เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 720 การต่อสู้ที่วุ่นวาย
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 720 การต่อสู้ที่วุ่นวาย
กุ่ยอิ่งไม่เคยคิดที่จะปล่อยเฉียนว่านก้วนหรือเจียงอี้ไปอยู่แล้ว จุดประสงค์ของเขาในการลักพาตัวเฉียนว่านก้วนมานั้นคือการล่อให้เจียงอี้มาที่นี่และสังหารเขาเพื่อที่เขาจะได้ปล้นศิลาสวรรค์, หินอัสนีและสมบัติทั้งหมดของเจียงอี้มา
เขารู้ข้อมูลของเจียงอี้อย่างชัดเจน เขารู้ว่าผู้ใต้บัญชาของเจียงอี้มีกี่คนและรู้ถึงความแข็งแกร่งของเจียงอี้ เขายังรู้ด้วยซ้ำว่าเจียงอี้มีเปลวเพลิงที่น่ากลัว
นั่นเป็นเพราะว่าเขารู้ดีมากจริงๆ มันจึงทำให้เขาปล่อยเฉียนว่านก้วนในตอนนี้ เขาเชื่อว่าเจียงอี้จะไปช่วยเฉียนว่านก้วนและจะช่วยกันป้องกันการโจมตีนี้ จากนั้นเขาก็ต้องการจะใช้พลังดวงจิตวิญญาณอันทรงพลังของเขาโจมตีเพื่อสังหารเจียงอี้ซะ!
ความแข็งแกร่งของเฉียนว่านก้วนอ่อนแอเกินไป และหากเจียงอี้ไม่ไปช่วยเขา เฉียนว่านก้วนจะตายอย่างแน่นอน และหากเจียงอี้ไปช่วยเฉียนว่านก้วน เขาก็จะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกันการโจมตีดวงจิตวิญญาณแทนเฉียนว่านก้วน
“ว่านก้วน!”
ในตอนนั้น ดวงตาของเจียงอี้ก็เบิกกว้างทันทีขณะที่เขาหายลับไปกลางอากาศอย่างไม่ลังเลและปรากฏตัวขึ้นข้างๆเฉียนว่านก้วน
กุ่ยอิ่งคำนวณได้แม่นยำมากและการโจมตีของเขาก็ถึงตัวพอดี ขณะที่เจียงอี้ปรากฏขึ้นด้านหลังเฉียนว่านก้วน แสงทั้งสองสายก็ฝังเข้าร่างของเจียงอี้ในทันที
อย่างไรก็ตาม!
มีบางสิ่งเกิดขึ้นซึ่งมันทำให้กุ่ยอิ่งประหลาดใจมาก ร่างของเจียงอี้สั่นเทาเล็กน้อยก่อนที่ราชวังจักรพรรดิจะปรากฏขึ้นในมือเขา มีแสงสีขาววาบผ่านซึ่งเฉียนว่านก้วนก็หายตัวไปขณะที่แสงสีแดงแผ่ออกมาจากไข่มุกวิญญาณเพลิง ทำให้เปลวเพลิงอัสนีนับไม่ถ้วยพวยพุ่งออกมาและขยายแผ่ออกไปในรัศมีสามสิบเมตรจากร่างของเจียงอี้
“เป็นไปได้ยังไงกัน?”
กุ่ยอิ่งเผยสีหน้าที่เหลือเชื่อออกมา การโจมตีดวงจิตวิญญาณของเขามีพลังมากซึ่งแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนระดับกลางก็ไม่อาจต้านทานได้ อย่างน้อยๆเจียงอี้ก็น่าจะบาดเจ็บบ้าง แต่นี่เขากลับสั่นเทาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ข้อมูลที่เขาได้มานั้นละเอียดมากจริงๆ แต่ทั่วทั้งเมืองอัสนีฟ้ากระจ่าง นอกจากเฟิ่งหลวนและเฉียนว่านก้วนแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดรู้ว่าดวงจิตวิญญาณของเจียงอี้ทรงพลังมากจริงๆ ตอนที่การโจมตีด้วยดวงจิตวิญญาณของกุ่ยอิ่งเข้าสู่ทะเลแห่งดวงจิตของเจียงอี้ มันก็ถูกดาบวิญญาณทั้งสามสิบหกเล่มทำลายลงทันทีและไม่ได้สร้างความเสียหายใดๆให้กับดวงจิตวิญญาณของเจียงอี้เลย
“ตายซะ!”
หลังจากที่ช่วยเฉียนว่านก้วนสำเร็จแล้ว เจียงอี้ก็ไม่กังวลสิ่งใดอีกขณะที่เขาฟาดดาบมังกรเพลิงออกไปทั่วทุกสารทิศ ในชั่วพริบตา ท้องฟ้าทั้งหมดก็ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงอัสนีและมังกรเพลิงจิ๋ว ซึ่งมันเพิ่มอุณหภูมิขึ้นมาหลายพันหลายหมื่นเท่า
“ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุน โจมตี! คนที่เหลือถอยกลับไปยังที่ตั้งกองกำลังด่วน!”
กุ่ยอิ่งตกตะลึงอีกครั้งเพราะเขาไม่คิดว่าเปลวเพลิงอัสนีจะร้อนแรงถึงเพียงนี้ เขาตะโกนออกมาด้วยเสียงที่ดังที่สุดขณะที่โล่ศักดิ์สิทธิ์ของเขาถูกแผ่ไปทั่วร่างกายและรีบถอยกลับไปอย่างรวดเร็วขณะที่กลองสีดำปรากฏขึ้นในฝ่ามือของเขาและเขาก็ตีมันในทันที
บรึฟ!
กลองเล็กๆส่องสว่างด้วยแสงสีดำวาวซึ่งทำให้อากาศสั่นไหวขณะที่คลื่นอากาศสีใสสั่นสะเทือนไปทางเจียงอี้ เห็นได้ชัดว่ากลองนี่เป็นสิ่งประดิษฐ์ประเภทดวงจิตวิญญาณ กุ่ยอิ่งไม่เชื่อว่าดวงจิตวิญญาณของเจียงอี้จะมีพลังมหาศาลและต้านทานการโจมตีดวงจิตวิญญาณของเขาได้ ตราบใดที่เจียงอี้ป้องกันดวงจิตวิญญาณล่าช้าไปเพียงนิดเดียว การโจมตีของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนที่เหลือก็จะสังหารเจียงอี้ได้อย่างง่ายดาย
ฟรึ่บ! ฟรั่บ!
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนกว่าร้อยคนเปิดโล่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาและพากันถอยกลับไปอย่างรวดเร็วในขณะที่อาวุธและสิ่งประดิษฐ์ต่างๆปรากฏขึ้นในมือของพวกเขา จากนั้นพวกเขาก็ปลดปล่อยการโจมตีรูปแบบเต๋าและความสามารถพิเศษออกมา ส่วนเหล่าขอบเขตจินกังต่างพากันหนีไปอย่างหวาดกลัว พวกเขาอาจอยู่ห่างออกไปไกล แต่เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นอย่างน่าสยดสยอง พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของความตายแล้ว
“อ๊าก อ๊ากก!”
น่าเสียดาย พวกเขาวิ่งเร็วมากแต่อุณหภูมิที่สูงขึ้นนั้นเร็วกว่า เหล่าขอบเขตจินกังที่อยู่ใกล้ๆมอดไหม้ไปทันทีและลงไปเกลือกกลิ้งอยู่กลางอากาศ การโจมตีของเจียงอี้เพียงรอบเดียวก็ได้สังหารเหล่าขอบเขตจินกังไปอย่างน้อยหนึ่งพันคนด้วยการเผาทั้งเป็น
บรึฟ! ฟรั่บ!
การโจมตีดวงจิตวิญญาณจากกลองเล็กๆที่ปล่อยออกมาได้มาถึงเจียงอี้แล้ว เจียงอี้สัมผัสได้ถึงพลังงานที่ไหลเข้าสู่ดวงจิตวิญญาณของเขาราวกับกระแสน้ำเชี่ยวที่ไม่มีสิ้นสุด เขาควบคุมดาบวิญญาณสามสิบหกเล่มเพื่อขัดขวางการโจมตีทั้งหมด ไม่เช่นนั้น หากมันกระทบดวงจิตวิญญาณหลักของเขา เขาอาจพินาศลงได้ทันที
ตูม! ตูม! ตูม!
การโจมตีที่เหล่าขอบเขตเทียนจุนปล่อยออกมาก็มาถึงตัวเจียงอี้เช่นกันซึ่งมันระเบิดออกและทำให้เปลวเพลิงอัสนีของเจียงอี้กระจายออกไปมากมาย มีการโจมตีที่ทรงพลังหลายสายที่ทะลุผ่านทุกสิ่งมาได้อย่างง่ายดายและปะทะเปลวเพลิงอัสนีที่อยู่รอบตัวเจียงอี้ Aileen-novel
จี๊! จี๊!
โชคดีที่ผู้คนพวกนี้ค่อนข้างอยู่ไกลและเปลวเพลิงอัสนีของเจียงอี้ก็มีสายฟ้าที่ทำให้การโจมตีของศัตรูอ่อนแอลงบ้าง เขายังมีเกราะเมฆาอัคคีอยู่ด้วย จึงทำให้เขาพอจะต้านทานการโจมตีรอบแรกได้ มุมปากของเจียงอี้มีเลือดไหลออกมาขณะที่เขาได้รับบาดเจ็บจากคลื่นปะทะอย่างเสี่ยงไม่ได้
“ข้าควรทำเช่นไรดี?”
เจียงอี้เข้าใจดีว่ายิ่งอันตรายมากเท่าไหร่ เขายิ่งต้องสงบมากขึ้นเท่านั้น เขารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะหนีรอดไปได้เนื่องจากความเร็วของเขาช้าเกินไป และฝั่งศัตรูก็ค่อยๆทำให้เขาหมดกำลังจนตายได้ เปลวเพลิงอัสนีของเจียงอี้ไม่ได้ไร้ขอบเขตและในหมู่ศัตรูมีขอบเขตเทียนจุนระดับกลางถึงห้าคน ซึ่งในสามคนนั้นยังมีความแข็งแกร่งพอๆกับหัวหน้าเหลิ่ง แถมยังมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนอีกกว่าร้อยห้าสิบคนที่จะทำให้เปลวเพลิงอัสนีของเขาหมดไปได้ในสามสิบนาทีและพวกนั้นก็จะสังหารเขาได้อย่างง่ายดาย
ฟรึ่บ!
ยังไงเจียงอี้ก็ยังต้องหลบการโจมตีก่อน เขาเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์และเคลื่อนไหวไปรอบๆเพื่อเลี่ยงการโจมตีทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกัน เปลวเพลิงอัสนีก็พวยพุ่งออกมาจากไข่มุกวิญญาณเพลิงเรื่อยๆขณะที่เขากัดฟันปลดปล่อยทักษะผสานเพื่อปล่อยเปลวเพลิงอัสนีออกไปให้การโจมตีที่เข้ามาอ่อนแอลง
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟรึ่บ!
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนกว่าร้อยคนที่รายล้อมอยู่รอบๆก็วนเวียนอยู่รอบๆและไม่ได้พยายามเข้าใกล้เจียงอี้ พวกเขาซ่อนตัวและหลบอยู่ในหมอกขาวซึ่งอยู่ห่างออกไปอย่างน้อยสิบกิโลเมตร เปลวเพลิงอัสนีของเจียงอี้ไม่ได้ก่ออันตรายใดๆต่อพวกเขาตราบเท่าที่โล่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขายังไม่แตก
“บ้าเอ้ย!”
เจียงอี้พยายามหลบและพยายามเข้าหาคนอื่นๆอย่างต่อเนื่อง แต่ความเร็วของเขาช้ากว่ามากเมื่อเทียบกับพวกเขา มันจึงไม่มีทางร่นระยะห่างของพวกเขาได้และเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอดทนกับการโจมตีของคนเหล่านั้นต่อ
ตูม! ตูม! ตูม!
ทั้งสองฝั่งอาจอยู่ไกลกันมากแต่ฝ่ายศัตรูมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนมากเกินไป เจียงอี้ได้เข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์เพื่อคอยจับการโจมตีและหลบหลีกล่วงหน้า แต่ปัญหาคือ…มันมีการโจมตีมากเกินไปและคงเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบพวกมันได้หมด ทางเดียวของเขาคือการใช้สายฟ้าในเปลวเพลิงอัสนีเพื่อลดการโจมตีก่อนที่จะใช้เกราะเมฆาอัคคีเพื่ออดทนต่อการโจมตีต่างๆ
ในเวลาไม่ถึงสิบนาที เจียงอี้ก็ใช้เปลวเพลิงอัสนีของเขาไปหนึ่งในสี่ส่วนแล้วและอวัยวะภายในของเขาก็บาดเจ็บหลายครั้งจากคลื่นปะทะ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาคงทนต่อไปได้อย่างน้อยเพียงสิบห้านาที
หากยังเป็นเช่นนี้ ข้าจบเห่แน่!
เขากระพริบตาและมองลงไปขณะที่ดวงตาของเขาเป็นประกาย ในเมื่อเขาไม่หนี เช่นนั้นแล้วทำไมเขาไม่ลากผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังไปกับเขาด้วยซะเลยล่ะ? หากเขาพุ่งไปยังกลุ่มคนเหล่านี้ ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนก็คงไม่สังหารคนของตัวเองไปเฉยๆหรอกใช่ไหมล่ะ?
ฟรึ่บ!
เจียงอี้หาโอกาสเลี่ยงการโจมตีที่ทรงพลังและพุ่งไปยังเทือกเขาอย่างรวดเร็ว
ฟรึ่บ! ฟรั่บ!
การโจมตีนับไม่ถ้วนถูกยิงมาจากด้านล่างแต่พวกมันไม่ได้ทรงพลังนักและน่าจะมาจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังที่กำลังหนีอยู่ เจียงอี้ไม่ได้โจมตีและเพียงแค่ใช้เปลวเพลิงอัสนีกับเกราะเมฆาอัคคีเพื่อต้านการโจมตี
ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!
การโจมตีนับร้อยสายปะทะเข้ากับเปลวเพลิงอัสนีและพวกมันก็กระจายออกไป มีเสียงกรีดร้องนับไม่ถ้วนร้องออกมาขณะที่ทุกคนวิ่งหนีไปด้วยความหวาดกลัว ทันทีที่เปลวเพลิงอัสนีตกลงไป ความร้อนอันน่าสยดสยองจะแผดเผาพวกเขาอย่างแน่นอน
“เขตลวงตาหายไปแล้ว! กองบัญชาการกองทัพวายุทมิฬอยู่ตรงนั้น!”
เมื่อเจียงอี้ลงไปด้านล่าง เขาก็รู้สึกว่าหมอกหายไปและด้านล่างเป็นหุบเขาขนาดมหึมา เขาใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ตรวจดูและเห็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังมากมายรวมกันอยู่ทางซ้ายห่างไปหลายสิบกิโลเมตร ตอนที่เขาพุ่งไปยังสำนักงานใหญ่ของกองทัพวายุทมิฬ การโจมตีจากท้องฟ้าก็ลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากพวกเขากังวลว่าจะทำร้ายคนของตัวเอง
ร่างของเจียงอี้เปล่งประกายด้วยแสงสีขาวขณะที่ย้ายร่างฉับพลันเพื่อไปข้างหน้าที่มีคนมากมาย ตรายใดที่เขาเข้าไปในฝูงคน ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนก็จะไม่กล้าโจมตีและเขาก็จะมีเวลาคิดหาทางหลบหนีได้
ความคิดของเจียงอี้ไร้เดียงสาเกินไป กุ่ยอิ่งคำรามออกมาจากด้านบนอย่างรวดเร็วว่า “โจมตีต่อไป! ไม่ต้องสนใจคนข้างล่าง! หากมันเข้าใกล้พวกเขา พวกเขาก็ตายอยู่ดี!”