เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 752 เมืองมังกรอินทนิล
หนึ่งเดือนผ่านไป…!
เจียงอี้วาดภาพราวกับคนบ้าคลั่งและฝีมือของเขาก็ดีขึ้น ในทุกๆวัน เขาจะวาดภาพภูเขาไฟระเบิดในทะเลเกือบๆร้อยภาพ และในบรรดาภาพเหล่านั้นจะมีหนึ่งในห้าส่วนที่เป็นภาพวาดสวรรค์ ในเวลาเพียงหนึ่งเดือน เขาก็วาดภาพสวรรค์ได้หกร้อยภาพและเขาแทบรู้สึกอยากจะอาเจียนทุกครั้งที่วาดภาพ
หากไม่ใช่เพราะชิงหยีและเฟิ่งหลวนที่ใช้ท่าทีเย้ายวนเพื่อดึงดูดเจียงอี้ เขาก็คงไม่อยากจะถือแปรงเลยด้วยซ้ำ ในช่วงเดือนนี้ หญิงสาวทั้งสองถูกเจียงอี้กระทำตลอด โดยเฉพาะเฟิ่งหลวนที่มีความน่าหลงใหลมากขึ้น จึงทำให้เขาเพลิดเพลินกับการร่วมรักกับพวกนาง
ตลอดทั้งเดือนมานี้ เจียงอี้ไม่ได้ฝึกฝนเลยแม้แต่วันเดียว เขาไม่ได้หลอมรวมรูปแบบเต๋าเลย เพราะเขาอยากให้ตัวเองลืมเรื่องรูปแบบเต๋าและปล่อยให้จิตใจได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ก่อนซึ่งมันอาจสร้างผลลัพธ์ที่น่าประหลาดใจได้ก็ได้
“เอาล่ะ เสร็จแล้ว!”
ภาพวาดสวรรค์หกร้อยภาพน่าจะขายได้ศิลาสวรรค์มาในราคาหนึ่งล้านก้อนต่อภาพ ซึ่งมันจะเท่ากับหกร้อยล้านก้อน และเขายังมีศิลาสวรรค์อยู่แต่เดิมแปดร้อยล้านก้อนแล้ว ดังนั้นพวกเขาจะมีเงินเพียงพอที่จะซื้อบ้านหลังใหญ่ในเมืองเทพประทานและอาศัยอยู่ที่นั่นอย่างสงบสุขได้หลายปี
เฟิ่งหลวนและเฉียนว่านก้วนต่างก็หารือกันเสร็จแล้วขณะที่ชิงหยีจัดเก็บภาพวาดสวรรค์ได้อย่างเป็นระเบียบ เฉียนว่านก้วนเก็บภาพวาดสวรรค์ทั้งหมดมา แต่เขาไม่ได้รวมภาพวาดทิวทัศน์ของภูเขาอัสนีเข้ามาด้วย
หลังจากที่เฉียนว่านก้วนพูดคุยกับเฟิ่งหลวนแล้ว พวกเขาก็ตัดสินใจว่ามันจะเป็นการดีกว่าที่เจ้าอ้วนเฉียนจะออกไปขายภาพเอง ภูมิปัญญาของมังกรวารีสีทองที่เป็นสัตว์อสูรอาจแข็งกระด้างเล็กน้อยและอาจเปิดโปงพวกเขาได้ เฉียนว่านก้วนก็จะใช้หินจันทร์มายาเพื่อสร้างรูปลักษณ์ใหม่ ในเวลาเดียวกันเขาก็ใช้ยาเปลี่ยนกายที่เจียงอี้มีอยู่อีกครั้งด้วย ดังนั้นแม้ว่ายอดฝีมือจะมองผ่านรูปลักษณ์ภายนอกของเขาเข้ามาได้ แต่มันก็ไม่ได้สำคัญอะไร
“ไปกันเถอะ!”
เจียงอี้เตรียมตัวกับทุกคนและเคลื่อนย้ายออกจากราชวังจักรพรรดิ เจียงอี้พยักหน้าให้มังกรวารีสีทองและเก็บเขาเข้าไปในราชวังจักรพรรดิ จากนั้นเขาก็เก็บราชวังจักรพรรดิและกินยาเปลี่ยนกาย เขากลายเป็นเจ้าเตี้ยและเขาก็เทแก่นแท้พลังลงในหินจันทร์มายาเพื่อเปลี่ยนรูปลักษณ์ตัวเองอีกครั้งก่อนจะเดินออกมาจากลานบ้าน
เขาไม่ได้หาสมาคมการค้าและตรงไปยังจัตุรัสในเมืองทันที มีค่ายกลเคลื่อนย้ายอยู่ที่นั่นซึ่งจะทำให้ทุกคนเข้ามาถึงเมืองหยกอินทนิลได้ทันที แต่ค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนย้ายไปยังเมืองมังกรอินทนิลต้องใช้ศิลาสวรรค์นับสิบล้านก้อน
“หยุดอยู่ตรงนั้น!”
หลังจากไปถึงจัตุรัสแล้ว ทหารยามที่อยู่ด้านนอกค่ายกลเคลื่อนย้ายขนาดยักษ์ทั้งสองอันก็เห็นเจียงอี้เข้ามาใกล้ๆและได้พยายามหยุดเจียงอี้เอาไว้ เจียงอี้หยิบแหวนออกมาอย่างเฉยเมยและโยนไปพร้อมกับพูดว่า “ข้าต้องการไปยังเมืองมังกรอินทนิล”
ผู้บัญชาการเหลือบมองเข้าไปในแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์และเผยรอยยิ้มขณะที่ป้องมือว่า “ท่านใต้เท้า เชิญเข้าไปในค่ายกลได้เลยขอรับ”
มันไม่สำคัญว่าจะมีคนเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้ายกี่คน เนื่องจากราคาของค่ายกลเคลื่อนย้ายนั้นถูกกำหนดไว้ที่ศิลาสวรรค์สิบล้านก้อน ผู้ใดจะสามารถจ่ายในราคานี้ได้นอกเสียจากว่าพวกเขาจะเป็นยอดฝีมือที่แท้จริงหรือไม่ก็เป็นผู้ที่มีภูมิหลังที่ทรงพลัง? กลิ่นอายของเจียงอี้อ่อนแอมาก แต่ใครจะรู้ว่าหากเขาเป็นยอดฝีมือที่ปลอมตัวมาล่ะ?
บรึฟ!
เมื่อค่ายกลเคลื่อนย้ายสว่างขึ้น ผู้คนนับไม่ถ้วนในจัตุรัสก็หันไปมองด้วยความอิจฉาและหวาดกลัว ใครก็ตามที่ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายได้จะต้องเป็นบุคคลสำคัญอย่างแน่นอน
มีแสงสีขาวที่ส่องประกายอยู่เบื้องหน้าเจียงอี้และเมื่อเขาเหลือบมอง เขาก็ตระหนักได้ว่าตนได้มาถึงเมืองที่มีขนาดมหึมาแล้ว ทหารยามที่อยู่ด้านนอกค่ายกลเคลื่อนย้ายล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนระดับต่ำและผู้บัญชาการก็คือขอบเขตเทียนจุนระดับกลาง
เมืองมังกรอินทนิล!
มันเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะมังกรอินทนิล เจียงอี้สัมผัสถึงสถานที่นี้ได้โดยที่ไม่ได้ตั้งใจและเห็นว่าพลังฟ้าดินที่นี่หนาแน่นกว่าโลกภายนอกอย่างน้อยสี่ถึงห้าเท่า
“ข้าสามารถเคลื่อนย้ายจากเมืองมังกรอินทนิลไปยังเมืองเทพประทานได้โดยตรงหรือไม่?” เมื่อเขาเดินออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้าย เจียงอี้ก็หันไปถามผู้บัญชาการข้างๆค่ายกล
เขาพยักหน้าและตอบว่า “แน่นอนว่าทำได้ แต่…การจะย้ายไปแต่ละครั้งท่านจะต้องเสียศิลาสวรรค์ถึงห้าร้อยล้านก้อน หากท่านใต้เท้ามีป้ายเทพประทานที่สร้างขึ้นจากทั้งสิบสามตระกูลเช่นนั้นท่านก็สามารถจ่ายแค่เพียงศิลาสวรรค์สิบล้านก้อนเท่านั้น”
“ห้าร้อยล้าน?”
ดวงตาของเจียงอี้หดลง ทั้งสิบสามตระกูลกำลังปล้นกันกลางวันแสกๆเลย เคลื่อนย้ายหนึ่งครั้งด้วยศิลาสวรรค์ห้าร้อยล้านก้อน? หากมีคนสองคนเคลื่อนย้ายไปในวันเดียว ตระกูลชวีผู้ที่ควบคุมหมู่เกาะมังกรอินทนิลก็จะซื้อบ้านในเมืองเทพประทานได้เลยไม่ใช่หรือ?
แต่เมื่อคิดอีกครั้ง คนปกติก็คงไม่สามารถใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายได้อย่างแน่นอน ปกติพวกเขาจะเลือกนั่งเรือสมาคมการค้าไปในขณะที่ทั้งสิบสามตระกูลใช้ศิลาสวรรค์จ่ายเพียงแค่สิบล้านก้อนก็ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายได้แล้ว
เจียงอี้จากไปอย่างเงียบๆ เขามีศิลาสวรรค์ห้าร้อยล้านก้อนก็จริง แต่เขาใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายไม่ได้ เขาจึงรีบเดินไปยังโรงเตี๊ยมใกล้ๆและขอห้องที่ดีที่สุด หลังจากที่เขาเข้าไปในห้องแล้ว เขาก็นำราชวังจักรพรรดิออกมาและนำเฉียนว่านก้วนออกมา “ว่านก้วน ทำตามแผนเลย!”
เจียงอี้โบกมือขณะที่เฉียนว่านก้วนกินยาเปลี่ยนกายและเดินออกจากประตูไป ตัวเจียงอี้มีลักษณะที่โดดเด่นและเมื่อยอดฝีมือตรวจสอบตันเทียนของเขาและพบดาวเก้าดวง เขาก็จะถูกเผยตัวทันที
เฉียนว่านก้วนเดินออกจากโรงเตี๊ยมอย่างรวดเร็ว เมืองของเผ่าเทพประทานทุกเมืองมีกฎเกณฑ์ในยามกลางคืนและใครก็ตามที่เตร็ดเตร่อยู่บนถนนจะถูกสังหารอย่างไร้ปรานี โรงเตี๊ยมเองก็ไม่อนุญาตให้ผู้ใดก็ตามพักแรมค้างคืน และหากผู้ใดก็ตามกล้าอยู่ในเมืองโดยไม่มีที่พักอาศัย พวกเขาก็จะถูกประหารได้ ดังนั้นเฉียนว่านก้วนจึงต้องจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนฟ้าจะมืด
เฉียนว่านก้วนได้ตรวจสอบข้อมูลมาล่วงหน้าแล้วและพบว่าเมืองนี้มีสมาคมการค้าหนึ่งในสามแห่งที่ใหญ่ที่สุดในเกาะเทพประทาน ซึ่งมันเป็นสาขาแยกย่อยของสมาคมการค้าวิหกมรกต จากนั้นเขาก็ตรงไปยังปราสาทยักษ์ที่สมาคมการค้าตั้งอยู่ทันที ไอลีนโนเวล
หลังจากใช้ศิลาสวรรค์ไปราวๆห้าสิบล้านก้อนแล้ว เฉียนว่านก้วนก็ได้ที่ขึ้นเรือลิขิตสวรรค์ที่จะเดินทางไปยังเมืองเทพประทานในเวลาค่ำแล้ว ศิลาสวรรค์ห้าสิบล้านก้อนนั้นทำให้เฉียนว่านก้วนปวดใจมาก แต่เมื่อคิดว่าแก่นพลังฟ้าดินใกล้ๆเกาะเทพประทานเข้มข้นเพียงใด มันก็หมายความว่ากองโจรภูเขายิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น หากพวกเขาไม่นั่งเรือลิขิตสวรรค์ ทุกคนจะต้องตายก่อนจะไปถึงเกาะเทพประทานอย่างแน่นอน
หลังจากได้กำหนดการการเดินทางแล้ว เฉียนว่านก้วนก็ผ่อนคลายมากขึ้นขณะที่เขาไปสำรวจปราสาททองของสมาคมการค้าวิหคมรกต เขารีบไปพบพ่อค้าในตลาดมืดและแลกศิลาสวรรค์เจ็ดร้อยล้านก้อนเป็นแต้มความดีความชอบอย่างคุ้นเคย และเหรียญแต้มนี้ถูกทำขึ้นเป็นพิเศษโดยสิบสามตระกูลและไม่มีผู้ใดเลียนแบบมันได้
หลังจากที่ได้แต้มความดีความชอบมาแล้วเฉียนว่านก้วนก็ออกจากสมาคมการค้าวิหคมรกตและกลับไปยังโรงเตี๊ยม เขาเปลี่ยนเครื่องแต่งกายและรูปลักษณ์ก่อนที่จะวิ่งออกไปอีกครั้ง ครั้งนี้เขาไปยังสมาคมการค้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองมังกรอินทนิล….สมาคมการค้ามังกรอินทนิล นี่เป็นสมาคมการค้าที่เป็นของตระกูลชวี ซึ่งเป็นผู้ปกครองหมู่เกาะมังกรอินทนิลและยังเป็นสมาคมการค้าที่น่าเชื่อถือที่สุดในหมู่เกาะอินทนิลด้วย
“ตำหนักศิลป์อยู่ที่ไหน?”
สมาคมการค้านี้อยู่ในตำหนักเจ้าเมืองและตำหนักเจ้าเมืองที่นี่ใหญ่กว่าเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างอย่างน้อยหลายสิบเท่า ภายในนั้นมีร้านค้าอย่างน้อยหนึ่งหมื่นร้านและลูกค้าก็เต็มไปหมด
เฉียนว่านก้วนเดินไปที่ชั้นสองด้วยคำชี้แนะจากองครักษ์และจ่ายศิลาสวรรค์ไปหนึ่งพันก้อนและคอยสอบถามระหว่างทางจนในที่สุดเขาก็มาถึงตำหนักศิลป์ขนาดใหญ่
“ตำหนักศิลป์ที่นี่งดงามยิ่งนัก!”
หลังจากที่เฉียนว่านก้วนชำเลืองมองมันเล็กน้อย เขาก็พยักหน้าอยู่เงียบๆ ตำหนักศิลป์มีรัศมีอย่างน้อยครึ่งกิโลเมตรและมีโถงเล็กๆแยกไปหลายสิบห้องอยู่ในนั้น ทำให้ดูเหมือนเขาวงกตที่มีผลงานศิลปะนับไม่ถ้วน
“แขกท่านนี้จะซื้อหรือขายภาพวาดเจ้าคะ?” หญิงบริการต้อนรับด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม
ส่วนเฉียนว่านก้วนก็พูดอย่างเย่อหยิ่งและโบกมือ “นำเถ้าแก่มาคุยกับข้า ข้ามีการค้าใหญ่ต้องหารือกับเขา”
“ท่านใต้เท้าโปรดตามข้ามาเจ้าค่ะ”
หญิงบริการผู้นี้มีความรู้และรู้ว่าผู้ที่มีกลิ่นอายพิเศษเช่นเฉียนว่านก้วนจะไม่หลอกนางแน่นอน ส่วนเจ้าอ้วนเฉียนก็เดินตามนางไปตามทางโค้งและอีกโค้งหนึ่งก่อนที่จะเข้าไปในห้องโถงเล็กๆ
มีชายชราร่างผอมแห้งนั่งอยู่ที่ห้องโถงเล็กๆที่ดูแจ่มใส เมื่อเขาเห็นเฉียนว่านก้วนเข้ามา เขาก็พยักหน้าอย่างอ่อนโยนและยิ้ม “มีสิ่งใดที่ข้าจะให้บริการแก่ลูกค้าท่านนี้หรือไม่?”
เฉียนว่านก้วนชำเลืองมองหญิงบริการขณะที่ชายชรากวักมือให้นางออกไป จากนั้นแหวนของเฉียนว่านก้วนก็ส่องสว่างขณะที่เขานำภาพวาดสวรรค์ออกมาและส่งให้เถ้าแก่ “เถ้าแก่ ลองดูภาพวาดนี้และบอกข้าว่าราคาเท่าไหร่?”
ชายชรามีสีหน้าจริงจังขณะที่เขารับภาพวาดของเฉียนว่านก้วนมาด้วยมือทั้งสองข้างก่อนที่จะค่อยๆวางบนโต๊ะและเปิดมันออกอย่างช้าๆ
บรึฟ!
ก่อนที่ภาพวาดจะถูกเปิดออกจนหมด ดวงตาของชายชราก็เป็นประกายทันที เขามองเข้าไปใกล้ๆอีกเล็กน้อยและพยักหน้าอย่างต่อเนื่องพร้อมพูดว่า “ไม่เลว ไม่เลว สำหรับภาพวาดนี้ ตำหนักศิลป์มังกรอินทนิลของเราสามารถซื้อมันด้วยศิลาสวรรค์ห้าแสนก้อน!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เฉียนว่านก้วนหัวเราะเสียงดังและเย้ยหยันว่า “เถ้าแก่นั้นไม่จริงใจเอาเสียเลย เช่นนั้นข้าคงไม่ทำการค้านี้กับท่านแล้วล่ะ”
ดวงตาของชายชราเป็นประกายระยิบระยับขณะที่เขาตะโกนว่า “ศิลาสวรรค์สองล้านก้อน นี่เป็นราคาที่สูงสุดแล้ว ฝีมือการวาดภาพนี้หยาบเกินไป ไม่เช่นนั้นราคานี้อาจขึ้นเป็นสิบหรือร้อยเท่าเลยก็ได้”
“อืม ตกลง!”
เฉียนว่านก้วนพยักหน้าและแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาออกไปตรวจสอบรอบๆก่อนที่จะส่งข้อความเสียงไปว่า “เถ้าแก่ ข้ายังมีภาพวาดเหล่านี้มากกว่านี้ ท่านยังต้องการพวกมันอยู่ไหม ราคาจะยังคงไว้ที่ศิลาสวรรค์สองล้านก้อนอยู่หรือเปล่า?”
“เอ๊ะ? เจ้ามีอีกกี่ภาพ?”
ชายชราตกใจขณะที่ดวงตาของเขาเผยความปิติยินดีออกมา “ข้าจะเอาทุกภาพที่เจ้ามีอยู่ ส่วนราคาก็จะเท่ากันหมดอยู่แล้ว!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เฉียนว่านก้วนหัวเราะออกมาก่อนที่จะส่งข้อความอีกรอบ “ดี เช่นนั้นท่านจะเตรียมศิลาสวรรค์พันสองร้อยล้านก้อนก่อนไหม? ข้ามีภาพวาดอยู่กับตัวหกร้อยภาพ…”
พรุบ
ขาของชายชราอ่อนยวบลงไปกับพื้นทันที