เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 741 มีชีวิตอยู่ไปร้อยปี
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 741 มีชีวิตอยู่ไปร้อยปี
นายน้อยหลินมีชื่อเดียวคือหลิน เขาเป็นหนึ่งในรุ่นเยาว์คนสำคัญของตระกูลลู่และมีความสามารถมากมาย เขาอยู่ขอบเขตเทียนจุนได้ตั้งแต่อายุยี่สิบเอ็ดปี เมื่อไม่นานมานี้ เขาเข้าสู่สันโดษหนึ่งปีและเข้าถึงรูปแบบเต๋าระดับกลางได้หนึ่งรูปแบบซึ่งมีความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ เขาได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในห้าผู้สืบทอดจากผู้อาวุโสตระกูลลู่ทั้งหลายและหากเขาไม่ผิดศีลธรรมอะไร เขาคงจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประมุขตระกูลแล้ว
คุณหนูหยี่และนายน้อยหลินเป็นพี่น้องกัน และนางก็เป็นหญิงที่คู่ควรอันดับหนึ่งของตระกุลลู่ พ่อของนางเป็นประมุขตระกูลคนปัจจุบันของตระกูลลู่ ลู่ฉวิน และจะเป็นปรมาจารย์ตระกูลลู่ในอนาคต ลู่ฉวินมีบุตรสาวเพียงคนเดียวและพรสวรรค์โดยกำเนิดของนางค่อนข้างสูงพร้อมทั้งรูปลักษณ์ที่งดงามมากแอม
พวกเขาทั้งสองต่างก็เข้าสู่สันโดษเมื่อไม่นานมานี้และทั้งคู่ก็มีความคืบหน้าไม่มากก็น้อยและพากันออกมาบรรเทาความเบื่อของพวกเขา แต่ทำไมเขาถึงได้มายังเกาะอัสนีฟ้ากระจ่างนั้น มันคงเป็นเพราะลู่ตี๋!
หลังจากที่กองทัพวายุทมิฬถูกเจียงอี้กำจัดไปแล้ว ลู่ตี๋ก็ตัดสินใจคิดแผนการอื่นและหาคนมาทำเรื่องสกปรกแทนเขา และนายน้อยหลินผู้นี้จะเป็นคนทำมัน แต่น่าเสียดายที่เมื่อลู่ตี๋กลับมายังเมืองมังกรขาว เขาก็ตระหนักได้ว่านายน้อยหลินเข้าสู่สันโดษและเพิ่งจะไปเมื่อไม่นานนี้ นี่มันจึงเป็นเหตุผลที่นายน้อยหลินใช้เวลานานมากกว่าจะมาถึงที่นี่
นายน้อยหลินมองไปรอบๆ เขาก็เห็นเจียงเสี่ยวนู๋ทันที จากจุดนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาเตรียมการมาก่อนแล้วและทันทีที่เขาเห็นเจียงเสี่ยวนู๋ เขาก็รู้สึกว่าไม่ได้มาเสียเปล่า ลู่ตี๋ไม่ได้หลอกเขาว่าเจียงเสี่ยวนู๋นั้นคือสาวงามชั้นยอดและเป็นเผ่าพันธุ์พิเศษอย่างแท้จริง
ดวงตาของลู่หยี่เองก็ถูกดึงดูดให้มองไปทางเฟิ่งหลวนและเจียงเสี่ยวนู๋ อย่างไรก็ตามดวงตาของนางก็ถูกดึงดูดให้มองไปทางเจียงอี้อย่างรวดเร็วด้วยความแข็งแกร่งและเสน่ห์ที่สามารถทำให้เขาครอบครองหญิงงามทั้งสามได้
เจียงอี้ไม่ทำให้นางผิดหวังเลย หลังจากที่ขัดเกลาหญ้ามังกรยาจกแล้ว เจียงอี้ก็มีผิวพรรณที่ยังทำให้สตรีอิจฉา เขามีรูปร่างที่ไร้ที่ติและน่าดึงดูดยิ่งกว่านายน้อยหลินเสียอีก
ที่สำคัญที่สุดคือกลิ่นอายของเขา เจียงอี้มีรูปลักษณ์ที่อ่อนเยาว์และหล่อเหลาแต่ก็เหมือนเป็นชายวัยกลางคนที่ผ่านประสบการณ์มามากมาย มันเป็นดั่งพิษที่ดึงดูดลู่หยี่อย่างลึกซึ้ง
น่าเสียดายที่พลังของเขายังอ่อนแอเกินไปและอยู่เพียงขอบเขตจินกังขั้นที่ห้าเท่านั้น นอกจากนี้เจียงอี้เองก็ไม่ได้มีชื่อเสียงใดๆและดูไม่คุ้นตา ซึ่งหมายความว่าเขาไม่ได้มาจากตระกูลที่ยิ่งใหญ่ใดๆ ดังนั้น ลู่หยี่จึงเหลือบมองเขาเพียงไม่กี่ครั้งก่อนที่นางจะไม่สนใจเขาอีก หากเขาไม่มีพละกำลังหรือภูมิหลัง ไม่ว่าเขาจะหล่อเหลาเพียงใด เขาก็จะเป็นได้เพียงแค่แจกันประดับห้องเท่านั้น นายน้อยหลินเหลือบมองเจียงเสี่ยวนู๋และสงบสติได้อย่างรวดเร็ว นายน้อยหลินยิ้มจางๆและหันไปทางลู่ผิงก่อนที่จะหัวเราะขณะที่พูดว่า “ท่านป้าลู่ ท่านจะไม่แนะนำให้ข้ารู้จักกับผู้มีพรสวรรค์และหญิงงามของเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างของท่านหน่อยหรือ?”
ลู่ผิงเผยรอยยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ขณะที่นางให้สัญญาณกับเจียงอี้และยิ้มขณะที่แนะนำ “นี่คือผู้บัญชาการลู่ผู่ ผู้บัญชาการลู่เฟิง คุณชายหลิน เขาผู้นี้ยังเป็นเชื้อสายของคุณชายหลินด้วยส่วนนี่คือหมาป่าเดียวดาย หรือเป็นที่รู้จักกันในนามหัวหน้าเจียง เป็นตัวแทนทาสของเมืองนี้ นี่คือแม่นางเฟิ่งหลวน, แม่นางชิงหยี ผู้ที่เป็นสนมของหัวหน้าเจียง และนี่คือแม่นางเสี่ยวนู๋ และนางเป็นน้องสาวของหมาป่าเดียวดาย!”
เมื่อลู่ผิงแนะนำแต่ละคน คนผู้นั้นจะป้องกำปั้นเคารพเขา แต่เมื่อนางแนะนำเฟิ่งหลวน เจียงเสี่ยวนู๋และชิงหยี นายน้อยหลินกลับคำนับและทักทายพวกนางก่อน “แม่นางเฟิ่ง, แม่นางชิง, แม่นางเจียง ข้ามีนามว่าลู่หลินและข้ารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รู้จักพวกท่านทุกคน”
สีหน้าของพวกนางทั้งสามเปลี่ยนไปเล็กน้อยขณะที่ใบหน้าของเจียงเสี่ยวนู๋เย็นชา นายน้อยหลินผู้นี้ไม่สนใจเจียงอี้และมาพูดกับพวกนางทั้งสามเลย เขาทำให้เจียงอี้อับอายและทั้งสามก็ไม่มีความสุขเท่าใดนัก
เจียงอี้ยิ้มเบาๆและให้สัญญาณผ่านสายตาแก่พวกนางทั้งสาม ลู่ผิงส่งสัญญาณให้เขาหลายครั้งเพื่อให้เขาทนไว้ก่อนในคืนนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม หญิงงามทั้งสามจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องระงับความโกรธเอาไว้ ขณะที่เฟิ่งหลวนพูดอย่างเฉยเมยว่า “เป็นเกียรติของเราพี่น้องที่ได้รู้จักนายน้อยหลิน”
นายน้อยหลินป้องกำปั้นเล็กน้อยเพื่อตอบรับและแสดงท่าทีสง่างาม ลู่ผิงเป็นผู้ปิดการสนทนาและพูดว่า “คุณชายหลิน คุณหนูหยี่ เชิญนั่งและลิ้มลองอาหารเลิศรสและไวน์ชั้นดีของเกาะอัสนีฟ้ากระจ่างของเราก่อนเถอะ”
“ฮ่าฮ่า ขอบคุณมากนะป้าลู่”
ลู่หลินหัวเราะเสียงดังและเดินไปยังที่นั่งเจ้าภาพพร้อมกับลู่หยี่และทหารองครักษ์ จากนั้นทั้งสองก็นั่งลงบนแท่นทองคำม่วงขณะที่องครักษ์นั่งอยู่ที่แท่นทองคำม่วงด้านหลังพวกเขาอีกที ไอลีนโนเวล
หลังจากที่ลู่ผิงนั่งบนแท่นทองคำม่วงทางด้านขวาของที่นั่งเจ้าภาพแล้ว นางก็กวักมือเรียกหญิงสาวที่มีเสน่ห์ให้เริ่มเต้นระบำกลางห้องโถง เมื่อมีผู้บรรเลงเพลงที่มุมโถงและธูปหอมในห้องโถง มันเหมือนจะเป็นงานเลี้ยงที่ดีทีเดียว
ลู่ผิงฉีกยิ้มขณะที่นางยกแก้วขึ้นมา “มา มา ให้เราดื่มอวยพรให้คุณชายหลินและคุณหนูหยี่ที่นำแสงสว่างมายังเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างของเราด้วยเถอะ”
ลู่หลินไม่รอช้าและลุกขึ้นยืนและตอบกลับอย่างเคารพ “ป้าลู่ก็กล่าวเกินไปแล้ว ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักในการปกป้องเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างแห่งนี้ หลังจากที่ข้ากลับไปยังตระกูล ข้าจะไปรายงานกับผู้อาวุโสและเสนอแนะให้เลื่อนตำแหน่งให้ท่าน”
ลู่หลินดื่มหมดในอึกเดียวขณะที่ลู่หยี่ค่อยๆจิบมัน ส่วนการแสดงออกของเจียงอี้ เขายังคงยิ้มจางๆไว้และไม่มีใครรู้ว่าเขาพอใจหรือโกรธอยู่ แม้ว่าลู่หลินจะมองมายังเจียงเสี่ยวนู๋ เจียงอี้ก็ไม่ได้เผยท่าทีแปลกๆออกมา เขารู้ดีมากว่าเขาไม่สามารถยั่วยุนายน้อยหลินได้ ตราบใดที่ลู่หลินไม่ได้ล้ำเส้น เจียงอี้จะไม่เคารพเขาไม่ได้
เฟิ่งหลวนและอีกสองคนเองก็ไม่ได้มีทีท่าที่พอใจเท่าใดนักขณะที่พวกนางยังคงไร้อารมณ์และก้มหน้าก้มตาทานอาหาร ส่วนลู่หลินยังคงดื่มฉลองอยู่กับผู้บัญชาการหลายคนขณะที่ลู่หยี่มองไปรอบๆและไม่มีผู้ใดรู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่
“หัวหน้าเจียง มา ให้ข้าชนกับเจ้าเถอะ!”
ทันใดนั้น ลู่หลินก็ยกแก้วของเขาไปทางเจียงอี้แต่ไกลและยังพูดกับเขาอย่างเป็นพิธี ซึ่งทุกคนที่อยู่ในนั้นต่างตกใจขณะที่เจียงอี้ยิ้มจางๆและลุกขึ้นตอบ “นายน้อยหลินสุภาพเกินไป เรียกข้าว่าหมาป่าเดียวดายเถอะ แก้วนี้จากหมาป่าเดียวดายเพื่อนายน้อยหลิน”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ลู่หลินหัวเราะออกมาอย่างเต็มที่แบบมีมารยาทขณะที่เขามองไปทางเจียงอี้ด้วยความชื่นชมและกล่าวว่า “เป็นวีรบุรุษตั้งแต่ยังเยาว์วัยเช่นนี้ หัวหน้าเจียงยังเด็กนักแต่สามารถเป็นตัวแทนทาสของเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างได้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตัวเจ้าต้องมีบางอย่างที่พิเศษ หลินชอบผูกมิตรกับวีรบุรุษเช่นเจ้า ในภายภาคหน้า หัวหน้าเจียงสามารถไปสร้างตัวในเมืองมังกรเขาได้ และหลินจะช่วยเหลือทุกสิ่งอย่างแน่นอน”
“เอ่อ”
ฝูงชนทั้งหมดต่างงุนงง ลู่หลินมีสถานะถึงเพียงนี้ แต่กลับสุภาพต่อเจียงอี้และเปิดเผยว่าเขาจะสนับสนุนเจียงอี้จริงหรือ?
ลู่หลินเป็นหนึ่งในนายน้อยรุ่นเยาว์ที่โดดเด่นที่สุดในตระกูลลู่และอำนาจของเขาไม่ใช่สิ่งที่ลู่ผิงจะเทียบได้ติดเลย องครักษ์ที่แข็งแกร่งที่สุดเบื้องหลังเขาและลู่หยี่คือขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุด มันคงจินตนาการได้เลยว่าเขามีความสำคัญเพียงใดในตระกูลลู่
หากมีสิ่งใดแปลกๆ มันจะต้องมีบางอย่างที่ซ่อนเร้นอยู่! เจียงอี้มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง แต่นอกเหนือจากคนในเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างแล้ว ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ถึงลักษณะเฉพาะของเขาเลย และเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดลู่หลินถึงปฏิบัติกับเจียงอี้อย่างมีมารยาทเช่นนี้?
มันชัดเจนมาก ลู่หลินกำลังใช้เหยื่อเพื่อปลาตัวใหญ่กว่า เขามีบางอย่างที่ซ่อนเร้นกับการชนแก้วนี้ นั่นคือเขาต้องการผู้หญิงของเจียงอี้!
เจียงอี้ยิ้มเบาๆและดื่มไวน์เข้าไปในอึกเดียวก่อนที่เขาจะตอบลู่หลินด้วยท่าทางสงบว่า “ขอบคุณนายน้อยหลินที่ชื่นชม หมาป่าเดียวดายไม่ได้มักใหญ่ใฝ่สูงอะไรนัก และหากข้าไปที่นั่น ข้าคงต้องไปอ้อนวอนเพื่อขออาหารเป็นแน่ ข้าคงจะทำมาหากินในเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างต่อไป แต่แน่นอนว่าหมาป่าเดียวดายผู้นี้จะจารึกคำเชื้อเชิญของนายน้อยหลินเอาไว้ในใจข้า”
“เอ่อ”
บรรยากาศเริ่มอึดอัดขึ้นมา เจียงอี้พูดได้ยอดเยี่ยมมากแต่ความตั้งใจของเขาก็ชัดเจนว่า ‘เจ้าต้องการผู้หญิงของข้าหรือ? ไม่มีทาง’ ลู่หลินหัวเราะออกมาขณะที่ลู่หยี่มองไปตรงนั้นและเผยสีหน้าประหลาดใจ องครักษ์ด้านหลังพวกเขาเองก็มีแสงเย็นเยียบวาบผ่านดวงตา เจียงอี้ไม่ได้พยายามที่จะเสแสร้งและปฏิเสธโดยตรงเลย ไม่ใช่ว่าเขาไม่ไว้หน้านายน้อยหลินหรอกหรือ? เขาไม่รู้หรือว่าจะสำนึกบุญคุณอย่างไร?
นายน้อยหลินไม่ได้ดื่มไวน์ในแก้วตัวเองขณะที่เขานั่งลงทันที เขายิ้มขณะที่กล่าวว่า “ทุกคนล้วนมีความปรารถนาของตัวเอง มันไม่มีประโยชน์ที่จะลองหากมันไม่มีความหมายอะไร หลินเสียดายจริงๆ ข้าหวังว่าหัวหน้าเจียงจะมีชีวิตอยู่ไปร้อยปีนะ”
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟรึ่บ!
เฟิ่งหลวนและคนอื่นๆมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีและดวงตาของพวกนางเต็มไปด้วยความโกรธ การข่มขู่และคำสาปแช่งของลู่หลินชัดเจนเกินไป ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเจียงอี้ เขาสามารถอยู่ต่อไปอีกนับสองร้อยปีได้อย่างง่ายดาย แต่ลู่หลินกลับบอกว่าจะมีชีวิตอยู่ได้ร้อยปี?