เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 742 ขอผู้หญิงอย่างเปิดเผย
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 742 ขอผู้หญิงอย่างเปิดเผย
สีหน้าของเจียงอี้ยังคงไม่เปลี่ยนไปขณะที่เขาโบกมือให้ทุกคนสงบสติอารมณ์ จากนั้นเขาก็ยิ้มและพยักหน้าไปทางลู่หลินและตอบว่า “ขอบคุณนายน้อยหลินที่อวยพร”
นายน้อยหลินไม่สนใจฝั่งนั้นอีกต่อไป แอม- เขาไม่แม้แต่จะมองเจียงอี้แม้แต่ครั้งเดียว จากนั้นเขาก็คลุกคลีกับลู่ผิงและผู้บัญชาการคนอื่นๆอย่างสนุกสนาน นายน้อยตระกูลลู่นั้นค่อนข้างสำรวมได้ดีและสามารถจัดการกับงานเลี้ยงได้อย่างง่ายดาย
ส่วนเจียงอี้ก็นั่งเงียบๆอยู่ตรงที่นั่งและมีรอยยิ้มเผยบนใบหน้าของเขาซึ่งมันดูไม่เหมือนรอยยิ้มนัก เขาได้แสดงเจตนารมณ์ไว้อย่างชัดเจนแล้วและไม่ต้องการขุ่นเคืองกับนายน้อยหลินไม่ว่าจะทางไหน การพยายามครอบครองจะทำให้เกิดปัญหามากขึ้นเท่านั้น นายน้อยหลินเป็นเชื้อสายตรงและตราบใดที่นายน้อยหลินไม่ล้ำเส้น เจียงอี้ก็จะหลีกทางให้เขาอย่างแน่นอน หลังจากผ่านไปสองชั่วโมง นายน้อยหลินและแม่นางหยี่ก็ลุกขึ้นและขอตัวกลับไปพักผ่อน ซึ่งเจียงอี้ก็ใช้โอกาสนี้ปลีกตัวกลับไปเช่นกันขณะที่พวกเขาทั้งสี่คนเดินออกมาจากตำหนักเจ้าเมือง ส่วนเฉียนว่านก้วนและคนอื่นๆก็รออยู่ข้างนอกอยู่แล้วขณะที่พากันมองไปทางเจียงอี้ด้วยสีหน้าอึมครึม
“กลับกันเถอะ”
ทุกคนพากันกลับไปยังลานบ้านและเจียงอี้ให้คนอื่นๆกลับไปรอคำสั่งขณะที่เขาพาเฉียนว่านก้วน, เฟิ่งหลวนและคนอื่นๆเข้าไปในลานบ้าน
“เราอาจจะเจอปัญหาใหญ่แล้วล่ะ!”
เจียงอี้เปิดใช้งานข้อจำกัดทันทีที่พวกเขาเข้ามาในห้องและพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า “นายน้อยหลินอาจเคลื่อนไหวได้ทุกเมื่อ ดังนั้นเราต้องเตรียมการทั้งหมดและพร้อมที่จะจากไปเมื่อใดก็ได้ แล้วก็ นอกจากเฉียนว่านก้วน, เฟิ่งเอ๋อร์, ชิงหยี, เสี่ยวนู๋และมังกรวารีสีทองแล้ว ทุกคนจะเข้าไปอยู่ในราชวังจักรพรรดิทันทีที่มีบางอย่างผิดแปลกไป และเราจะมุ่งหน้าออกไปยังเมืองเทพประทานทันที”
“แต่เรามีศิลาสวรรค์ไม่พอนะ!” เฉียนว่านก้วนพูดอย่างลังเล
“เราต้องออกไปแม้ว่าเราจะมีไม่พอ!”
เจียงอี้กัดฟันและพูดว่า “เราไม่สามารถเริ่มสู้กับนายน้อยหลินและคนของเขาได้ หากไม่พูดถึงขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุด เขายังมีขอบเขตเทียนจุนระดับสูงอยู่หลายคนด้วย แม้ว่าเราจะสังหารเขาได้ แต่เราก็จะต้องทรมานกับการไล่ล่าของตระกูลลู่และเราจะอยู่ในเกาะแห่งบาปไม่ได้อีกต่อไป แต่หากเราสามารถเดินทางไปยังเมืองเทพประทานได้โดยไม่มีเรื่องขัดแย้งกับพวกเขา เราอาจเลี่ยงความบาดหมางกับพวกเขาได้”
“อื้อ!”
เฟิ่งหลวนพยักหน้าและกล่าวว่า “หากมันเป็นไปไม่ได้จริงๆ เราจะไปจากที่นี่ทันทีและไม่นั่งเรือลิขิตสวรรค์ เราจะคิดหาทางสกัดและสังหารกลุ่มโจรสักเล็กน้อย และนั่นจะทำให้เรามีศิลาสวรรค์ที่เพียงพอ แต่วิธีนี้ก็จะเสี่ยงเล็กน้อย” “เราจะจัดการเรื่องกันที่นี่ พวกเจ้าทุกคนเข้าไปในราชวังจักรพรรดิ ว่านก้วน เจ้าต้องตัวติดข้าตลอดเวลาและไม่ต้องสนใจเรื่องในเมือง ปล่อยให้หยางตงคอยดูแลต่อไป”
“ว่านก้วน เขียนจดหมายแล้วบอกว่าหากเราจะไป ทุกคนจะต้องฟังคำสั่งหยางตง และตราบใดที่เราไปจากที่นี่ ลู่หลินจะไม่ทำให้หยางตงและคนอื่นๆตกที่นั่งลำบาก เราจะพบเจอกันใหม่หากชะตาลิขิต”
เจียงอี้นำราชวังจักรพรรดิออกมาและพาเฟิ่งหลวน, ชิงหยี, เจียงเสี่ยวนู๋และมังกรวารีสีทองเข้าไปขณะที่เขากำลังเตรียมที่จะปรึกษาหารือกับเฉียนว่านก้วน กำแพงด้านนอกก็สั่นเล็กน้อย ดวงตาของเขาเย็นชาขณะที่เขาปิดข้อจำกัดทันทีและแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไป เมื่อเขาเห็นว่ามันคือผู้บัญชาการลู่เฟิง เขาก็รีบพาเฉียนว่านก้วนออกไปต้อนรับเข้ามาข้างใน
“ผู้บัญชาการเฟิง เชิญเข้าไปนั่งข้างในเถอะขอรับ!”
เจียงอี้ต้อนรับลู่เฟิงอย่างสุภาพ แต่ลู่เฟิงไม่ได้มีสีหน้าที่ดีเท่าใดนัก เขาไม่ได้นั่งลงหลังจากที่เข้ามาและมองไปรอบๆแทน จากนั้นเขาก็ถอนหายใจเบาๆและกระซิบว่า “หัวหน้าเจียง ท่านเจ้าเมืองให้ข้าถ่ายทอดข้อความว่า นายน้อยหลินยินดีจะเสนอแต้มความดีความชอบให้หนึ่งร้อยล้านแต้มและเขาต้องการจะแต่งแม่นางเสี่ยวนู๋ให้เป็นนางสนมของเขา นอกจากนี้เขายังสัญญาว่าในอนาคตเจ้าจะสามารถเดินทางไปมาอย่างเปิดเผยในหมู่เกาะมังกรขาวได้ ตราบใดที่เจ้าไม่สร้างปัญหาใหญ่ เขาจะรับประกันความปลอดภัยของเจ้า นอกจากนี้….คำชี้แนะของท่านเจ้าเมืองคือให้เจ้าพิจารณามันอย่างรอบคอบ”
“นั่นไงล่ะ!”
เจียงอี้และเฉียนว่านก้วนมองหน้ากัน หากก่อนหน้านี้ลู่หลินเพียงเผยเจตนาของเขาออกมาอย่างชาญฉลาด ดังนั้นในตอนนี้ เขาก็กำลังเรียกร้องขอเสี่ยวนู๋อย่างเปิดเผย เห็นได้ชัดว่าลู่ผิงไม่สามารถต้านทานความกดดันนี้ได้ ไม่เช่นนั้นนางก็คงไม่ให้คำชี้แนะมา
หากเจียงอี้ไม่ทำตาม และแม้ว่าลู่ผิงจะไม่ได้อยู่ข้างลู่หลิน แต่นางก็ไม่สามารถเป็นผู้ยืนดูสถานการณ์อยู่ข้างสนามได้แน่นอน นอกจากนี้ หากนายน้อยตระกูลลู่ต้องการจะเล่นงานเจียงอี้ มันก็จะง่ายดายมาก
เจียงอี้นิ่งเงียบและตอบกลับไปหลังจากที่ผ่านมาประมาณห้านาที “ผู้บัญชาการเฟิ่ง เสี่ยวนู๋เป็นน้องเล็กของข้า แม้ว่านายน้อยหลินจะเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ แต่ท่านก็เห็นว่านางจะไม่ยินดีกับการแต่งงานในครั้งนี้ ท่านให้เวลาข้าหน่อยได้หรือไม่? ข้าขอคิดเรื่องนี้ให้ถี่ถ้วนก่อน แล้วก็ต้องถามความเห็นของน้องสาวข้าด้วย….สักหนึ่งเดือนได้ไหม?”
“หนึ่งเดือน?” Aileen-novel
ลู่เฟิงส่ายหัวและกล่าวว่า “หนึ่งเดือนคงจะมีปัญหาแน่ๆ อย่างมากที่สุดก็คงครึ่งเดือน ข้าจะไปแจ้งข้อมูลของเจ้าให้แล้วกัน”
“ก็ได้!”
เจียงอี้พยักหน้าและกล่าวว่า “ข้าจะต้องสร้างปัญหาให้ผู้บัญชาการเฟิงแล้ว ข้าจะไปเยี่ยมท่านเจ้าเมืองในภายหลัง” ลู่เฟิงฝืนยิ้มและเดินออกไป จากนั้นเขาก็ส่งข้อความกลับมาเมื่ออยู่ที่หน้าประตู “หัวหน้าเจียง เจ้าน่าจะมองเรื่องนี้ในด้านดีๆ นายน้อยหลินมีความสามารถอย่างล้นหลามและเป็นหนึ่งในห้าผู้ท้าชิงตำแหน่งประมุขตระกูล อนาคตของเขานั้นไร้ขอบเขตและหากเจ้าสร้างสัมพันธ์กับการแต่งงานครั้งนี้ได้ มันจะเป็นประโยชน์กับการพัฒนาอนาคตของหัวหน้าเจียงมากอย่างแน่นอน ในท้ายที่สุด แม่นางเสี่ยวนู๋จะต้องแต่งเข้าเรือนแล้วจะมีใครดีกว่านี้อีก? มีหญิงสาวมากมายที่ไม่ได้มีคุณสมบัติที่จะแต่งงานกับนายน้อยหลิน ใช่ไหมล่ะ?”
ลู่เฟิงไม่รู้ว่าเจียงเสี่ยวนู๋เป็นน้องสาวหรือผู้หญิงของเจียงอี้ แต่หากเป็นคนอื่น เมื่อลู่เฟิงเข้าบ้านคนเหล่านั้นแล้วเขาคงแสดงความยินดี แต่เขาก็เข้าใจเจียงอี้เล็กน้อยและรู้ดีว่าเจียงอี้เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์และไม่ชอบการทำอะไรเช่นนี้เพื่อแลกมาด้วยอำนาจ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาแนะนำเจียงอี้เช่นนี้
ปัง! หลังจากที่ลู่เฟิงออกไป เจียงอี้ก็เปิดใช้ข้อจำกัดและทุบโต๊ะในห้องจนมันแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆไปทั่วพื้น
“ลูกพี่ เราจะทำยังไงดี?”
เฉียนว่านก้วนมีสีหน้าที่ย่ำแย่อย่างยิ่งขณะที่เจียงอี้พึมพำครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดว่า “ข้าจะไปหาลู่ผิงก่อนและต้องการฟังสิ่งที่นางจะพูดก่อนจะตัดสินใจ”
ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่ในลานบ้านราวๆสี่ชั่วโมงจนถึงช่วงดึกดื่นในค่ำคืนที่เงียบสงัด จากนั้นเจียงอี้ก็พาเฉียนว่านก้วนเข้าไปในราชวังจักรพรรดิและตรงไปยังชั้นสองของตำหนักเจ้าเมืองทันที
“ท่านเจ้าเมือง หมาป่าเดียวดายขอเข้าพบขอรับ”
เจียงอี้เปิดประตูเข้าไปหลังจากที่เขาพูดจบ ส่วนลู่ผิงก็รู้อยู่แล้วว่าเจียงอี้จะมาและนางกำลังรอเขาอยู่ในห้อง
บรึฟ! หลังจากที่ปิดประตูแล้ว นางก็เปิดใช้งานข้อจำกัดทันทีและกวักมือให้เจียงอี้นั่งลงและพูดก่อนที่เจียงอี้จะทันได้พูด “หัวหน้าเจียง คราวนี้ข้าช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ นายน้อยหลินมาขอน้องสาวเจ้าตรงๆ บางที…..อาจมีใครบางคนยุยงอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ก็ได้”
“บุคลิกนิสัยของนายน้อยหลินนั้นถือว่าดี นอกเหนือจากความจริงที่ว่าเขาหลงหญิงงามเผ่าพันธุ์พิเศษ ความหมกมุ่นของเขาได้สร้างเรื่องราวไว้มากมายในอดีต แต่ปู่ของเขาคือผู้อาวุโสของตระกูล ดังนั้น…ข้าจึงทำอะไรไม่ถูกจริงๆกับเรื่องนี้ หากเจ้าไม่ส่งตัวนางไป แม้แต่ข้าเองก็คงปกป้องเจ้าไม่ได้”
“เอ่อ….”
ดวงตาของเจียงอี้หรี่ลงมาราวกับว่าเขารับชะตากรรมของตัวเอง เขาพึมพำอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจแล้วตอบว่า “ตัวข้าเองก็ไม่เป็นอะไรหรอก แต่น้องสาวของข้าไม่เต็มใจ ดังนั้นข้าคงต้องใช้เวลาเพื่อโน้มน้าวนางสักพัก แล้วก็ ท่านเจ้าเมือง…นางจะเป็นเพียงนางสนมหรือ? นางไม่สามารถเป็นมเหสีหรือแม้แต่จะเป็นภรรยาทั่วไปได้เลยหรือ?”
“มันเป็นไปไม่ได้!”
เมื่อเห็นเจียงอี้ยอมอ่อนข้อ ลู่ผิงก็เผยรอยยิ้มออกมาและอธิบายว่า “หัวหน้าเจียง ตระกูลลู่เป็นหนึ่งในสิบสามตระกูลและนายน้อยหลินเป็นหนึ่งในยอดฝีมือรุ่นเยาว์ มเหสีคนแรกของเขาจะต้องมีภูมิหลังที่เท่าเทียมกัน แม่นางเสี่ยวนู๋ไม่มีทางอื่นเลยนอกจากเป็นนางสนม”
“เป็นเช่นนี้นี่เอง….”
เจียงอี้ค่อนข้างผิดหวังและถามต่อว่า “ถ้าเช่นนั้น นางจะสมรสอย่างมีเกียรติไม่ได้หรือ? หากนางไม่ได้สมรสอย่างเป็นทางการและต้องจากไปกับนายน้อยหลินเช่นนี้ เสี่ยวนู๋คงยอมตายเสียดีกว่าแต่งงาน”
“นี่…”
ลู่ผิงอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัด อันที่จริง ลู่หลินก็เพียงแค่ไว้หน้าเจียงอี้โดยบอกว่าเขาต้องการแต่งเจียงเสี่ยวนู๋เข้ามา แต่ที่จริงลู่หลินก็เพียงแค่ใช้แต้มความดีความชอบร้อยล้านแต้มเพื่อแลกกับของเล่นชิ้นใหม่ ทำไมเขาถึงได้มีปัญหากับการจัดงานของเจียงเสี่ยวนู๋ด้วย?
นางโบกมือและพูดว่า “เจ้าน่าจะกลับไปโน้มน้าวน้องสาวเจ้าก่อน แล้วข้าจะคุยกับนายน้อยหลินเรื่องนี้ในวันพรุ่งนี้”
เจียงอี้ป้องกำปั้นคำนับนางและขอแยกตัวหลับไป เมื่อกลับมาที่ลานบ้าน เจียงอี้ก็นำเฉียนว่านก้วนออกมาจากราชวังจักรพรรดิและพูดอย่างเย็นชาว่า “เราจะทำตามแผนก่อนหน้านี้ เมื่อลู่ผิงไร้หัวใจ เช่นนั้นก็อย่าโทษเราเลยที่หมดศรัทธาในตัวนาง!”