เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 746 ปีศาจล้ำค่าในคราบมนุษย์
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 746 ปีศาจล้ำค่าในคราบมนุษย์
“หาตัวมันไม่เจอ?”
ในเมืองอัสนีฟ้ากระจ่าง ลู่หลินทุบแท่นทองคำม่วงด้วยความเกรี้ยวกราดจนแตกเป็นเสี่ยงๆ
มันเป็นวันที่สิบแล้วและผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนเกือบพันคนตามหาตัวเจียงอี้ในรัศมีเกือบสิบล้านกิโลเมตรแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเจียงอี้ และลู่ผิงก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลับมารายงานซึ่งมันทำให้ลู่หลินระเบิดความแค้นเคืองออกมา
เขาตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ลุงฝาน ส่งข้อความกลับไปหาลุงหรงที่ตระกูล ให้เขาระดมหน่วยข่าวกรองตระกูลลู่และตามหาตัวพวกมัน ลู่ผิง นำข้อมูลทั้งหมดที่เจ้ามีเกี่ยวกับเจียงอี้และคนอื่นๆมาให้ข้า แม้ว่าพวกมันจะหนีไปสุดมุมโลก ข้าจะต้องตามหามันให้เจอ ไม่เช่นนั้น ข้า ลู่หลินคงไม่สามารถสร้างตัวเองในเผ่าเทพประทานนี้ได้” ดวงตาของลู่ผิงหดลง หากตระกูลลู่ใช้หน่วยข่าวกรอง พวกเขาจะพบไหมว่าเจียงขายหินอัสนีให้กับนาง? แต่ลู่หลินเดือดดาลมากนางจึงไม่กล้าพูดอะไรอีกและเพียงแต่หวังว่าเฉียนว่านก้วนจะรอบคอบมากพอและไม่ทิ้งหลักฐานใดๆเอาไว้
“ใครก็ได้ ไปจับตัวลูกน้องหมาป่าเดียวดายมาให้หมดแล้วสอบปากคำพวกเขาและหาข้อมูลของหมาป่าเดียวดายซะ” ไอรีนโนเวล
ลู่หลินหันกลับมาและออกคำสั่งอีกครั้งซึ่งมันทำให้ใจลู่ผิงสั่นไหว หากพวกนั้นไม่สามารถทนต่อแรงกดดันและเผยข้อมูลทั้งหมดของเจียงอี้กับนาง นางก็คงจบเห่แน่ นางจึงรีบตอบอย่างรวดเร็วว่า “นายน้อยหลิน ข้าคุ้นเคยกับลูกน้องหมาป่าเดียวดาย ข้าจะส่งคนไปสอบสวนพวกเขาเองเจ้าค่ะ”
“แล้วทำไมเจ้าไม่ไปทำมันตอนนี้ล่ะ?”
ลู่หลินจ้องไปที่ลู่ผิง หากผู้หนุนหลังลู่ผิงไม่ใช่ผู้อาวุโสตระกูลลู่ เขาคงสังหารลู่ผิงไปตั้งแต่สิบวันก่อนแล้ว นายน้อยและคุณหนูหลายสิบคนกำลังพักผ่อนอยู่ที่ตำหนักเจ้าเมืองและมันทำให้เขาขายหน้าอย่างที่สุด
“ท่านพี่!”
หลังจากที่ลู่ผิงและคนอื่นๆพากันออกไป ลู่หยี่ที่นั่งอยู่ข้างๆก็พูดขึ้นในทันใด “หากจะจับตัวคนผู้นี้ ข้าแนะนำให้ติดต่อกับนายน้อยและคุณหนูตระกูลอื่นๆ เนื่องจากเขาหนีไปแล้ว เขาก็คงไม่กล้าอยู่ในหมู่เกาะมังกรขาวอย่างแน่นอน เขาอาจจะหนีไปยังหมู่เกาะมังกรฟ้าทางใต้ หรือหมู่เกาะมังกรมรกตทางตอนเหนือ หรือบางที….อาจเป็นเกาะเทพประทานเลยด้วยซ้ำ”
“ใช่แล้ว!” แอม
ดวงตาของลู่หลินเป็นประกายเย็นชาขณะที่พูดว่า “ข้าจะติดต่อตระกูลอื่นให้ช่วยหาตัวมัน ไอ้สารเลวนี่ร้ายกาจนัก มันหนีพ้นสายตาคนมากมายเช่นนี้ได้อย่างไรกัน? หรือมันจะรู้วิธีหนีไปสรวงสวรรค์หรือลงใต้พื้นโลกจริงๆ?”
นายน้อยหลินสาปแช่งขณะที่เขาเดินออกไป ดวงตาที่งดงามของลู่หยี่กระพริบอย่างต่อเนื่องขณะที่ริมฝีปากของนางพึมพำเล็กน้อย “ผมแดง หนีขึ้นสวรรค์หรือแม้แต่มุดลงผืนดิน? วิชาหลีกสวรรค์? แซ่เจียง? มีข่าวลือว่าเขาครอบครองสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝง ชุดเกราะสีแดง? หรือว่าเขาคือ…เจียงอี้?”
ในฐานะของหญิงสาวอันดับหนึ่งของตระกูลลู่ การคาดคิดของนางนั้นสูงกว่าใคร บุรุษธรรมดาไม่เคยแม้แต่จะอยู่ในสายตาของนาง แต่ชื่อเจียงอี้นั้นไม่ใช่ชื่อปกติ!
นางมีข้อมูลของปรมาจารย์รุ่นเยาว์ในเผ่าเทพประทานทั้งหมดอย่างละเอียด นางยังหลักแหลมมากเพราะนางรู้ว่านางจะไม่สามารถตัดสินใจการสมรสของตนเองได้ เนื่องจากคู่สมรสของนางจะต้องมีสถานะที่เท่ากัน ดังนั้นนางจึงรวบรวมข้อมูลทั้งหมดของนายน้อยที่มีชื่อเสียง ซึ่งมันจะทำให้นางสามารถเลือกล่วงหน้าได้
ชื่อของเจียงอี้โด่งดังมากในเวลาหนึ่งที่เผ่าเทพประทาน เนื่องจากทั้งสิบสามตระกูลรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ยินว่าเก้าตระกูลจักรพรรดิถูกฉีกหน้า เจียงอี้ยังเด็กมากแต่เขากลับโด่งดังไปทั่วทวีปจักรพรรดิบูรพาแล้ว สิ่งนี้ทำให้หญิงสาวหลายคนในสิบสามตระกูลสนใจเขา ดังนั้นเมื่อลู่หยี่ได้ข้อมูลบางส่วนของเจียงอี้มาบ้าง นางจึงตั้งข้อสงสัยทันที
“เฮ้อ…”
หลังจากที่คิดอยู่ครุ่หนึ่ง ดวงตาของลู่หยี่ก็หรี่ลงเนื่องจากเจียงอี้ทำให้ลู่หลินโกรธเคืองและไม่สามารถอยู่ในตระกูลลู่ได้อีกต่อไป แม้ว่าหมาป่าเดียวดายจะเป็นเจียงอี้ผู้นั้น เขาก็จะเป็นได้เพียงศัตรู
นอกจากนี้….เจียงอี้อาจมีชื่อเสียงมากในทวีปจักรพรรดิบูรพา แต่สถานะของเขาก็ยังไม่คู่ควรกับนาง
…
เมื่อลู่หลินใช้อิทธิพลตระกูลลู่ หมู่เกาะมังกรขาวก็ตกอยู่ในความโกลาหลทันที หลายตระกูลที่พึ่งพาตระกูลลู่ได้ระดมกำลังทั้งหมด และหมู่เกาะมังกรขาวทั้งหมดก็พลันตาลปัตรกันไปหมด
ในเวลาเดียวกัน ก็มีคนนับไม่ถ้วนในเกาะใกล้เคียงที่ระดมกำลังด้วย ตำแหน่งที่อยู่ของเจียงอี้ถูกเปิดเผยในเวลาเพียงสองสัปดาห์เนื่องจากสมาคมการค้าจันทราคู่พิณขายข้อมูลของเจียงอี้ออกไปหมด
อย่างไรก็ตามแต่
เจียงอี้และคนของเขาได้เปลี่ยนเรือลิขิตสวรรค์ไปกับสมาคมการค้าอื่นแล้วและเข้าสู่เกาะมังกรทมิฬแล้ว เมืองมังกรทมิฬนั้นใหญ่เกินไปและเมื่อเจียงอี้และคนอื่นๆเข้าเมืองไปแล้ว พวกเขาก็ไม่สามารถตามหาตัวได้เลย
นอกจากนี้ ข้อมูลยังเผยอีกว่าเฉียนว่านก้วนได้ซื้อหินจันทร์มายาไปสามก้อนที่ปราการจันทราคู่พิณ ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดรู้ว่าพวกเขามีลักษณะหน้าตาเช่นไรหลังจากเข้าไปในเมือง หากพวกเขาต้องการค้นหาอย่างละเอียด….เมืองมังกรทมิฬมีประชากรราวๆหลายร้อยล้านคน และไม่มีผู้ใดสามารถค้นหาได้เว้นแต่จะเป็นปรมาจารย์ตระกูลกู่ที่เป็นผู้สั่งการหมู่เกาะมังกรทมิฬ
และแม้ว่าปรมาจารย์ตระกูลกู่จะออกคำสั่งลงมา แต่ก็มีผู้คนนับไม่ถ้วนที่เดินทางเข้าออกเมืองทุกวัน หากเจียงอี้และคนของเขาใช้หินจันทร์มายาเพื่อปลอมแปลงตัวเอง แล้วใครจะสามารถตามหาตัวพวกเขาเจอ?
หลังจากที่ค้นหามาเป็นเดือน ลู่หลินก็สั่งให้ทุกคนหยุดการค้นหา เผ่าเทพประทานนั้นใหญ่มากและหากเจียงอี้ไม่ได้คิดจะปรากฏตัวหรือเปิดเผยร่องรอยของเขา มันก็ไม่มีทางหาเขาเจอเลย
หยางตง, หนิวเติงและคนอื่นๆถูกปล่อยตัวออกมาหลังจากที่ถูกทรมานร่างกายไปมาก ลู่ผิงไม่กล้าประมาทเพราะกลัวว่าเจียงอี้อาจได้รับข่าวนี้หากพวกเขาถูกทรมานจนตาย และเมื่อเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น เจียงอี้อาจเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดที่พวกเขาค้าขายหินอัสนีกัน เจียงอี้ถูกตระกูลลู่ไล่ล่าแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่สำคัญอะไรอีก แต่นางจะต้องตกอยู่ในสภาพที่น่าสังเวช กฎของตระกูลลู่เข้มงวดมาก ซึ่งไม่จำเป็นต้องบอกก็รู้ว่านางจะถูกประหารและทางเส้นสายตระกูลนางก็อาจติดร่างแหด้วย
หลังจากที่ลู่หลินและลู่หยี่จากไปแล้ว เหล่านายน้อยและคุณหนูทั้งหลายก็นั่งรถม้าบินของพวกเขากลับไป เหตุการณ์ของลู่หลินและหมาป่าเดียวดายแพร่สะพัดออกไปทั่วหมู่เกาะมังกรขาวอย่างรวดเร็ว บรรดานายน้อยและคุณหนูจากทั้งสิบสามตระกูลต่างก็คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องขบขันที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน
ส่วนลู่หลินนั้นบูดบึ้งมากแต่เขาไม่มีทางอื่นนอกจากส่งเรื่องไปยังสมาคมการค้าที่มีอิทธิพลต่างๆ หากพวกเขาเจอที่อยู่ของเจียงอี้ ลู่หลินจะให้รางวัลพวกเขาเป็นศิลาสวรรค์หนึ่งร้อยล้านก้อน หากพวกเขาสังหารเจียงอี้ได้ รางวัลจะเป็นศิลาสวรรค์สามร้อยล้านก้อน และหากจับเจียงอี้ได้ทั้งเป็น จะได้ห้าร้อยล้านก้อน!
เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป มันก็เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ กองโจรภูเขาเองก็ได้รับข้อมูลของเจียงอี้และกลุ่มของเขามาเช่นกัน โดยเฉพาะเปลวเพลิงอัสนีของเจียงอี้ รูปแบบเต๋าราตรีของเฟิ่งหลวนและชุดคลื่นคนึงของเจียงเสี่ยวนู๋ ข้อมูลทั้งหมดนี้ถูกแพร่ออกไปและเจียงอี้กับกลุ่มของเขาก็ได้กลายเป็นเหล่าปีศาจล้ำค่าในคราบมนุษย์ที่เต็มไปด้วยศิลาสวรรค์ อันที่จริงแล้ว!
ลู่หลินเองก็สงสัยในตัวตนของเจียงอี้ เนื่องจากข้อมูลที่เขาได้มาตรงกับข้อมูลของผู้ที่มีนามว่าเจียงอี้ เขาผมสีแดงเหมือนกัน อายุเท่ากัน ความแข็งแกร่งอยู่ในลักษณะคล้ายกัน ชุดเกราะเมฆาอัคคีเหมือนกันและที่สำคัญที่สุดคือ…วิชาหลีกสวรรค์ การที่เจียงอี้จะไปถึงหมู่เกาะมังกรฟ้าได้อย่างกะทันหันเช่นนั้น มันไม่มีคำอธิบายอื่นใดนอกจากวิชาหลีกสวรรค์
แม้ว่าเขาจะคาดเดาตัวตนของเจียงอี้ได้ แม้ว่าเจียงอี้จะเคยทำให้นายน้อยเก้าตระกูลจักรพรรดิอับอาย แต่ความตั้งใจของลู่หลินที่จะสังหารเจียงอี้นั้นยังคงไม่เปลี่ยนไป เขาเคยต้องทนทรมานกับความอัปยศเช่นนี้เมื่อไหร่กัน?
ส่วนเจียงอี้ในตอนนี้อยู่ในเมืองหยกอินทนิลแห่งหมู่เกาะมังกรอินทนิล!
เฉียนว่านก้วนและเฟิ่งหลวนได้จัดการเปลี่ยนเรือลิขิตสวรรค์หลายลำอย่างรอบคอบและเป็นของสมาคมการค้าหลายสมาคม จากนั้นพวกเขาก็ใช้ศิลาสวรรค์จำนวนมหาศาลเพื่อใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายไปในเมืองมังกรทมิฬ ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็ใช้หินจันทร์มายาเพื่อเปลี่ยนรูปลักษณ์ของพวกเขาและไม่ทำตัวโดดเด่นตลอดทาง จนพวกเขาไปถึงเมืองหยกอินทนิลเล็กๆที่ใจกลางหมู่เกาะมังกรอินทนิล
เฉียนว่านก้วนได้ใช้ศิลาสวรรค์แลกแต้มความดีความชอบมากมายและการซื้อลานในเมืองหยกอินทนิลมีค่าใช้จ่ายเพียงหนึ่งแสนแต้มความดีความชอบ ซึ่งสำหรับพวกเขาแล้ว มันเป็นเหมือนเพียงแค่เสี้ยวหยดน้ำในมหาสมุทร
หลังจากที่ทุกคนเข้าไปในห้องโถงใหญ่แล้ว พวกเขาก็เปิดใช้ข้อจำกัดภายในลานบ้านและไม่ได้ออกไปไหนเลย เมืองนี้มีกฎเกณฑ์ที่เคร่งครัดว่าจะไม่มีผู้ใดสอดส่องเข้าไปในลานบ้านของผู้อื่น แม้แต่ทหารก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำเช่นนั้น หากตรวจพบว่ามีผู้ใดทำเช่นนั้น พวกเขาจะถูกประหารโดยไม่มีการเจรจาใดๆทั้งสิ้น
เจียงอี้นำราชวังจักรพรรดิออกมาและวางเอาไว้ที่ลานภายในบ้าน เขาใช้หินมายาของเฉียนว่านก้วนเพื่อสร้างเขตลวงตา แม้ว่าจะมีคนมาสอดส่องภายในนี้ พวกเขาก็จะไม่เจอสิ่งใดได้เว้นแต่พวกเขาจะสอดส่องอย่างละเอียด จากนั้นเขาก็เข้าไปในราชวังจักรพรรดิกับเฟิ่งหลวนและคนอื่นๆขณะที่ปล่อยให้มังกรวารีสีทองเฝ้าอยู่ข้างนอก
มังกรวารีสีทองนั่งอยู่ใกล้ๆกับราชวังจักรพรรดิ และหากเกิดอะไรขึ้น เขาจะแจ้งเจียงอี้ในทันทีและเจียงอี้จะใช้วิชาหลีกสวรรค์หลบหนีไป
“เฟิ่งเอ๋อร์ พวกเจ้าทุกคนอยู่ที่นี่นะ เสี่ยวนู๋ เข้าสู่สันโดษแล้วไปบ่มเพาะพลังเถอะ ว่านก้วน เจ้าเองก็ควรจะเข้าถึงชิ้นส่วนรูปแบบเต๋าวิญญาณต่อ เราจะอยู่ที่เมืองนี้หนึ่งปีและหลังจากความวุ่นวายทั้งหมดจบลง เราจะหาทางหาศิลาสวรรค์เพิ่มและมุ่งหน้าไปยังเมืองเทพประทานกัน!”
หลังจากที่เจียงอี้แนะนำพวกเขาแล้ว เจียงอี้ก็เข้าไปในห้องเพื่อเข้าสู่สันโดษและบ่มเพาะพลัง เขาจะต้องผสานรูปแบบเต๋าระดับสูงก่อนที่ความทรงจำเกี่ยวกับร่องรอยแห่งเต๋าที่ภูเขาอัสนีจะจางหายไป
“ภูเขาอัสนีได้รับพลังงานจากสายฟ้ามาเป็นเวลานับแสนปี มันสร้างการปรากฏของเต๋าขึ้นเองโดยธรรมชาติ ข้าสงสัยจริงๆว่ามันจะทรงพังเพียงใดหลังจากที่รูปแบบเต๋าระดับสูงนี้ถูกหลอมรวมเข้าด้วยกันแล้ว”
เจียงอี้พึมพำด้วยความคาดหวังและหลับตาเพื่อเริ่มเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์