เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 753 เกาะเทพประทาน ข้ากำลังไปที่นั่นแล้ว
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 753 เกาะเทพประทาน ข้ากำลังไปที่นั่นแล้ว
ในฐานะผู้คอยดูแลตำหนักศิลป์ ชายชราก็เป็นผู้ประเมินระดับสูงอยู่แล้ว เมื่อเฉียนว่านก้วนนำภาพออกมา ชายชราก็เห็นสิ่งพิเศษทันที
มันเป็นภาพวาดสวรรค์อย่างแท้จริง แต่อย่างที่เขาพูด ฝีมือทักษะการวาดภาพยังด้อยเกินไป ไม่เช่นนั้นราคาคงจะสูงขึ้นเป็นสิบหรือร้อยเท่าแล้ว นอกจากนี้ การปรากฏแห่งเต๋าในภาพวาดเองก็ยังอยู่ในระดับต่ำสุด ซึ่งเป็นเต๋าแห่งอัคคี ดังนั้นราคาสองล้านจึงสมเหตุสมผลมาก แน่นอนว่าหากเขาขายมันออกไป เขาจะทำกำไรได้อย่างน้อยศิลาสวรรค์หนึ่งล้านก้อน!
อันที่จริงแล้วเขาไม่ได้คิดจะขายภาพนี้ด้วยซ้ำเพราะเขาต้องการเก็บและใช้มันเป็นสมบัติล้ำค่าของร้าน แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่าเฉียนว่านก้วนจะมีมันมากกว่าหนึ่งภาพจริงๆ? ยิ่งไปกว่านั้น….มันมีมากถึงหกร้อยภาพ!
ศิลาสวรรค์จำนวนหนึ่งพันสองร้อยล้านก้อนนั้นเป็นจำนวนที่มหาศาลมากสำหรับตำหนักศิลป์เล็กๆ ผลประกอบกิจการในปีนี้นั้นได้ศิลาสวรรค์มาเพียงไม่กี่ร้อยล้านก้อน ท้ายที่สุดแล้ว เขาไม่มีภาพวาดที่มีชื่อเสียงและเฉพาะคนที่ไม่มีอะไรจะทำไปมากกว่านี้แล้วถึงจะมายังที่แห่งนี้เพื่อศึกษาเรื่องการประดิษฐ์อักษรและการวาดภาพ
ชายชรายืนขึ้นอย่างงุ่มง่ามและถามด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่นว่า “ท่านใต้เท้า ท่านแน่ใจหรือ?”
เฉียนว่านก้วนตอบอย่างเฉยเมยว่า “แน่นอนที่สุดแล้ว หากที่นี่ไม่สามารถซื้อมันได้ทั้งหมด เช่นนั้นข้าคงต้องไปยังสมาคมการค้าอื่นแล้วล่ะ!”
“ท่านใต้เท้า โปรดรอสักครู่ ข้าจะต้องขอไปหารือเรื่องนี้ก่อน”
คิ้วของชายชราขมวดเข้าหากันเพราะข้อตกลงนี้ใหญ่เกินไปและมันไม่ใช่สิ่งที่เถ้าแก่ร้านเล็กๆในตำหนักศิลป์จะตัดสินใจได้ เขาจะต้องขอคำแนะนำจากหัวหน้าผู้บัญชาการของสมาคมการค้า
“ไปซะและรีบกลับมาด้วยล่ะ ข้าจะรอแค่สิบห้านาที” เฉียนว่านก้วนหย่อนก้นลงไปที่เก้าอี้สิงโตข้างๆและพูดอย่างไม่แยแส
ชายชราผู้นั้นพยักหน้าและรีบออกไปอย่างรวดเร็ว และเขากลับมาภายในไม่ถึงสิบนาทีและพาหญิงงามมาด้วย หลังจากที่ชายชราเข้ามา เขาก็แนะนำว่า “ท่านใต้เท้า นี่คือ ท่านหัวหน้าหลี่หัวหน้าสมาคมการค้ามังกรอินทนิลของเราขอรับ”
เฉียนว่านก้วนยืนขึ้นและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คารวะ หัวหน้าหลี่”
“คารวะท่านใต้เท้า”
หญิงงามที่มีเสน่ห์ยิ้มจางๆและกล่าวว่า “ภาพวาดหกร้อยภาพของท่านใต้เท้า เราจะซื้อมันเอง แต่ราคาอาจจะน้อยลงกว่านี้เล็กน้อยได้หรือไม่เนื่องจากมันมากเกินไป เราเสนอศิลาสวรรค์ได้เพียงหกร้อยล้านก้อนเท่านั้น หากท่านใต้เท้าประสงค์จะทำข้อตกลงกับเรา ท่านสามารถนำภาพวาดออกมาเพื่อทำการค้าได้ทันที”
เฉียนว่านก้วนพิจารณาครู่หนึ่งและพูดอย่างเฉยเมย “แปดร้อยล้านก้อน ไม่น้อยไปกว่านี้ ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่ขาย!” หญิงสาวเผยรอยยิ้มและพยักหน้าเบาๆ “ตราบใดที่ท่านมีภาพวาดเหล่านี้ แปดร้อยล้านก้อนก็ได้ ข้าจะนับว่าท่านเป็นสหายใหม่ของข้าด้วยเจ้าค่ะ!”
บรึฟ!
แหวนของเฉียนว่านก้วนสว่างขึ้นและเขานำม้วนภาพวาดหลายร้อยภาพออกมากองบนโต๊ะ
“เอ่อ….”
หญิงงามและชายชราสบตากัน ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง เนื่องจากภาพวาดเหล่านี้เหมือนกันทุกประการ หรือว่าพวกนี้จะเป็นคนวาดคนเดียวกัน? กล่าวอีกนัยหนึ่งคือมีโอกาสที่ศิลปินขั้นเทพจะอยู่ในเมืองมังกรอินทนิลนี้หรือไม่?
ศิลปินขั้นเทพนั้นไม่เพียงแต่จะมีสถานะสูงสุดในโลกศิลปะเท่านั้น แต่ยังมีสถานะพิเศษในแดนเทียนชิงทั้งหมดด้วย พวกเขาสามารถรวมการปรากฏแห่งเต๋าลงมาไว้ในภาพวาดได้ เหล่าตระกูลที่ซื้อภาพวาดสวรรค์ไปจะสามารถส่งต่อให้ลูกหลานได้หลายชั่วอายุคนและให้ลูกหลานของพวกเขาใช้ภาพวาดเหล่านี้เพื่อคอยทำความเข้าใจกับรูปแบบเต๋าได้อย่างง่ายดาย
เช่นเดียวกับจักรพรรดิอรหังแห่งทวีปจักรพรรดิบูรพา แต่ภาพวาดของเขาไม่ค่อยถูกเผยแพร่ออกสู่โลกภายนอกนัก มีเพียงลูกหลานของพวกเขาเท่านั้นที่มีคุณสมบัติที่จะชื่นชมภาพวาดของเขาได้ จักรพรรดิอรหังเคยรวบรวมรูปแบบเต๋าระดับสูงลงบนภาพวาดสวรรค์และประมูลมันจนมันถูกขายในราคาศิลาสวรรค์พันล้านก้อน
หากผู้หนุนหลังของเฉียนว่านก้วนเป็นศิลปินขั้นเทพอย่างแท้จริง เช่นนั้นแล้วก็ควรจะผูกมิตรกับเขาไว้ หากพวกเขาสามารถซื้อภาพวาดสวรรค์ที่มีมาตรฐานสูงสักสองสามภาพได้ พวกเขาจะสามารถเสนอมันให้แก่ตระกูลชวีและจะได้รับรางวัลมากมายอย่างแน่นอน
ดังนั้น มันจึงเป็นเหตุให้หญิงสาวผู้นี้สดใสขึ้น นางโบกมือเพื่อบอกให้ชายชราตรวจสอบภาพวาดขณะที่นางเดินไปยังเฉียนว่านก้วนและพูดหลังจากที่ผ่อนลมหายใจอันหอมหวนออกมาว่า “ท่านใต้เท้า นี่เป็นฝีมือของท่านหรือเจ้าคะ? ท่านช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ”
กับดักน้ำผึ้ง?
เฉียนว่านก้วนเคยชินกับเรื่องเหล่านี้แล้ว เขาจึงยังคงสงบนิ่งอยู่และพูดด้วยรอยยิ้มที่เย็นชาว่า “หัวหน้าหลี่ มันจะเป็นการดีที่สุดที่จะไม่ถามในเรื่องที่ไม่ควรถาม ไม่เช่นนั้น…การทำการค้าครั้งหน้าคงจะไปได้ไม่ดีนัก”
หัวหน้าหลี่พยักหน้าเบาๆและไม่ได้โกรธเลย นางหยิบป้ายออกมาแล้วพูดว่า “ท่านใต้เท้า นี่เป็นป้ายของสมาคมการค้ามังกรอินทนิลเจ้าค่ะ และด้วยป้ายนี้ ท่านสามารถซื้อทุกสิ่งในสมาคมการค้าพร้อมส่วนลดสองในสิบส่วนได้เลยเจ้าค่ะ นี่เป็นป้ายระดับสูงที่สุดและหลี่เชียงเองก็อยากเป็นสหายกับท่านใต้เท้าจริงๆนะเจ้าคะ”
เฉียนว่านก้วนเก็บป้ายเอาไว้และกล่าวว่า “ขอบคุณหัวหน้าหลี่มาก แต่ประมุขของข้าไม่ต้องการให้ผู้ใดรู้เรื่องนี้ ในภายภาคหน้า หากข้ามีภาพวาดระดับสูงกว่านี้ ข้าจะมาพบหัวหน้าหลี่อย่างแน่นอน” “ขอบคุณท่านใต้เท้า หลี่เชียงจะมอบราคาที่น่าพึงพอใจให้ใต้เท้าอย่างแน่นอนและสัญญาว่าจะไม่เปิดเผยข้อมูลใดๆเลยเจ้าค่ะ”
ดวงตาที่งดงามของหัวหน้าหลี่เป็นประกายวูบวาบขณะที่นางเห็นชอบอยู่เงียบๆว่าเฉียนว่านก้วนเป็นบุคคลสำคัญ ดูเหมือนว่าเฉียนว่านก้วนจะเป็นคนมีเล่ห์เหลี่ยมที่ไม่รับสินบน นั่นหมายความว่าผู้หนุนหลังของเขาเป็นผู้มีอิทธิพลมากอย่างแน่นอน เดิมทีนางต้องการจะแอบตามและสืบต่อไป แต่ตอนนี้นางไม่กล้าจะทำอะไรอย่างประมาทเลย
ผู้ดูแลตรวจสอบภาพวาดสวรรค์ทั้งหมดและพยักหน้า “ท่านหัวหน้า ภาพวาดทั้งหมดถูกตรวจสอบแล้วขอรับ”
จากนั้นแหวนของหัวหน้าหลี่ก็สว่างขึ้นขณะที่นางนำแหวนแปดวงออกมาและกล่าวว่า “ท่านใต้เท้า นี่คือศิลาสวรรค์แปดร้อยล้านก้อน โปรดตรวจสอบดูเจ้าค่ะ”
เฉียนว่านก้วนตรวจสอบและเมื่อมั่นใจว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติกับศิลาสวรรค์แล้ว เขาก็โบกมือแล้วพูดว่า “ลาก่อน แล้วข้าจะมาใหม่เดือนหน้า” Aileen-novel
“เจ้าค่ะ”
หัวหน้าหลี่คำนับและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เมื่อท่านใต้เท้ามาครั้งหน้า ข้าน้อยจะเตรียมของขวัญเล็กๆน้อยๆที่จะทำให้ท่านใต้เท้าต้องตื่นตาอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”
ต้องยอมรับว่าเฉียนว่านก้วนเก่งในเรื่องนี้มากและโชคดีที่เขามาที่นี่เอง หากเป็นมังกรวารีสีทองมาที่นี่ เขาคงไม่สามารถไกล่เกลี่ยกับหัวหน้าหลี่ได้อย่างแน่นอน และอาจเป็นไปได้ที่เขาจะเปิดเผยที่อยู่ของพวกเขา
หลังจากที่เฉียนว่านก้วนออกไปจากสมาคมการค้า เขาก็เดินเข้าไปในสมาคมการค้าอีกไม่กี่แห่งและเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปเรื่อยๆ จากนั้นเขาก็ทิ้งป้ายนั้นเอาไว้ในห้องน้ำและเดินวนไปรอบๆเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงก่อนที่จะกลับไปยังสมาคมการค้าวิหคมรกต จากนั้นเขาก็นำศิลาสวรรค์สี่ร้อยล้านก้อนไปแลกแต้มความดีความชอบก่อนที่จะกลับไปยังโรงเตี๊ยม เดิมทีเขาได้เปลี่ยนศิลาสวรรค์เป็นแต้มความดีความชอบไปเจ็ดร้อยล้านก้อนและครั้งนี้เขาก็แลกมันอีกสี่ร้อยล้านก้อนแล้ว ในตลาดมืด ศิลาสวรรค์หนึ่งพันล้านก้อนมีค่าเท่ากับร้อยล้านแต้ม ซึ่งหมายความว่าพวกเขามีแต้มความดีความชอบหนึ่งร้อยสิบล้านแต้มและมันเพียงพอที่จะซื้อลานในเมืองเทพประทานแล้ว
“ลูกพี่ ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว”
เฉียนว่านก้วนกลับมาที่โรงเตี๊ยมและกำหมัดแน่นด้วยความตื่นเต้นและพูดออกมา ส่วนเจียงอี้ก็หลับตาและไม่ได้พูดอะไรเลย เขารอไปกว่าหนึ่งชั่วโมงก่อนที่เจียงอี้จะลืมตาขึ้นมาและพูดว่า “ว่านก้วนเก่งมาก ไม่มีผู้ใดตามเจ้ามา”
เจียงอี้เข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ก่อนหน้านี้และคอยมองด้านนอกโรงเตี๊ยมอย่างละเอียด เขากลัวว่าอาจมีคนสะกดรอยตามเฉียนว่านก้วนมา แต่ตอนนี้ก็ผ่านมาหนึ่งชั่วโมงแล้วและเขาก็ยังไม่เห็นถึงความผิดปกติใดๆ
เฉียนว่านก้วนมอบป้ายแต้มความดีความชอบให้เจียงอี้และศิลาสวรรค์อีกสามร้อยล้านก้อน แต่เจียงอี้ไม่ได้ถามอะไรอีกและเก็บมันไว้ทันที จากนั้นเขาก็มองไปยังนอกหน้าต่างและถามว่า “เราจะออกจากที่นี่เมื่อไหร่กัน?”
“ในอีกสองชั่วโมง เรือลิขิตสวรรค์จะมาถึงทางเหนือของเมือง! เราจะขึ้นเรือได้เมื่อเราอยู่นอกประตูเมือง” เฉียนว่านก้วนตอบ
เจียงอี้ไม่ได้พูดอะไรอีกและเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์อีกครั้งขณะที่เขายังคงตรวจสอบรอบๆโรงเตี๊ยม เรือลิขิตสวรรค์นั้นปลอดภัยมากแต่หากลู่หลินรู้ว่าเขาอยู่บนเรือลิขิตสวรรค์ พวกเขาก็จะต้องอยู่ในอันตราย
“ไปกันเถอะ!”
สองชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็วและพระอาทิตย์เริ่มตกดินแล้ว ดวงอาทิตย์ปกคลุมอยู่ทางทิศตะวันตกซึ่งมันทำให้เมืองส่องแสงไปด้วยสีแดงที่เจิดจรัส
ทั้งสองปลอมตัวและมุ่งหน้าไปยังประตูเมืองทางเหนือเงียบๆ มีเรือลิขิตสวรรค์ขนาดยักษ์หลายสิบลำลอยอยู่บนฟ้า พวกมันเหมือนสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ที่ทำให้ใจสั่นไหว “ลูกพี่ ทางนี้!”
เฉียนว่านก้วนมองดูและจ้องไปยังเรือลิขิตสวรรค์ที่ใหญ่ที่สุดและส่งข้อความไป เจียงอี้โบกมือของเขาขณะที่มุ่งหน้าขึ้นไปยังเรือลิขิตสวรรค์บนฟ้า
“ป้าย!”
มีองครักษ์ขอบเขตเทียนจุนหลายร้อยคนที่สวมชุดเกราะสีเขียวขณะที่พวกเขามองทั้งคู่ด้วยสายตาเย็นชา เฉียนว่านก้วนรีบหยิบป้ายสีเขียวออกมาและโยนไปที่นั่น หนึ่งในองครักษ์รับป้ายนั้นมาพร้อมกับชำเลืองมองแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ระวางเรือเลขเจ็ดหกแปด พวกเจ้าน่าจะรู้กฎอยู่แล้ว นอกจากระวางของตัวเองและระวางเลขหนึ่งแล้ว พวกเจ้าต้องไม่ล่วงล้ำที่อื่นและอย่าสอดแนมด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ ห้ามใช้ความรุนแรงบนเรือลิขิตสวรรค์ ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าจะต้องรับผลที่ตามมา”
ทั้งสองรู้กฎเหล่านี้และเจอระวางเรือของพวกเขาในทันที จากนั้นพวกเขาก็เข้าไปในนั้นและเปิดใช้อาคมยับยั้งทันที ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟรึ่บ!
มีผู้คนมากมายขึ้นเรือลิขิตสวรรค์มาและในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงก็มีผู้คนนับพันขึ้นมาบนเรือแล้ว เมื่อท้องฟ้ามืดสนิท เรือลิขิตสวรรค์ก็สว่างไสวด้วยม่านพลังสีเขียวเข้มขณะที่มันค่อยๆลอยออกไปยังขอบฟ้าทางเหนือ
สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเจียงอี้พุ่งผ่านเรือและแผ่ออกไปสู่ท้องฟ้าทางตอนเหนือที่มืดมิด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความหวังขณะที่เขาพูดด้วยเสียงที่มีแต่เขาเท่านั้นที่จะได้ยิน “เกาะเทพประทาน ข้ากำลังไปที่นั่นแล้ว ข้าหวังว่าที่นั่นจะเป็นสรวงสวรรค์ที่เทพนั้นประทานให้อย่างแท้จริง ข้าหวังว่าข้าจะสามารถโบยบินในเกาะเทพประทานได้อย่างแท้จริง”