เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 713 อำลา
เก้าวัน!
เจียงอี้ใช้เวลาเข้าถึงรูปแบบเต๋าระดับต่ำในเวลาเพียงเก้าวัน หากผู้อื่นรู้ถึงความก้าวหน้าอันน่าทึ่งของเขา พวกเขาคงจะตกตะลึงมาก
การเข้าถึงนั้นต่างจากการประจักษ์ การประจักษ์สามารถพบได้โดยบังเอิญเท่านั้น แม้แต่ผู้มีอำนาจอย่างเก้าจักรพรรดิเองก็ไม่เคยบังคับตัวเองให้บรรลุการประจักษ์ได้!
อย่างเช่นที่เจียงอี้ประจักษ์รูปแบบพันธนาการสายลมและรูปแบบเต๋าอัคคีได้ มันใช้เวลาสั้นมากและอาจใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีหรือเพียงไม่กี่วัน
ในทางกลับกัน การเข้าถึงนั้นเป็นการทำความเข้าใจกับรูปแบบเต๋าที่เฉพาะเจาะจงเพื่อพิสูจน์และแกะรอยความคิดที่คิดเอาไว้ และมันก็มีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะคาดเดาผิดและต้องเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่ต้น
ส่วนที่ยากที่สุดของการเข้าถึงรูปแบบเต๋านั้นคือพื้นฐาน และเมื่อรู้พื้นฐานมันแล้วก็จะเข้าถึงรูปแบบเต๋าได้ นอกจากมีสิ่งใดผิดพลาด ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวของพวกเขาคือเวลาที่พวกเขาใช้ เหล่าอัจฉริยะที่เก่งกาจมักใช้เวลาประมาณครึ่งเดือน ส่วนผู้ที่มีพรสวรรค์ที่ไม่สูงมากมักใช้เวลาหลายเดือนหรือหลายปี ส่วนเจียงอี้ใช้เวลาเพียงเก้าวันซึ่งพรสวรรค์ของเขาอยู่ในระดับสูงอย่างแน่นอน
แต่แน่นอนว่ามันเป็นเพราะเขาเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ซึ่งมันเพิ่มความเร็วได้ ดังนั้นเมื่อคำนวณดูแล้ว เขาจึงน่าจะเป็นคนที่มีพรสวรรค์แต่ยังไม่ถึงระดับสูงขนาดนั้น
ฮู่ ฮู่!
เจียงอี้ถอนหายใจและหายใจเข้าเฮือกใหญ่และนำราชวังจักรพรรดิมาดูเจียงเสี่ยวนู๋และจิ้งจอกน้อย
จากนั้นเขาก็กลืนเม็ดยาพลังงานไม่กี่เม็ดก่อนที่จะเรียกผู้คุมขอบเขตเทียนจุนทั้งสองมาและถามถึงเหตุการณ์ในเมือง เมื่อเขาพบว่าแผนของเฉียนว่านก้วนเป็นไปได้ด้วยดีและเมืองก็สงบ เขาก็เข้าสู่สันโดษต่อไป
….
เพียงพริบตา วันเวลาก็ล่วงเลยไปสามเดือนแล้ว
เจียงอี้นั่งขัดสมาธิอยู่บนสันเขาอัสนีและฝึกฝนเงียบๆ ส่วนเหล่าผู้ที่มายังภูเขาอัสนีก็จะมาคอยดูเจียงอี้ก่อน หลังจากนั้นพวกเขาก็จะนั่งอยู่ใต้ภูเขาอัสนีอย่างสบายใจ เพราะเจียงอี้ ระเบียบรอบๆภูเขาอัสนีจึงดีมากและไม่มีใครแก่งแย่งหินอัสนีกันถึงตาย
ฟรึ่บ! ฟรั่บ!
ในวันหนึ่ง เสียงอากาศหลายสิบสายก็แหวกผ่านท้องฟ้ามาจากทางเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างและมันได้ทำให้เหล่าจอมยุทธที่ภูเขาอัสนีรับรู้ถึงการมาของพวกเขา พวกเขาลุกขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนกทันทีและคำนับคนกลุ่มนั้น “คารวะท่านเฉียน, พี่หลวน, ท่านหยาง, ท่านหนิว และทุกๆท่าน!”
เฉียนว่านก้วน, หยางตง, หนิวเติง, เฟิ่งหลวนและคนอื่นๆมารวมตัวกันที่นี่ เหล่าจอมยุทธทั้งหลายไม่ได้สนใจผู้อื่นมากเท่าใดนัก และมีหลายคนที่ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวต่อเฟิ่งหลวน, หนิวเติงและหยางตงเลย แต่เมื่อมองไปที่เฉียนว่านก้วน ดวงตาของพวกเขากลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว!
ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมานี้ เฉียนว่านก้วนได้ทำให้ตัวเองเป็นที่จดจำของพวกเขา ผู้คนนับร้อยถูกเขาประหารไปและในหมู่พวกที่ตายไปก็มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนเกือบสิบคน แล้วจะไม่ให้พวกเขาหวาดกลัวได้อย่างไร?
ผู้ที่ถูกสังหารไปนั้นเป็นพวกที่ดื้อด้านหรือมีความคิดกบฏ เหล่ากลุ่มลับได้แสดงพลังอำนาจของพวกเขาออกมาในข่วงสามเดือนที่ผ่านมาอย่างเต็มที่
เจียงอี้ออกจากเมืองมาหลายเดือนแล้ว และที่เมืองก็สงบมาก หลายๆคนลืมความดุร้ายของเจียงอี้ไปแล้ว ดังนั้นจึงมีคนบางกลุ่มพูดลับหลังเขา บางคนก็มีการชุมนุมกันอย่างลับๆและมีผู้สมคบคิดที่จะต่อต้านเขา
แต่ไม่ว่าการชุมนุมจะลับมากเพียงใด แต่เฉียนว่านก้วนก็ได้รับข่าวสารเสมอตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเขาเริ่มชุมนุมกัน และจากนั้นเขาก็ส่งคนไปสังหารผู้คนเหล่านั้นในที่สาธารณะเมื่อพวกเขาออกจากประตูเมืองและประกาศว่าบุคคลเหล่านี้ก่ออาชญากรรม
กลุ่มลับมีอยู่ทุกหนแห่ง และผู้คนไม่รู้ว่าใครเป็นสมาชิกของหน่วยลับนี้บ้าง มันอาจเป็นสหายเก่าหรือผู้หญิงในโรงเตี๊ยมร้อยบุปผาที่อยู่ในอ้อมกอดของพวกเขาก็ได้ เมื่อหัวนับร้อยหัวถูกตัดในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เฉียนว่านก้วนก็ได้กลายเป็นเทพสังหารรุ่นที่สองและไม่มีผู้ใดกล้ารวมตัวหรือมีความคิดอื่นอีกเลย
“ลุกขึ้นเถอะ!” ไอลีนโนเวล
เฉียนว่านก้วนยิ้มและโบกมือของเขา ซึ่งมันทำให้หลายคนรู้สึกหนาวไปถึงกระดูกสันหลัง ทุกๆครั้งที่มีคนถูกสังหารที่ประตูเมือง เฉียนว่านก้วนก็จะยิ้มแย้มอยู่เสมอ และมีหลายคนที่คิดว่าชื่อ เสือยิ้ม นั้นเหมาะกับเฉียนว่านก้วนแล้ว
ฟรึ่บ!
เฟิ่งหลวนและเฉียนว่านก้วนพาคนอื่นๆบินไปหาเจียงอี้ เมื่อพวกเขาเห็นทหารทั้งสองกำลังจะพูดอะไรออกมา เฟิ่งหลวนก็โบกมือและพูดว่า “พวกเจ้าไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ครั้งนี้มีเรื่องสำคัญที่หัวหน้าเจียงจะต้องกลับไปที่เมือง”
เฟิ่งหลวนดูหนักแน่นมาก นางส่งข้อความเสียงไปยังเจียงอี้พร้อมๆกัน เสื้อผ้าของเจียงอี้พลิ้วไสวแม้ไม่มีลมผ่านมา จากนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นมาและหันไปมอง “พี่ใหญ่จะไปแล้วหรือ?”
เมื่อเห็นพวกเขาพยักหน้า เจียงอี้ก็ลุกขึ้นมาและกลายเป็นกระแสแสงสีขาวพุ่งตรงไปยังเมืองอัสนีฟ้ากระจ่าง เขาโบกมือและตะโกนว่า “ทุกคน ฟังข้า รีบกลับเข้าไปรวมตัวกันที่จัตุรัสของเมืองเดี๋ยวนี้”
ฟรึ่บ!
เหล่าจอมยุทธที่อยู่ใต้ภูเขาอัสนีทำตามทันที พวกเขาทั้งหมดบินไปที่เมืองอย่างเร็วที่สุดและไม่เกิดความวุ่นวายใดๆ
เมื่อมีเทพสังหารสองคนอยู่ที่นี่ ผู้ที่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งคงจะต้องลงเอยด้วยความตายอย่างโหดเหี้ยม
หลังจากที่ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เจียงอี้ก็กลับมาถึงเมืองพร้อมกับกลุ่มของเขาก่อน เขากวาดมองไปที่หนิวว่างที่รออยู่ที่ประตูเมืองและถามอย่างเงียบๆว่า “เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานอยู่ไหน?”
หนิวว่างตอบอย่างกระตือรือร้น “อยู่ที่จัตุรัสเมืองขอรับ หากหัวหน้าเจียงมาช้ากว่านี้ ข้าเกรงว่านางคงจะไปแล้วขอรับ”
ฟรึ่บ!
เจียงอี้ไม่มีเวลาได้ทักทายผู้บังคับบัญชาที่เฝ้าประตูเมืองและพุ่งตรงไปที่จัตุรัสของเมืองในทันที
มีผู้คนมากมายอยู่ที่จัตุรัสของเมือง เฟิ่งหลวนนั้นรู้จักเจียงอี้เป็นอย่างดี หลังจากที่ได้ข้อความจากเสี่ยวหง นางก็ให้ทุกคนไปรวมตัวกันที่จัตุรัสและให้ชิงหยีหยุดเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานไว้ก่อน และนางกับเฉียนว่านก้วนจะไปเชิญเจียงอี้กลับมา
ฟรึ่บ!
เจียงอี้รีบวิ่งมาแต่ไกล เขาโล่งใจเมื่อพบร่างที่อยู่ในชุดสีเขียวมรกตอยู่ที่จัตุรัส เขาค่อยๆวิ่งช้าลงและพวกเขาก็มองหน้ากันแต่ไกล แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะมีเรื่องราวมากมายที่อยากพูดคุยด้วยตอนนี้ แต่เมื่อทั้งสองสบตากัน พวกเขาก็รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก พวกเขาเข้าใจจิตใจของกันและกันเป็นอย่างดีแม้ว่าจะไม่ได้พูดมันออกมาก็ตาม
เสี่ยวหงอยู่ข้างหน้าเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานสามสิบเมตรและคุกเข่าอยู่บนพื้น หน้าตาที่ถูกแต่งแต้มของนางเลอะเทอะไปหมดเพราะน้ำตา นางไม่กล้าที่จะร้องไห้เสียงดังและเพียงแค่จ้องมองไปที่เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานพร้อมกับสายน้ำตาที่ไหลรินออกมาจากดวงตาของนางอยู่ตลอดเวลา
คนสองหมื่นคนมารวมตัวกันที่ด้านหลังเสี่ยวหงอย่างเป็นระเบียบ พวกเขาดูมืดมนและจับจ้องไปที่เจียงอี้
เจียงอี้หยุดเดินต่อเมื่อเขาอยู่ห่างออกไปสามร้อยเมตร เขากับเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานมองหน้ากันเกือบห้านาที และเมื่อจอมยุทธกว่าสองหมื่นคนที่กลับมาจากภูเขาอัสนีมารวมตัวกันข้างหลังเขาแล้ว เขาก็ยกมือขึ้นและตะโกนว่า “อำลาเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน!”
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟรึ่บ!
นอกจากเจียงอี้ ทุกๆคนรวมถึงเฟิ่งหลวนและเฉียนว่านก้วนก็แสดงความเคารพและตะโกนว่า “อำลาเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวาน!”
เสียงตะโกนของคนนับหมื่นนั้นดังก้องนัก!
ตอนนี้ แก้วหูของจอมยุทธระดับล่างเริ่มสั่นเทา เมืองอัสนีฟ้ากระจ่างเองก็สั่นเล็กน้อยในตอนนี้ เสียงคำรามนั้นดังสนั่นจนฟ้าดินสะเทือนและดังก้องไปครึ่งเกาะอัสนีฟ้ากระจ่าง….