เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 760 เสียงเทพสะอื้น
“กินเม็ดยาเทพสะอื้นเข้าไปซะหากเจ้าทนไม่ไหว อย่าฝืนตัวเอง ไม่เช่นนั้นมันจะลำบากเมื่อดวงจิตวิญญาณเจ้าบาดเจ็บ” เจียงอี้เห็นใบหน้าของเฉียนว่านก้วนเริ่มกระตุกขณะที่หน้าผากของเขามีเหงื่อผุดออกมา แต่เขาก็ยังไม่กินยาเทพสะอื้นเสียที
ยาเทพสะอื้นราคาแพงมากและแต่ละเม็ดนั้นมีราคาเท่ากับศิลาสวรรค์สิบล้านก้อน แต่ชีวิตของพวกเขาสำคัญกว่านั้น
“ลูกพี่ ข้ายังทนไหว!” เฉียนว่านก้วนนั้นอ่อนไหวต่อเงินและศิลาสวรรค์มาก มันคงจะเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าการเฉือนเนื้อตัวเองเสียอีกหากเขาถูกขอให้กินศิลาสวรรค์สิบล้านก้อนเข้าไปในอึกเดียว
“ฮึก ฮึก…”
เสียงสะอื้นชัดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ทันใดนั้น เฉียนว่านก้วนก็จับหัวและเริ่มกลิ้งอยู่ที่พื้นเพราะความเจ็บปวด เจียงอี้จึงรีบป้อนยาให้เขาทันที ส่วนด้านมังกรวารีสีทองและเฟิ่งหลวนเองก็ไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไปและรีบกลืนยาเทพสะอื้นทันที และยังรวมถึงสัตว์อสูรหยาจื้อด้วย
“เอ๊ะ?”
เจียงอี้ประหลาดใจมากเมื่อเขามองไปที่เจียงเสี่ยวนู๋และจิ้งจอกน้อยบนอกนาง เขาไม่เห็นปฏิกิริยาใดๆจากเจียงเสี่ยวนู๋และจิ้งจอกน้อยเองก็ยังหลับสนิทอยู่
มันก็พอเข้าใจได้ที่เจียงเสี่ยวนู๋เป็นเผ่าพันธุ์พิเศษ แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับจิ้งจอกน้อยเลยแม้ว่าความแข็งแกร่งของมันจะอ่อนแอมาก?
เจียงอี้กวาดสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ไปที่จิ้งจอกน้อยและเห็นว่ามันยังคงหลับสนิทอยู่ มันยิ่งทำให้เขางุนงงมากขึ้นเพราะมันไม่มีอะไรผิดปกติเลย จิ้งจอกน้อยหลับสนิทมาหลายปีแล้วและเคยบอกว่ากำลังบ่มเพาะพลัง หรือว่าการบ่มเพาะพลังของมันคือการนอนหลับกัน?
ในตอนนี้ เสียงสะอื้นเป็นสิ่งน่ากลัวอย่างมาก เขาคงทนไม่ไหวเหมือนกันหากไม่ใช่เพราะดาบวิญญาณทั้งสามสิบหกเล่มของเขา มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จิ้งจอกน้อยจะไม่ได้รับผลกระทบจากเสียงสะอื้นนี้ และจิ้งจอกน้อยก็ไม่ได้ดื่มหรือกินอะไรมาหลายปีแล้ว นี่มันใช้ทักษะการบ่มเพาะพลังแบบไหนกันนะ?
“จักรพรรดินีสัตว์อสูรเคยบอกว่าในเผ่าพันธุ์จิ้งจอกสวรรค์มีขอบเขตเทียนจุนมากมาย แต่ก็ยังไม่นับว่าน่าเกรงขามนัก เผ่าจิ้งจอกสวรรค์ถือว่าเป็นเพียงเผ่าอสูรธรรมดาเท่านั้น แล้วจิ้งจอกน้อยนี่สามารถต้านทานการโจมตีดวงจิตวิญญาณที่น่าเกรงขามได้อย่างไรกัน?”
เจียงอี้รู้สึกงุนงง แต่หลังจากที่เขาเหลือบมองจิ้งจอกน้อยอีกครั้งและเห็นว่ามันไม่เป็นอะไร เขาก็หันไปถามเจียงเสี่ยวนู๋ว่า “เสี่ยวนู๋ เจ้าทนไหวไหม?”
เจียงเสี่ยวนู๋ยิ้มหวาน “นายน้อย ไม่ต้องกังวลไป การโจมตีดวงจิตวิญญาณนี้อ่อนพลังเกินไปเจ้าค่ะ” “อ่อนพลังเกินไป?”
เจียงอี้, เฟิ่งหลวนและเฉียนว่านก้วนหันไปในเวลาเดียวกัน เผ่าพันธุ์พิเศษของเจียงเสี่ยวนู๋แข็งแกร่งเกินไปไหมนะ? ความแข็งแกร่งของนางไม่เพียงแต่น่าสะพรึงหลังจากที่กลายร่างเท่านั้น แต่แม้กระทั่งดวงจิตวิญญาณของนางก็ยังแข็งแกร่งมาก
“ฮึก ฮึก….”
เสียงสะอื้นน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ แต่เจียงอี้ไม่สนใจพวกมันอีกต่อไปขณะที่เขานั่งลงและเริ่มควบคุมดาบวิญญาณทั้งสามสิบหกเล่มเพื่อคอยต้านพลังงานประหลาดที่บุกเข้ามาในจิตใจของเขา
พลังงานนั้นเข้ามาในทะเลแห่งดวงจิตของเขาจากทั่วทุกทิศทางและเหมือนเข็มบางๆนับไม่ถ้วนที่เจาะเข้าไปในดวงจิตวิญญาณของเขา หากเฉียนว่านก้วนและคนอื่นๆไม่กินยาเทพสะอื้นเข้าไป พวกเขาก็คงจะสลบไปเพราะความเจ็บปวดอย่างแน่นอน
“เสียงนี้เกิดขึ้นมาได้เช่นไรกัน? เสียงสะอื้นของทวยเทพ? ไร้สาระ นี่คงเป็นค่ายกลการโจมตีดวงจิตวิญญาณที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ หรือบางทีมันอาจถูกตั้งขึ้นมาโดยจักรพรรดิหนานกงก็ได้ จุดประสงค์เพื่อขายยาเทพสะอื้น!”
เจียงอี้ขบริมฝีปากของเขาขณะที่ควบคุมดาบวิญญาณเพื่อต้านการโจมตีต่อไป และเขาก็ปล่อยญาณศักดิ์สิทธิ์ออกมาเพื่อตรวจสอบหาแหล่งที่มาของเสียงนั้น ไอรีนโนเวล
ประโยชน์ของศาสตร์เวทย์ร่างจำแลงคณานับมันทำให้เจียงอี้สามารถทำอะไรได้หลายอย่างในเวลาเดียวกันและมันจะไม่ขาดตอนขณะที่ญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขากระจัดกระจายไปราวกับสายลม
ภาพชุดหนึ่งปรากฏขึ้นในใจเขา เมืองนี้เงียบสงัดและไม่มีวี่แววของกิจกรรมอื่นใดเลยนอกจากเสียงของลมพายุรอบๆเมือง เจียงอี้ค้นพบว่าเสียงนี้ถูกแพร่กระจายมาจากพายุหลังจากที่เขาตรวจสอบมันอย่างระมัดระวัง
แปลกแฮะ… ม่านพลังป้องกันในเมืองถูกเปิดใช้งานแล้วและลมจากภายนอกก็ไม่สามารถฝ่าเข้ามาได้ ดังนั้นเจียงอี้จึงไม่สามารถจับที่มาของลมได้ เขายังสัมผัสได้ถึงแก่นแท้พลังในเมืองที่จู่ๆก็เกิดความปั่นป่วนอย่างมาก ซึ่งนั่นทำให้เกิดพายุขึ้น
“อย่าบอกนะว่าเสียงสะอื้นของทวยเทพถูกสร้างขึ้นโดยตระกูลใหญ่ทั้งสี่ตระกูลจริงๆ?”
เจียงอี้รู้สึกสงสัยเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาสามารถสร้างอาคมยับยั้งที่น่าเกรงขามได้ นอกจากนี้มันอาจเป็นไปได้ด้วยที่พวกเขาจะเป็นคนสร้างการโจมตีดวงจิตวิญญาณของผู้คนในเมือง
จักรพรรดิหนานกงสามารถสร้างค่ายกลเก้ามังกรสยบเทพได้และเมือนเทพประทานนี้ก็ลอยอยู่กลางอากาศ ดังนั้นการสร้างอาคมยับยั้งก็แทบจะเหมือนเด็กเล่นเลยใช่ไหมล่ะ?
“ฮู่ ฮู่ ฮู่”
เสียงลมดังขึ้นและเจียงอี้ก็ไม่กล้าสำรวจรอบๆอีกต่อไป เขาหันมาจดจ่ออยู่กับการต้านการโจมตีดวงจิตวิญญาณ ทันใดนั้นดวงจิตวิญญาณของเขาก็สั่นสะเทือนหลังจากที่ทนต่อไปอีกชั่วขณะหนึ่ง ซึ่งเขางุนงงเป็นอย่างมาก “เอ๊ะ? มีพลังงานหลงเหลืออยู่เล็กน้อยหลังจากการโจมตีเหล่านั้นถูกทำลายด้วยดาบวิญญาณ?”
เจียงอี้ฮึกเหิมขึ้นมาเมื่อพบว่ามีพลังงานจำนวนเล็กน้อยอยู่ภายในทะเลแห่งดวงจิตของเขา ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาอยู่ที่เส้นทางปรโลกในราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับ มันก็มีพลังงานคล้ายคลึงเช่นนี้เหมือนกันหลังจากที่เขาทำลายจระเข้กลืนวิญญาณไป จากนั้นดาบวิญญาณทั้งสามสิบหกเล่มก็เกิดขึ้นมา เจียงอี้จะดูดซับมันได้เหมือนครั้งนั้นหรือไม่นะ?
ฟรึ่บ!
ดาบมังกรเพลิงที่เป็นดวงจิตหลักของเขาพุ่งออกไป และพลังงานที่หลงเหลืออยู่นั้นสามารถดูดซับได้ในขณะที่ดวงจิตวิญญาณของเขาขยายขึ้นมาเล็กน้อย
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เจียงอี้หัวเราะออกมา ดูเหมือนว่าเสียงสะอื้นของทวยเทพนี้ก็ถือว่าดีพอสมควร แม้ว่าพลังงานของมันจะน้อยมาก แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย และหากเป็นเช่นนี้ต่อไป เจียงอี้อาจจะเพิ่มดาบวิญญาณได้มากขึ้นก็ได้
เดิมทีเจียงอี้หวังว่าเสียงสะอื้นของทวยเทพจะรีบๆหายไปได้แล้ว แต่ตอนนี้เขาหวังให้มันคงอยู่ให้นานที่สุด เมื่อเข็มบางๆจากเสียงพวกนั้นเจาะเข้าไปในทะเลแห่งดวงจิตแล้ว มันไม่มีทางป้องกันการโจมตีดวงจิตวิญญาณจากเจียงอี้ได้และมันจะแตกเป็นเสี่ยงๆเมื่อถูกปะทะขณะที่พวกมันจะหลงเหลือพลังงานเล็กๆเอาไว้เพื่อให้ดวงจิตหลักของเขาดูดซับได้
“อย่าบอกนะว่ามันไม่ได้ถูกสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิหนานกง? และมันสร้างขึ้นมาโดยธรรมชาติจริงๆ? ไม่อย่างนั้นมันจะเหลือพลังงานทิ้งไว้ได้อย่างไร?” เจียงอี้ประหลาดใจอีกครั้ง แต่การโจมตีก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆและเจียงอี้ก็ไม่กล้าจะคิดเรื่อยเปื่อยอีกต่อไป เขาใช้พลังทั้งหมดของเขาเพื่อควบคุมดาบวิญญาณภายในทะเลแห่งดวงจิต โชคดีที่เขามีดาบวิญญาณสามสิบหกเล่มและสามารถป้องกันได้หลายชั้นขณะที่พวกมันหมุนเวียนรอบดวงจิตหลักให้ปลอดภัย หากเจียงอี้ใช้วิธีการป้องกันดวงจิตแบบอื่น ดวงจิตวิญญาณของเขาจะถูกเข็มเหล่านี้โจมตีและมันจะเจาะผ่านทุกช่องว่างมาและสุดท้ายเขาจะไม่สามารถต้านทานมันไว้ได้
“น้องเสี่ยวนู๋ เจ้ายังไหวอยู่หรือ?”
เฟิ่งหลวนพบว่าหลังจากที่กินเม็ดยาเทพสะอื้นไปแล้วจะมีชั้นพลังงานห่อหุ้มด้วงจิตวิญญาณเอาไว้และเข็มบางๆเหล่านั้นจะไม่สามารถเจาะเข้าไปได้ หลังจากที่สังเกตไปครู่หนึ่งนางก็ไม่สนใจมันอีกต่อไปและหันไปหาเจียงเสี่ยวนู๋
“พี่ใหญ่หลวน ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ วางใจได้เลย” เจียงเสี่ยวนู๋มีสัมพันธ์กับเฟิ่งหลวนและชิงหยีมาระยะหนึ่งแล้วและความสัมพันธ์ของพวกนางก็ค่อนข้างดี แต่มันก็ยังคงสั้นเมื่อเทียบกับความสัมพันธ์ของนางกับซูรั่วเสวี่ย นางยิ้มอย่างไม่ใส่ใจและดูเหมือนจะไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย
หนึ่งชั่วโมง…สองชั่วโมง!
ในที่สุดเสียงสะอื้นก็ค่อยๆจางลง หนึ่งชั่วโมงต่อมา ความสงบสุขก็กลับคืนสู่เมืองและเจียงอี้ก็ถอนหายใจยาว เขาลืมตาขึ้นมาอย่างหมดแรง แม้ว่าเขาจะต้านการโจมตีทั้งหมดได้ แต่เขาก็ยังเหนื่อยเหลือทนแล้ว
เจียงอี้ดูดวงจิตวิญญาณของเขาหลังจากที่พักผ่อนสักครู่แล้วยิ้มขึ้นมา “ไม่เลว เสียงเทพสะอื้นนี่ไม่เลวเลย”
เฟิ่งหลวนและคนอื่นๆมองหน้ากันอย่างตกใจขณะที่เฉียนว่านก้วนเอื้อมมือไปแตะหัวใจของเจียงอี้ก่อนจะถามว่า “ลูกพี่ เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า? เสียงเทพสะอื้นนี่ไม่เลว? เราใช้ยาเทพสะอื้นไปห้าเม็ดจากเสียงเทพสะอื้นเพียงครั้งเดียว นั่นมันศิลาสวรรค์ห้าสิบล้านก้อน! ลูกพี่ ห้าสิบล้าน! เงินตั้งเท่านั้นเราสามารถซื้อสิ่งประดิษฐ์เหนืออิทธิฤทธิ์ได้ตั้งกี่อย่าง…”
“ฮิฮิ!”
ดูเหมือนเจียงอี้จะไม่สนใจมันและโบกมือของเขา “เราสามารถหาศิลาสวรรค์กลับมาได้เสมอหน่า ความแข็งแกร่งคือรากฐานของเรา เสียงเทพสะอื้นเพียงครั้งเดียวทำให้ข้าแยกดาบวิญญาณออกมาได้อีกสามเล่ม เพราะฉะนั้นสิบครั้งข้าก็จะแยกได้สามสิบเล่ม และอีกหนึ่งปี ข้าจะมีดาบวิญญาณถึงเจ็ดสิบสองเล่ม! บางทีดวงจิตข้าอาจพัฒนาไปด้วยเช่นกัน”