เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 751 เมื่อแปรงกำลังหยุด หมึกก็กำลังแห้ง!
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 751 เมื่อแปรงกำลังหยุด หมึกก็กำลังแห้ง!
…
ฮู่ ฮู่ว!
เจียงอี้นั่งอยู่บนเก้าอี้คนเดียวและเทชาหนึ่งถ้วย จากนั้นเขาก็หายใจยาวๆเพื่อผ่อนคลายความเครียดที่อัดอั้นอยู่ในใจและพยายามสงบสติ เขากำลังคิดว่าจะมีวิธีอื่นใดบ้างที่จะทำให้เขาได้ศิลาสวรรค์มา
“ขายสมบัติ? หลังจากที่กำจัดกองทัพวายุทมิฬ, นายน้อยหงและคนอื่นๆแล้ว ข้าก็ได้สมบัติมามากมาย พวกมันอาจแพงมากหากข้าเป็นคนซื้อมัน แต่หากข้าขายมันก็จะได้ราคาถูกมากๆและอาจดึงดูดความสนใจของคนอื่นเอาง่ายๆได้ หากสมบัติของนายน้อยหงและคนอื่นมีรอยประทับพิเศษบางอย่าง มันคงเป็นปัญหาแน่ๆ”
จะต้องไม่ขายสมบัติทิ้ง และถึงแม้ว่าเขาจะขายมันออกไป มันก็ไม่ได้มีราคานัก เว้นแต่ว่าเขาจะขายสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝง เจียงอี้ไตร่ตรองและไม่เห็นหนทางทำเงินเลย มันจึงทำให้เขานึกย้อนกลับไปตอนที่เขายังอยู่ที่เมืองเทียนอวี่ในทวีปเทียนชิง และเขาเกือบสติแตกไปเพราะทองม่วงเพียงแค่สิบตำลึง
“เมืองเทียนอวี่?”
ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้นมาเมื่อเขานึกบางอย่างขึ้นได้และตบขาตัวเอง “ใช่แล้ว…ข้าสามารถกลั่นเม็ดยาขายเพื่อเอาศิลาสวรรค์ได้ แก่นแท้พลังของข้าเพิ่มคุณสมบัติให้เม็ดยาพวกนั้นและข้าก็จะกลั่นมันออกมาเยอะๆแล้วจะได้มีกำไรมหาศาล!”
“ไม่สิ มีบางอย่างไม่ถูกต้อง”
ดวงตาของเจียงอี้หรี่ลงอย่างรวดเร็ว ที่นี่ไม่ใช่ทวีปเทียนชิงและทองคำม่วงก็ไม่ใช่ศิลาสวรรค์ เม็ดยาในโลกภายนอกนั้นไร้ค่าเป็นอย่างมาก ทองคำม่วงเป็นสกุลเงินของคนปกติทั่วไปเนื่องจากศิลาสวรรค์เพียงก้อนเดียวก็มีค่าพอๆกับทองม่วงตั้งสองสามร้อยล้านตำลึงแล้ว แม้แต่ยาระดับสูงสุดก็ยังมีค่าเพียงศิลาสวรรค์ไม่กี่พันก้อนหรอก
เจียงอี้พึมพำอยู่ครู่หนึ่งและยังรู้สึกไม่ยอมแพ้ขณะที่เขาถามเฟิ่งหลวนว่า “เฟิ่งเอ๋อร์ มีเม็ดยาที่พิเศษและล้ำค่าบ้างหรือเปล่า? มีเม็ดยาใดที่สามารถขายแล้วได้ศิลาสวรรค์นับล้านๆก้อนบ้าง?”
“ข้าไม่คิดว่าข้าเคยได้ยินมันมาก่อนนะเจ้าคะ” เฟิ่งหลวนส่ายหัวและขมวดคิ้วขณะที่ตอบกลับว่า “แม้ว่ามันจะมีอยู่ แต่มันก็จะเป็นสูตรเฉพาะ นายน้อยก็น่าจะรู้ว่านอกจากเม็ดยาฟื้นฟูกับยาขับพิษแล้ว เม็ดยาอายุวัฒนะก็ไม่ได้ใช้บ่มเพาะพลังได้ แต่แน่นอนว่าเราก็ไม่มีข้อมูลมากนักในเรื่องนี้และอาจมีเม็ดยาอัศจรรย์อยู่บ้างเจ้าค่ะ”
“โอ”
เจียงอี้รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเนื่องจากเขาไม่มีความรู้เกี่ยวกับการกลั่นเม็ดยามากนัก เขารู้เพียงวิธีปรับแต่งมันด้วยแก่นแท้พลังของเขาและเพิ่มคุณภาพของมัน และตอนนี้เม็ดยาที่เขารู้จักก็ไม่ได้มีราคาแพง แม้ว่าเขาจะเพิ่มคุณภาพของพวกมันไป มันก็ได้ศิลาสวรรค์กลับมาเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
น่าเสียดายนัก แก่นแท้พลังของข้าพิเศษมากแต่มันก็ไร้ประโยชน์ยกเว้นกับการต่อสู้ ไม่สิ…แก่นแท้พลัง แก่นแท้พลัง!
เจียงอี้หายใจเบาๆก่อนที่ร่างจะแข็งทื่อไปขณะที่จิตใจของเขารู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า เขายืนขึ้นมาและเดินไปที่โต๊ะสี่เหลี่ยมในห้องโถงใหญ่ทันที
เจียงอี้เอื้อมมือไปหยิบแปรงก่อนที่จะเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์และเริ่มวาดภาพอย่างรวดเร็ว แต่คราวนี้ มือของเขาเรืองรองด้วยแสงสีแดงขณะที่เขาเทแก่นแท้พลังมาห่อหุ้มมือเอาไว้ เขาทุ่มเทสมาธิทั้งหมดเพื่อสร้างภาพวาดภาพนี้
“แม่เจ้า…”
ร่างกายอันบอบบางของเฟิ่งหลวนสั่นเทาขณะที่ดวงตาของนางสุกสกาวราวกับดวงดารา ดวงตาของนางค่อยๆเปลี่ยนไปขณะที่ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและเรือนร่างก็สั่นเทาไม่หยุด
เมื่อแปรงกำลังหยุด หมึกก็กำลังแห้ง! ทิวทัศน์ของภูเขาอัสนีก่อขึ้นมาอีกครั้งและคราวนี้มันชัดเจนมาก ราวกับว่าหากผู้ใดเคยไปที่เกาะอัสนีฟ้ากระจ่างก็จะนึกถึงมันได้อย่างง่ายดาย เมื่อชิงหยีมองดูมัน นางก็รู้สึกว่าดวงจิตวิญญาณของนางสั่นเทาเล็กน้อยราวกับว่าภาพวาดนี้มีความงดงามที่อธิบายไม่ได้และมันดึงดูดนางมาก
“ภาพวาดสวรรค์ นายน้อย ท่านวาดภาพวาดสวรรค์ได้อีกภาพแล้วเจ้าค่ะ!”
เฟิ่งหลวนตื่นเต้นมากเมื่อเจียงอี้วาดมันได้อีกครั้ง มันไม่ใช่แค่พวกเขาจะได้ศิลาสวรรค์มากมายมหาศาลมาครอง แต่ที่สำคัญที่สุดคือ นางชอบภาพวาดและศิลปะเป็นอย่างยิ่ง และตอนนี้เจียงอี้ก็สร้างภาพวาดสวรรค์ขึ้นมาได้สองภาพแล้ว และถึงแม้ว่าฝีมือการวาดภาพของเขาจะไม่ได้ดีมากนัก แต่มันก็สามารถฝึกฝนได้และอาจมีโอกาสที่เจียงอี้จะกลายเป็นศิลปินขั้นเทพได้ในอนาคต
“ศิลปินขั้นเทพ!”
เมื่อคิดว่าชายที่นางรักจะได้กลายเป็นศิลปินขั้นเทพในตำนานจริงๆ ใจของเฟิ่งหลวนก็ยิ่งพองขึ้น นางมองไปยังเจียงอี้ด้วยดวงตาที่เร่าร้อนขณะที่หายใจถี่ขึ้นและร่างอันบอบบางของนางก็อ่อนปวกเปียกราวกับลูกแมวที่รุ่มร้อน
“แก่นแท้พลัง! ปัญหามันอยู่ที่แก่นแท้พลัง ใครเป็นผู้มอบศาสตร์นิรนามให้ข้ากันแน่นะ? มันน่าลึกลับเสียจริง…” ไอรีนโนเวล
เจียงอี้ไม่ได้สนใจเฟิ่งหลวนขณะที่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสับสนและตกตะลึง ตอนที่เขาปล่อยแก่นแท้พลังออกมาในช่วงที่วาดภาพ มันมีความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ซึ่งทำให้เขาสามารถรวมเอากลิ่นอายแห่งเต๋าในใจใส่ลงพู่กันได้ ซึ่งมันจะประทับปรากฏแห่งเต๋าเอาไว้ในภาพของเขา
ศาสตร์นิรนามได้ทำให้ทุกสิ่งวิวัฒนาการขึ้นแม้แต่ดาวประหลาดทั้งเก้าดวงในตันเทียนของเขา มันจึงไม่จำเป็นต้องบอกก็รู้ว่าศาสตร์นิรนามนั้นเป็นสิ่งที่ดำรงอยู่อย่างน่าอัศจรรย์
และตอนนี้ศาสตร์นิรนามก็ได้เข้ามามีส่วนช่วยเขาอีกครั้ง!
ภาพวาดสุ่มๆของเขากลายเป็นภาพวาดสวรรค์ได้ เจียงอี้กลืนน้ำลายลงไปหลายอึกและบังคับให้ตัวเองสงบสติ และเมื่อเขาสงบจิตใจลงได้อย่างสมบูรณ์ เขาก็เข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์อีกครั้งเพื่อวาดภาพต่อ
“อีกภาพ!”
ร่างอันบอบบางของเฟิ่งหลวนสั่นเทายิ่งขึ้นขณะที่การหายใจของชิงหยีเองก็เช่นกัน ทั้งสองคนไม่กล้าส่งเสียงใดๆออกมาเนื่องจากพวกนางกลัวว่าอาจไปขัดจังหวะการวาดภาพของเจียงอี้
เจียงอี้สร้างภาพขึ้นมาได้มากกว่าสิบสองแผ่นอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ใช่ว่าทุกภาพจะเป็นภาพวาดสวรรค์ จากภาพเขียนทั้งหมดนั้น มีเพียงแค่หนึ่งในสามส่วนเท่านั้นที่เป็น ส่วนที่เหลือไม่มีการปรากฏแห่งเต๋าและเป็นเพียงภาพวาดธรรมดาๆ
แต่แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นแต่พวกนางก็ยังตื่นเต้นมาก เพราะเจียงอี้มีทักษะนี้แล้วและศิลาสวรรค์จะหลั่งไหลมาเรื่อยๆ พวกนางไม่จำเป็นจะต้องกังวลเกี่ยวกับศิลาสวรรค์ในภายภาคหน้าอีกเลย “ไม่ได้การล่ะ!”
เฟิ่งหลวนนึกบางอย่างขึ้นได้ขณะที่นางพูดเตือนเจียงอี้ นางส่ายหัวและพูดว่า “นายน้อย ท่านวาดภูเขาอัสนีต่อไปไม่ได้นะเจ้าคะเพราะมันชัดเจนเกินไป คงจะไม่เป็นอะไรหากว่าเป็นแค่ภาพวาดแผ่นเดียวหรือสองแผ่น แต่นี่มันมากเกินไป ข่าวจะถูกแพร่กระจายออกไปอย่างแน่นอนและมันจะดึงดูดลู่หลินและคนอื่นๆมา เมื่อพวกเขามาตรวจสอบที่นี่ พวกเขาก็จะหาเราเจอ”
“จริงด้วย!”
เจียงอี้พยักหน้าและพูดว่า “อย่างนั้นข้าควรวาดภาพอื่นสินะ?”
“เจ้าค่ะ…”
เฟิ่งหลวนพยักหน้าและกล่าวว่า “ยิ่งกว่านั้นคือเราไม่สามารถขายพวกมันได้ทันทีหลังจากที่ท่านวาดมันเสร็จ เราจะรอจนกว่าท่านจะวาดภาพวาดสวรรค์ได้หลักร้อยถึงหลักพันภาพก่อนที่เราจะมุ่งหน้าไปยังเมืองมังกรอินทนิลซึ่งจะได้ราคาที่สูงขึ้น หลังจากขายภาพวาดเสร็จแล้ว เราจะต้องนั่งเรือลิขิตสวรรค์และออกเดินทางไปยังเผ่าเทพประทานทันที ในเวลานั้น เราทุกคนไม่สามารถแสดงตัวได้และเราควรจะให้มังกรวารีสีทองไปทำการค้าขายแทน”
เมื่อมีการขายภาพวาดสวรรค์มากกว่าหนึ่งพันภาพ เผ่าเทพประทานจะแตกตื่นเป็นอย่างมากและจะมีผู้คนนับไม่ถ้วนมาตรวจสอบ หากทุกคนยังอยู่ในหมู่เกาะมังกรอินทนิลต่อไป มันจะอันตรายอย่างแน่นอนและทางเดียวของพวกเขาคือออกจากที่นี่ทันทีหลังจากที่ขายภาพวาดเสร็จ
“นายน้อย ท่านวาดภาพต่อเถอะเจ้าค่ะ ข้าจะไปคุยกับว่านก้วนก่อน”
เฟิ่งหลวนคิดเรื่องนี้และยังคงรู้สึกเสี่ยงอยู่บ้าง นางตัดสินใจที่จะสรุปรายละเอียดให้เฉียนว่านก้วนฟังและพยายามอย่างดีที่สุดที่จะไม่ทิ้งร่องรอยใดๆไว้และไม่ให้ลู่หลินเจอร่องรอยของพวกเขา
“เอาล่ะ ชิงหยี บดหมึกเลย”
เจียงอี้คว้าแปรงและเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ต่อ จิตใจของเขาปรากฏการระเบิดของภูเขาไฟในทะเลราตรีสีเลือด เขาเข้าถึงรูปแบบเต๋าอัคคีแล้วและทิวทัศน์ของการปะทุของภูเขาไฟนั้นสร้างความประทับใจให้แก่เขาอย่างลึกซึ้ง
ในไม่ช้าภาพวาดภูเขาไฟระเบิดในทะเลก็เสร็จสมบูรณ์ แต่น่าเสียดายที่ภาพวาดนี้แทบจะใช้ไม่ได้และไม่มีพลังแห่งเต๋าอยู่ในนั้นเลย
เจียงอี้ไม่ได้ท้อแท้อะไรและยังคงจดจ่ออยู่กับภาพวาดของเขาต่อไป ภาพที่สอง, สาม…สี่…
ภาพวาดของเจียงอี้ค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆและเมื่อถึงภาพวาดที่สี่ การปรากฏของเต๋าก็ปรากฏขึ้นและแม้แต่ชิงหยีเองก็รู้สึกได้อย่างชัดเจน
“นายน้อย ท่านทำได้แล้วเจ้าค่ะ วาดต่อเลยเจ้าค่ะ!”
ชิงหยีอุทาน และเมื่อนางเห็นว่าเจียงอี้เหนื่อยเล็กน้อย นางก็เอนกายและกระซิบข้างหูเจียงอี้ว่า “นายน้อย ขยันขันแข็งกว่านี้นะเจ้าคะ หากวันนี้ท่านสามารถสร้างภาพวาดสวรรค์ได้สามสิบภาพ คืนนี้…เราสองพี่น้องจะให้ท่านทำทุกอย่างที่ท่านต้องการได้เลยเจ้าค่ะ” อึก!
ร่างของเจียงอี้สั่นสะท้าน ดวงตาของเขาเบิกโตและมีพละกำลังขึ้นมาทันที แปรงของเขากวัดแกว่งราวกับมังกรและอสรพิษขณะที่เขาวาดภาพอย่างบ้าคลั่ง