เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 716 กองทัพวายุทมิฬ
เฉียนว่านก้วนนับว่าเป็นพี่น้องของเจียงอี้ ทั้งเขาและจ้านอู๋ซวงมีสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับเจียงอี้โดยเฉพาะเฉียนว่านก้วน เขาเต็มใจที่จะละทิ้งทุกสิ่งเพื่อติดตามเจียงอี้อย่างสุดหัวใจ
เจียงอี้เป็นคนเลือดเย็นและโหดร้ายต่อศัตรูของเขา แต่เขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์กับคนของเขามาก เขาเต็มใจเสี่ยงชีวิตเพื่อเฉียนว่านก้วนและจ้านอู๋ซวง มันสามารถจินตนาการได้เลยว่าเขาโกรธมากเพียงใดกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ฟรึ่บ!
เขาบุกไปยังตำหนักเจ้าเมืองและมุ่งหน้าขึ้นไปชั้นที่สองโดยตรง เขายังเมินเฉยต่อองครักษ์ของตระกูลลู่ที่ทักทายเขาหน้าประตูและรีบเดินตรงไปยังห้องโถงใหญ่ของลู่ผิงพร้อมกับตะโกนว่า “ท่านเจ้าเมือง หมาป่าเดียวดายขอเข้าพบขอรับ”
บรึฟ!
อาคมยับยั้งของประตูสว่างขึ้นและมันค่อยๆเปิดออก เจียงอี้เดินเข้ามาและลืมทักทายนางขณะที่เขาพูดอย่างร้อนรน “ท่านเจ้าเมือง มีบางอย่างเกิดขึ้นกับว่านก้วนขอรับ”
“ข้ารู้แล้ว!”
ลู่ผิงโบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้เจียงอี้ผ่อนคลายลง นางนิ่งไปชั่วขณะก่อนจะพูดต่อ “อันที่จริง….ข้าได้ข้อมูลนี้มาเมื่อวาน ข้าได้ส่งคนออกไปตรวจสอบเรื่องนี้ทันทีและได้ข้อมูลบางอย่างมาแล้ว”
เจียงอี้สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะตอบว่า “โปรดพูดต่อเลย ข้าฟังอยู่ขอรับ”
ลู่ผิงพยักหน้า “คนที่ทำเรื่องนี้คือกลุ่มโจรภูเขาที่ถูกเรียกขานว่ากองทัพวายุทมิฬ พวกเขาอยู่ในอันดับที่สิบในบรรดากองกำลังทั้งหมดในเกาะพยัคฆ์ขาว พวกเขาลงมือที่เกาะพยัคฆ์ขาวและหัวหน้าเฉียนก็ถูกโจมตีในขณะที่เขากำลังกลับเมืองหลังจากที่ทำเรื่องต่างๆเสร็จแล้ว พวกเขารู้ดีว่าใครเป็นเป้าหมายของพวกเขาและยังรู้ถึงตัวตนของหัวหน้าเฉียน ไม่เช่นนั้นหัวหน้าเฉียนก็คงจะตายไปแล้ว หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ มีคนล่วงรู้แผนการของเราและจงใจลักพาตัวหัวหน้าเฉียนไป”
“เอ่อ…”
ก่อนหน้านี้เจียงอี้ถูกครอบงำไปด้วยความโกรธและจิตใจของเขาก็เต็มไปด้วยความเดือดดาลและกลิ่นอายสังหาร ในตอนนั้นเขาไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้เลย แต่ในตอนนี้เขารู้สึกประหลาดใจและดวงตาของเขาก็สั่นไหวขณะที่ตอบว่า “เป็นไปได้อย่างไรกัน? นอกจากจะมีคนทรยศในหมู่พวกเรา? เป็นไปไม่ได้! ว่านก้วนระวังตัวอย่างมากในสิ่งที่เขาทำ นอกจากนี้ยังมีเพียงทาสวิญญาณเท่านั้นที่รู้เรื่องรายละเอียดเบื้องลึก มันไม่น่ามีผู้ทรยศในฝั่งของข้า”
“ข้ามั่นใจว่าหัวหน้าเฉียนจัดการงานของเขาได้ดีเช่นไร!”
ลู่ผิงพยักหน้า “ข้าไม่มีข้อสงสัยในเรื่องผู้ทรยศฝั่งเจ้าเลย นอกจากนี้ข้ายังรับประกันได้ด้วยว่าฝั่งของข้าก็ไม่มีผู้ทรยศ”
เจียงอี้หรี่ตาลงก่อนที่จะร้องออกมาอย่างตื่นตระหนก “อย่าบอกนะว่าเบื้องบนเริ่มสนใจเราแล้ว? ไม่น่าเป็นไปได้ หากพวกเขาสังเกตเรา มันคงไม่ใช่การเคลื่อนไหวจากกลุ่มโจรภูเขา มันน่าจะเป็นกลุ่มผู้บังคับการมากกว่า”
“ใช่แล้ว!”
ลู่ผิงก็เห็นด้วย นางเล่าว่า “ไม่น่าจะใช่ปัญหาจากเบื้องบน เพราะหากมีข่าวคราวใดๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้าจะรู้เรื่องทันที ข้าคิดเรื่องนี้มาทั้งคืนและสงสัยว่ากำลังมีคนพยายามสร้างปัญหาอยู่เงียบๆ เขารู้ถึงสิ่งที่เราพยายามทำกันเป็นอย่างดี นอกจากนี้เขายังแอบตรวจสอบเฉียนว่านก้วนและคนของเขาอย่างเงียบๆ หลังจากนั้น เขาก็ขายข่าวนี้ให้กับกองทัพวายุทมิฬ ซึ่งเข้ามาขัดขวางเราเช่นนี้”
กลิ่นอายเย็นยะเยือกแผ่ซ่านออกมาจากดวงตาของเจียงอี้ขณะที่เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่โกรธเกรี้ยว “ใครกัน?!”
ลู่ผิงจ้องมองไปที่หน้าต่างขณะที่นางพูดออกมาว่า “ลู่ตี๋!”
“เขาเองหรือ?”
กลิ่นอายเย็นเยียบในดวงตาของเจียงอี้ปะทุออกมา หลังจากที่ไตร่ตรองเรื่องนี้แล้ว เขาก็รู้สึกว่ามีความเป็นไปได้สูงมากเช่นกัน แต่เดิมลู่ตี๋ร่วมมือกับหัวหน้าเหลิ่งเพื่อขายหินอัสนี ซึ่งทำให้เขาได้หินอัสนีมากมาย เขาก็คงจะโกรธแค้นพวกเขาอยู่แล้วที่วิถีชีวิตของเขาถูกลู่ผิงสะบั้นขาดโดยการย้ายเขาไปที่อื่น บางทีเขาอาจกลัวผู้มีอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังลู่ผิงและไม่กล้าวางแผนอย่างเปิดเผย ดังนั้นเขาจึงได้ค้นหาสถานที่ลับก่อนที่จะสมรู้ร่วมคิดกับกลุ่มโจรภูเขาเพื่อรีดไถเจียงอี้ก็ได้
“ลู่ตี๋! กองทัพวายุทมิฬ!”
เจียงอี้กัดฟันและพูดว่า “ท่านมีข้อมูลของกองทัพวายุทมิฬหรือไม่? พวกมันมีทั้งหมดกี่คน? แล้วความแข็งแกร่งของพวกมันล่ะขอรับ?”
“ข้าไม่มั่นใจ!”
ลู่ผิงตอบว่า “เจ้าคงกำจัดพวกมันไม่ได้ มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนอยู่ในนั้นไม่ต่ำกว่าร้อยคน และมีห้าคนอยู่ระดับกลางในขณะที่สามคนมีฝีมือใกล้เคียงกับหัวหน้าเหลิ่ง เจ้าก็ไม่น่าสังหารหัวหน้าเหลิ่งได้ใช่ไหมล่ะ? หัวหน้าเจียง….เรื่องนี้ข้าคงช่วยเจ้าไม่ได้ เจ้าเมืองพยัคฆ์ขาวไม่ใช่สายเลือดเดียวกับข้า และแม้ว่าเขาจะเป็นสายเลือดเดียวกับข้า ข้าก็ขอความช่วยเหลือไปไม่ได้เช่นกัน หากมีคนรู้ถึงเหตุการณ์นี้ เราจะเดือดร้อนมาก มันจึงมีแต่เจ้าเท่านั้นที่จัดการเรื่องนี้ได้”
นางนิ่งไปครู่หนึ่งและพูดต่อ “เราควรยกเลิกการค้ากับอีกฝ่ายไปก่อน ข้าจะส่งคนไปยังเมืองพยัคฆ์ขาวเพื่อถามข้อมูล แม้ว่าเจ้าจะต้องการทำการค้าต่อ เราก็ยังคงต้องเปลี่ยนสถานที่ อย่างไรก็ตาม โอกาสที่เราจะถูกเปิดโปงนั้นมีน้อยมาก อันที่จริงหัวหน้าเฉียนรอบคอบในการจัดการเรื่องพวกนี้และไม่ทิ้งหลักฐานใดๆไว้เลย ดังนั้นเจ้าสบายใจกับฝั่งตระกูลลู่ได้ มันจะดีที่สุดที่จะไม่ลงไม้ลงมือหากเจ้าสามารถนำผู้คนรอดชีวิตกลับมาได้ ไม่เช่นนั้น…หากเจ้าตกตายไป ข้าก็จะต้องหาคนอื่นมาร่วมงานกับข้า”
เจียงอี้พยักหน้า แม้ว่าความโกรธในตัวเขาตอนนี้จะล้างผลาญสวรรค์ได้ แต่เขาก็ยังคงยับยั้งมันเอาไว้อย่างหนัก ความปลอดภัยของเฉียนว่านก้วนคือสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างแรก ศิลาสวรรค์ร้อยล้านก้อนอาจจะเป็นศิลาสวรรค์จำนวนมาก แต่เจียงอี้ก็ไม่สนใจมัน เขาเต็มใจที่จะเสียศิลาสวรรค์ไปแม้ว่าจะเป็นพันล้านหรือหมื่นล้านก้อนตราบใดที่เฉียนว่านก้วนสามารถรอดชีวิตกลับมาได้
เขาหารือกับลู่ผิงอีกรอบและหลังจากที่เขาสอบถามเกี่ยวกับอาณาเขตของกองทัพวายุทมิฬ รวมถึงเรื่องของกลุ่มโจรภูเขาใกล้ๆแล้ว เจียงอี้ก็ได้แผนที่ข้อมูลมาและเดินออกไปจากตำหนักเจ้าเมืองทันที
“หนิวเติง รวบรวมผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนทั้งหมดในเมืองและไปรวมตัวกันที่จัตุรัส!”
หลังจากที่เขาออกจากตำหนักเจ้าเมืองมา เจียงอี้ก็ตะโกนไปหาหนิวเติงที่ยืนอยู่ข้างนอก จากนั้นเขาก็บินกลับไปยังลานบ้านเล็กๆและพูดคุยกับเฟิ่งหลวนหนึ่งชั่วโมง เขานำทุกคนเข้ามาในราชวังจักรพรรดิก่อนที่จะไปที่จัตุรัสเพียงลำพัง
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนนับร้อยรออยู่ที่จัตุรัสแล้ว เจียงอี้กวาดสายตาอาฆาตไปรอบๆก่อนที่จะตะโกนว่า “เหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนที่ยังรับใช้งานไม่เสร็จจงกลับไปทำงานต่อซะ ส่วนพวกเจ้าที่เหลือ ตามข้าออกจากเมือง!” ไอลีนโนเวล
ในเวลาเดียวกันเขาก็กวาดตามองไปที่หนิวเติงและส่งข้อความเสียงไป “หนิวเติง เจ้าอยู่ที่นี่! และเจ้าจะเป็นผู้บัญชาการในเมืองในช่วงที่ข้าไม่อยู่ หากมีอะไรเกิดขึ้น ให้รอข้ากลับมา อย่าทำอะไรวู่วาม หรือไม่ก็ไปหาเจ้าเมืองและให้นางตัดสินใจ”
มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนอยู่ในเมืองกว่าร้อยหกสิบคน และในหมู่พวกเขา มีคนมากกว่าห้าสิบคนที่ยังทำงานของตัวเองไม่เสร็จ ส่วนเจียงอี้และคนอื่นๆได้ส่งค่าแรงงานตัวเองเสร็จสิ้นไปตั้งแต่ปีที่แล้วแล้ว ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ไปพบผู้บัญชาการแล้ว และคำว่าทาสบนหน้าผากของพวกเขาก็ถูกลบออกไปแล้วเช่นกัน
ที่เขาไม่ได้นำผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนมาทั้งหมดนั่นเป็นเพราะเขากลัวว่าจะมีใครวางแผนจัดฉากขึ้น และหากเบื้องบนของตระกูลลู่ส่งคนมาสังเกตการณ์และพบว่าเหล่าผู้เชี่ยวชาญที่ยังทำงานไม่เสร็จได้ออกจากเกาะอัสนีฟ้ากระจ่างไป ลู่ผิงก็จะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้อย่างแน่นอน และมีแต่จะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปเท่านั้น
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟรึ่บ!
คนทั้งร้อยสิบสามคนพุ่งไปทางตะวันตกของเมืองภายใต้การมีเจียงอี้เป็นผู้นำ เมืองนี้ตกอยู่ในความโกลาหลและพวกเขาก็ต่างคาดเดาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ในขณะเดียวกัน หนิวเติงได้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนที่เหลือและส่งต่อคำสั่งของเจียงอี้แก่พวกเขา เขาให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนที่ยังอยู่ที่เมืองทำหน้าที่อย่างเคร่งครัดและรักษาเสถียรภาพในเมือง ไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาตให้ออกจากเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างและหากผู้ใดกล้าขัดคำสั่ง พวกเขาก็จะถูกสังหารอย่างไร้ปรานี
“ทุกคน ฟังให้ดี!”
หลังจากที่เจียงอี้ออกจากเมืองไปแล้ว เขาก็หยุดตรงที่รกร้าง เขากวาดสายตามองไปยังทุกคนก่อนจะพูดอย่างมืดมน “เรากำลังมุ่งหน้าไปช่วยคนผู้หนึ่ง หัวหน้าเฉียนถูกโจรภูเขาลักพาตัวไป พวกนั้นแข็งแกร่งพอสมควรและไม่ได้ด้อยไปกว่าเราเลย ดังนั้น หากเกิดสงครามขึ้น พวกเจ้าบางคนอาจตายได้ และข้าจะไม่บังคับให้พวกเจ้าตามไป หากผู้ใดไม่ต้องการติดตามไปก็เชิญออกไปได้เลย แต่แน่นอนว่า….พวกเจ้าไม่สามารถกลับเมืองได้ หากพวกเจ้าตามข้าไป พวกเจ้าจะได้ศิลาสวรรค์อย่างต่ำหนึ่งแสนก้อนตราบใดที่พวกเจ้ารอดชีวิตกลับไป! จงเลือกซะว่าจะติดตามหรือกลับไป”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนกว่ายี่สิบคนที่ออกไปพร้อมเฉียนว่านก้วนรอดชีวิตกลับมาไม่ได้แพร่ข่าวออกไป ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงไม่เข้าใจเรื่องจริงที่เกิดขึ้น และไม่มีผู้ใดกล้าขัดคำสั่งเจียงอี้ไปแล้ว
เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของเจียงอี้ ผู้คนมากมายก็กระพริบตาอย่างสับสนขณะที่พึมพำกับตัวเอง คำพูดของเขาชัดเจนมาก นั่นคือหากพวกเขาเลือกที่จะจากไป เมืองอัสนีฟ้ากระจ่างจะไม่มีที่ว่างให้พวกเขาอีก และหากพวกเขาตามเจียงอี้ไป พวกเขาก็อาจตายได้ แต่หากพวกเขารอดกลับมาได้ พวกเขาก็จะไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะต้องอยู่อย่างขัดสนอีกต่อไป
“หัวหน้าเจียง ข้าจะตามท่านไปขอรับ!”
“หัวหน้าเฉียนช่วยให้เราร่ำรวยขึ้นมาก แล้วเราจะละทิ้งหัวหน้าเฉียนไปได้อย่างไร?”
“ข้าไปด้วยขอรับ!”
หลายคนตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว สุดท้ายแล้ว หากพวกเขาออกจากเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างไป แล้วพวกเขาจะไปอยู่ที่ใด? ในช่วงที่ผ่านมานี้ พวกเขาทั้งหมดเก็บเกี่ยวมาได้นิดๆหน่อยๆเมื่อตามเฉียนว่านก้วนออกไปกำจัดกองโจรภูเขาต่างๆ แน่นอนว่าพวกเขาต้องการที่จะทำงานกับเจียงอี้ต่อไป
แต่ก็มีผู้คนราวๆเจ็ดแปดคนที่กัดฟันป้องกำปั้นไปทางเจียงอี้และทั้งหมดก็บินออกไปจากเมืองอัสนีฟ้ากระจ่าง เจียงอี้ไม่ได้ตามพวกเขาเหล่านั้นไป ทุกคนมีความใฝ่ฝันของตัวเองและเขาก็ไม่ได้อยากบังคับพวกเขา
“ไปกันเถอะ!”
เขากวาดตามองทุกคนก่อนที่จะโบกมือและบินไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เสียงของเขายังคงก้องอยู่ในแก้วหูของทุกคน “หากพวกเจ้าทุกคนรอดชีวิตมาได้ ข้ารับประกันว่าพวกเจ้าจะได้เงินและเพลิดเพลินไปกับชื่อเสียง, ความรุ่งเรืองและสถานะของพวกเจ้า นี่คือคำสัญญาของข้า….แด่พวกเจ้าทุกคน”
…