เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 743 หมาป่าเดียวดายและคนอื่นๆ…หนีไปแล้ว!
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 743 หมาป่าเดียวดายและคนอื่นๆ…หนีไปแล้ว!
ในบ่ายวันที่สอง ลู่ผิงเรียกเจียงอี้ไปและบอกเขาอย่างชัดเจนว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดงานสมรสที่เมืองมังกรขาวและเป็นไปไม่ได้ที่เจียงเสี่ยวนู๋จะเป็นภรรยาคนแรก ลู่หลินได้แสดงความเต็มใจที่จะจัดงานในเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างและเขาจะเชิญนายน้อยและคุณหนูที่มีชื่อเสียงจากเมืองมังกรขาวมาเพื่อเป็นสักขีพยานในงานนี้ ซึ่งมันจะทำให้เจียงอี้ได้มีหน้ามีตามากมาย
เจียงอี้ยังคงดูผิดหวังมากและกล่าวว่าเจียงเสี่ยวนู๋ยังไม่เห็นด้วยและต้องใช้เวลามากกว่านี้ ซึ่งลู่ผิงบอกว่าไม่เป็นอะไรแต่เรื่องนี้ต้องคลี่คลายภายในสองสัปดาห์ นางยังกล่าวอีกว่าเมื่อเรื่องนี้เสร็จสิ้นแล้ว นางก็จะสามารถอยู่ในเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างในฐานะเจ้าเมืองได้อีกห้าปี และเมื่อถึงเวลานั้น นางจะยังคงขายหินอัสนีกับเจียงอี้ต่อได้และยังคงกอบโกยกำไรได้ต่อไป
เจียงอี้เผยสีหน้าที่มีความปลาบปลื้มยินดีอย่างเหลือล้นออกมาและได้ไปมาจากลานบ้านของเขาและตำหนักเจ้าเมืองอยู่เรื่อยๆ ในวันที่ห้า พวกเขาได้เปลี่ยนเงื่อนไขการสมรสและจะเป็นเจ้าภาพงานในหนึ่งเดือนให้หลังที่เมืองอัสนีฟ้ากระจ่าง
ลู่หลินรู้สึกฮึกเหิมและรีบพาองครักษ์จากไป ส่วนลู่หยี่ไม่ได้กลับไปด้วยและพักอยู่ในเมืองอย่างสบายๆและสังเกตสิ่งอัศจรรย์ที่ภูเขาอัสนีและพยายามเข้าถึงรูปแบบเต๋า
หลังจากที่ลู่หยี่จากไป เมืองก็กลับมาปกติสุขดังเดิม
เจียงอี้นำเจียงเสี่ยวนู๋ไปฝึกฝนที่ภูเขาอัสนีและขุดหินอัสนีต่อไป ส่วนเฟิ่งหลวนและเฉียนว่านก้วนก็กลับมาจัดการงานตามปกติและดูแลเมือง ทุกอย่างดูปกติมากซึ่งลู่ผิงก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก และนางไม่กล้าที่จะขัดลู่หลินแต่กลับอยากจะทำให้เขาพึงพอใจแทน ลู่หลินสัญญากับนางว่าเมื่อเรื่องนี้เสร็จสิ้น นางจะยังคงเป็นเจ้าเมืองอัสนีคนต่อไปอยู่
เจียงอี้ใช้เวลาในช่วงเช้าไปกับการขุดหินอัสนีในขณะที่ยามกลางคืนเขาจะเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์และพยายามเข้าถึงรูปแบบเต๋ารูปแบบสุดท้าย
และโชคของเขาค่อนข้างดีนัก เขาบรรลุรูปแบบเต๋าขั้นต่ำรูปแบบสุดท้ายได้ในเวลาเพียงสิบหกวัน ส่วนที่ยากที่สุดในการเข้าถึงรูปแบบเต๋าคือขั้นเริ่มต้น และในช่วงหลังมักจะเป็นอะไรที่ราบรื่นและสามารถเข้าถึงรูปแบบเต๋าได้อย่างง่ายดาย
ในช่วงนี้ เฉียนว่านก้วนไม่ได้ทำการค้าใดๆเลย ลู่ผิงสั่งและบอกว่างานแต่งใกล้เข้ามาแล้ว และจะต้องไม่มีเรื่องร้ายอะไร ซึ่งความหายของลู่ผิงชัดเจนมาก นั่นคือก่อนงานสมรส…จะต้องไม่มีผู้ใดออกจากเมืองอัสนีฟ้ากระจ่าง
ในวันที่สิบเก้า…!
เจียงอี้ที่นั่งอยู่บนสันเขาอัสนีก็ลืมตาขึ้นมา เขาเข้าถึงรูปแบบเต๋าระดับต่ำทั้งเก้าประเภทแล้วและเขาขาดเพียงส่วนผสานส่วนสุดท้าย ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยสายฟ้าซึ่งกวาดผ่านภูเขาอัสนีขณะที่เผยร่องรอยความเสียดาย แอม หากเขามีเวลามากกว่านี้ เขาคงจะใช้การปรากฏของเต๋าจากภูเขาอัสนีเพื่อหลอมรวมรูปแบบเต๋าระดับสูงนี้ได้อย่างง่ายดาย หากไม่ได้ฝึกฝนใกล้ๆภูเขาอัสนี มันจะผสานรูปแบบเต๋าลำบากมาก
แต่งานแต่งงานอยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือและเจียงอี้ไม่มีทางอื่นนอกจากต้องทิ้งการผสานรูปแบบเต๋า เขาหลับตาลงอีกครั้งเพื่อพยายามเข้าถึงร่องรอยของรูปแบบเต๋าอย่างระมัดระวังและสลักการปรากฏของเต๋าลึกลงไปในใจของเขา แม้ว่าเขาจะค่อยๆลืมความรู้สึกนี้ไป แต่เขาก็น่าจะยังมีความทรงจำที่ชัดเจนในช่วงเวลาสั้นๆได้และมันจะช่วยให้เขาผสานมันได้อย่างแน่นอน
“ไปกันเถอะ!”
มันเป็นช่วงค่ำคืนแล้ว เจียงอี้บินขึ้นไปบนฟ้าและเก็บราชวังจักรพรรดิเข้าแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณขณะที่เขาบินเข้าไปในส่วนลึกของสันเขาอัสนี เขาบินไปอย่างรวดเร็วและขุดหินอัสนีทันทีที่เห็นมัน หลังจากที่ขุดมันมาตลอดทั้งคืน เจียงอี้ก็บินไปใกล้ๆภูเขาอัสนีในช่วงเช้ามืด
เขาใช้ไข่มุกวิญญาณเพลิงรวบรวมเปลวเพลิงอัสนีนอกภูเขาอัสนีอย่างต่อเนื่องและนำมันเข้าสู่ร่างเพื่อใช้พลังดาราเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าปรับแต่งมัน และเมื่อไข่มุกวิญญาณเพลิงของเขาเต็มไปด้วยเปลวเพลิงอัสนีที่ถูกปรับแต่งแล้ว เจียงอี้ก็รวบรวมหินอัสนีทั้งหมดที่พื้นและมองลึกเข้าไปในภูเขาอัสนีก่อนที่จะบินไปยังเมืองอัสนีฟ้ากระจ่าง
“หัวหน้าเจียง!”
ระหว่างทาง เขาได้พบกับผ้เชี่ยวชาญที่กำลังจะไปรวบรวมหินอัสนีมา ซึ่งเจียงอี้ก็ยิ้มและทักทายพวกเขาขณะที่บินไปยังเมืองอัสนีฟ้ากระจ่าง
ในเมืองอากาศหนาวเย็นและไร้สีสันนัก ผู้คนแถวๆนั้นก็ไม่มีมากนัก เจียงอี้รีบกลับไปที่ลานบ้านของตัวเองและเห็นว่าเฟิ่งหลวนและชิงหยีกำลังรอเขาอยู่ที่ห้องโถง จากนั้นเจียงอี้ก็ถามด้วยน้ำเสียงที่หนักอึ้ง “ทุกอย่างเรียบร้อยไหม?”
“ก็ดี!” เฉียนว่านก้วนพยักหน้าและจากนั้นเจียงอี้ก็นำพวกเขาทั้งสองเข้าไปในราชวังจักรพรรดิและออกไป จากนั้นเขาก็พาคนไปยังตำหนักเจ้าเมืองก่อนจะขึ้นไปที่ชั้นสองคนเดียว
ลู่ผิงต้อนรับเขาอย่างกระตือรือร้นและบอกว่าลู่หลินส่งข้อความมาแล้วว่าเขากำลังมาและอาจมาถึงในคืนนี้หรือพรุ่งนี้ นางยังกล่าวอีกว่าได้จัดงานแล้วและแม้แต่เจ้าเมืองใกล้ๆก็ยังมาร่วมงาน
เจียงอี้ขอบคุณนางซ้ำแล้วซ้ำเล่าและพูดคุยกับลู่ผิงตลอดทั้งบ่ายก่อนที่จะเดินทางกลับในตอนพระอาทิตย์ตกดิน
บรึฟ!
ขณะที่เจียงอี้ออกมาจากที่พักของเจ้าเมืองและมาถึงลานบ้านตัวเอง ก็เกิดความผันผวนของพื้นที่ที่มาจากสันเขาอัสนีอย่างกะทันหัน มีมังกรอัสนีฟาดอย่างรุนแรงในท้องฟ้าทางตะวันออกขณะที่อากาศเปลี่ยงแปลงไป กลิ่นอายอันน่าสะพรึงแผ่กระจายไปทั่วสถานที่แห่งนี้และทุกคนในเมืองก็สัมผัสถึงมันได้ ไอรีนโนเวล
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟรึ่บ! ลู่ผิงและผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดอีกคนในตำหนักเจ้าเมืองบินขึ้นไปบนฟ้าทันที ผู้บัญชาการทั้งสิบคนของเมืองเองก็เช่นกัน ลู่ผิงคำรามออกมาอย่างเดือดดาลว่า “ไอ้สารเลวหน้าไหนที่กล้ามาโจมตีภูเขาอัสนี? หากค่ายกลกักอัสนีถูกทำลายลง ทุกคนในเมืองก็จะต้องตาย!”
ฟรึ่บ!
ลู่ผิงและผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดอีกคนกลายเป็นแสงสีขาวสองสายพุ่งออกไปยังภูเขาอัสนีทันที สีหน้าของผู้บัญชาการทั้งสิบเองก็เปลี่ยนไปอย่างมากและให้คนของพวกเขาไปที่นั่นเช่นกัน ลู่ผิงพูดถูกแล้ว หากค่ายกลกักอัสนีถูกทำลายลง ไม่เพียงแต่ทาสทั้งหมดในเมืองจะต้องตาย แต่ลู่ผิงและคนอื่นๆก็จะต้องตายด้วย
“หนิวเติง รีบนำคนไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้!”
เจียงอี้พุ่งขึ้นไปบนฟ้าและคำรามด้วยความโกรธ เมื่อหยางตงและคนอื่นๆทะยานขึ้นไปบนฟ้า จดหมายสีดำก็พุ่งออกมาจากเจียงอี้พร้อมกับข้อความเสียงว่า “ก่อนที่จะเปิดอ่านจดหมายผนึกก็ดูให้รอบคอบก่อน!”
หยางตงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยว่าทำไมเจียงอี้ไม่ไปที่นั่นด้วยตัวเองเมื่อเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้? ทำไมเจียงอี้ถึงให้จดหมายผนึกแก่เขา? แต่เจียงอี้ได้ให้คำสั่งของเขาแล้วและหยางตงก็ไม่กล้าท้าทายและรีบบินไปยังภูเขาอัสนีพร้อมกับคนของเขา
ฟรึ่บ!
กว่าห้านาทีต่อมา เจียงอี้ก็บินไปยังผู้พิทักษ์เมืองทางทิศตะวันตกและเมื่อเขาเห็นคนพยายามขัดขวางเขา เขาก็ดุออกมาด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม “นายน้อยหลินมาที่นี่แล้ว ข้าจะไปต้อนรับเขาก่อน พวกเจ้ารีบไปรายงานเจ้าเมืองทันทีและให้นางตรวจสอบให้ดีๆก่อนที่จะออกมาต้อนรับนายน้อยหลิน”
“โอ้ เข้าใจแล้ว!”
ไม่มีผู้บัญชาการอยู่ที่ประตูเมืองและทหารระดับต่ำเหล่านี้ก็กำลังขวัญผวาจากเหตุการณ์ที่ภูเขาอัสนีพวกเขาจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร? พวกเขามองเจียงอี้ออกไปด้วยความงุนงงขณะที่จิตใจของพวกเขายังคงลังเลและคิดว่าทำไมเจียงอี้ถึงรู้ว่านายน้อยหลินกำลังมา?
ฟรึ่บ!
เจียงอี้บินไปด้วยความเร็วสูงและใช้เวลาเพียงสิบห้านาทีในการบินออกมาจากเกาะอัสนีฟ้ากระจ่าง เสียงคำรามสั่นสะท้านฟ้ามาจากทิศทางของเมืองอัสนีฟ้ากระจ่าง “หมาป่าเดียวดาย เจ้ากล้าหนีไปรึ? หากแม้ว่าเจ้าจะหนีไปสุดขอบโลก เจ้าจะต้องตายอย่างแน่นอน….”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เจียงอี้หัวเราะเสียงดังออกมาและเทแก่นแท้พลังเข้าไปในเสียงของเขาและตะโกนว่า “เจ้าเมือง! ในเมื่อท่านไร้จิตใจเช่นนี้ ข้าก็หมดศรัทธาในตัวท่านแล้ว ข้าแนะนำท่านว่าอย่าไล่ล่าข้าเลยดีกว่า ไม่เช่นนั้นท่านจะต้องรับผลที่ตามมา”
จี๊! จี๊!
เมื่อสิ้นคำพูดของเจียงอี้แล้ว มือของเขาก็สว่างขึ้นด้วยแสงสีขาวขณะที่เขาฉีกพื้นที่และใช้วิชาหลีกสวรรค์ เขาได้สำรวจพื้นที่นี้มาแล้วและไม่มีผู้เชี่ยวชาญอยู่ในบริเวณใกล้ๆ ลู่ผิงและคนอื่นๆยังคงอยู่ไกลนักและพวกเขาไม่มีทางตัดสินได้เลยว่าเจียงอี้หนีไปได้เช่นไร
บรึฟ!
ห้วงอากาศสั่นเทาเล็กน้อยและรอยร้าวก็หลอมรวมกลับไปยังสภาพเดิมอย่างรวดเร็ว และเมื่อทุกสิ่งคืนสู่สภาพเดิม เจียงอี้ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ฟรึ่บ! ฟรั่บ!
ครู่ต่อมา แสงสีดำสองดวงก็พาดผ่านท้องฟ้าของเกาะอัสนีฟ้ากระจ่างมา ลู่ผิงและผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดอีกคนบินมาที่นี่ด้วยท่าทางเดือดดาล พวกเขาทั้งสองแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกมาสุดกำลังแต่ก็ไม่พบร่องรอยของเจียงอี้เลย
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟรึ่บ!
สิบผู้บัญชาการเองก็นำกลุ่มทหารตามมาอย่างรวดเร็ว มันไม่มีอะไรสำคัญเกิดขึ้นที่ภูเขาอัสนีและเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังระดับต่ำสองคนที่โจมตีภูเขาอัสนีซึ่งมันทำให้เกิดปฏิกิริยาสะท้อนกลับจากค่ายกลกักอัสนีและทั้งสองคนนั้นก็ถูกสายฟ้าฟาดจนตายแล้วและลู่ผิงก็รู้ตัวเมื่อนางรีบไปที่นั่น นี่เป็นแผนการของเจียงอี้ที่จะหลอกล่อให้นางออกไปไกลจากเขา
ฟรึ่บ! ฟรั่บ!
ในขณะนั้นเอง มีเสียงแหลมดังมาจากฟากฟ้าอันไกลโพ้นและรถม้าหรูหราหลายสิบคันบินผ่านมาอย่างรวดเร็ว คนที่อยู่ข้างหน้าเป็นนายน้อยที่ดูมีท่าทีสง่างาม และหากนี่ไม่ใช่ลู่หลินแล้วจะเป็นใครไปได้อีก?
รถม้าบินเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วขณะที่ลู่หลินขมวดคิ้วและถามว่า “ป้าลู่ เกิดอะไรขึ้น? ข้าสัมผัสได้ถึงความผันผวนของพื้นที่อย่างรุนแรงมาแต่ไกลเลย…”
เมื่อลู่ผิงชำเลืองมองและเห็นรถม้านับไม่ถ้วน นางก็รู้ว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นนายน้อยและคุณหนูจากตระกูลใหญ่ในหมู่เกาะมังกรขาว สีหน้าของนางในตอนนี้ดูย่ำแย่เสียยิ่งกว่าตอนที่พ่อนางเสียไปเสียอีก นางกัดฟันและพูดอย่างคร่ำครวญว่า “นายน้อยหลิน ยายเฒ่าผู้นี้ไร้ประโยชน์นัก หมาป่าเดียวดายและคนอื่นๆ….หนีไปแล้วเจ้าค่ะ!”