับความก้าวหน้าของเจียงอี้ในการรวบรวมทาสในเมืองนัก พวกเขาได้เตรียมการกับผู้บัญชาการลู่เฟิงและจะเริ่มขายหินอัสนีชุดแรกภายในสามเดือนข้างหน้านี้
เจียงอี้ให้เฟิ่งหลวนและเฉียนว่านก้วนคอยจัดการทุกอย่าง ส่วนเขาก็พาเจียงเสี่ยวนู๋ไปยังอีกฝั่งของภูเขาอัสนีเพื่อบ่มเพาะพลังกัน
เมืองได้รวมเป็นหนึ่งเดียว การที่เจียงอี้ออกจากเมืองไปเช่นนั้น ทำให้เกิดความโกลาหลในเมือง นี่เจียงอี้มั่นใจขนาดนั้นเชียวหรือ? เขาเชื่อใจคนของเขามากเช่นนี้เลยหรือ? จะเกิดอะไรขึ้นหากมีคนแอบวางแผนที่จะลอบสังหารเขา?
ยิ่งเจียงอี้แสดงออกเช่นนี้ เหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนและจอมยุทธในเมืองก็ยิ่งระมัดระวังกันมากขึ้นเท่านั้น พวกเขายังประทับใจในเสน่ห์ของเจียงอี้ด้วย นี่คือวิถีที่หัวหน้าควรจะเป็น ด้วยความมั่นใจที่หนักแน่น ฝูงชนจะยิ่งกลัวและไม่กล้ามีความคิดอื่นใด และพวกเขาจะปฏิบัติตามกฎของเฟิ่งหลวนและเฉียนว่านก้วนอย่างเชื่อฟัง
หลังจากที่ผ่านไปหนึ่งเดือน เมืองก็สงบสุขอย่างสมบูรณ์ ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนอย่างสมบูรณ์แบบ ดูเหมือนว่าหัวหน้าเหลิ่งและกลุ่มของเขาจะถูกลืมไปแล้ว ในใจของทุกคนนั้นมีเพียงหัวหน้าเจียง, ใต้เท้าเฉียนและเฟิ่งหลวนเท่านั้น ไอรีนโนเวล
ผู้คนต่างออกนอกเมืองไปเพื่อรวบรวมหินอัสนีกันเป็นกลุ่ม แต่ในครั้งนี้เจียงอี้ไม่ได้ทำตามกฎเดิมๆ เขารวบรวมหินอัสนีทั้งหมดและส่งไปยังตำหนักเจ้าเมืองแทนผู้คนทั้งหมด!
เจียงอี้จะเก็บหินอัสนีส่วนที่เกินมาของแต่ละวันไว้ โดยจ่ายค่าตอบแทนเป็นศิลาสวรรค์จำนวนหนึ่งให้แก่ผู้ที่เก็บมา แม้ว่าเจียงอี้จะจ่ายในอัตราที่ต่างจากตำหนักเจ้าเมืองที่จ่ายศิลาสวรรค์หนึ่งพันก้อนสำหรับหินอัสนีหนึ่งก้อนก็ตาม ค่าตอบแทนที่เจียงอี้เสนอให้นั้นก็ถือว่าดีทีเดียว และผู้คนยังสามารถนำศิลาสวรรค์ไปแลกแต้มความดีความชอบในตลาดมืดด้านนอกเมืองได้อีกด้วย
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเจียงอี้ทำอะไรกับหินอัสนีที่รวบรวมได้และก็ไม่มีใครกล้าถามเขา เหล่าจอมยุทธธรรมดานั้นไม่รู้จักการขายหินอัสนี ส่วนผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนที่รู้เรื่องนี้ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว พวกเขากลัวว่าหากพวกเขาพูดมันออกมา พวกเขาจะถูกสังหารตายไปเลย
อันที่จริงมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนหลายคนในเมืองสงสัยว่าลู่ผิงอาจร่วมมือกับเจียงอี้เพื่อขายหินอัสนี แต่มันคงไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นหากพวกเขาบอกคนอื่นเพราะพวกเขาต้องการหลักฐาน และหากพวกเขารายงานเรื่องของเจียงอี้และลู่ผิงโดยที่ยังไม่มีหลักฐานอะไร พวกเขาอาจถูกกล่าวหาว่าป้ายสีผู้บริสุทธิ์ก็ได้
เฉียนว่านก้วนละเอียดอ่อนในเรื่องการจัดการธุรกิจการค้าและกำหนดกฎเกณฑ์เข้มงวดมาก และมีสมาชิกกลุ่มลับอยู่ทั่วทุกหนแห่ง ผู้คนต่างก็รู้ถึงการมีอยู่ของกลุ่มลับนี้ แต่ไม่มีผู้ใดรู้ว่าสมาชิกเหล่านั้นเป็นใครกันบ้าง
“ดีมาก!”
หลังจากผ่านไปสองเดือน เฉียนว่านก้วนรายงานกับเจียงอี้ว่าเขาจะนำกลุ่มลับออกไปทำการค้าหลังจากผ่านไปสามเดือน เจียงอี้เองก็พอใจกับผลลัพธ์นี้มากและปล่อยให้เฉียนว่านก้วนดำเนินการตามแผนด้วยตัวเขาเอง เจียงอี้ไม่ได้กลับมาที่เมืองและยังคงบ่มเพาะพลังอยู่ใกล้ๆภูเขาอัสนีและทำความเข้าใจรูปแบบเต๋าอยู่
การบ่มเพาะแก่นแท้พลังนั้นรวดเร็วมาก แต่น่าเสียดายที่เขาเข้าถึงรูปแบบเต๋านั้นมาหลายเดือนแล้ว…แต่ก็ยังไม่มีความก้าวหน้าใดๆ หลังจากที่เฉียนว่านก้วนกลับไป เจียงอี้ก็มองไปยังภูเขาอัสนีที่อยู่ไกลออกไปและคิดไตร่ตรองเงียบๆว่าเขาควรจะล้มเลิกการเข้าถึงรูปแบบเต๋านี้ดีหรือไม่
จะเกิดอะไรขึ้นหากเขายังไม่เข้าใจรูปแบบเต๋านี้ในอีกหนึ่งปี, ห้าปี หรือแม้แต่สิบปี? เขาจะอุทิศพลังงานทั้งหมดของเขาไปกับทางตันหรือเปล่า? และเขาก็ไม่ได้มีเวลามากขนาดนั้น ซูรั่วเสวี่ยกำลังรอให้เขาไปช่วยอยู่
“เฮ้อ…รูปแบบเต๋านี้ล้ำเลิศไปมากนัก ข้าน่าจะยอมแพ้ไปดีกว่า!”
เขามองภูเขาอัสนีที่อยู่ไกลออกไปอย่างเสียดายอีกครั้ง เขาขันแข็งมาหลายเดือนแล้วแต่ก็ไม่ได้อะไรเลย แต่ลึกๆแล้วเขาก็ไม่อยากจะล้มเลิกมัน
ตูม!
สายฟ้าฟาดลงมาจากท้องฟ้า มันแทงทะลุท้องฟ้าจนขาดออกจากกัน ทันใดนั้น เจียงอี้ก็รู้สึกว่าสายฟ้าฟาดลงมาที่หัวเขาในยามนี้ สายตาของเขามีความสับสนแล่นผ่านมา จากนั้นเขาก็พึมพำ “ล้ำเลิศ? ล้ำเลิศ? ล้ำเลิศ!”
“ข้าคิดผิดไป!”
เจียงอี้พึมพำก่อนที่แสงสีทองจะส่องประกายในดวงตาเขา เขายืนมองภูเขาอัสนีที่อยู่ห่างไกลออกไปอย่างตื่นเต้นและร้องออกมา “ข้าคิดผิด! ข้าเข้าใจผิดเอง! ร่องรอยของพลังแห่งเต๋านั้นไม่ใช่รูปแบบเต๋าจริงๆ หรืออีกนัยหนึ่งคือ…มันไม่ใช่ทั้งรูปแบบเต๋าระดับต่ำธรรมดา แต่อาจเป็นระดับกลาง หรือแม้แต่ระดับสูงเลย! มันไม่ได้เป็นเพียงรูปแบบเต๋ารูปแบบเดียว แต่เป็นรูปแบบเต๋าระดับสูงที่ประกอบด้วยรูปแบบเต๋าระดับต่ำสามหรือเก้ารูปแบบ รูปแบบเต๋าผสานนั้นซับซ้อนมาก แต่ข้ากลับพยายามทำความเข้าใจมันโดยที่ไม่เข้าใจมันจริงๆ แล้วข้าจะเข้าถึงรูปแบบเต๋านี้ทันทีได้อย่างไร?”
รูปแบบเต๋าระดับกลางถูกผสานไปด้วยรูปแบบเต๋าระดับต่ำสามแบบ ส่วนรูปแบบเต๋าระดับสูงนั้นผสานไปด้วยรูปแบบเต๋าระดับกลางสามแบบ ซึ่งกลิ่นอายของรูปแบบเต๋าที่เจียงอี้พยายามเข้าใจมันอยู่นี้ไม่ได้เป็นเพียงรูปแบบเต๋าชนิดเดียว แต่มันมีถึงสามหรือเก้ารูปแบบที่ถูกหลอมรวมไว้ด้วยกัน ไม่ว่าเขาจะมีพรสวรรค์เพียงใด เขาก็คงไม่สามารถเข้าถึงรูปแบบเต๋าผสานได้อย่างง่ายดายนัก
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เจียงอี้หัวเราะออกมา หลังจากที่เขาพบสาเหตุของมัน เขาก็มีความสุขมากเหมือนได้มองเห็นฟ้าที่งดงามหลังเมฆครึ้มเสียที
รูปแบบเต๋านี้หลอมรวมกันอย่างประณีต แต่เขาแกะรอยมันทีละชั้นได้และค่อยๆเข้าใจรูปแบบเต๋าระดับต่ำที่อยู่ในนั้นก่อน จนสุดท้ายค่อยผสานมัน จากนั้นเขาก็จะเข้าใจรูปแบบเต๋าระดับสูงได้!