เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 717 เรือลิขิตสวรรค์
เจียงอี้ไม่ได้พาคนร้อยห้าคนตรงไปยังเกาะพยัคฆ์ขาวโดยตรงเลย เนื่องจากพวกเขาให้เวลาเจียงอี้เพียงสองสัปดาห์ เจียงอี้ไม่ต้องการให้เกิดอุบัติเหตุใดๆระหว่างเดินทางไปที่นั่น เขาพาทุกคนไปยังเกาะต้นกล้าขาวและใช้ศิลาสวรรค์มากมายเพื่อนั่งเรือสินค้าไปซึ่งทำให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น
สมาคมพ่อค้านี้ถูกเรียกขานกันว่าสมาคมการค้าทิวาอรุณและค่อนข้างเลื่องชื่อไปทั่วทั้งเผ่าเทพประทาน สมาคมพ่อค้าแห่งนี้ขยายธุรกิจการค้าของพวกเขาไปทั่วเผ่าเทพประทาน ผู้หนุนหลังของพวกเขาไม่ได้มีเพียงผู้อาวุโสที่มีอำนาจในตระกูลลู่เท่านั้น แต่ยังมีตระกูลอื่นๆอีกด้วย พวกเขามักจะไม่ถูกกลุ่มโจรภูเขาสกัดกั้นระหว่างเดินทาง ส่วนบรรดาผู้ที่กล้าสกัดกั้นพวกเขา คนเหล่านั้นมักจะเจอชะตากรรมที่น่าสังเวช
ยิ่งกว่านั้น เรือสินค้าไม่ใช่เรือจริงๆแต่เพียงแค่ดูเหมือนเรือ อันที่จริงแล้วมันคือสิ่งประดิษฐ์พิเศษที่เรียกว่าเรือลิขิตสวรรค์!
มันเป็นผลงานชิ้นเอกของตระกูลถังจากทวีปจักรพรรดิบูรพา เรือลิขิตสวรรค์ยังสามารถบินขึ้นสู่ท้องฟ้าหรือดำดิ่งลงไปใต้น้ำหรือพื้นดินได้ด้วย เรือทั้งลำถูกหล่อหลอมด้วยวัสดุที่เป็นโลหะและมีม่านพลังที่แข็งแกร่งอยู่ เมื่อมันเปิดใช้งานม่านพลัง มันจะสามารถต้านการโจมตีจากผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนระดับสูงได้ราวๆสิบครั้ง หากผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนระดับกลางมีพลังไม่เพียงพอ มันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาหลายร้อยคนจะทลายม่านพลังได้ภายในสิบวันหรือครึ่งเดือน และเมื่อถึงเวลานั้น ยอดฝีมือของสมาคมการค้าก็จะจัดหากำลังเสริมมาแล้วเรียบร้อย
“นี่คือเรือลิขิตสวรรค์?”
ที่ริมทะเลตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะต้นกล้าขาว เจียงอี้เห็นเรือสีทองขนาดยักษ์ลอยอยู่กลางอากาศขณะที่เขาประหลาดใจอยู่เงียบๆ มันดูเหมือนเรือทั่วไปแต่มันลอยอยู่บนอากาศได้จริงๆ เรือนั้นมีความยาวหลายร้อยเมตรและกว้างหลายสิบเมตร มันเหมือนกับปราสาทสีทองที่เคลื่อนที่ได้และดูงดงามและน่าเกรงขามมาก
เรือนั้นไม่ได้เปิดม่านพลังและมีกลุ่มทหารยามสวมชุดเกราะสีน้ำเงินเข้มอยู่บนดาดฟ้า มีคนทั้งหมดราวๆสามสี่ร้อยคนที่มองลงมาด้วยดวงตาที่แหลมคมราวกับใบมีด
“ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนสามถึงสี่ร้อยคน ในนั้นยังมีขอบเขตเทียนจุนระดับกลางถึงยี่สิบคน! สมาคมการค้านี้ทรงพลังจริงๆ”
เจียงอี้จับกลิ่นอายของพวกเขาได้และตกตะลึง นี่เป็นเพียงความแข็งแกร่งภายนอกเท่านั้น เขาเชื่อว่าจะต้องมีขอบเขตเทียนจุนระดับสูงอย่างน้อยหนึ่งคนที่คอยดูแลเรือลิขิตสวรรค์อยู่แน่ๆ นี่เป็นเพียงเรือลิขิตสวรรค์ลำเดียวเท่านั้น สมาคมการค้านี้มีเรือสินค้ากี่ลำกัน? พวกเขามียอดฝีมืออีกกี่คน?
มีจอมยุทธและสมาชิกกลุ่มพ่อค้ารายย่อยมากมายที่มารอขึ้นเรือ กลุ่มพ่อค้ารายเล็กนั้นไม่สามารถซื้อเรือลิขิตสวรรค์ได้ และแม้ว่าพวกเขาจะซื้อมาได้ แต่พวกเขาก็ไม่มีผู้คุ้มกันที่มีพละกำลังมากมายอยู่ดี ซึ่งการนั่งเรือสินค้าของสมาคมใหญ่ๆเหล่านี้ไปมันก็ทำให้พวกเขาปลอดภัยมากขึ้น
“ทุกคน ขึ้นเรือได้!”
ผู้ดูแลเรือขอบเขตเทียนจุนระดับกลางตะโกนออกมาจากเรือเมื่อมีคนมารวมตัวกันอยู่แต่ไกล คนของเจียงอี้ได้เตรียมการทั้งหมดแล้วและโบกมือของเขา เจียงอี้พูดออกมาว่า “เราไปกันเถอะ!”
ฟรึ่บ! ฟรั่บ!
ผู้คนนับร้อยทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและขึ้นไปบนดาดฟ้า ผู้บัญชาการขอบเขตเทียนจุนระดับกลางป้องกำปั้นและพูดขึ้นว่า “ทุกท่านโปรดไปยังระวางเรือเบอร์สาม”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนทั้งยี่สิบคนที่เคยติดตามเฉียนว่านก้วนมาหลายครั้งได้พาเจียงอี้และคนอื่นๆไปยืนตรงนั้นอย่างชำนาญทาง
มันอาจถูกเรียกว่าเป็นระวางเรือ แต่แท้จริงแล้วก็ไม่ต่างจากห้องโถงในราชวังเลย การประดับประดาภายในนั้นดูหรูหรามากและมีห้องเล็กๆมากมาย แต่ก็ค่อนข้างเล็ก ทุกๆคนสามารถเข้าไปอยู่ในห้องเพื่อฝึกฝนหรือพักผ่อนได้ เจียงอี้เลือกห้องหนึ่งและโบกมือให้ทุกคนพักผ่อนและเตรียมใจให้พร้อม เขาสั่งให้พวกเขาเรียกเขาเมื่อไปถึงเกาะพยัคฆ์ขาวแล้ว
ฟรึ่บ! ฟรั่บ!
มีผู้คนขึ้นเรือมาเรื่อยๆและพวกเขาก็เข้าไปยังระวางเรืออื่นๆ หนึ่งชั่วโมงต่อมา เรือลิขิตสวรรค์ก็จุคนอย่างน้อยหลายพันคนแล้ว เรือนั้นสั่นเล็กน้อยและส่องแสงสีทองและค่อยๆแล่นไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
ฟรึ่บ! ไอรีนโนเวล
เรือแล่นเร็วขึ้นเรื่อยๆก่อนที่จะกลายเป็นแสงสีทองและข้ามผ่านขอบฟ้าไป เมื่อมันทะลวงผ่านท้องฟ้า มันก็ส่งเสียงสะท้อนออกมา
“เรือลิขิตสวรรค์ลำนี้ค่อนข้างดีและมีความเร็วเทียบได้กับขอบเขตเทียนจุนระดับต่ำเลย ในอนาคตข้าจะเป็นเจ้าของมันสักลำหนึ่งให้ได้เลย”
สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเจียงอี้แผ่ออกไปและมันแผ่ออกไปจากม่านพลังได้อย่างง่ายดาย แต่มันไม่สามารถไปถึงระวางเรือส่วนอื่นๆได้ ทหารยามบนดาดฟ้าเองก็ตรวจพบสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเจียงอี้ได้แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนักขณะที่พวกเขาคอยรักษาความปลอดภัยต่อไป
มันต้องใช้เวลาราวๆสองวันในการเดินทางจากเกาะต้นกล้าขาวไปยังเกาะพยัคฆ์ขาว หลังจากที่เจียงอี้สำรวจไปรอบๆได้ครู่หนึ่ง เขาก็นั่งขัดสมาธิและฝึกฝนแก่นแท้พลังไปด้วย ที่เกาะพยัคฆ์ขาวอาจมีการต่อสู้ที่ดุเดือดเกิดขึ้นได้และเขาก็จะต้องใช้ทุกนาทีเพื่อฝึกฝนตนเอง
คนอื่นๆทั้งหมดต่างก็เข้าไปในห้องและฝึกฝนหรือไม่ก็รวมตัวกันที่ห้องโถงใหญ่เพื่อคุยกันเงียบๆ ทุกคนมีสีหน้าเคร่งขรึม แต่เนื่องจากพวกเขาตามเจียงอี้มาแล้ว พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องไปกับเขาตลอดทาง
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟรึ่บ!
ครึ่งวันต่อมา เรือลิขิตสวรรค์ได้เดินทางไปกว่าหนึ่งล้านกิโลเมตรแล้ว และมีเกาะเล็กๆปรากฏขึ้นด้านหน้า ก่อนที่เรือลิขิตสวรรค์จะจอด กลุ่มคนในเกาะเหล่านั้นก็พุ่งออกมาและปกคลุมเรือลิขิตสวรรค์เอาไว้ทั้งหมดพร้อมกับกลิ่นอายที่ทรงพลัง ซึ่งมันสร้างความตื่นตระหนกแก่ทุกคน
“พวกโจรภูเขา?”
ดวงตาของเจียงอี้เปิดขึ้นมาขณะที่เขาใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์แผ่ออกไปทันที เมื่อเขาเห็นว่าผู้คนหลายพันคนที่บินมาจากเกาะส่วนใหญ่เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกัง เจียงอี้ก็เผยรอยยิ้มเย้ยหยันออกมา
บรึฟ! ฟรั่บ!
ทหารยามที่ดาดฟ้าปลดปล่อยกลิ่นอายของพวกเขาออกมาขณะที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนระดับกลางตะโกนว่า “ไสหัวไปซะ!”
ฟรึ่บ! ฟรั่บ!
เมื่อโจรภูเขาที่บินขึ้นมาต่างสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ทรงพลัง พวกนั้นก็รีบหนีไปด้วยความหวาดกลัวและหายกลับเข้าไปในกลุ่มเกาะเหล่านั้นอย่างไร้ร่องรอย
“ที่นี่มีโจรภูเขาเยอะจริงๆ”
เจียงอี้ถอนหายใจและฝึกฝนต่อไป สองชั่วโมงต่อมา กลิ่นอายอันทรงพลังก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง สีหน้าของเจียงอี้เปลี่ยนไปเมื่อเขาใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์แผ่ออกไป เพราะคราวนี้ผู้ที่บินขึ้นมาจากเกาะนั้นแข็งแกร่งกว่ามากนัก อันที่จริงแล้วมันมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนระดับกลางมากกว่าสิบคนและขอบเขตเทียนจุนระดับต่ำอีกกว่าพันคน
“ข้าคือหงอิงแห่งสมาคมการค้าทิวาอรุณ พวกเจ้าเป็นคนของหัวหน้าเฟิงหรือ?”
เสียงคนสูงวัยดังก้องมาจากหนึ่งในระวางเรือลิขิตสวรรค์ และหนึ่งในโจรขอบเขตเทียนจุนระดับกลางก็โบกมือซึ่งมันทำให้ผู้คนนับหมื่นหยุดอยู่กลางอากาศ เขาป้องกำปั้นไปยังเรือลิขิตสวรรค์และพูดว่า “เป็นใต้เท้าหงอิงนี่เอง เราหยาบคายนัก พี่น้อง ถอย!”
เมื่อโจรเหล่านั้นบินกลับลงไป ผู้คนหลายคนบนเรือก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกขณะที่เจียงอี้เผยการเย้ยหยันออกมาอีกครั้ง
เขามั่นใจว่ากลุ่มโจรภูเขารู้ดีว่าเรือลำนี้เป็นของสมาคมการค้าทิวาอรุณ พวกนั้นจงใจทำเช่นนี้เพื่อให้ทุกคนบนเรือที่จ่ายศิลาสวรรค์ได้เห็นว่า ‘ดูสิว่าเผ่าเทพประทานอันตรายเพียงใด? หากพวกเจ้าไม่นั่งเรือลิขิตสวรรค์ของสมาคมการค้าของเรา พวกเจ้าจะต้องตายแน่นอน….’
ในช่วงเวลาที่เหลือ เรือลิขิตสวรรค์ก็จะพบโจรภูเขาอย่างต่อเนื่อง พวกกลุ่มเล็กๆก็จะถูกข่มโดยกลิ่นอายจากยอดฝีมือบนเรือ ส่วนพวกกลุ่มใหญ่ๆก็จะปล่อยให้เรือผ่านไปหลังจากที่ใต้เท้าหงอิงพูดอะไรที่เกี่ยวข้องกับเขาออกไป
การเดินทางผ่านมาครึ่งทาง เรือลิขิตสวรรค์หยุดอยู่บนเกาะยักษ์ที่ซึ่งหลายคนลงไปจากเรือลิขิตสวรรค์และมีอีกหลายคนขึ้นเรือมา เจียงอี้ได้ฝึกฝนเป็นเวลาสองวันและในที่สุดก็มาถึงท่าเรือที่ชายฝั่งทางใต้ของเกาะพยัคฆ์ขาว
“ทุกคน ระวังตัวด้วย!”
เจียงอี้และคนของเขาลงมาจากเรือลิขิตสวรรค์และบินตรงไปยังเกาะพยัคฆ์ขาวแล้ว พวกเขายังต้องบินต่อไปอีกครึ่งวันก่อนที่จะถึงเทือกเขายักษ์ทางตอนใต้ของเกาะพยัคฆ์ขาว ซึ่งมันคือเทือกเขาวายุทมิฬ
“ฮึฮึ!”
เมื่อผู้บัญชาการของสมาคมการค้าทิวาอรุณเห็นว่าเจียงอี้และคนของเขาออกไปแล้ว เขาก็เรียกผู้ใต้บัญชาและสั่งด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลว่า “ส่งข้อความถึงกุ่ยอิ่งว่าหัวหน้าเจียงแห่งเกาะอัสนีฟ้ากระจ่างนำผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนมาหนึ่งร้อยห้าคนและจะถึงที่นั่นในครึ่งวัน พวกเขามีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนระดับกลางเพียงคนเดียว และบอกเขาด้วยว่าถึงเวลาที่เขาจะต้องจ่ายค่าข้อมูลที่ได้รับไปเมื่อครึ่งปีที่แล้วด้วย….”