เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 769 “ความตรอมตรม”
“ห้าร้อยล้าน!”
ตามที่คาดไว้ มีคนเสนอราคาอย่างรวดเร็วและมาจากลูกค้าที่ศาลาชั้นสอง แต่เขาใช้ข้อจำกัดเพื่อเปลี่ยนเสียงของเขาจึงไม่มีผู้ใดทราบข้อมูลเขาได้เลย
“หกร้อยล้าน!”
ศาลาอีกแห่งที่ชั้นสองได้เสนอราคาต่อและก่อนที่เสียงของเขาจะจบลงก็มีเสียงผู้สูงวัยจากศาลาชั้นสามดังก้องขึ้นมา “หนึ่งพันล้าน!”
ฟรึ่บ! ฟรั่บ!
หลายคนกวาดตาไปยังศาลานั้น เมื่อพวกเขาเห็นว่าเป็นศาลาที่สามที่ตระกูลหนานกงอยู่ พวกเขาต่างก็ตกใจเพราะมันเป็นครั้งแรกที่ตระกูลใหญ่เริ่มประมูล
หลังจากตระกูลหนานกงประมูลแล้ว มันก็เกิดความเงียบสงัดขึ้นเนื่องจากไม่มีผู้ใดกล้าขึ้นราคา และยังมีภาพวาดสวรรค์เหลืออีกห้าร้อยภาพ จึงไม่จำเป็นต้องทำให้ตระกูลหนานกงขุ่นเคืองใจ
ใครจะไปรู้…?
ภาพวาดอีกร้อยภาพในชุดที่สองถูกตระกูลเหลยเสนอราคาในทำนองเดียวกัน ขณะที่ชุดที่สามถูกประมูลไปโดยตระกูลหวงฝู ทุกชุดถูกขายไปในราคาหนึ่งพันล้านก้อนซึ่งมันทำให้ปากเฉียนว่านก้วนกระตุกขณะที่ใจของเขาเจ็บปวดรวดร้าวมาก
ในชุดที่สี่ ตระกูลกู่จากสิบสามตระกูลใหญ่ก็เสนอราคาด้วยศิลาสวรรค์หนึ่งพันล้านก้อนทันทีและไม่มีผู้ใดเพิ่มราคาอีก
ส่วนภาพวาดสวรรค์อีกสองร้อยชุด เหล่าตระกูลใหญ่ๆก็ไม่สนใจอีกต่อไป แม้ว่าทั้งสิบสามตระกูลจะประมูลด้วยแต่พวกเขาก็เริ่มแย่งกันเสนอราคาแล้ว ไม่เช่นนั้นภาพวาดสวรรค์จะถูกทั้งสิบสามตระกูลใหญ่แย่งชิงไปและมันจะไม่เหลืออะไรถึงพวกเขาเลย
อย่างที่ซือถูอีเนี่ยนว่าไว้ ศิลปินที่วาดภาพวาดสวรรค์นี้อาจกลายเป็นศิลปินขั้นเทพ เนื่องจากเขาวาดภาพวาดสวรรค์ได้หกร้อยภาพ มันก็หมายความว่าเขาเข้าใจการรวบรวมรูปแบบเต๋าลงไปในภาพวาดแล้ว และเมื่อทักษะการวาดภาพของเขาพัฒนาขึ้นและสร้างภาพวาดสวรรค์ที่มีมาตรฐานสูงมาได้หลายภาพ ศิลปินผู้นั้นก็จะได้รับสมญานามว่าเป็นศิลปินขั้นเทพทันที
ราคาเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็วและในภาพวาดชุดที่ห้า ผู้ที่ได้ไปครองคือตระกูลเฉิน หนึ่งในสิบสามตระกูลใหญ่ที่ได้ไปในราคาสูงถึงสามพันล้าน ในส่วนของภาพวาดชุดสุดท้ายราคาก็เพิ่มขึ้นไปถึงห้าพันล้าน
“ขาดทุน ขาดทุนหมด ลูกพี่ ข้าทำให้เจ้าผิดหวังแล้ว…”
เฉียนว่านก้วนหน้าตาบูดบึ้งมากและคร่ำครวญกับเจียงอี้ ส่วนอีกฝ่ายก็เคาะหัวเฉียนว่านก้วนและหัวเราะและพูดว่า “เจ้าโง่ จะขาดทุนอะไรนัก? หากภาพวาดตอนนี้ราคาสูง ภาพวาดทั้งสามของเราจะขายได้มากกว่านี้แน่นอน”
“จริงด้วย!”
เฉียนว่านก้วนร่าเริงขึ้นมาทันที ขณะที่เฟิ่งหลวนและคนอื่นๆมีแววตาที่สดใส ทุกคนตื่นเต้นมาก หากสามารถขายภาพวาดสวรรค์ทั้งหกร้อยภาพนี้ได้ในราคาเช่นนี้ แล้วภาพวาดทั้งสามภาพจะได้ราคาเท่าไหร่กัน? ไม่มีใครจินตนาการถึงมันได้เลย
ภาพวาดสวรรค์ชุดสุดท้ายถูกซื้อไปโดยศาลาชั้นสาม แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้มาจากสิบสามตระกูลเนื่องจากซือถูอีเนี่ยนไม่ได้ประกาศชื่อของพวกเขา เมื่อการประมูลช่วงแรกสิ้นสุดลง ซือถูอีเนี่ยนก็ลงไปพักผ่อนขณะที่มีกลุ่มสตรีที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ขึ้นมาแสดงระบำบนเวที
“ภาพวาดสวรรค์หกร้อยภาพได้ศิลาสวรรค์หนึ่งหมื่นสองพันล้านก้อน แปลว่าแต่ละภาพได้ราคาตกภาพละยี่สิบล้านก้อน ตระกูลชวีได้กำไรมหาศาลเลย!”
เมื่อเฉียนว่านก้วนคำนวณผลกำไร เขาก็รู้สึกปวดใจอีกครั้ง ส่วนเจียงอี้ไม่ได้กังวลเรื่องนี้เลยขณะที่เขาคอยจดจ่อกับเสียงที่ดังมาจากลูกแก้ว จากนั้นเขาก็ยิ้มเมื่อได้ยินผู้คนพูดคุยกันว่าใครคืออีเพียวเพียว
เขาเชื่อว่าพ่อค้าผู้มีอิทธิพลจากทวีปจักรพรรดิบูรพาจะมาร่วมงานประมูลครั้งนี้อย่างแน่นอน ท้ายที่สุดแล้วก็มีบุคคลที่มีอิทธิพลทั้งหมดจากเผ่าเทพประทานมารวมตัวกันที่นี่ทั้งหมด ซึ่งการประมูลครั้งนี้ถือเป็นที่ที่ดีที่สุดในการสร้างรายได้ มีสมบัติล้ำค่ามากมายในทวีปจักรพรรดิบูรพาที่ไม่สามารถพบได้ในเผ่าเทพประทานด้วย อันที่จริงแล้ว…เจียงอี้ก็สงสัยว่าผู้ประมูลภาพวาดสวรรค์ชุดสุดท้ายไปจะต้องเป็นสมาคมการค้าขนาดใหญ่จากทวีปจักรพรรดิบูรพาแน่นอน ไม่เช่นนั้นราคาคงไม่สูงถึงเพียงนี้
หลังจากพักไปเป็นเวลาสิบห้านาที ซือถูอีเนี่ยนก็ขึ้นมาบนเวทีอีกครั้ง คราวนี้นางสวมชุดที่ต่างออกไป ชุดยาวสีเขียวทำให้นางดูสดชื่นและเปลี่ยนให้บรรยากาศต่างออกไปมากเมื่อเทียบกับชุดก่อนหน้านี้ของนาง
“เอาล่ะ การประมูลส่วนที่สองกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ของชิ้นแรกก็ยังเป็นสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝง!”
คำพูดของซือถูอีเนี่ยนทำให้ห้องโถงเกิดความโกลาหลขึ้นมาอีกครั้ง ในอดีต การประมูลจะมีสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงอย่างมากก็ราวๆสองถึงสามชิ้นเท่านั้น แต่ครานี้ สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แฝงชิ้นที่สองได้ปรากฏขึ้นในส่วนที่สองของการประมูลแล้ว แล้วจะมีสมบัติล้ำค่าอีกกี่ชิ้นในการแสดงส่วนที่สามกัน?
มันไม่สามารถจินตนาการได้เลย…
เมื่อสินค้าชิ้นที่ยี่สิบปรากฏขึ้น ทั้งห้องโถงก็สว่างวาบขึ้นมาและเจียงอี้ก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าพ่อค้าจากทวีปจักรพรรดิบูรพามาร่วมการประมูลในครั้งนี้ด้วย สินค้านี้คือ สมุนไพรหอมนภาสามก้าน ซึ่งมันด้อยกว่าหญ้ามังกรยาจกเพียงอย่างเดียวเท่านั้นและยังมีคุณมบัติในการชะล้างร่างกายและเส้นลมปราณอีกด้วย
ว่ากันว่ามันสามารถพบได้บนภูเขาที่สูงที่สุดของภูเขาจักรพรรดิบูรพาในทวีปจักรพรรดิบูรพาเท่านั้น ในทุกๆปี มันจะก่อขึ้นมาเพียงร้อยต้นเท่านั้นและภูเขาจักรพรรดิบูรพาเป็นอาณาเขตตระกูลเสีย บุคคลทั่วไปจะได้สมบัติเช่นนี้มาได้อย่างไร?
สมุนไพรหอมนภาสามก้านถูกประมูลไปด้วยศิลาสวรรค์แปดพันล้าน, เก้าพันล้าน และแปดพันห้าร้อยล้าน พวกมันถูกซื้อโดยตระกูลเหลย, ตระกูลหวงฝูและตระกูลหนานกงตามลำดับ ทั้งสิบสามตระกูลเองก็ได้แข่งขันในระหว่างการประมูลนี้ด้วย แม้ว่าสมุนไพรชนิดนี้จะด้อยกว่าหญ้ามังกรยาจกมากแต่มันก็ยังถือว่าหายากและทั้งสิบสามตระกูลก็ไม่ได้ขาดแคลนทรัพย์สมบัติ พวกเขาต้องการประมูลมันมาให้ลูกหลานใช้มันและปฏิรูปร่างกายอยู่แล้ว
ด้วยราคาเก้าพันล้าน แล้วหมื่นล้านจะอีกไกลไหม?
ทุกคนต่างคาดหวังถึงมัน แต่เจียงอี้ไม่ได้สนใจสมุนไพรนี้เลย เพราะเขาไม่มีศิลาสวรรค์ที่จะเสนอราคาด้วย เขาสนใจเจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานและหวงฝูเทาเทียนมากกว่า เจ๊ใหญ่กระพรวนกังวานไม่ได้พูดอะไรเลยตั้งแต่เริ่มประมูล ขณะที่หวงฝูเทาเทียนก็เพิ่งจะเงยหน้าขึ้นมามองสมุนไพรก่อนที่จะหลับตาพักผ่อนต่อไป ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพื่องีบหลับ
องค์หญิงเผ่าปีศาจเองก็ไม่พูดอะไรเช่นกัน นางแค่อยากรู้เรื่องสมบัติของมนุษย์และไม่ได้ปรารถนาจะซื้อมัน แต่แน่นอนว่ามันเป็นไปได้เหมือนกันที่นางจะรู้สึกอายที่จะเสนอราคา เพราะดูเหมือนว่านางกำลังเอาเปรียบผู้อื่นอยู่ เนื่องจากตระกูลมากมายต้องการเสนอศิลาสวรรค์ให้นางประมูลสินค้า มันก็หมายความว่านางจะต้องเป็นหนี้บุญคุณผู้อื่นและผู้ที่มีสถานะมากถึงเพียงนี้คงไม่ต้องการเป็นหนี้บุญคุณใคร
เมื่อสินค้าถูกประมูลไปชิ้นแล้วชิ้นเล่า เฉียนว่านก้วน, เฟิ่งหลวนและคนอื่นๆก็รู้สึกประหม่า การประมูลส่วนที่สองกำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว และซือถูหงได้กล่าวว่าภาพวาดทั้งสามจะถูกนำมาประมูลในตอนจบของส่วนที่สอง
“เอาล่ะ!”
หลังจากตราประทับโบราณถูกประมูลไปแล้ว ซือถูอีเนี่ยนก็ยิ้มกว้างและกล่าวว่า “การประมูลส่วนที่สองสิ้นสุดลงแล้ว ถึงเวลาของรายการประมูลชิ้นสุดท้ายแล้ว!”
ฝูงชนเงียบสนิท ภาพวาดสวรรค์ในส่วนแรกถูกขายได้ด้วยศิลาสวรรค์หมื่นสองพันล้านก้อน แล้วรายการสุดท้ายในส่วนที่สองจะขายได้เท่าไหร่กัน?
พนักงานหญิงทั้งสามคนเดินขึ้นมาบนเวทีพร้อมกับถือกล่องไม้สามกล่องมา เมื่อเฉียนว่านก้วนเห็นกล่องนั้น เขาก็หัวเราะเสียงดังทันที “ลูกพี่ มันคือภาพวาดทั้งสามภาพ ตระกูลซือถูนั้นไม่เลวเลย พวกเขาประมูลมันเป็นรายการสุดท้ายให้เราจริงๆ”
ดวงตาของเจียงอี้ส่องประกาย ภาพวาดทั้งสามนี้ไม่ได้แทนค่าได้ด้วยศิลาสวรรค์ เขาหวังว่าชื่อ อีเพียวเพียว จะเป็นที่เลื่องลือไปทั่วแดนเทียนชิง และมันจะช่วยให้แม่ของเขาได้รู้ว่า…เขาคิดถึงนางเพียงใด
เมื่อซือถูอีเนี่ยนโบกมือ พนักงานหญิงคนหนึ่งก็นำภาพวาดภาพแรกมาข้างหน้าและเปิดกล่องไม้นั้น จากนั้นนางก็หยิบภาพวาดที่มีกรอบและคลุมด้วยผ้าสีแดงออกมาอย่างระมัดระวัง พนักงานสาวค่อยๆดึงผ้าแดงออกเพื่อแสดงภาพวาดให้ทุกคนได้เห็นมัน
นี่คือภาพวาด “ความตรอมตรม” ซึ่งเป็นภาพที่เจียงเปี๋ยหลีวิ่งไปปะทะกับฝ่ามือยักษ์บนท้องฟ้าโดยไม่คิด ภาพวาดของตัวละครนี้สมจริงมากเพราะความมุ่งมั่นและแน่วแน่ในสายตาของเจียงเปี๋ยหลีและการแสดงออกของเขาก็ถูกวาดออกมาให้เห็นได้อย่างเด่นชัด
“ภาพวาดสวรรค์อีกชุด?”
“อีเพียวเพียว? ภาพวาดบุคคล? ภาพวาดนี้เป็นสินค้าสุดท้ายของส่วนที่สอง? จะได้ศิลาสวรรค์เท่าใดกัน?”
“มีบางอย่างไม่ถูกต้อง….ภาพวาดนี้ไม่เหมือนภาพวาด ภูเขาไฟระเบิดในทะเล ก่อนหน้านี้ มันเหมือนว่ามันทำให้หายใจไม่ออก….” ไอลีนโนเวล
“ใช่แล้ว เมื่อข้าเห็นภาพนี้ ข้ารู้สึกอยากจะร่ำไห้ออกมา…”
“….”
มีเสียงพูดกันที่ชั้นล่างขณะที่ผู้คนมากมายต่างรู้สึกสงสัย แต่พวกเขาก็ค่อยๆเงียบไป จากนั้นโถงประมูลก็อยู่ในความเงียบงันขณะที่ทุกคนต่างจ้องไปที่ภาพวาดนั้น หลายคนรู้สึกราวกับว่าหัวใจของพวกเขากำลังจมอยู่กับความโศกเศร้าสุดจะพรรณนา
“ใช่แล้ว นี่คือ “ความตรอมตรม” นี่เป็นภาพวาดลึกลับและศิลปินคืออีเพียวเพียวเช่นกัน ภาพวาดนี้มีมนตร์สะกดที่อาจทำให้ผู้คนจมดิ่งอยู่ในความโศกเศร้าไปโดยปริยาย อีเนี่ยนมองภาพวาดนี้อยู่หลายคราวและน้ำตาก็ไหลอาบใบหน้าอีเนี่ยนในทุกๆครั้ง อีเนี่ยนไม่ใช่ผู้ที่เข้าใจในเรื่องภาพวาดนัก แต่ข้าคิดว่าหากภาพวาดธรรมดาๆสามารถทำให้ผู้คนหลั่งน้ำตาได้ มันคงจะเป็นภาพวาดสวรรค์ ณ ตอนนี้ เราจะเริ่มการประมูลภาพวาดนี้ที่หนึ่งพันล้าน และทุกๆการประมูลจะต้องไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยล้าน!”
ซือถูอีเนี่ยนไม่สามารถรักษาน้ำเสียงไว้ได้ในครั้งนี้ เสียงของนางค่อนข้างสั่นเครือและเบาลงเล็กน้อย และเสียงสะอื้นของนางก็ทำให้ทั้งห้องโถงเงียบสงัดเพราะไม่มีผู้ใดส่งเสียงออกมาแม้แต่น้อยในช่วงสิบอึดใจนี้
“เอ๋….ทำไมไม่มีผู้ใดเสนอราคาประมูลเลยล่ะ? บ้าเอ้ย ทำไมตระกูลซือถูถึงได้ตั้งราคาไว้สูงถึงเพียงนั้น หากไม่มีคนซื้อมัน มันจะไม่ถือว่าโกงการประมูลหรือ?”
เฉียนว่านก้วนไม่ได้สนใจภาพวาดและเขาก็กังวลเมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดเสนอราคาเลยหลังจากที่เวลาล่วงเลยมานานเช่นนี้ เขายืนขึ้นเพื่อกำลังจะไปเจรจากับตระกูลซือถูเพื่อลดพื้นฐานราคาลง
แต่ขณะนั้น!
ในขณะที่เฉียนว่านก้วนยืนขึ้นมา ก็มีเสียงตะโกนมาจากศาลาที่หนึ่งของชั้นสาม “หนึ่งหมื่นล้าน!”