เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 755 รูปแบบเต๋าระดับสูงระดับห้าดาว
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 755 รูปแบบเต๋าระดับสูงระดับห้าดาว
“ช่างเป็นรูปแบบเต๋าการโจมตีที่ทรงพลังอะไรเช่นนี้!”
มีเสียงที่ร้องออกมาด้วยความประหลาดใจดังมาจากในห้อง เจียงอี้เดินออกมาจากห้องของเขาเพราะเขาถูกปลุกด้วยพลังที่มาจากกระบี่ในตอนที่เด็กหนุ่มผมเขียวฟาดกระบี่ออกมา
เขานั่งข้างเฟิ่งหลวนและชิงหยีก่อนที่จะหลับตาและเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ จากนั้นเขาก็คอยมองสถานการณ์ด้านนอกอย่างรอบคอบและพบว่าเด็กหนุ่มผู้นั้นกำลังบินข้ามทะเลมาอย่างรวดเร็วและไล่ตามสายฟ้าอยู่ เขาผู้นั้นจะแยกและตัดสายฟ้าอย่างต่อเนื่องซึ่งมันทำให้ดวงจิตวิญญาณของเจียงอี้สั่นสะเทือนตามไปด้วยในแต่ละครั้ง
“อายุยี่สิบแปดปีและยังบรรลุไปถึงขอบเขตเทียนจุนระดับกลางจริงๆ? หากคนผู้นี้ไม่ใช่นายน้อยจากสิบสามตระกูล เขาจะต้องเป็นอัจฉริยะหัวกะทิอย่างแน่นอน” เจียงอี้ถอนใจเบาๆ หากผู้ใดกล้าเดินทางข้ามทะเลเทพประทานคนเดียวและไล่ตามสายฟ้า คนผู้นั้นอาจเป็นคนบ้าหรือไม่ก็มีผู้หนุนหลังที่แข็งแกร่งอยู่
ตูม! ตูม! ตูม!
ขณะที่สายฟ้าฟาดไปทางทิศตะวันออกอย่างรวดเร็ว เด็กคนนั้นก็บินไปตามทิศทางนี้เช่นกัน และเมื่อเขาอยู่ห่างจากเรือลิขิตสวรรค์ได้สิบกิโลเมตร ชายผมเขียวผู้นั้นก็หยุดอยู่กลางอากาศและกวัดแกว่งกระบี่ของเขา เขาชี้มาทางเรือลิขิตสวรรค์และกล่าวว่า “ทุกคนบนเรือจงฟัง พวกเจ้าทุกคนจงมอบศิลาสวรรค์มาเป็นค่าผ่านทางคนละหนึ่งล้านก้อนซะ ไม่เช่นนั้นข้าจะสังหารโดยไม่มีการต่อรองใดๆทั้งสิ้น”
ฮือฮา!
เกิดความโกลาหลขึ้นบนเรือ คนผู้นี้เป็นบ้าจริงๆหรือ? เขากล้ามาขวางทางเรือลำนี้ด้วยความแข็งแกร่งเท่านี้จริงๆหรือ? เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่ามียอดฝีมือและยังมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนระดับกลางอยู่บนเรือถึงห้าร้อยคนซึ่งเป็นคนของสมาคมการค้าวิหคมรกต แถมยังมีแม้กระทั่งขอบเขตเทียนจุนระดับสูงสุดที่เป็นผู้ดูแลเรืออีกด้วย
“เจ้าคงเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้วสินะ!”
ทหารนับไม่ถ้วนต่างโกรธเคืองขณะที่กลิ่นอายของพวกเขาโชติช่วงขึ้นมาพร้อมกับศาสตราวุธในมือและพวกเขาก็พร้อมที่จะสังหารบุคคลผู้นี้แล้ว
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
เสียงนั้นดังก้องกังวานไปทั่วและมีผู้อาวุโสบินออกมาจากระวางเรือหมายเลขสอง เขามีดวงตาราวกับอินทรี มีจมูกโด่งและเพียงแค่ชำเลืองมองแค่ครั้งเดียวก็พอจะระบุได้แล้วว่าเขาเป็นยอดฝีมือที่น่าเกรงขาม มีผู้คนมากมายบนดาดฟ้าที่มองไปยังผู้อาวุโสผู้นั้นต่างพากันหดหัวลงทันที ทหารทุกคนคำนับและทักทาย “คารวะท่านใต้เท้าชิงหลง”
ผู้อาวุโสเมินเฉยต่อผู้คุมและพุ่งทะลุม่านพลังบนเรือลิขิตสวรรค์ออกไปอย่างง่ายดาย เขายืนอยู่กลางอากาศและป้องมือไปยังเด็กหนุ่มผมเขียว “ข้าคือผู้อาวุโสสมาคมการค้าวิหคมรกต นาม ชิงหลง คารวะนายน้อยหวงฝู”
“หวงฝู?”
มีจอมยุทธและทหารมากมายที่ปากกระตุกกันใหญ่ เพราะชื่อตระกูลนี้มีชื่อเสียงในด้านพละกำลังในเผ่าเทพประทานมาก ตระกูลหวงฝูเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลหลักที่ปกครองเกาะเทพประทานอยู่ หากชิงหลงสุภาพต่อเด็กคนนี้นั่นก็หมายความว่าชายหนุ่มผมเขียวก็เป็นนายน้อยตระกูลหวงฝูจริงๆ!
นายน้อยตระกูลหวงฝูกำลังปล้นพวกเขาจริงๆ?
ผู้คนส่วนใหญ่ก็ตกตะลึงเช่นกัน หากไม่นับความสัมพันธ์ที่สมาคมการค้าวิหคมรกตมีต่อสี่ตระกูลใหญ่แล้วและถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มีสัมพันธ์ต่อกัน แต่นายน้อยตระกูลหวงฝูจะขาดแคลนศิลาสวรรค์จริงหรือ? หากเหตุการณ์ที่เขาปล้นเรือสมาคมการค้าแพร่ออกไป มันจะสร้างความเสื่อมเสียให้ตระกูลหวงฝูอย่างแน่นอน
“ฮึ่ม!” เด็กหนุ่มผมเขียวปล่อยลมหายใจออกมาอย่างเย็นชาและพูดว่า “ข้าคือหวงฝูเทาเทียนจริงๆ แต่ข้าไม่ใช่นายน้อยและไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลหวงฝูอีกต่อไปแล้ว และตอนนี้ข้าเป็นโจรภูเขา! ข้าเคยได้ยินชื่อสมาคมการค้าวิหคมรกตของเจ้า แต่…ข้าไม่ได้รู้จักเจ้า เจ้าจะส่งศิลาสวรรค์มาหรือไม่?”
“เอ่อ?”
ทุกคนต่างพากันตกตะลึง เหมือนว่าเขาจะเป็นบุตรชายที่เป็นผู้ทรยศและอาจจะออกจากตระกูลมาเนื่องจากเกิดความบาดหมางบางอย่าง และตอนนี้เขายังมาเป็นโจรภูเขาด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดปฏิบัติต่อเขาเช่นโจรภูเขาและหากผู้ใดกล้าสังหารเขา พวกเขาก็จะถูกตระกูลหวงฝูไล่ล่าอย่างแน่นอน
ชิงหลงทำอะไรไม่ถูก เขาถอนหายใจและพูดว่า “นายน้อยหวงฝู ตาเฒ่าผู้นี้มีสัมพันธ์ฉันมิตรกับบิดาของท่าน ท่านจะไว้หน้าตาเฒ่าผู้นี้หน่อยได้หรือไม่?”
หวงฝูเทาเทียน เย้ยหยันและพูดว่า “เจ้าจะมีสัมพันธ์ที่ดีต่อเขานั่นมันก็เรื่องของเจ้า เราไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆกันและข้าจะไม่ไว้หน้าใดๆแก่เจ้า ทุกๆสิ่งจะอยู่ที่ศาสตราวุธในมือ หากเจ้าเอาชนะข้าได้ ข้าจะจากไปโดยไม่พูดอะไรเลย”
“ยะโสนัก…”
ทหารหลายคนเย้ยหยันเงียบๆเนื่องจากฝีมือของชิงหลงเลื่องชื่อมาหลายปีแล้ว แม้ว่าหวงฝูเทาเทียนผู้นี้จะดูแข็งแกร่งมากเพียงใด แต่การเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวของชิงหลงก็เพียงพอที่จะกำจัดเขาได้แล้ว
ชิงหลงส่ายหัวและหัวเราะอย่างขมขื่น จากนั้นเขาก็พยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “ก็ได้ ในเมื่อนายน้อยหวงฝู ต้องการจะเล่น ตาเฒ่าผู้นี้ก็จะเล่นกับท่านเอง ไปสู้กันทางนั้นเถอะ”
ฟรึ่บ!
ร่างของ ชิงหลงลอยข้ามท้องฟ้าและบินสูงขึ้นไปขณะที่หวงฝู เทาเทียนไม่ได้แสดงจุดอ่อนใดๆออกมาและไล่ตามไปอย่างใกล้ชิด มีผู้คนมากมายบนดาดฟ้าเรือที่ตื่นเต้นเพราะนี่เป็นโอกาสที่ดีของพวกเขาที่จะได้เห็นการต่อสู้ระดับสูงเช่นนี้ ที่สำคัญที่สุดคือ พวกเขาจะได้เห็นว่านายน้อยตระกูลหวงฝูจะอับอายขายขี้หน้าหรือไม่ ซึ่งมันจะทำให้พวกเขาพึงพอใจเป็นอย่างมาก
“การต่อสู้กำลังจะเริ่มแล้ว!” ไอลีนโนเวล
เจียงอี้แผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปด้วยความตื่นเต้นขณะที่เขาเพ่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ไปที่ร่างทั้งสองร่าง ทางนี้ไม่มีสายฟ้าอีกต่อไป และเขาก็ไม่ต้องกังวลว่าสัมผัสศักดิ์สิทธิ์จะถูกทำลายลง
จี๊! จี๊!
ทั้งสองอยู่บนท้องฟ้าสูงขึ้นไปราวๆสามสิบกิโลเมตร หวงฝู เทาเทียนเป็นคนลงมือก่อนคนแรกขณะที่เขากวัดแกว่งกระบี่มังกรเงินสีขาวราวหิมะอย่างรวดเร็ว พื้นที่รอบๆสั่นสะเทือนไปหมดและทำให้เม็ดฝนทั้งหมดกลายเป็นหมอก มังกรอัสนีพุ่งออกมาจากกระบี่ราวกับมังกรศักดิ์สิทธิ์กำลังแหวกว่ายอยู่บนฟ้าและตามไล่ชิงหลงที่ยังคงบินสูงขึ้นไปบนฟ้าได้ในทันที
“ฮึ่ม!”
ชิงหลงคำรามออกมาขณะที่โล่ศักดิ์สิทธิ์ของเขาแผ่ออกมาบนร่างกาย จากนั้นเขาก็ปล่อยฝ่ามือสีดำสนิทขนาดยักษ์ลงไป มันทำให้มังกรอัสนีสลายไปได้อย่างง่ายดายขณะที่มันยังคงแผดเสียงสายฟ้าไปยังหวงฝู เทาเทียน
“อัสนีสะบั้นเก้าสวรรค์!”
หวงฝูเทาเทียนไม่ได้เปิดใช้โล่ศักดิ์สิทธิ์ของเขาจริงๆ? แต่เขากลับตวัดดาบออกมาอีกหลายสิบครั้งแทน ซึ่งแต่ละครั้งมันจะฉายแสงกระบี่ออกมาด้วย มังกรอัสนีม้วนตัวขึ้นไปด้านบนและปกคลุมท้องฟ้าไว้ด้วยเงาของสายฟ้า กลิ่นอายทำลายล้างปกคลุมไปทั่วบริเวณซึ่งทำให้ทุกคนบนดาดฟ้าแทบจะหายใจไม่ออก
“พลังรูปแบบเต๋าอัสนีที่นายน้อยหวงฝูใช้นั้นยอดเยี่มมาก ไม่สิ….นี่ไม่ใช่พลังอัสนีทั้งหมด มันยังมีพลังแห่งการทำลายล้างและรูปแบบเต๋าอีกประเภทด้วย นี่คือรูปแบบเต๋าระดับกลาง”
ภายในระวางเรือ จิตวิญญาณของเจียงอี้สั่นเทาขณะที่เขาสัมผัสถึงรูปแบบเต๋าได้หลากหลายรูปแบบจากการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวของหวงฝูเทาเทียน นอกจากนี้มันยังมีรูปแบบเต๋าที่คุ้นเคยสองรูปแบบคือพลังแห่งอัสนีและพลังแห่งการทำลายล้าง ซึ่งเขาเคยเข้าถึงมันมาก่อน
จิตใจของเจียงอี้หมุนไปอย่างรวดเร็วขณะที่เขาคอยสัมผัสถึงการโจมตีของหวงฝูเทาเทียนอย่างละเอียดและตรวจสอบมัน เขาอยากรู้ว่าเขาจะผสานพลังอัสนีและพลังแห่งการทำลายล้างเข้าด้วยกันได้หรือไม่
ตูม!
ห้วงอากาศสั่นสะเทือนเมื่อมังกรอัสนีกว่าสิบสองตัวขดตัวและพุ่งขึ้นไปและทำให้ฝ่ามือสีดำแตกสลายไปได้อย่างง่ายดาย พลังตีกลับอันน่าสยดสยองถูกแผ่ขยายออกมากระทั่งเรือลิขิตสวรรค์สั่นสะเทือนไปด้วย
“ไม่เลว!”
ชิงหลง พยักหน้าเล็กน้อยและปล่อยฝ่ามืออีกครั้ง คราวนี้ลายฝ่ามือของเขามีเปลวเพลิงสีทองผสานอยู่ด้วยและพลังของมันก็เพิ่มขึ้นมาหลายเท่าพร้อมกับคลื่นความร้อนที่น่าสยดสยอง และทำให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังทุกคนรู้สึกอึดอัดจากความร้อนเช่นนี้ “ลวดลายฝ่ามือนี้เป็นรูปแบบเต๋าระดับกลางเช่นกันและพลังแห่งการทำลายล้างและอัคคีก็อยู่ในนั้นด้วย! ใช่แล้ว….มันมีแม้กระทั่งพลังแห่งโลหะ! การผสานนี้ละเอียดและน่าอัศจรรย์นัก”
เจียงอี้อุทานออกมาอย่างกะทันหัน ซึ่งทำให้เฟิ่งหลวนและชิงหยีที่กำลังดูการต่อสู้กันอยู่กวาดสายตามายังเจียงอี้และเห็นว่าดวงตาของเขากำลังเบิกกว้างแต่มันเต็มไปด้วยความสับสนและความสงสัย จากนั้นเจียงอี้ก็ไม่สนใจการต่อสู้ที่เกิดขึ้นด้านนอกอีกต่อไป
และเมื่อชิงหยีกำลังจะถามบางสิ่ง เฟิ่งหลวนก็ส่งข้อความไปอย่างรวดเร็ว “อย่ารบกวนนายน้อย เขาน่าจะกำลังเข้าถึงบางสิ่งอยู่”
ปัง!
หวงฝู เทาเทียนไม่สามารถต้านทานมันได้อีกต่อไปและเปิดใช้งานโล่ศักดิ์สิทธิ์ของเขา แต่ร่างของเขาก็ยังถูกกระแทกลงไปในทะเลซึ่งทำให้น้ำทะเลสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
ฟรึ่บ! หวงฝู เทาเทียนพุ่งออกมาจากน้ำทะเลขณะที่ร่องรอยของเลือดอยู่ที่มุมปากของเขา ผมสีเขียวของเขากระพือในขณะที่เขาตะโกนออกมาว่า “ไม่เลว ตาเฒ่า ชิงหลง พลังการต่อสู้ของเจ้าทรงพลังจริงๆ หากเจ้ารับมือกระบวนท่าต่อไปของข้าได้ ข้าจะปล่อยพวกเจ้าทุกคนไป”
ขณะที่เขาพูด กระบี่สงครามของเขาก็เปล่งแสงออกมาขณะที่มีอักขระไหลเวียนออกมาด้วยซึ่งทำให้กลิ่นอายเพิ่มขึ้นมาเป็นสิบเท่าในทันที เขาตวัดกระบี่ลงไปทันทีซึ่งมันส่งแสงกระบี่พุ่งทะลุผ่านท้องฟ้าไป แสงนี้ไม่ใช่แสงกระบี่ธรรมดาเพราะมันส่องประกายด้วยแสงอัสนี, แสงสีทองที่ขอบกระบี่และแสงอื่นๆอีก จากนั้นแสงกระบี่นี้ก็พลันหายลับไปทันทีและไม่แม้แต่จะทำให้ห้วงอากาศผันผวน
จี๊! จี๊!
ในวินาทีต่อมา พื้นที่ด้านหน้าชิงหลงก็เปิดออกมาและมีแสงกระบี่ระเบิดออกมาและกำลังจะผ่าไปที่ชิงหลง
“สมบัติล้ำค่าที่เชื่อมดวงจิตวิญญาณ, รูปแบบเต๋าระดับสูงระดับห้าดาว!”
สีหน้าของชิงหลง เปลี่ยนไปอย่างมากและทันใดนั้นเขาก็ตะโกนออกมา “นายน้อย หวงฝู โปรดหยุดเถอะ ตาเฒ่าผู้นี้ยอมแล้ว เราจะจ่ายค่าผ่านทางให้”