เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 766 องค์หญิงเผ่าปีศาจ
“ทะเลลึกไร้สิ้นสุด? เผ่าพันธุ์ปีศาจนับล้าน?”
ฝูงชนทั้งหมดตกอยู่ในความโกลาหล เผ่าเทพประทานถวายบรรณาการให้จักรพรรดิหนานกงและเผ่าปีศาจก็ส่งตัวแทนมาด้วยจริงๆหรือ? มันไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนในเทศกาลเทพประทานเลย
“เผ่าปีศาจ?”
เจียงอี้ครุ่นคิดและคิดว่าข่าวลือนั้นเป็นเรื่องจริง เผ่าพันธุ์ปีศาจที่ทะเลลึกไร้สิ้นสุดและเกาะแห่งบาปนี้เป็นพันธมิตรกันและร่วมมือกันต่อต้านกลุ่มราชวงศ์เก้าจักรพรรดิบูรพา ซึ่งมันทำให้เกาะแห่งบาปอยู่รอดมาได้จนถึงขณะนี้ และแน่นอนว่าค่ายกลเก้ามังกรสยบเทพเองก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน
ฟรึ่บ! ฟรั่บ! ฟรึ่บ!
ประมุขตระกูลทั้งสิบสามตระกูลทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าขณะที่หัวหน้าตระกูลเหลย เหลยถิงเวยป้องกำปั้นแล้วคำนับเล็กน้อย “ข้ามีนามว่าเหลยถิงเวย การมาเยือนของแม่นางเชียนเชียนและใต้เท้าเทวาทมิฬได้นำแสงสว่างมาสู่เมืองเทพประทานอันต่ำต้อยของเรา เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่พวกท่านมาที่นี่ เรายินดีต้อนรับ!”
บรึฟ!
ร่างของมังกรสีดำส่องประกายแสงสีดำและกลายร่างเป็นชายร่างใหญ่ผิวดำ หญิงสาวนามเชียนเชียนผู้นั้นยิ้มตอบเล็กน้อยและบินไปยังแท่นเวทีพร้อมกับประมุขทั้งสิบสามคน
“ใต้เท้าเทวาทมิฬ?”
ประมุขตระกูลใหญ่นับไม่ถ้วนและสมาชิกสิบสามตระกูลเองก็ต่างพากันตะลึงในความเงียบงัน พวกเขาไม่รู้จักมังกรตนนี้ แต่พวกเขาเคยได้ยินชื่อ เทวาทมิฬ มาหลายครั้งแล้ว มีข่าวลือว่าเขาคือราชันแห่งทะเลลึกไร้สิ้นสุดที่ทรงพลังมาก และความแข็งแกร่งนั้นน่าจะเทียบได้กับสัตว์โบราณของเผ่าเทพประทาน
เห็นได้ชัดว่าเทวาทมิฬนั้นเป็นผู้ใต้บัญชาและเป็นผู้คุ้มกัน ซึ่งหมายความว่าสถานะของเชียนเชียนจะต้องเป็นราชวงศ์ของทะเลลึกไร้สิ้นสุดอย่างแน่นอน
“ฮึฮึ!”
ปรมาจารย์รุ่นเยาว์หลายคนจากทั้งสิบสามตระกูลต่างยิ้มร่าเพราะรู้สึกเป็นเกียรติ หากแม้แต่เผ่าพันธุ์ของจักรพรรดิแห่งทะเลลึกไร้สิ้นสุดยังมาถวายบรรณาการแก่จักรพรรดิหนานกงที่นี่ มันก็หมายความว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับการเป็นพันธมิตรกับเผ่าเทพประทานอย่างลึกซึ้ง ซึ่งหมายความว่าพวกเขาได้รับความเคารพอย่างแท้จริง
“เริ่มพิธีได้!”
เหลยถิงเวยตะโกนออกมาอีกครั้ง และผู้อาวุโสสี่คนบินขึ้นไปและปลดปล่อยแก่นแท้พลังหลากสีขึ้นสู่ฟ้า และแก่นพลังหลากสีจากทั้งสี่สายนั้นก็หลอมรวมกันในที่สุด ทำให้ท้องฟ้าในยามค่ำคืนสว่างไสวและค่อยๆแผ่ขยายออกไปทั่วทุกสารทิศและค่อยๆก่อตัวเป็นม่านแสง หลังจากนั้น ม่านพลังขนาดยักษ์ก็ปรากฏขึ้นและปกคลุมเกาะเทพประทานทั้งหมด ในเวลาเดียวกันรูปปั้นจักรพรรดิหนานกงก็เปล่งแสงอ่อนๆออกมาและทำให้ทุกคนรู้สึกอยากจะสักการะบูชา
“คุกเข่า…”
ผู้อาวุโสผู้หนึ่งตะโกนออกมา จากนั้นสมาชิกทั้งหมดของสิบสามตระกูลก็คุกเข่าลงหนึ่งข้างและหลับตาเพื่อคอยจับตามองช่วงเวลาแห่งความเงียบงัน มีผู้คนมากมายในจัตุรัสคุกเข่าลงด้วย แต่ก็ยังมีอีกมากมายที่ทำเพียงแค่คำนับเพื่อแสดงความเคารพเนื่องจากพวกเขาไม่ใช่สมาชิกของทั้งสิบสามตระกูล มันจึงไม่จำเป็นต้องคุกเข่า
เหลยถิงเวย, ซือถูอ้าว และคนอื่นๆเองก็คุกเข่าลงไปเช่นกัน ส่วนแม่นางเชียนเชียนก็ก้มศีรษะลงเงียบๆขณะที่เทวาทมิฬยืนอย่างภาคภูมิและไม่ได้แยแสราวกับหอคอยเหล็ก ทั่วทั้งบริเวณนั้นเงียบสนิทและผู้คนส่วนใหญ่ต่างก็พากันก้มหน้าลงเงียบๆ ณ ตอนนี้ ไม่มีผู้ใดกล้าส่งเสียงอะไรออกมา หากใครกล้าทำอะไรอย่างประมาท พวกเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน
“ลุกขึ้น…”
สิบห้านาทีต่อมา รูปปั้นจักรพรรดิหนานกงก็ค่อยๆจางลงและกลับคืนสู่สภาพเดิม ผู้อาวุโสคนเดิมตะโกนออกมาและสมาชิกทั้งสิบสามตระกูลก็ยืนขึ้น
และเมื่อผู้อาวุโสผู้นั้นโบกมือ เหล่าคนกลุ่มหนึ่งก็บินขึ้นมาจากฝูงชนและทุกคนสวมชุดประหลาด มันเผยหน้าอกข้างหนึ่งของพวกเขาขณะที่หัวของพวกเขาถูกประดับด้วยขนนกและพวกเขาก็มีสร้อยคอแปลกๆ พวกเขาเริ่มร่ายรำรอบๆรูปปั้นด้วยเท้าเปล่าขณะที่สวดบทบางอย่างอยู่ในปาก
ฟรึ่บ! ฟรั่บ!
ในตอนนั้นเอง มีเสียงลมพัดมาจากทางใต้ มีเด็กหนุ่มที่มีผมสีเขียวเหมือนแม่นางเชียนเชียนพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วราวกับมังกรที่ดุดัน ไอรีนโนเวล
ดวงตาของสตรีอันดับหนึ่งของตระกูลเหลย เหลยจื่อหาน, ตระกูลซือถู ซือถูอีเนี่ยน, ลู่หยี่และดวงตาของหญิงสาวอีกมากมายที่เป็นประกาย ทุกสายตาของตระกูลหวงฝูต่างหดลงและสีหน้าของพวกเขาก็มืดมนทันที
“ฮึ่ม หวงฝูเทาเทียน เจ้ายังจะมีหน้ากลับมาอีก?”
ประมุขตระกูลหวงฝู หวงฝูฉีตะโกนออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว ร่างของเขาแผ่ออกมาด้วยกลิ่นอายสังหารและดูเหมือนว่าเขาจะลงมือสังหารเด็กหนุ่มผมเขียวผู้นี้ได้ทุกเมื่อในกระบวนท่าเดียว
“หวงฝูเทาเทียนมาจริงๆ?”
เจียงอี้ประหลาดใจเล็กน้อย หวงฝูเทาเทียนกำลังปล้นอยู่ที่เขตทะเลเทพประทานไม่ใช่หรือ? เขารวบรวมศิลาสวรรค์ได้มากพอแล้วหรือ? เมื่อเขาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลหวงฝูแล้วเขากลับมาที่นี่เพื่ออะไรกัน? หวงฝูเทาเทียนมุ่งลงมาที่แท่น เขาไม่ได้มองหวงฝูฉีเลยและเพียงแค่คุกเข่าลงขณะที่มองรูปปั้นจักรพรรดิหนานกงด้วยความเคารพและคำนับสามครั้งก่อนที่จะชำเลืองตามองและพูดอย่างเฉยเมยว่า “ข้ากลับมากราบไหว้ท่านจักรพรรดิ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้า? ข้าไม่ใช่คนของตระกูลหวงฝูอีกต่อไปแล้ว เจ้าไม่ได้มายุ่งเรื่องของข้ามากเกินหรอกหรือ?”
“เจ้า….”
หวงฝูฉีชี้นิ้วไปที่หวงฝูเทาเทียนด้วยความโกรธ แต่อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะมองมาขณะที่เขาทะยานขึ้นไปบนฟ้าแล้วพุ่งออกไปทางทิศตะวันออก จากนั้นเขาก็ลงมาที่ทางเข้าสมาคมการค้าซือถูและเดินเข้าไปและหายลับไปจากสายตาของทุกคน
“ฮือฮา!”
ฝูงชนต่างตกอยู่ในความโกลาหลทันทีและสมาชิกตระกูลหวงฝูก็มีสีหน้าที่ย่ำแย่เป็นอย่างยิ่ง ส่วนเจียงอี้ก็ยกนิ้วโป้งและยกย่องหวงฝูเทาเทียนมาก ซือถูอ้าวหัวเราะและเปลี่ยนบรรยากาศที่ตึงเครียดไปพร้อมกับพูดว่า “ฮ่าฮ่า เด็กเทาเทียนนี่มีนิสัยที่ดื้อรั้นจริงๆ ประมุขหวงฝูอย่าโกรธเกรี้ยวไปเลย เขาก็แค่เป็นเด็กไม่รู้ความ การประมูลกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้วและจะมีสมบัติล้ำค่ามากมายในการประมูลครั้งนี้ แม่นางเชียนเชียน ไม่ทราบว่าท่านสนใจจะชมสักหน่อยไหม หากแม่นางพบสมบัติใดที่ท่านชอบใจ โปรดบอกผู้เฒ่าคนนี้ได้เลย”
“การประมูล? เชียนเชียนเคยได้ยินเรื่องนี้มานานแล้ว ขอบคุณประมุขซือถูมาก” แม่นางเชียนเชียนยิ้มเบาๆและคำนับเล็กน้อยเพื่อแสดงความขอบคุณ
หวงฝูฉีรู้ดีว่าซือถูอ้าวกำลังจะบอกเป็นนัยว่าเขาจะไม่ปล่อยให้องค์หญิงของเผ่าปีศาจเห็นเรื่องตลกพร้อมกับผู้คนที่อยู่ที่นี่มากมายด้วย หวงฝูฉีจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหัวเราะอย่างขมขื่นและตอบกลับมา “ประมุขซือถู ท่านอย่าหลอกข้าเลยดีกว่า หากไม่มีสมบัติดีๆ ข้าจะไปฉกชุดหมากรุกจากที่บ้านท่าน”
“ไม่มีปัญหา!”
ซือถูอ้าวพยักหน้าตอบและกวาดมองประมุขตระกูลที่เหลือ จากนั้นเขาก็พูดว่า “ทุกท่าน เชิญเถิด ข้ารับประกันว่าทุกท่านจะต้องพอใจ!”
ในอดีตนั้น การประมูลมักจะเป็นงานหลักหลังจากจบพิธีถวายบรรณาการแก่จักพรรรดิ
ทุกๆครั้ง ทั้งสิบสามตระกูลจะนำของมีค่ามาประมูล เช่นเดียวกับในครั้งนี้ ตระกูลชวีได้นำภาพวาดสวรรค์มากว่าหกร้อยภาพและสมบัติอีกมากมาย พวกเขาจะต้องอยากรู้อยู่แล้วว่าสามารถขายสมบัติได้เท่าไหร่และหากมีบางสิ่งที่พวกเขาหมายปอง พวกเขาก็จะไปประมูลของเหล่านั้น
สมาชิกทั้งสิบสามตระกูล, แม่นางเชียนเชียน, เทวาทมิฬและคนอื่นๆได้ทะยานขึ้นสู่ฟ้าและมุ่งหน้าไปยังสมาคมการค้าตระกูลซือถู จากนั้นพวกเขาก็เข้าไปในโรงประมูลผ่านบันไดหยกขาวตรงกลาง ฟรึ่บ! ฟรั่บ!
ประมุขตระกูลใหญ่จำนวนมากได้ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าทีละคนและบินตรงไปยังสมาคมการค้าตระกูลซือถู ผู้คนมากมายต่างอิจฉาคนที่เข้าไปในโรงประมูลได้ เพราะค่าเข้าในการประมูลครั้งนี้ต้องใช้ศิลาสวรรค์ห้าพันก้อน และพวกเขาส่วนใหญ่มีไม่มากพอให้เข้าไปร่วมชมได้
“ไปกันเถอะ”
เจียงอี้โบกมือเรียกคนอื่นๆ ลู่หลินอาจจะเข้าไปในโรงประมูล แต่เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานเองก็เข้าไปที่นั่นด้วย หากมีโอกาส เขาก็อยากจะติดต่อกับนาง
และอีกอย่างคือหวงฝูเทาเทียนเป็นคนแรกที่เข้ามาและเจียงอี้ก็สงสัยว่าทำไมเขาถึงเข้ามา? หรือการที่เขาปล้นที่เขตทะเลเทพประทานมากมายนั้นเป็นเพราะเขาจะได้ประมูลสมบัติในโรงประมูลหรือ?
หลังจากที่เข้าไปในสมาคมการค้าซือถูแล้ว เจียงอี้และกลุ่มของเขาก็ตรงไปที่ห้องโถงที่สอง เฉียนว่านก้วนได้จ่ายศิลาสวรรค์ไปหนึ่งร้อยล้านก้อน ฉะนั้นพวกเขาจึงได้นั่งอยู่ในศาลาเล็กๆ
“เอ่อ…โรงประมูลนี้ใหญ่มาก คนนับแสนจะเข้าร่วมการประมูลเดียวกันได้หรือเปล่า?”
หลังจากที่เข้าไปในโรงประมูล เจียงอี้ก็กวาดตามองรอบๆและเต็มไปด้วยความประหลาดใจในขณะที่เขารู้สึกตื่นเต้นอยู่เงียบๆ ในเวลาเดียวกัน หากเป็นการประมูลที่ใหญ่โตเช่นนี้ จะต้องมีพ่อค้าจากทวีปจักรพรรดิบูรพาแฝงเข้ามาในคืนนี้แน่นอน และชื่อของอีเพียวเพียวจะลือลั่นไปทั่วแดนเทียนชิง!